สิ่งที่รัฐบาลปกปิดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว ยูเอฟโอมีอยู่จริงหรือไม่: ข้อเท็จจริงและความรู้สึก

ยูเอฟโอ- วัตถุบินที่ไม่รู้จัก ในความหมาย สื่อมวลชนปรากฏการณ์ท้องฟ้าใด ๆ ซึ่งธรรมชาติของผู้สังเกตเองไม่สามารถระบุได้ ในกรณีนี้ มักสันนิษฐานว่ามีการสังเกตเห็นวัตถุเคลื่อนที่ขนาดกะทัดรัดซึ่งคล้ายกับเครื่องบิน ซึ่งรูปลักษณ์ดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการมาเยือนโลกโดยมนุษย์ต่างดาวจากนอกโลก คำว่ายูเอฟโอเป็นคำแปลโดยตรงของยูเอฟโอในภาษาอังกฤษ - วัตถุบินที่ไม่ปรากฏชื่อ ซึ่งเริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2493-2498 ในภาษารัสเซีย โดยเฉพาะในงานที่พยายามจะล้มเหลว พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ภายใต้การศึกษาเกี่ยวกับยูเอฟโอ บางครั้งมีการใช้คำอื่นที่เกี่ยวข้อง: ผิดปกติ ปรากฏการณ์บรรยากาศ(AEA), วัตถุการบินและอวกาศที่ผิดปกติ (AAO), ปรากฏการณ์การบินและอวกาศที่ไม่ปรากฏหลักฐาน (UNP)

การสังเกตบรรยากาศที่แปลกประหลาดและ ปรากฏการณ์ท้องฟ้าไม่ใช่ “สิ่งประดิษฐ์” แห่งศตวรรษที่ 20 ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มี "หมายสำคัญจากสวรรค์" มากมาย มีรายงานจำนวนมากเกี่ยวกับการพบเห็นยูเอฟโอจากผู้เห็นเหตุการณ์ (และโจ๊กเกอร์) ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ในช่วงเวลาของการสร้างเรือเหาะและเครื่องบินลำแรก การระบาดของความสนใจจำนวนมากในยูเอฟโอเริ่มขึ้นในยุครุ่งเรืองของการบินและการสร้างเทคโนโลยีจรวด

การกำเนิดของความรู้สึก รายงานยูเอฟโอครั้งแรกทำให้เกิดเรื่องใหญ่ ประโยชน์สาธารณะและสิ่งพิมพ์จำนวนมากของนักบินชาวอเมริกัน เคนเนธ อาร์โนลด์ เมื่อบินใกล้ภูเขาเรเนียร์ในรัฐวอชิงตันในบ่ายวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2490 เขาสังเกตเห็นวัตถุแปลก ๆ เก้าชิ้น หนึ่งในนั้นมีลักษณะคล้ายพระจันทร์เสี้ยวโดยมีโดมเล็ก ๆ อยู่ตรงกลาง และอีกแปดอันดูเหมือนจานแบนที่ส่องแสงระยิบระยับในรังสีของดวงอาทิตย์ อาร์โนลด์ประเมินว่าวัตถุที่โจมตีเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วประมาณ 2,700 กม./ชม. พูดคุยเกี่ยวกับพวกเขา รูปร่างอาร์โนลด์เปรียบเทียบพวกมันกับ “เครื่องบินไร้หาง” เขาตั้งข้อสังเกตว่าการเคลื่อนไหวของวัตถุแปลก ๆ นั้น "เหมือนกับเรือเร็วที่แล่นข้ามคลื่น" หรือ "เหมือนจานรองที่ถูกโยนข้ามผิวน้ำ" นี่คือที่มาของคำว่า "จานบิน" หรือ "จานบิน" ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน

การตีพิมพ์คดีอาร์โนลด์ครั้งแรกเต็มไปด้วยความกังขา แต่ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา สื่อมวลชนก็เต็มไปด้วยคำให้การจากพยานคนอื่นๆ นิตยสารและหนังสือเริ่มตีพิมพ์ในหัวข้อนี้

การสืบสวนยูเอฟโออย่างเป็นทางการ เนื่องจากกองทัพของบางประเทศกำลังทดสอบอาวุธใหม่ในเวลานั้น จึงเป็นที่น่าสงสัยว่ารายงานปรากฏการณ์ประหลาดในชั้นบรรยากาศอาจเกี่ยวข้องกับการทดสอบเหล่านี้ กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาเริ่มรวบรวมและจัดระบบรายงานเกี่ยวกับยูเอฟโอในปี พ.ศ. 2491 เพื่อชี้แจงให้กระจ่าง ความสำคัญทางทหาร- นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรพลเรือนมีส่วนร่วมในงานนี้ การวิเคราะห์ดำเนินการหลายครั้ง รวบรวมข้อเท็จจริงสำหรับซีไอเอและความเป็นผู้นำของกองทัพสหรัฐฯ งานนี้เรียกว่า Project Blue Book ต่อเนื่องจาก องศาที่แตกต่างกันกิจกรรมจนถึงปี 1969

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2495 รายงานหลายฉบับเกี่ยวกับการพบเห็นยูเอฟโอด้วยภาพและเรดาร์ใกล้กับสนามบินแห่งชาติวอชิงตัน ทำให้เกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ เมื่อพิจารณาจากความสนใจของสาธารณชนและรัฐบาลต่อข้อความเหล่านี้ CIA จึงได้ส่งคำแนะนำในการรวบรวมข้อเท็จจริงไปยังกองทัพและหน่วยข่าวกรอง และยังได้จัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ประกอบด้วยวิศวกร นักอุตุนิยมวิทยา นักฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ ภายใต้การนำของนักฟิสิกส์ เอช.พี. โรเบิร์ตสัน สถาบันเทคโนโลยีในพาซาดีนา) เมื่อศึกษาข้อเท็จจริงแล้วผู้เชี่ยวชาญได้ข้อสรุปว่า 90% ของรายงานยูเอฟโอมีคำอธิบายทางดาราศาสตร์หรืออุตุนิยมวิทยา: ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการสังเกตดวงจันทร์และ ดาวเคราะห์ที่สดใส(โดยเฉพาะดาวศุกร์) เมฆ และ ไฟขั้วโลก, นก, เครื่องบิน, บอลลูน, จรวด, อุกกาบาต, ไฟฉาย และปรากฏการณ์อื่น ๆ ที่ผู้ประกอบวิชาชีพสามารถเข้าใจได้ แต่เกิดขึ้นภายใต้สภาวะที่ไม่ปกติหรือถูกสังเกตโดยผู้เห็นเหตุการณ์ที่มีคุณสมบัติไม่เพียงพอ หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมาธิการ คือโดนัลด์ เมนเซล (ดี.เอช. เมนเซล) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียง ได้ตีพิมพ์หนังสือจานบินในปี พ.ศ. 2496 ซึ่งเขาอธิบายลักษณะของการพบเห็นยูเอฟโอบางกรณี

ความสนใจในยูเอฟโอเพิ่มขึ้นในช่วงปีแรก ๆ ยุคอวกาศ- จากอเมริกาก็แพร่กระจายไปยัง ยุโรปตะวันตก,สหภาพโซเวียต,ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆ คณะกรรมาธิการชุดที่สองเพื่อศึกษารายงานยูเอฟโอทำงานในสหรัฐอเมริกาในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509 และได้ข้อสรุปเช่นเดียวกับชุดแรก อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรบางคนยังไม่พอใจกับผลงานของคณะกรรมาธิการเหล่านี้ ฝ่ายตรงข้ามที่กระตือรือร้นโดยเฉพาะของสมมติฐานยูเอฟโอ "ธรรมชาติ" คือนักอุตุนิยมวิทยา James McDonald (มหาวิทยาลัยแอริโซนาที่ทูซอน) และนักดาราศาสตร์ Allen Hynek ( มหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์นในเอวันส์ตัน พีซี อิลลินอยส์) นักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เชื่อว่ารายงานยูเอฟโอบางฉบับระบุอย่างชัดเจนถึงการมีอยู่ของมนุษย์ต่างดาว

ในปี พ.ศ. 2511 ตามคำร้องขอของกองทัพอากาศสหรัฐฯ มหาวิทยาลัยโคโลราโดได้จัดตั้งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจำนวน 37 คน ภายใต้การนำของนักฟิสิกส์และผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงด้าน พลังงานปรมาณูเอ็ดเวิร์ด คอนดอน (อี.ยู. คอนดอน) รายงานกลุ่ม การวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยูเอฟโอถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการพิเศษ สถาบันการศึกษาแห่งชาติ Sciences USA และตีพิมพ์เมื่อต้นปี พ.ศ. 2512 โดยวิเคราะห์รายงานยูเอฟโอโดยละเอียด 59 ฉบับ ใน "บทสรุป" Condon ปฏิเสธ "สมมติฐานนอกโลก" อย่างเด็ดขาด และแนะนำให้หยุดการศึกษาปัญหาเพิ่มเติม

ในเวลานี้ แฟ้มเอกสาร Project Blue Book ได้รวบรวมรายงานยูเอฟโอแล้ว 12,618 ฉบับ เหตุการณ์ทั้งหมดได้รับการ "ระบุ" ด้วยปรากฏการณ์หนึ่งที่ทราบ (ทางดาราศาสตร์ ชั้นบรรยากาศ หรือประดิษฐ์) หรือ "ไม่ปรากฏหลักฐาน" ซึ่งมักเกิดจากเนื้อหาข้อความที่มีข้อมูลน้อย ตามรายงานของ Condon โครงการ Blue Book ถูกปิดในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2512 การเก็บถาวรรายงานยูเอฟโอที่เป็นทางการและเพียงพอเพียงอย่างเดียวคือรายงานของแคนาดาซึ่งมีข้อความประมาณ 750 ข้อความและถูกโอนในปี พ.ศ. 2511 จากกระทรวงกลาโหมไปยัง สภาวิทยาศาสตร์แคนาดา. ค่อนข้าง จดหมายเหตุขนาดเล็กนอกจากนี้ยังมีสถาบันอย่างเป็นทางการในบริเตนใหญ่ สวีเดน เดนมาร์ก ออสเตรเลีย และกรีซ

โดยทั่วไปแล้ว คณะกรรมาธิการอื่นๆ ที่ศึกษารายงานเกี่ยวกับยูเอฟโอก็มีข้อสรุปเช่นเดียวกับคณะกรรมาธิการคอนดอน ในฝรั่งเศส เป็นกลุ่มเพื่อการศึกษาปรากฏการณ์การบินและอวกาศที่ไม่ปรากฏชื่อ (GEPAN = Groupe d "Etude des Phenomenes Aerospatiaux Non-Identifies) ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 1977 ในสหภาพโซเวียต ข้อสรุปนี้จัดทำโดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานเกี่ยวกับ หัวข้อ "ตาราง" ของกระทรวงกลาโหมและสถาบันวิทยาศาสตร์ (พ.ศ. 2521-2533) อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตว่าการพบเห็นยูเอฟโอที่มีเอกสารครบถ้วนบางส่วนยังคงไม่สามารถให้คำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ที่ครอบคลุมได้

ยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวไม่มีอยู่จริง อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงของผู้มาเยือนจากต่างดาวกำลังถูกประกาศมากขึ้นเรื่อยๆ โดยผู้รอบรู้และ คนที่รัก- เป็นเรื่องยากที่จะไม่เชื่ออดีตรัฐมนตรีกลาโหมของแคนาดาหรือนักบินอวกาศชื่อดังที่เดินบนดวงจันทร์ แล้วเอเลี่ยนยังมีอยู่มั้ย?!

เมื่อเข้าสู่วัยชรา ผู้คนเลิกกลัวความตาย อาชีพตกต่ำ และการลงโทษที่เปิดเผยความลับของรัฐ ในวัยชรานั้นเจ้าหน้าที่ นักวิทยาศาสตร์ นักบินอวกาศ และพยานจำนวนมากได้ซ่อนตัวจากสาธารณชน เหตุการณ์สำคัญพวกเขาเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่บางครั้งเงียบงันมานานหลายทศวรรษ

ในปี 2548 ชายวัย 82 ปีได้แถลงต่อสาธารณะที่น่าสนใจมาก พอล เฮลเยอร์อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแคนาดาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 ถึง พ.ศ. 2510 สิ่งนี้เกิดขึ้นในการประชุมสัมมนาที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยโตรอนโตโดยองค์กรพัฒนาเอกชนสามแห่ง

เฮลเยอร์กล่าวจากแท่นพูดและปราศรัยในการประชุมสัมมนาว่า "ยูเอฟโอมีจริงพอๆ กับเครื่องบินที่บินเหนือศีรษะ... แต่ความลับที่อยู่รอบเหตุการณ์รอสเวลล์ทั้งหมดนั้นไม่มีใครเทียบได้ ดังนั้น เจ้าหน้าที่และนักการเมืองอเมริกันส่วนใหญ่ที่ท่วมท้นไม่เคยมีความคิดใด ๆ เลย กำลังเกิดขึ้น”

เป็นที่น่าสังเกตว่า Hellyer ได้เขียนหนังสือเรื่อง "แสงที่ปลายอุโมงค์: พิมพ์เขียวเพื่อการอยู่รอดของมนุษย์" ซึ่งเขาได้สานต่อหัวข้อยูเอฟโอต่อไป จากหนังสือเล่มนี้และอื่นๆ พูดในที่สาธารณะข้อเท็จจริงที่น่าสนใจอื่น ๆ เป็นที่รู้จักของ Paul Hellyer ตัวอย่างเช่น อดีตรัฐมนตรีอ้างว่ามีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานแล้ว ในความคิดของเขา การติดต่อครั้งแรกกับมนุษย์ต่างดาวเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากยูเอฟโอตกในปี 1947 ในเมืองรอสเวลล์ รัฐนิวเม็กซิโก

เฮลเยอร์บอกว่าเขารู้ประมาณ 4 เผ่าพันธุ์เอเลี่ยนเยี่ยมชมโลกอย่างแข็งขัน... ในหมู่พวกเขามีคนที่เรียกว่าชาวสแกนดิเนเวียชาวนอร์ดิก (สาวผมบลอนด์ตัวสูง) และ "สีเทา" ที่รู้จักกันดี (คนแคระหัวโล้นที่มีตาสีดำดัง)

จากข้อมูลของ Hellyer มนุษย์ต่างดาวได้ส่งมอบเทคโนโลยีนอกโลกให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ มานานแล้ว อดีตรัฐมนตรีเรียกร้องให้เปิดเผยต่อสาธารณะ เขากล่าวว่า: “ฉันก็อยากจะรู้ว่าเช่นเดียวกับหลายๆ คนบนโลกนี้ เทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวสามารถหยุดการใช้น้ำมันและช่วยพวกเราทุกคนได้อย่างไร” เฮลเยอร์กล่าวถึงแหล่งพลังงานสะอาดที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถแก้ไขปัญหาพลังงานทั้งหมดได้โดยไม่ต้องเผาโรงงานน้ำมัน ถ่านหิน หรือนิวเคลียร์

ตามคำกล่าวของ Hellyer เบื้องหลังการปกปิดความจริงเกี่ยวกับยูเอฟโอและการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวคือ "รัฐบาลเงา" ซึ่งได้รับประโยชน์จากการรักษามนุษยชาติไว้บน "เข็มน้ำมัน" และใช้เทคโนโลยีจากนอกโลกเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง

ยิ่งไปกว่านั้น เฮลเยอร์ยังกล่าวอีกว่า “กองทัพสหรัฐฯ กำลังเตรียมอาวุธที่สามารถใช้กับอารยธรรมนอกโลกได้ และสหรัฐอเมริกาสามารถลากเราเข้าสู่สงครามระหว่างกาแล็กซีโดยที่เราไม่รู้ตัว”

มันยากที่จะไม่เชื่อพวกเขา

การเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระดับสูงดังกล่าวกลายเป็นของขวัญที่ดีสำหรับนัก ufologist เนื่องจากยังมีผู้คลางแคลงใจจำนวนมากที่คิดว่ายูเอฟโอเป็นสิ่งประดิษฐ์ของคนที่มีสุขภาพจิตไม่แข็งแรง เป็นที่น่าสังเกตว่า Hellyer ไม่ใช่คนแรกที่เปิดเผยความลับของยูเอฟโอ

ตัวอย่างเช่น ในปี 1998 ผู้พันเกษียณอายุราชการ ฟิลิป คอร์โซซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกข่าวกรองด้านเทคนิคของกองทัพในยุคของประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์ ได้เขียนหนังสือชื่อ The Day After Roswell ซึ่งเขาเขียนเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบจานบินที่ตก และการศึกษาเศษซากยูเอฟโอในทศวรรษ 1960

เขารายงานว่าศพของมนุษย์ต่างดาวตกอยู่ในมือของทหาร Corso เห็นหนึ่งในนั้นเป็นการส่วนตัว ตามคำอธิบายของเขา มนุษย์ต่างดาวมีขนาดเท่าเด็กอายุ 10 ขวบ มีหัวไม่มีขน หัวเป็นรูปกระเปาะ เบ้าตารูปอัลมอนด์ จมูกเล็ก ๆ และมีมือสี่นิ้ว ผู้พันที่เกษียณอายุแล้วยังพูดถึงการใช้เทคโนโลยีนอกโลกที่ตกไปอยู่ในมือของกองทัพด้วย

เมื่อถึงวัยที่น่านับถือ (อายุ 77 ปี) เขาเล่ามากมายเกี่ยวกับยูเอฟโอและมนุษย์ต่างดาวและ อดีตนักบินอวกาศ เอ็ดการ์ มิทเชลผู้มาเยือนดวงจันทร์ในปี พ.ศ. 2514 ในการให้สัมภาษณ์กับวิทยุของอังกฤษ ลูกเรือ Apollo 14 กล่าวว่า:

“ฉันโชคดีที่ได้สัมผัสความจริงที่ว่าโลกของเรามีผู้มาเยือนแล้ว และยูเอฟโอก็มีอยู่จริง
ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลของเราทุกแห่งได้ปกปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ แต่ข้อมูลก็ค่อยๆ รั่วไหลออกมา และพวกเราบางคนก็โชคดีพอที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงเล็กน้อย

ฉันได้พูดคุยกับสมาชิกของแวดวงทหารและแวดวงปัญญาที่รู้ว่าภายใต้พื้นผิวของความรู้ยอดนิยมนั้นมีคำตอบอยู่ ใช่แล้ว พวกเราถูกมนุษย์ต่างดาวมาเยี่ยม”

แน่นอนว่า NASA ปฏิเสธคำกล่าวนี้ของมิทเชลล์ อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่า NASA มักจะปิดบังยูเอฟโอในภาพที่ถ่ายจากดาวเคราะห์ดวงอื่นเกือบเป็นประจำ การปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับยูเอฟโอยังคงดำเนินต่อไป แต่ถึงอย่างนี้ทุกอย่าง ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวกลายเป็นที่สาธารณะ

วันนี้ ชนชั้นสูงของโลกไม่สามารถปกปิดการปรากฏตัวของมนุษย์ต่างดาวบนโลกของเราได้อีกต่อไปเนื่องจากข้อมูลอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการปรากฏตัวของยูเอฟโอในอินเทอร์เน็ต จุดต่างๆดาวเคราะห์เรื่องราวเกี่ยวกับการติดต่อกับตัวแทน อารยธรรมของมนุษย์ต่างดาวและอีกมากมาย ทั้งหมดนี้พิสูจน์ได้อย่างน่าเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานและเฝ้าดูเราอยู่ตลอดเวลา (เว็บไซต์)

ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว - หนึ่งช้อนชาต่อชั่วโมง

อย่างไรก็ตามข้อมูลที่เผยแพร่เกี่ยวกับยูเอฟโอโดยตัวแทนขององค์กรอย่างเป็นทางการเช่น NASA นั้นเก่ามากตระหนี่และใจครึ่งเดียวจนใครๆ ก็สงสัยได้ว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการพวกเขาในกระแสข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่เป็นทางการเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมากมาย

อย่างไรก็ตาม มีคำอธิบายสำหรับสิ่งนี้: ชนชั้นสูงของโลกยังคงกลัวที่จะเปิดเผยความจริงที่แท้จริงเกี่ยวกับชีวิตในจักรวาล เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาว โลกคู่ขนานและอื่น ๆ ในที่สุดก็บอก เรื่องจริงโลกเพราะอิลลูมินาติไม่ต้องการสูญเสียการควบคุมจิตสำนึกทาสของมนุษย์โลก มิฉะนั้นการครอบงำของพวกเขาจะสิ้นสุดลง จากนั้นความสงบ ความเสมอภาคที่เป็นสากล และความสุขอันไร้ขอบเขตสำหรับทุกคนจะครอบงำบนโลกนี้

อย่างไรก็ตาม มนุษย์ต่างดาวสามารถเชิญมนุษย์ต่างดาวเข้ามาในเกมของพวกเขาเมื่อใดก็ได้ จากนั้นชนชั้นสูงของโลกก็จะไม่มีอะไรทำนอกจากต้องยอมรับกับสิ่งนี้ ดังนั้นทุกวันนี้อิลลูมินาติจึงถูกบังคับให้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับยูเอฟโออย่างน้อยทีละน้อย เพื่อที่ว่าหากมีอะไรเกิดขึ้น อย่างน้อยพวกเขาก็มีเหตุผลบางประการ - พวกเขากล่าวว่าเราครอบคลุมหัวข้อนี้ด้วย พวกนั้นทำได้ยังไง...

ผู้ปกครองโลกกลัวอะไร? ความจริงที่ว่าในกรณีการตรัสรู้แห่งจิตสำนึกของมนุษย์ต่างดาวหน่วยสืบราชการลับของมนุษย์ต่างดาวจะได้รับสิทธิ์ติดต่อเรา (ตามกฎหมายสากล) อิสระคนต่างด้าวไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่งในชีวิตของเราและเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตของเราอย่างหยาบคาย) จากนั้นจะมีการตื่นตัวของมวลมนุษยชาติทั่วโลก หลังจากนั้นหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกจะต้องได้รับการพิจารณาใหม่ เช่น บทบาทของศาสนา เงิน ศิลปะ ไม่ต้องพูดถึงการเมืองและการทหาร

อย่างไรก็ตาม ทำไมยูเอฟโอจึงบินอยู่เหนือเราบ่อยขึ้นเรื่อยๆ? บางทีมนุษย์ต่างดาวอาจแสดงตนในลักษณะนี้ เพื่อเตรียมเราให้พร้อมสำหรับการติดต่อกันที่ใกล้จะเกิดขึ้น? การติดต่อที่ไม่น่าจะป้องกันได้ รัฐบาลโลกด้วยเครื่องจักรอันชาญฉลาดของเขาในการบิดเบือนจิตสำนึกของผู้คน ในระหว่างนี้ มนุษย์โลกยังคงสังเกตยูเอฟโอต่อไป และยินดีที่จะสังเกตเห็นการปรากฏตัวของพวกเขาเหนือเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ในโลกสีน้ำเงินของเรา

มนุษย์ต่างดาวสามารถออกจากโลกได้อย่างไร

มีฐานมนุษย์ต่างดาวใต้ดินและใต้น้ำจำนวนมากที่บันทึกไว้บนโลกของเรา เห็นได้ชัดว่าพวกมันมีอยู่ในภูเขาไฟด้วยซ้ำ (อย่างน้อยในเม็กซิโก กล้องวงจรปิดได้บันทึกเรือของมนุษย์ต่างดาวที่บินเข้าไปในปากภูเขาพ่นไฟหลายครั้ง) อย่างไรก็ตาม ยูเอฟโอมักจะออกจากโลกและไปหาพวกเขา ฐานอวกาศซึ่งอยู่ทั้งบนดวงจันทร์และดาวอังคาร

บ่อยครั้งที่มนุษย์โลกที่สังเกตช่วงเวลาดังกล่าวเห็นว่ายูเอฟโอหายไปในท้องฟ้าเนื่องจากความเร็วของการเคลื่อนที่ของเรือเอเลี่ยนตามมาตรฐานของเรานั้นยอดเยี่ยมมาก อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่อาศัยในเมืองเบลโมแพน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของรัฐเบลีซของอเมริกา เพิ่งได้เห็นวิธีที่เข้าใจง่ายกว่าสำหรับเราในการใช้ยูเอฟโอสู่อวกาศ ภาพด้านล่างวิดีโอแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์ดังกล่าวแขวนอยู่บนท้องฟ้าเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยมีไฟกระพริบ จากนั้นจึงเปิดกังหันและทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

เครื่องมือกะพริบของต้นกำเนิดจากมนุษย์ต่างดาวเหนือเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

ยูเอฟโอนี้ถูกมองเห็นโดยผู้อยู่อาศัยไม่เพียงแต่ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคนอื่นๆ ที่อยู่ติดกับเมืองหลวงทางตอนเหนือด้วย การตั้งถิ่นฐาน- ทุกคนที่ได้เห็นสิ่งนี้ ปรากฏการณ์ที่ผิดปกติบนท้องฟ้าพวกเขาสังเกตว่ายูเอฟโอในรูปของลูกบอลแสงสีส้มสดใสพร้อมไฟกะพริบบินผ่าน Vsevolozhsk และเหนือหมู่บ้าน Priozernoye Shosse และ Luppolovo และทุกที่ดูเหมือนว่ามีวัตถุแปลกปลอมพยายามเข้าใกล้ แต่ห่างออกไปไม่กี่เมตรลูกบอลก็หายไป

วิดีโอนี้ถ่ายโดยชาวเมือง Parnassus บนวัสดุแต่ละชิ้นนี้ คุณสามารถมองเห็นยูเอฟโอได้อย่างชัดเจนพร้อมไฟสี่ดวงที่มีรูปร่างเป็นจัตุรมุข ความประทับใจแรกคือนี่คือเฮลิคอปเตอร์หรือโดรนทหารสมัยใหม่ อย่างไรก็ตามตามที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตพูด - ผู้อยู่อาศัย เมืองหลวงภาคเหนือและบริเวณโดยรอบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาสังเกตเห็นยูเอฟโอเช่นนี้ และพวกเขาคิดว่าบางทีสิ่งเหล่านี้อาจเป็นเป้าหมายของกองทัพด้วยซ้ำ แต่ขนาดของพวกเขาเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องบินลำเดียวกันดังที่ชาวเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กคนหนึ่งเขียนโดยสังเกตภาพที่คล้ายกันเป็นครั้งที่สี่นั้นน่าทึ่งมาก

มนุษย์ต่างดาวจะอยู่ที่นั่นเสมอเมื่อมีสงคราม

เรือเอเลี่ยนยังคงบินอยู่ในเขตสงครามเหนือซีเรีย ตัวอย่างเช่น, นักบินชาวรัสเซียพวกเขาพบพวกเขามากกว่าหนึ่งครั้งบนท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม มนุษย์ต่างดาวไม่เหมือนกับกองทัพอากาศตุรกี ตรงที่พวกเขาไม่ก้าวร้าว พวกเขาค่อนข้างเป็นผู้สังเกตการณ์อย่างสงบสุขโดยไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมทางทหารอย่างหยาบคาย

เมื่อวันก่อนเราสามารถถ่ายวิดีโอที่น่าสนใจมากซึ่งบันทึกช่วงเวลาที่ยูเอฟโอฐานขนาดใหญ่ในรูปซิการ์รวบรวมน้องชายคนเล็กของมันซึ่งดูเหมือนเป็นหน่วยสอดแนมซึ่งอยู่ในรูปจานรองเล็ก ๆ บินขึ้นไปที่อุปกรณ์รูปซิการ์และ “หายไป” ในท้องของมัน

ในจุดที่ร้อนแรงของโลกของเรา ที่ซึ่งมีการต่อสู้ มักจะมี... ไม่น่าแปลกใจเลยที่ยูเอฟโอลำหนึ่งไล่ตามเครื่องบินรัสเซียมาเป็นเวลานานและ กองกำลังภาคพื้นดินเราเห็นเครื่องบินที่ไม่ปรากฏชื่ออยู่บนท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ทหารคุ้นเคยกับความจริงที่ว่าสิ่งเหล่านี้อาจไม่ใช่เรือเอเลี่ยนที่ไม่เป็นอันตราย แต่เป็นโดรนทหารของศัตรู ดังนั้นพวกเขาจึงพยายามซ่อนตัวในโอกาสแรกที่ยูเอฟโอปรากฏตัวในอากาศ ใน มิฉะนั้นคงมีวิดีโอยูเอฟโอเหนือซีเรียมากกว่านี้อีกมาก...

เราสามารถถกเถียงได้อย่างไม่รู้จบว่าโลกพร้อมที่จะรู้ความจริงหรือไม่ แต่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะซ่อนความเป็นจริงของการมีอยู่ของยูเอฟโอ เมื่อแทบทุกคนมีกล้องสมาร์ทโฟนติดตัวไปด้วยซึ่งสามารถจับภาพแปลกๆ หรือ เหตุการณ์ที่น่าสนใจมันยากกว่ามากสำหรับคนต่างด้าว (หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ...) ที่จะซ่อนตัวจากเรา

“เมื่อมีข้อสงสัย ให้อ่านหนังสือ ศึกษาสื่อ พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีคนมาเยี่ยมเรา” อดีตนักบินอวกาศ เอ็ดการ์ มิทเชลล์ กล่าว อย่างไรก็ตามมีการเปิดเผยการ์ดอย่างเป็นทางการทั้งหมดแล้ว ด้านมืดซึ่งนัก ufologist ไม่ต้องการที่จะยอมรับ ถ้ามนุษย์ต่างดาวโผล่หน้ามา เราจะต้องทนอะไร?

1. วัฒนธรรมช็อกและตื่นตระหนก

แม้ว่าหลายคนจะไม่สนใจหัวข้อเรื่องมนุษย์ต่างดาว และคนอื่นๆ ก็ไม่เชื่อว่ามีอะไรในวิดีโอยูเอฟโอนอกเหนือจากดาวเทียมสอดแนมของรัฐบาลและบอลลูนตรวจอากาศ แต่ความเป็นจริงของการดำรงอยู่ของชีวิตนอกโลกจะทำให้มนุษย์โลกส่วนใหญ่ตกใจอย่างแท้จริง . บางคนจะทำลายอุดมคติของตัวเอง และบางคนจะรู้สึกหวาดกลัวที่พวกเขาถูกหลอกมาเป็นเวลา 60 ปีหรือมากกว่านั้น (ถ้าเราถือว่าเหตุการณ์รอสเวลล์เป็นข้อเท็จจริงสำคัญประการแรกในการปกปิดความจริง)

เมื่อผู้คนตระหนักดีว่าข้อมูลสำคัญที่ทางการเก็บเป็นความลับเพียงใด การประท้วงครั้งใหญ่ก็จะเริ่มต้นขึ้น แน่นอนว่ารัฐบาลจะแสดงตนเป็นผู้ปกป้องมนุษยชาติ แต่พวกเขาจะไม่สามารถได้รับความไว้วางใจจากเราอีกในเร็วๆ นี้ .

2. มนุษย์ต่างดาวอาจจะก้าวหน้าเกินไปหรือแตกต่างจากเรา

ด้วยเหตุนี้ ผู้คนจึงอาจดูดุร้ายหรือดูโบราณเกินไปสำหรับมนุษย์ต่างดาว นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าไม่คุ้มที่จะเปิดเผยอะไรเลย ยิ่งน้อยกว่าการเชิญชวนผู้มาเยือนจากอวกาศสู่โลกของเราด้วยข้อความทุกประเภท เนื่องจากมีโอกาสสูงที่มนุษย์ต่างดาวจะสนใจทรัพยากรธรรมชาติของเราโดยเฉพาะ

“หากมนุษย์ต่างดาวมาเยี่ยมเรา ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะคล้ายกับผลที่ตามมาจากการมาเยือนอเมริกาของโคลัมบัส ไม่ใช่งานที่ดีต่อสุขภาพสำหรับชนพื้นเมืองอเมริกัน…” สตีเฟน ฮอว์คิงเตือน คาร์ล จุง เขียนย้อนกลับไปในปี 1954 ว่าหากความจริงถูกเปิดเผย มนุษยชาติก็จะอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่ชนเผ่าป่าเถื่อนอยู่ในระหว่างยุคล่าอาณานิคม เราจะไม่สามารถเข้าถึงการควบคุมได้อีกต่อไป

3. จะเป็นอย่างไรถ้ามนุษย์ต่างดาวเป็นคนจากอนาคต?

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสิ่งที่เรียกว่าเอเลี่ยนเป็นลูกหลานของเราที่รอดชีวิตจากกระบวนการวิวัฒนาการ? หากเป็นเช่นนั้น การสัมผัสโดยตรงไม่เพียงแต่ไม่เป็นที่พึงปรารถนาเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายด้วย เนื่องจากสิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "ความขัดแย้งของการเดินทางข้ามเวลา" หรือ "เอฟเฟกต์ผีเสื้อ" นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่าด้วยการกลับไปสู่อดีต คุณสามารถเปลี่ยนแปลงมันและมองเห็นอนาคตที่แตกต่างจากที่คุณรู้จักโดยสิ้นเชิง ฟังดูน่าอัศจรรย์ แต่มีหลักฐานทางอ้อมอยู่แล้วว่ามนุษย์ต่างดาวในหมู่พวกเราเป็นผู้มาเยือนจากอนาคต

ระหว่างเหตุการณ์ป่าเรนเดิลแชมในปี 1980 จ่าเจมส์ เพนนิสตันได้รับข้อความส่งกระแสจิตแบบเข้ารหัสขณะติดต่อกับเรือเอเลี่ยน หลายปีต่อมาข้อมูลถูกถอดรหัสและพบคำว่า "การใช้มนุษยชาติ" "เพื่อปรับปรุงโลก" และวันที่ 8100 ไม่มีหมวดหมู่ใดที่น่าประหลาดใจและยังไม่ได้สำรวจมากไปกว่าเวลา แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ยังไม่สามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้อย่างถ่องแท้ เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นไปไม่ได้ของการเดินทางข้ามเวลาได้

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หมกมุ่นอยู่กับแนวคิดนี้ Stephen Hawking ตั้งข้อสังเกตว่าในทางเทคนิคแล้ว การเดินทางไปสู่อนาคตเป็นไปได้หากคุณมีความเร็วเท่าแสงหรืออยู่ใกล้กับวัตถุที่มีมวลมหาศาล เช่น ใกล้หลุมดำ อย่างไรก็ตามเขาปฏิเสธการเดินทางไปสู่อดีตเพราะความขัดแย้งของเวลา แต่ใครจะพูดได้ว่านักวิทยาศาสตร์ที่จะเกิดในอีกแสนปีต่อมาจะไม่สามารถตระหนักถึงแนวคิดเรื่องการเดินทางไปสู่อดีตได้

ดูความก้าวหน้าที่มนุษยชาติได้ทำในเวลาอันยุติธรรม ศตวรรษที่ผ่านมา- เราสามารถจินตนาการถึงวิทยาศาสตร์แห่งอนาคตอันไกลโพ้นได้หรือไม่? คนในอนาคตเหล่านี้จะมีความรู้สึกเรื่องเวลาเป็นเส้นตรงหรือไม่? หรือการพัฒนาเพิ่มเติมในด้านนี้ ฟิสิกส์ควอนตัมจะแสดงให้พวกเขาเห็นว่าอดีตและอนาคตไม่มีอยู่จริงหรือ?

4. การเปิดเผยความจริงคือการเข้าถึงเทคโนโลยีชั้นสูงที่คนยังไม่พร้อม

หากเรามองดูเหตุการณ์ในอดีตเราสามารถพูดได้ว่าชายคนนั้นและ เทคโนโลยีขั้นสูง- นี่คือลิงที่มีระเบิดมือ อารยธรรมของเราวิตกกังวลและโหดร้ายเกินกว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอัจฉริยะระหว่างดาวเคราะห์ และเราเก่งมากในการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดๆ การค้นพบทางวิทยาศาสตร์เป็นอาวุธ นักระบบบำบัดน้ำเสียบางคนเชื่อว่าเราได้รับทักษะเหล่านี้แล้ว - ในช่วงภัยพิบัติที่รอสเวลล์

พยานกล่าวว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้รวบรวมซากเรือที่ตกทันทีเพื่อใช้ในการพัฒนาใหม่ เครื่องบินล่องหนอาจเป็นผลงานของหน่วยสืบราชการลับของมนุษย์ต่างดาว นักวิจัย Philip Corso ในหนังสือของเขา “The Day After Roswell” กล่าวว่าการพัฒนาของมนุษย์ต่างดาวอื่นๆ ยังคงถูกนำมาใช้อยู่ อุปกรณ์ทางทหารสหรัฐอเมริกา.

ข้อมูลบิดเบือน

นี่อาจเป็นส่วนที่อันตรายที่สุดในการเปิดเผยความลึกลับของยูเอฟโอ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าชาวอเมริกันหรือรัฐบาลอื่น ๆ ไม่แจ้งให้เราทราบความจริงทั้งหมด แต่แสดงเฉพาะข้อความที่เลือกไว้? จะเกิดอะไรขึ้นหากให้ข้อมูลนี้ในบริบทที่ไม่ถูกต้องเพื่อลดความตื่นตระหนกและความกลัว? จะเกิดอะไรขึ้นหากการพบปะกับมนุษย์ต่างดาวกลายเป็นข้ออ้างในการติดตั้งใช้งานปลอม? สงครามใหม่คราวนี้ – ระหว่างดาวเคราะห์เหรอ?

รัฐบาลจะดำเนินการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้ง และผู้คนจะเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัยว่ามนุษย์ต่างดาวมาเพื่อฆ่าเรา เช่นเดียวกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2544 เป็นสาเหตุของการรุกรานทางทหารในอิรักและอัฟกานิสถาน ตามรายงานหลายฉบับ UFO บางส่วนเป็นผลงานของเจ้าหน้าที่จริงๆ ด้วยการใช้เรือรบเหล่านี้และเอฟเฟกต์พิเศษต่างๆ พวกมันจึงสามารถโจมตีได้อย่างเต็มที่ ในทางจิตวิทยา เราได้เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว

ดูหนังสิ ปีที่ผ่านมา- หนังดังส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับธีมการรุกรานของเอเลี่ยน ตั้งแต่วันประกาศอิสรภาพในปี 1996 ไปจนถึง Battle of Los Angeles, The Avengers, Dark Skies (2012) และ Pacific Rim (2013) ได้มีการเตรียมการปล่อยอาวุธขึ้นสู่อวกาศแล้ว

ปืนที่วางอยู่ในวงโคจรจะปกป้องเราจากดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง พวกมันเป็นภัยคุกคามหลักของจักรวาลในปัจจุบัน แต่จะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมทำสงครามกับมนุษย์ต่างดาวนับตั้งแต่โรนัลด์ เรแกนและสุนทรพจน์อันโด่งดังของสหประชาชาติในหัวข้อนี้เมื่อปี 1987 เป็นไปได้ว่าผู้มีอำนาจจะพยายามรวมมนุษยชาติเข้าด้วยกันภายใต้ร่มธงของการต่อสู้กับผู้รุกราน โดยใช้เอเลี่ยนเป็นแพะรับบาปสากลตัวใหม่ ผู้คนควรตระหนักว่าพวกเขาอาจกำลังเผชิญกับการรุกรานของเอเลี่ยนปลอม

เราไม่สามารถพึ่งพารัฐบาลและผู้นำศาสนาของเราได้ คนที่เข้าใจเท่านั้นจึงควรเตือนกันและกันเกี่ยวกับข้อมูลที่ผิดที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความสำคัญของการเปิดเผยความจริงไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ที่น่าตกใจคือเจ้าหน้าที่จะใช้ความจริงข้อนี้เพื่อจุดประสงค์ของตนเอง ดร. เวอร์เนอร์ ฟอน เบราน์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งวิทยาศาสตร์จรวดสมัยใหม่และเป็น “บิดา” ของชาวอเมริกัน โปรแกรมอวกาศเตือนเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับแผนการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัด " สตาร์วอร์ส- เขากล่าวว่าเทคโนโลยีอาวุธอวกาศจะพัฒนาอย่างรวดเร็วอย่างที่น้อยคนจะจินตนาการได้

เมื่อถึงเวลาที่เราตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น มันจะสายเกินไป หากมนุษย์ต่างดาวมาอยู่บนโลกและเราถูกกำหนดให้รู้เรื่องนี้จนน่าตกใจและ ข้อมูลสำคัญไม่ควรมาสู่มนุษยชาติในรูปแบบที่บิดเบี้ยว ไม่มีใครสามารถพรากสิทธิ์ในความจริงของเราไปได้ แต่เราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

Eden Shetiya (Disclose.tv) แปลโดย Kristina Plakhova

ติดต่อกับ

มีดาวเคราะห์จำนวนมากในจักรวาลอันกว้างใหญ่ และอ้างว่าโลกของเรานั้น ดาวเคราะห์ดวงเดียวที่ซึ่งชีวิตมีอยู่นั้นก็ไร้สาระ นิทาน ตำนาน และตำนานโบราณบอกเราเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มาจากท้องฟ้าและแตกต่างจากมนุษย์อย่างสิ้นเชิง

ความพยายามที่จะติดต่อตัวแทน อารยธรรมนอกโลกมีความพยายามหลายครั้ง แม้ว่าจะไม่มีการพูดถึงประสิทธิผลของมาตรการเหล่านี้ก็ตาม ตัวอย่างเช่น ย้อนกลับไปในปี 1820 คาร์ล ฟรีดริช นักคณิตศาสตร์ ตัดสินใจ "เขียน" ข้อความถึงมนุษย์ต่างดาวที่พวกเขาสังเกตเห็นได้จากด้านบน เพื่อทำเช่นนี้ เขาจึงตัดต้นไม้ในป่าแห่งหนึ่งอย่างเป็นระบบ พื้นที่รูปสามเหลี่ยมจึงปลูกด้วยข้าวสาลี ในการส่งสัญญาณไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่น เฟรดเดอริกก็ใช้เช่นกัน สิ่งประดิษฐ์ของตัวเอง– เฮลิโอโทรป สะท้อนด้วยความช่วยเหลือ แสงแดดถูกส่งออกไปนอกอวกาศ

ยี่สิบปีต่อมา โจเซฟ ฟอน ลิตโทรว์ นักดาราศาสตร์ได้เสนอวิธีดั้งเดิมในการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว: ในทรายของทะเลทรายซาฮารา ขุดสนามเพลาะขนาดใหญ่ในรูปแบบของ รูปทรงเรขาคณิตซึ่งควรจะเติมน้ำมันแล้วจุดไฟ

บน ยานสำรวจอวกาศ Pioneer 10 และ Pioneer 11 ซึ่งเปิดตัวโดย NASA ในปี 1970 มีแผ่นทองคำชุบอโนไดซ์ติดอยู่ แผ่นเปลือกโลกแสดงให้เห็นแผนภาพของจักรวาล ภาพถ่ายของคนสองสามคน และแผนภาพโครงสร้างของไฮโดรเจน การสื่อสารกับ Pioneer-10 ถูกขัดจังหวะในปี พ.ศ. 2546 และกับ Pioneer-11 สองปีต่อมาในปี พ.ศ. 2548 ต่อมาแผ่นเสียงแผ่นทองพร้อมบันทึกเสียงถูกส่งไปยังอวกาศบนโพรบ ผลงานดนตรีเสียงของธรรมชาติ รูปภาพ และข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับดาวเคราะห์โลก บน ที่เวทีนี้โพรบอยู่ที่ไหนสักแห่งบนขอบ ระบบสุริยะแต่อย่างไรก็ตาม การติดต่อกับเขายังคงอยู่

เทคโนโลยีก็คือเทคโนโลยี แต่บางคนเชื่อว่าคนๆ หนึ่งมี "เสาอากาศตามธรรมชาติ" ซึ่งก็คือสมองอยู่แล้ว ดร.สตีเฟน เกรียร์ พร้อมด้วยผู้ที่มีใจเดียวกันเดินทางไปที่ สถานที่ห่างไกลเพื่อจัดชั้นเรียนการทำสมาธิ ตามที่เขาพูด มันอยู่ในขั้นตอนการทำสมาธิที่ผู้คนสามารถติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวที่ส่งข้อความถึงพวกเขาได้

ใน เมื่อเร็วๆ นี้สมมติฐานที่ว่ามนุษย์ต่างดาวอาศัยอยู่ในหมู่พวกเรามาเป็นเวลานานกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น และตามสถิติแล้ว มนุษย์ต่างดาวมักจะชอบที่จะสื่อสารกับ” ผู้แข็งแกร่งของโลกนี้": นักการเมืองหรือ คนดัง- Kirsan Ilyumzhinov ประธานาธิบดี Kalmykia กล่าวต่อสาธารณะในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งว่าเขาเคยไปเยี่ยมมนุษย์ต่างดาวเป็นการส่วนตัว ยานอวกาศในฐานะแขก “การทัศนศึกษา” นี้กินเวลาตั้งแต่เย็นจนถึงเช้า ประธานาธิบดีเข้าไปในเรือของมนุษย์ต่างดาวทางหน้าต่างแล้วกลับมาทางเดียวกัน พยาน การปรากฏตัวอย่างกะทันหันพนักงานสองคนของ Ilyumzhinov ยืนอยู่ในอพาร์ตเมนต์ว่างเปล่าของเขา ข้อมูลปรากฏในสื่อต่างประเทศเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าสหรัฐฯ กำลังเตรียมการอย่างจริงจังในการเปิดสำนัก "Exopolitics" ซึ่งเป็นแผนกความสัมพันธ์นอกโลก

ตามที่คนวงในบางคนกล่าวว่า หากดำเนินการดังกล่าว ก็เท่ากับยอมรับว่าการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวไม่ได้เป็นเพียงจินตนาการของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป ย้อนกลับไปในปี 1969 ประมวลกฎหมายของอเมริกาได้รวมมาตรา 14 มาตรา 1211 ไว้ด้วย ซึ่งกำหนดไว้สำหรับมาตรการป้องกันในกรณีที่มีการสัมผัสกันระหว่างมนุษย์ต่างดาวกับนักบินอวกาศ ตามที่ที่ปรึกษาทั่วไปของ Nas Neil Hosenbol กล่าว กฎหมายฉบับนี้ถูกต้องสำหรับทุกคน อากาศยาน ต้นกำเนิดจากนอกโลก- ดังนั้นใครก็ตามที่สัมผัสกับมนุษย์ต่างดาวจะถูกควบคุมตัวได้ ในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก "สตาร์" เมื่อปี 2525 ดร. ไบรอัน ที. คลิฟฟอร์ด หนึ่งในพนักงานเพนตากอนกล่าวว่า การสื่อสารกับคนต่างด้าวถือเป็นอาชญากรรม ซึ่งผู้กระทำผิดสามารถถูกดำเนินคดีและลงโทษจำคุกหรือปรับ 5,000 ดอลลาร์!

หากคุณลองคิดดู มันก็ค่อนข้างแปลกที่แม้ว่ารัฐบาลจะรับรองอย่างเป็นทางการว่ามนุษย์ต่างดาวบนโลกเป็นเรื่องไร้สาระโดยสิ้นเชิง แต่ร่างกฎหมายเหล่านี้ก็สัญญาว่าจะใช้มาตรการที่รุนแรงกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎ นั่นคือปรากฎว่าแผนการของมนุษย์ต่างดาวเป็นที่รู้จักแล้วซึ่งหมายความว่าเผ่าพันธุ์นอกโลกสามารถก้าวร้าวและไม่เป็นมิตรเท่านั้น ทำไม นี่ไม่ได้หมายความว่ามีการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวแล้ว และไม่มีอะไรดีที่สามารถคาดหวังได้จากส่วนลึกของอวกาศใช่ไหม หนึ่งในเวอร์ชั่นนำเอามนุษย์ต่างดาวเข้ามา สังคมมนุษย์ลงมาที่ การควบคุมที่ซ่อนอยู่และนัก ufologists ได้จับตามองนักการเมืองที่มีชื่อเสียงมานานแล้วอย่างน่าสงสัย โดยมองหาลักษณะของเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวในตัวพวกเขา

เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อตะวันตกรู้สึกตื่นเต้นกับคำกล่าวของเมดเวเดฟที่หัวหน้าคนต่อไปของ รัฐรัสเซียพร้อมกับ “กระเป๋าเดินทางนิวเคลียร์” เขาได้รับเอกสารเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่เคียงข้างเรา ประธานาธิบดีปฏิเสธที่จะระบุหมายเลขของตน ส่วนใหญ่มองว่าความคิดเห็นนี้เป็นเรื่องตลก เนื่องจากการสนทนาเกิดขึ้นในบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการ แต่หลายคนกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับข้อความนี้ โดยเชื่อว่านี่ไม่ใช่นิยายแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม เมดเวเดฟยังห่างไกลจากนักการเมืองคนแรกที่พูดถึง "ชายตัวเขียว" ตัวอย่างเช่น ข้อความที่เขียนโดยแฮร์รี ทรูแมน (หนึ่งในประธานาธิบดีสหรัฐฯ) ได้รับการเก็บรักษาไว้ โดยระบุว่ามีการบันทึกการตกของเครื่องบินไม่ทราบลำ ซึ่งมีแนวโน้มว่าไม่ใช่ผลงานจากมือมนุษย์ โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดีอเมริกันอีกคนหนึ่งในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี 1987 กล่าวว่ามนุษย์โลกควรเตรียมพร้อมสำหรับความจริงที่ว่าโลกของเราอาจถูกโจมตีโดยมนุษย์ต่างดาว

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 มีการตีพิมพ์รายงานของมิลตันคูเปอร์พนักงานของสถาบันเจนีวาเพื่อการสังเคราะห์ดาวเคราะห์ รายงานระบุว่าระหว่างปี 1947-1952 มียานพาหนะบินได้ประมาณ 15 ลำที่มาจากนอกโลกลงจอด (รวมทั้งชนด้วย) ในอเมริกา และหนึ่งในตัวแทนของ CIA เจอรัลด์เฮย์เนสกล่าวว่าในฤดูร้อนปี 2495 มีการพบเห็นยูเอฟโอ "เพิ่มขึ้น" ซึ่งเป็นผลมาจากการที่กองทัพได้รับคำสั่งให้ยิงวัตถุดังกล่าวล้มด้วยซ้ำ เมื่อพูดถึงการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาว เราไม่สามารถพลาดที่จะพูดถึงดไวต์ ไอเซนฮาวร์ ซึ่งตามข่าวลือว่าเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เข้าร่วมการเจรจาทางการทูตกับมนุษย์ต่างดาว

โดยสรุป ฉันอยากจะเสริมว่าตามที่ Michael Sullivan ผู้อำนวยการสถาบัน Exopolitics กล่าว ในปัจจุบันมีอารยธรรมต่างดาวประมาณ 17 อารยธรรมที่ติดต่อกับโลก นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกหลายอารยธรรมที่ยังคงจับตาดูโลกของเราอยู่ ตามรายงานบางฉบับ ข้อมูลดังกล่าว "รั่วไหล" จากสหประชาชาติ ซึ่งขณะนี้กำลังเตรียมพื้นที่สำหรับการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวอย่างเป็นทางการ โดยธรรมชาติแล้ว นัก ufologist หลายคนวิพากษ์วิจารณ์การกระทำดังกล่าว โดยเชื่อว่าสหรัฐฯ จงใจทำให้รัฐเข้าใจผิด จึงเตรียมทดสอบเครื่องบินลับลำใหม่ ไม่ว่าในกรณีใดความจริงก็จะได้รู้ในไม่ช้า