แผนภาพโครงสร้างและตรรกะของสื่อการศึกษา แผนภาพโครงสร้างและตรรกะของหลักสูตร

วัตถุประสงค์ของงาน: การพัฒนาทักษะในการจัดทำแผนภาพโครงสร้างและตรรกะของหัวข้อเนื้อหาที่กำลังศึกษา

วัสดุและอุปกรณ์ทางเทคนิค:

หลักสูตรพิเศษ

หลักสูตรของวิชาที่กำลังศึกษา

หนังสือเรียนสื่อการสอนในสาขาวิชาที่เรียน

หลักการทางทฤษฎีพื้นฐาน

ปัจจุบัน วิศวกรรุ่นเยาว์และนักการสอนบางคนมักกำหนดลำดับการนำเสนอข้อมูลทางการศึกษา โดยเน้นที่ประสบการณ์และสัญชาตญาณของตนเอง โครงสร้างของข้อมูลการศึกษาและลำดับการนำเสนอไม่ได้เป็นผลมาจากการวิเคราะห์เอกสารการวางแผนการศึกษาวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์และการศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่อยู่บนพื้นฐานของการลองผิดลองถูก ตามที่แสดงให้เห็นในทางปฏิบัติ สิ่งนี้มักจะนำไปสู่ต้นทุนเชิงคุณภาพในการฝึกอบรมคนงาน ช่างเทคนิค และวิศวกรในอนาคต ซึ่งเป็นที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่งในปัจจุบัน ข้อสรุปนี้นำไปสู่ความจำเป็นในการค้นหาวิธีอื่นขั้นสูงและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการเพิ่มประสิทธิภาพโครงสร้างของข้อมูลการศึกษา (อัลกอริทึมของวิธีการทำงาน) และลำดับการนำเสนอในบทเรียน

มีโครงสร้างสื่อการศึกษาทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก หากมีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ ของวิชาวิชาการ วิชาทั้งหมดหรือสาขาวิชาความรู้ ปัญหาในการระบุโครงสร้างระดับโลกก็จะได้รับการแก้ไข ครู (ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมด้านอุตสาหกรรม) จัดการกับปัญหาเหล่านี้ในขั้นตอนการเตรียมการระยะยาวสำหรับชั้นเรียนเมื่อวิเคราะห์หลักสูตรแผนเฉพาะเรื่องของหลักสูตรรายวิชาและเนื้อหาของแต่ละหัวข้อ ในการวางแผนบทเรียน วัตถุประสงค์ของการศึกษาเป็นเพียงโครงสร้างท้องถิ่นที่พิจารณาระบบการเชื่อมโยงภายในระหว่างแนวคิดและการตัดสินที่รวมอยู่ในเนื้อหาการศึกษาที่ค่อนข้างเล็ก ซึ่งถูกจำกัดด้วยเนื้อหาของหัวข้อของเซสชันการฝึกอบรม (บทเรียน) หรือบางส่วน .

ในงานห้องปฏิบัติการ ก่อนอื่นจำเป็นต้องทราบถึงความสำคัญของขั้นตอนของโครงสร้างเชิงตรรกะ (การแปลเนื้อหาของสื่อการศึกษาจากรูปแบบวาจาเป็นรูปแบบสัญญาณ) ในการเตรียมครู - วิศวกรเพื่อสอน หัวข้อหรือบทเรียนแยกต่างหาก และยังอธิบายลักษณะเฉพาะของการจัดโครงสร้างระดับโลกและระดับท้องถิ่นด้วย

ขอแนะนำอย่างยิ่งให้ดำเนินการจัดโครงสร้างเชิงตรรกะโดยใช้วิธี GRAPH ตามลำดับต่อไปนี้:

1 การแยกแนวคิดและการตัดสิน(เช่นเดียวกับวิธีการดำเนินการด้านแรงงาน) หัวข้อที่จะวางไว้ที่ด้านบนของกราฟ

2 การสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงในท้องถิ่นเบื้องต้นระหว่างพวกเขา: แนวคิดที่เกี่ยวข้องกัน (จุดยอด) เชื่อมต่อกันด้วยเวกเตอร์กำกับ (ขอบ) โดยคำนึงถึงว่าทิศทางของเวกเตอร์บ่งบอกถึงการอยู่ใต้บังคับบัญชาของแนวคิด เพื่อหลีกเลี่ยงการสะสมของเวกเตอร์ ขอแนะนำให้ใช้สี สัญลักษณ์หัวข้อ และสัญลักษณ์อื่นๆ ที่เป็นไปได้

3 การพิจารณาตัวเลือกต่าง ๆ สำหรับการจัดลำดับชั้นของโครงสร้างท้องถิ่นและการระบุสถานะการสอนที่แท้จริงของแนวคิดของหัวข้ออย่างค่อยเป็นค่อยไป: เบื้องต้น ขั้นสุดท้าย หลัก ส่วนสนับสนุน และส่วนเสริม

4 ระยะวิกฤติที่สุด - การเตรียมแผนภาพโครงสร้างและตรรกะขั้นสุดท้าย(SLS) สื่อการศึกษา เช่นเดียวกับขั้นตอนก่อนหน้าของการจัดโครงสร้างนั้นขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ข้อมูลที่ครอบคลุมจากวิชาการศึกษาที่แตกต่างกันและสาขาความรู้ทางเทคนิคและเกี่ยวข้องกับการเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแบบจำลองกราฟิกที่สมบูรณ์ของหัวข้อโดยต้องการจาก ความสนใจของนักออกแบบสูงสุด มุมมองทางวิชาชีพในวงกว้าง และการระดมความพยายามสร้างสรรค์ทั้งหมดของเขา ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรทราบ ธรรมชาติของความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดและการตัดสินใน SLS: เหตุและผล, การทำงาน, พันธุกรรม; ความสัมพันธ์ของตัวตน การอยู่ใต้บังคับบัญชา ฯลฯ

5 การคำนวณลักษณะเชิงปริมาณ SLS (สูตรโครงสร้าง)

ในงานห้องปฏิบัติการ แผนภาพโครงสร้างและตรรกะที่รวบรวมไว้ของหัวข้อที่กำลังศึกษา (รูปที่ 2) พร้อมด้วยคำอธิบายโดยละเอียดของแต่ละองค์ประกอบ

โครงสร้างเชิงตรรกะของสื่อการศึกษาเป็นที่เข้าใจกันว่าเป็น "ระบบของการเชื่อมโยงภายในระหว่างแนวคิดและการตัดสินที่รวมอยู่ในเนื้อหาที่กำหนด"

“ในการสอน เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับโครงสร้างของสื่อการศึกษาระดับโลกและระดับท้องถิ่นได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะจำกัดตัวเองให้ศึกษาเฉพาะโครงสร้างระดับโลกของวัสดุเท่านั้น หากในขั้นตอนแรกของการเลือกสื่อการสอนก็เพียงพอที่จะกำหนดได้ว่าส่วนใดของวิชาการศึกษาและในลำดับที่จะศึกษาคำถามนั้นก็เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เกี่ยวกับความเชื่อมโยงที่ต้องสร้างขึ้น - ในท้ายที่สุดอยู่ในใจของนักเรียนและในขั้นต้น ในสื่อการศึกษา - ระหว่างแนวคิดของแต่ละบุคคล ส่วนของสื่อการศึกษานี้ ประการแรกเนื้อหาของสื่อการศึกษานั้นมีลักษณะเฉพาะโดยระบบบางอย่างของการเชื่อมโยงภายในระหว่างแนวคิดที่รวมอยู่ในเนื้อหาที่กำหนดนั่นคือโครงสร้างท้องถิ่นของสื่อการศึกษา”

การศึกษาโครงสร้างของสื่อการศึกษาและการวิเคราะห์ตามรายการแนวคิดที่รวมอยู่ในหัวข้อเท่านั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างแบบจำลองที่สะท้อนให้เห็นในรูปแบบภาพถึงคุณสมบัติของสื่อการศึกษาที่ครูสนใจ: ลำดับ, การอยู่ใต้บังคับบัญชาและการอยู่ใต้บังคับบัญชาของแนวคิดที่รวมอยู่ในเนื้อหา, ความสม่ำเสมอและความสม่ำเสมอ, การเชื่อมโยงระหว่างพวกเขา วิธีที่ยอมรับได้มากที่สุดในการสร้างแบบจำลองโครงสร้างเชิงตรรกะของสื่อการศึกษาคือการพรรณนาโครงสร้างดังกล่าวในรูปแบบของกราฟ

กราฟคือระบบของส่วนที่เชื่อมต่อจุดที่กำหนด เรียกว่าจุดยอด เมื่อสร้างแบบจำลองโครงสร้างเชิงตรรกะของสื่อการศึกษา แนวคิดหรือการตัดสินของชิ้นส่วนของสื่อการศึกษาที่กำหนดจะถูกวางไว้ที่จุดยอดของกราฟ ส่วนที่เชื่อมต่อจุดยอดเรียกว่าขอบ บนกราฟจะแสดงในรูปแบบของเวกเตอร์ที่แสดงความเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดและลำดับการแนะนำเข้าสู่กระบวนการศึกษา

ความสามารถในการแสดงภาพของกราฟเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญ ทำให้ง่ายต่อการระบุและแสดงความสัมพันธ์เชิงตรรกะในสื่อการศึกษา

ลักษณะเฉพาะของกราฟก็คือ กราฟเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อระบุลักษณะโครงสร้างของวัตถุที่กำลังศึกษาอยู่อย่างแม่นยำ โดยไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงปริมาณและตัวเลขใดๆ ในตัวมันเอง

รูปภาพของโครงสร้างเชิงตรรกะของสื่อการศึกษาดังกล่าวเรียกว่าแผนภาพโครงสร้างเชิงตรรกะหรือสูตรโครงสร้าง เมื่อสร้างมันจะต้องปฏิบัติตามกฎต่อไปนี้:

ควรวางแนวคิดเดียวเท่านั้นที่แต่ละจุดยอดของกราฟ

ขอบที่เชื่อมต่อจุดยอดจะต้องไม่ตัดกัน

ความสัมพันธ์รองระหว่างแนวคิดจะแสดงโดยทิศทางของลูกศรบนขอบของกราฟ

จุดยอดที่เท่ากันของกราฟที่มีแนวคิดรองควรวางอยู่บนบรรทัดเดียวกัน โดยจุดยอดรองจะลดลงหนึ่งขั้น

ในกิจกรรมภาคปฏิบัติของครู มีหลายกรณีที่เนื้อหาเดียวกันถูกนำเสนอในตำราเรียนที่แตกต่างกันซึ่งมีรายละเอียดต่างกันไป นอกจากนี้ยังกำหนดความแตกต่างในไดอะแกรมโครงสร้างและลอจิคัลที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของพวกมันด้วย

การสร้างแผนภาพโครงสร้างและตรรกะเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์เครื่องมือแนวความคิดของสื่อการศึกษาและการระบุแนวคิดเริ่มต้นและขั้นสุดท้าย ในนั้นอาจมีแนวความคิดที่ใหม่และเป็นที่รู้จักของนักเรียนอยู่แล้ว แนวคิดที่ได้รับอาจเป็นแนวคิดพื้นฐาน (สนับสนุน) และแนวคิดเสริม โดยเปิดเผยหรือให้รายละเอียดเกี่ยวกับแนวคิดพื้นฐาน

แนวคิดที่ไฮไลต์บางแนวคิดไม่ได้รวมอยู่ในแผนภาพเชิงโครงสร้าง-ตรรกะ องค์ประกอบของพวกเขาขึ้นอยู่กับระดับความรู้เริ่มต้นของนักเรียนเกือบทั้งหมด หากแนวคิดเริ่มต้นบางอย่างค่อนข้างง่ายสำหรับนักเรียน ก็ไม่จำเป็นต้องรวมแนวคิดเหล่านั้นไว้ในแผนภาพ คุณสามารถเปรียบเทียบกันเฉพาะไดอะแกรมโครงสร้างและตรรกะที่รวบรวมโดยคำนึงถึงนักเรียนในระดับเดียวกันเท่านั้น

เพื่อลดความซับซ้อนของไดอะแกรมโครงสร้าง-โลจิคัล คุณสามารถละเว้นแนวคิดจุดยอดจำนวนหนึ่งที่รวมอยู่ในไดอะแกรมนั้นได้ ประการแรก จะไม่มีการนำแนวคิดโดยละเอียดมาไว้ในแผนภาพ ในกรณีที่ซับซ้อนมากขึ้น แผนภาพเชิงโครงสร้าง-ลอจิคัลจะถูกแบ่งออกเป็นส่วนย่อยที่สมบูรณ์เชิงตรรกะจำนวนหนึ่ง โดยแต่ละส่วนจะถูกวาดขึ้นมาเอง

เมื่อสร้างไดอะแกรมโครงสร้างและลอจิคัลบางส่วนทั้งหมดตามแผนภาพแรก จะถือว่านักเรียนเข้าใจแนวคิดที่รวมอยู่ในสื่อการสอนก่อนหน้านี้แล้วจนถึงระดับที่ต้องการ ดังนั้นจึงไม่สามารถรวมไว้ในไดอะแกรมโครงสร้างและลอจิคัลส่วนตัวที่ตามมาหากไม่ละเมิดตรรกะในการสร้างไดอะแกรม

ให้เราวิเคราะห์ตรรกะของการสร้าง SLS โดยใช้ตัวอย่างการศึกษาหัวข้อ "การแกะสลักทางเรขาคณิตและรูปร่าง" ในหัวข้อเทคโนโลยีพิเศษในการฝึกอบรมช่างแกะสลักไม้ในสถานศึกษาระดับมืออาชีพ SLS มีแนวคิดเบื้องต้นและขั้นสุดท้าย จุดเริ่มต้นคือแนวคิดเกี่ยวกับประเภทของการแกะสลักไม้ และแนวคิดสุดท้ายคือการประยุกต์ใช้ แนวคิดทั้งหมดที่อยู่บน "ส่วนสำคัญ" ของ SLS เรียกว่าพื้นฐาน แนวคิดพื้นฐาน ได้แก่ การแกะสลักแบบเรียบ องค์ประกอบการแกะสลัก เครื่องประดับ วัสดุ เครื่องมือ เทคนิคการดำเนินการ และการประยุกต์ใช้ แนวคิดพื้นฐานทั้งหมดนี้มีรายละเอียดตามแนวคิดเสริมที่เปิดเผยความหมายและความหมาย

ดังที่เห็นได้จาก SLS เกลียวแบนจะถูกแบ่งออกเป็นรูปทรงเรขาคณิตและรูปทรง ในการทำเกลียวที่มีรอยบากแบน คุณจำเป็นต้องรู้ด้วยความช่วยเหลือขององค์ประกอบใดที่ทำ แนวคิดหลักประการที่สองคือแนวคิดเรื่ององค์ประกอบ ซึ่งแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มโดยละเอียด ได้แก่ 2 เหลี่ยมเพชรพลอย 3 เหลี่ยมเพชรพลอย 4 เหลี่ยมเพชรพลอย และรูปทรงหลายเหลี่ยม เป็นที่ชัดเจนว่าองค์ประกอบ 2 ด้านสามารถนำมาใช้ในการแกะสลักทั้งรูปทรงเรขาคณิตและเส้นขอบได้

แนวคิดพื้นฐานประการที่สามคือแนวคิดเรื่องเครื่องประดับ ด้วยความช่วยเหลือของกลุ่มนี้ คุณสามารถเข้าใจว่ารูปร่างใดที่สามารถรับได้โดยใช้องค์ประกอบการแกะสลักบางอย่าง ใน SLS นี้ คุณจะเห็นสิ่งที่สามารถตัดออกได้: ดวงตา แสงไฟ สี่เหลี่ยม ลูกปัด (เพชร) วงวน โซ่ บันได ดวงดาว หมุด รวมถึงดอกกุหลาบ ดอกไม้ ใบไม้ สัตว์ และนก

แนวคิดหลักที่สี่เกี่ยวข้องกับวัสดุ เพื่ออธิบายแนวคิดนี้ มีการใช้แนวคิดเสริม เช่น พันธุ์ไม้หารด้วยความแข็ง

เครื่องมือเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ห้า SLS ส่วนนี้จะช่วยคุณเลือกเครื่องมือหลักและอุปกรณ์เสริมสำหรับแกะสลักทั้งรูปทรงเรขาคณิตและเส้นขอบ

ใน SLS คุณสามารถดูได้ว่ามีวิธีการใดบ้างในการทำเกลียวแบบรอยบาก แนวคิดหลักของเทคนิคการดำเนินการถูกเปิดเผยโดยใช้แนวคิดเสริมซึ่งแบ่งออกเป็นหกกลุ่ม

แนวคิดพื้นฐานล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้การแกะสลักทางเรขาคณิตและการแกะสลักรูปร่าง

การใช้สีใน SLS มอบโอกาสอันดีในการสร้างการเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดต่างๆ สูตรโครงสร้างของ SLS ทำให้สามารถประเมินบทบาทการสอนขององค์ประกอบเชิงตรรกะส่วนบุคคลของการให้เหตุผลได้ ช่วยให้คุณสร้างการเชื่อมโยงระหว่างแนวคิดพื้นฐานและแนวคิดเสริม แนวคิดพื้นฐานทั้งหมดเชื่อมโยงถึงกัน โดยแนวคิดหนึ่งเสริมอีกแนวคิดหนึ่ง การแกะสลักซ็อกเก็ตแบบแบนนั้นทำโดยใช้องค์ประกอบต่างๆ ในทางกลับกัน ชุดขององค์ประกอบจะก่อตัวเป็นเครื่องประดับ ส่วนที่สองของ SLS แสดงให้เห็นว่าวัสดุใดบ้างที่ทำการแกะสลักแบบเรียบ โดยใช้เครื่องมือใดบ้าง และความแม่นยำในการแกะสลักนี้ได้อย่างไร แนวคิดพื้นฐานขั้นสุดท้ายของการประยุกต์ใช้ทำให้สามารถกำหนดสถานที่ของความรู้ที่ได้รับเกี่ยวกับการแกะสลักทางเรขาคณิตและรูปร่างในการแปรรูปไม้เชิงศิลปะ

ลักษณะของไดอะแกรมลอจิกโครงสร้างประกอบด้วย:

จำนวนจุดยอดของขอบ

จำนวนลูปปิด

อันดับไดอะแกรมโครงสร้าง

ระดับความยาก

อันดับของวงจรเข้าใจว่าเป็นจำนวนวงจรปิด

ระดับความซับซ้อนของแผนภาพเชิงโครงสร้าง - ลอจิคัลถูกกำหนดจากความเท่าเทียมกัน:

p=2·m/n, (1.3.1)

โดยที่ m คือจำนวนการเชื่อมต่อขอบ

n คือจำนวนจุดยอดของแนวคิดและการตัดสิน

แผนภาพโครงสร้างและตรรกะของหัวข้อ "การแกะสลักทางเรขาคณิตและรูปร่าง" มีตัวบ่งชี้คุณภาพดังต่อไปนี้:

จำนวนการเชื่อมต่อขอบ m=93;

จำนวนจุดยอดแนวคิด n=94;

จำนวนวงจรปิด – 8;

อันดับแผนภาพโครงสร้าง – 8;

ระดับความยาก

ค่าสัมประสิทธิ์เชิงปริมาณที่ได้คือ 1.9 บ่งชี้ว่าวัสดุที่กำลังศึกษามีระดับความซับซ้อนโดยเฉลี่ย

รูปที่ 2 – แผนภาพโครงสร้างและตรรกะ

คำถามทดสอบ

1. แผนภาพโครงสร้าง - ตรรกะ (สูตรโครงสร้าง) ของสื่อการศึกษาเรียกว่าอะไร?

2. แผนภาพโครงสร้าง-ลอจิคัลได้รับการพัฒนาเพื่อจุดประสงค์อะไร?

3. ข้อกำหนดพื้นฐานสำหรับการแสดงแผนภาพเชิงโครงสร้าง-ตรรกะมีอะไรบ้าง

4. ตัวบ่งชี้เชิงปริมาณที่แสดงถึงความซับซ้อนของ SLS

5. ประเภทของแนวคิดที่รวมอยู่ใน SLS

วรรณกรรม

1. โซกอร์ A.M. โครงสร้างเชิงตรรกะของสื่อการศึกษา / A.M. โซกอร์. อ.: การสอน, 2519. – 356 น.

2. Nikiforov, V. I. ความรู้พื้นฐานและเนื้อหาของการฝึกอบรมวิศวกร - ครูสำหรับชั้นเรียน / V. I. Nikiforov – L.: มหาวิทยาลัยแห่งรัฐเลนินกราด, 2530. – 144 น.

3. ยานูชเควิช เอ.เอ. วิธีสอนสาขาวิชาเทคนิคทั่วไปและสาขาวิชาพิเศษ: หนังสือเรียน คู่มือการออกแบบรายวิชาและอนุปริญญาสำหรับนักศึกษาเฉพาะทาง 1-08 01 01 “การฝึกอาชีพ” ทิศทาง 04 “งานไม้” / เอ.เอ. ยานูชเควิช อี.พี. Dirvuk, A.A. เพลฟโก้. – มินสค์: BSTU, 2005.- 96 น.

อพท. บรรยายครั้งที่ 4

การบรรยายครั้งที่ 4ระเบียบวิธีวิเคราะห์ข้อมูลทางการศึกษา

วางแผน

การเลือกสื่อการศึกษา

การวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง-ตรรกะ

องค์ประกอบทางการศึกษา

ข้อมูลจำเพาะของสื่อการศึกษา

กราฟข้อมูลการศึกษา

แผนภาพโครงสร้างและตรรกะ

4.1. การเลือกสื่อการศึกษา

ต้องใช้เวลามากที่สุดในการวิเคราะห์การเลือกเนื้อหาของสื่อการศึกษาในหัวข้อการประมวลผลระเบียบวิธีและการสอนสำหรับบทเรียน ความซับซ้อนในการเลือกสื่อการศึกษาอธิบายได้จากสถานการณ์ต่อไปนี้:

ขาดตำราเรียนคุณภาพสูงและอุปกรณ์ช่วยสอนในสาขาวิชาการศึกษาที่หลากหลายของโปรไฟล์เทคโนโลยีสารสนเทศ

ข้อมูลการศึกษาไม่เพียงพอในบางหัวข้อในวรรณกรรมที่แนะนำ

ขาดตำราเรียนสำหรับสถานศึกษาอาชีวศึกษาและการศึกษาเพิ่มเติมในสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศหลายแขนง

สื่อการศึกษาที่ครูเลือกจากแหล่งต่าง ๆ (ตำราเรียนสื่อการสอนวรรณกรรมทางวิทยาศาสตร์และทางเทคนิค) ต้องมีการประมวลผลโครงสร้างการสร้างเชิงตรรกะและการรวบรวมโครงร่างเนื้อหาของข้อมูลการศึกษา

4.2. การวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง-ตรรกะ

ขั้นตอนการเตรียมสื่อการเรียนรู้สำหรับบทเรียนคือการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและเชิงตรรกะ หมายถึงการวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง-ตรรกะ การระบุองค์ประกอบทางการศึกษา (แนวคิด) ในเนื้อหาของสื่อการศึกษาการจำแนกประเภทและการสร้างความเชื่อมโยงหรือความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา- ส่วนหนึ่งของสื่อการเรียนรู้ คำอธิบายและการใช้เหตุผลของครู วิธีแก้ปัญหาเฉพาะ รวมถึงสื่อการเรียนรู้ที่เลือกทั้งหมดของบทเรียนหรือหัวข้อโปรแกรมอาจต้องได้รับการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและเชิงตรรกะ

4.3. องค์ประกอบทางการศึกษา

โครงสร้างข้อมูลการศึกษาประกอบด้วยองค์ประกอบหรือแนวคิดทางการศึกษา แนวคิด - ความรู้ทางวิทยาศาสตร์รูปแบบหนึ่งที่สะท้อนถึงสิ่งที่มีความสำคัญอย่างเป็นรูปธรรมในสิ่งต่าง ๆ ปรากฏการณ์ กระบวนการ ประดิษฐานอยู่ในศัพท์พิเศษ องค์ประกอบทางการศึกษา (UE) เรียกวัตถุใด ๆ ที่จะศึกษา (เรื่อง กระบวนการ ปรากฏการณ์ วิธีการกระทำ)

แนวคิด (UE) มีลักษณะดังนี้:

ปริมาณ (จำนวนวัตถุที่ครอบคลุมโดยแนวคิดนี้)

ความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ของแนวคิดที่กำหนดกับแนวคิดอื่น

โครงสร้างของคำอธิบายของ UE จะสร้างภาพการรับรู้ของวัตถุที่กำลังศึกษา

เพื่อวัตถุประสงค์ด้านระเบียบวิธี จะสะดวกในการจำแนกแนวคิดตามเหตุผลต่อไปนี้:

เวลาก่อตัว;

ระดับการดูดซึม

เมื่อวางแผนกระบวนการสร้างแนวคิดทางเทคนิค ครูจะกำหนดช่วงเวลาของการพัฒนาเสมอ ตามเวลาของการก่อตัว แนวคิดจะถูกแบ่งออก:

เกี่ยวกับแนวคิดใหม่ (เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในบทเรียนนี้)

แนวคิดพื้นฐาน (เกิดขึ้นจากกระบวนการศึกษาสาขาวิชาวิชาการที่เป็นปัญหาหรือสาขาวิชาวิชาการที่เกี่ยวข้อง)

แนวคิดที่พัฒนาขึ้นในบทเรียนมีความแตกต่างกันตามระดับของความเชี่ยวชาญ หนึ่งในการจำแนกแนวคิดที่เป็นไปได้ที่เสนอโดย V.P. Bespalko ถือว่าระดับต่อไปนี้:

ฉัน ระดับ - “การรับรู้” (โดดเด่นด้วยการดำเนินการพร้อมคำใบ้) ในระดับนี้ แนวคิดเกี่ยวกับลักษณะรองจะเกิดขึ้นซึ่งนักเรียนต้องรู้ นิยาม และจำแนกประเภท

ครั้งที่สอง ระดับ - "การสืบพันธุ์" (โดดเด่นด้วยการดำเนินการจากหน่วยความจำ) ในระดับนี้ จะมีการสร้างแนวคิดที่ใช้เพื่ออธิบายคุณลักษณะและการออกแบบของวัตถุทางเทคนิค การแก้ปัญหา อัลกอริธึมการแก้ปัญหาซึ่งตามมาจากสูตรที่รู้จัก เป็นต้น

ที่สาม ระดับ - “ทักษะ” (เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมการผลิตตามอัลกอริทึมที่คล้ายกัน) แนวคิดที่เกิดขึ้นในระดับนี้ใช้เพื่อแก้ปัญหาในทางปฏิบัติ อัลกอริธึมที่ไม่ได้ระบุไว้ในรูปแบบสำเร็จรูป

IV ระดับ - “การเปลี่ยนแปลง” (เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการผลิตในพื้นที่ใหม่) นี่คือระดับของการก่อตัวของแนวคิดที่ใช้ในการแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์ ศึกษาสาขาวิชาที่เกี่ยวข้อง ฯลฯ

ผลลัพธ์ของการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและตรรกะสามารถนำเสนอในรูปแบบของข้อกำหนดหรือกราฟ

4.4. ข้อกำหนดองค์ประกอบทางการศึกษา (แนวคิด)

ข้อมูลจำเพาะ - รูปแบบตารางการนำเสนอการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและตรรกะ (ตารางที่ 7) ข้อกำหนดประกอบด้วยชื่อของ UE (แนวคิด) ของสื่อการศึกษา การจำแนกประเภทตามเหตุผลต่างๆ และสัญลักษณ์ที่แสดงถึงแนวคิด

ในตาราง ป้อนแนวคิดที่รวมอยู่ในเนื้อหาการศึกษาของบทเรียน 7 ข้อ แนวคิดทางการศึกษา (องค์ประกอบ) แต่ละแนวคิดถูกกำหนดหมายเลขซีเรียล นอกจากนี้ แนวคิดยังถูกจำแนกตามฐานต่างๆ และมีเครื่องหมาย "+" กำกับไว้ ตามกฎแล้ว หมายเลขแรกจะถูกกำหนดให้กับแนวคิดหลักในหัวข้อบทเรียนที่กำหนด โดยปกติแล้วแนวคิดนี้จะเกิดขึ้นพร้อมกับชื่อของหัวข้อ

ตารางที่ 7

ข้อมูลจำเพาะของ UE

4.5. กราฟข้อมูลการศึกษา

นับ เรียกว่าเซตของจุด (จุดยอด) ที่เชื่อมต่อกันด้วยขอบ (ส่วนโค้ง)

กราฟข้อมูลการศึกษา - วิธีการระบุและแสดงการเชื่อมต่อหรือความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบทางการศึกษาด้วยภาพ (รูปที่ 3)

ข้าว. 3. กราฟข้อมูลการศึกษา

สำหรับการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและตรรกะ วิธีที่สะดวกที่สุดคือกราฟแบน - "ต้นไม้" แต่ละจุดยอดควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงข้อมูลที่สอดคล้องกับ UE ที่กำหนดเท่านั้น ดังนั้น UE หนึ่งรายการไม่ควรถูกพิจารณาว่าเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลขององค์ประกอบอื่นหรือผลรวมของข้อมูลของ UE หลายรายการ องค์ประกอบทางการศึกษาแต่ละรายการของกราฟ โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งและความเชื่อมโยง มีข้อมูลของตัวเองอยู่ในนั้นเท่านั้น

แนวคิดตั้งอยู่บนเส้นแนวนอน (คำสั่ง) ที่ก่อตัวเป็นชุมชนบางแห่ง คำจำกัดความโดยย่อของชุมชนนี้เรียกว่าแนวคิดที่ซับซ้อน ลำดับมักจะแสดงด้วยเลขโรมัน และแนวคิด (UE) แสดงด้วยเลขอารบิค

เมื่อสร้างกราฟ คุณต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้:

1) จำนวนคำสั่งจะต้องครอบคลุมองค์ประกอบทางการศึกษาทั้งหมดของหัวข้อโดยสมบูรณ์

2) ไม่จำกัดจำนวนองค์ประกอบทางการศึกษาที่รวมอยู่ในคำสั่งซื้อเดียว

3) อย่าแยกองค์ประกอบทางการศึกษาออกหากเพียงแต่มีความเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบลำดับที่สูงกว่าเท่านั้น

4) ขอบสามารถตัดกันตามลำดับแนวนอนได้ แต่ต้องไม่ตัดกัน

4.6. แผนภาพโครงสร้างและตรรกะ

เมื่อเตรียมสื่อการเรียนรู้สำหรับบทเรียนจำเป็นต้องสร้างแบบจำลองที่สะท้อนให้เห็นในรูปแบบภาพโครงสร้างของสื่อการเรียนรู้ลำดับการอยู่ใต้บังคับบัญชาและการอยู่ใต้บังคับบัญชาของแนวคิดและการเชื่อมต่อเชิงตรรกะ

การสร้างกราฟข้อมูลการศึกษาให้ภาพเพียงภาพของการเชื่อมโยงเชิงตรรกะระหว่างแนวคิดต่างๆ มันไม่ได้สะท้อนถึงพลวัตของการสร้างแนวคิด ลำดับของการรวมแนวคิดในกระบวนการอธิบายในรูปแบบภาพ ดังนั้นวิธีการนำเสนอข้อมูลทางการศึกษาที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุดคือแผนภาพเชิงโครงสร้างและตรรกะ

แผนภาพโครงสร้างและตรรกะ เป็นกราฟที่มีการนำเสนอขอบในรูปแบบของเวกเตอร์ที่บ่งบอกถึงความเชื่อมโยงเชิงตรรกะระหว่างแนวคิดและลำดับของการแนะนำเข้าสู่กระบวนการศึกษา เมื่อสร้างไดอะแกรมเชิงโครงสร้างและลอจิคัลต้องปฏิบัติตามกฎต่อไปนี้:

1) ควรวางแนวคิดเดียวเท่านั้นที่แต่ละจุดยอดของแผนภาพ

2) เวกเตอร์ที่เชื่อมต่อจุดยอดไม่ควรตัดกัน (หากทางแยกหลีกเลี่ยงไม่ได้คุณควรพบแนวคิดในเนื้อหาที่อ้างถึงจุดตัดกัน)

3) ความสัมพันธ์ของการอยู่ใต้บังคับบัญชาระหว่างแนวคิดถูกระบุโดยทิศทางของลูกศรของเวกเตอร์ที่เชื่อมต่อกับแนวคิด

4) จุดยอดที่เท่ากันของแผนภาพที่มีแนวคิดรองควรอยู่ในบรรทัดเดียวกัน และจุดยอดรองควรลดลงหนึ่งขั้น

แนวคิดบางแนวคิดที่ระบุในระหว่างการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างและเชิงตรรกะและรวมอยู่ในข้อกำหนดเฉพาะนั้นไม่ได้รวมอยู่ในแผนภาพเชิงโครงสร้าง-เชิงตรรกะทั้งหมด องค์ประกอบของพวกเขาขึ้นอยู่กับระดับความรู้เริ่มต้นของนักเรียนเกือบทั้งหมด หากแนวคิดเริ่มต้นบางอย่างค่อนข้างง่ายสำหรับนักเรียน ก็ไม่จำเป็นต้องรวมแนวคิดเหล่านั้นไว้ในแผนภาพ

แนะนำให้ใช้การสร้างไดอะแกรมโครงสร้างและลอจิคัลสำหรับสื่อการศึกษาชิ้นเล็ก ๆ เท่านั้น สำหรับวัสดุที่มีปริมาตรมาก ตามกฎแล้วแผนภาพโครงสร้าง-ลอจิคัลจะมีแนวคิดเกี่ยวกับจุดยอด ขอบ และรูปทรงปิดจำนวนมาก ทำให้อ่านได้ยากและบ่งบอกถึงความยากในการศึกษาเนื้อหาชิ้นนี้

เพื่อลดความซับซ้อนของไดอะแกรมโครงสร้าง-โลจิคัล คุณสามารถละเว้นแนวคิดจุดยอดจำนวนหนึ่งที่รวมอยู่ในไดอะแกรมนั้นได้ ประการแรก จะไม่มีการนำแนวคิดโดยละเอียดมาไว้ในแผนภาพ ในกรณีที่ซับซ้อนมากขึ้น สื่อการเรียนรู้จะถูกแบ่งออกเป็นส่วนย่อยที่สมบูรณ์เชิงตรรกะจำนวนหนึ่ง ซึ่งแต่ละส่วนได้ร่างโครงร่างของตัวเองขึ้นมา

การสร้างแผนภาพโครงสร้างและตรรกะเป็นวิธีการหนึ่งในการเลือกและจัดระบบสื่อการเรียนการสอนที่ใช้หลักการของลักษณะทางวิทยาศาสตร์ ความเป็นระบบและความสม่ำเสมอของการสอน การเข้าถึง และความชัดเจน

บทความนี้ยืนยันความสะดวกของครูที่นำเสนอข้อมูลการศึกษาทั้งในรูปแบบสัญลักษณ์ แนวความคิด และทั่วไป โครงสร้าง ในรูปแบบของข้อมูล แผนภาพโครงสร้างและตรรกะ (SLS) แผนภาพเหล่านี้สะท้อนเนื้อหาของหัวข้อหลัก หัวข้อต่างๆ ของสาขาวิชา ตรรกะโดยรวม และวิธีการนำเสนอโดยสังเขปและชัดเจน ในเวลาเดียวกัน ผู้ที่มีแนวโน้มจะวิเคราะห์ข้อมูลและมีบุคลิกภาพประเภทการคิดแบบครอบงำ (การครอบงำของซีกซ้าย) จะมองเห็นข้อมูลโดยรวมตามองค์ประกอบต่างๆ และผู้ที่มีความโน้มเอียงที่จะสังเคราะห์ข้อมูลและด้วยการครอบงำของ ซีกขวา (ประเภทบุคลิกภาพเชิงศิลปะและความคิดทางศิลปะ) ดูข้อมูลการศึกษาโดยรวมและวิเคราะห์องค์ประกอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของการใช้ SLS เป็นพื้นฐานการสอนสำหรับเทคโนโลยีสารสนเทศ หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ และความซับซ้อนในสาขาวิชาต่างๆ - วิชาชีพทั่วไป พิเศษ และมนุษยศาสตร์ - ได้รับการยืนยันจากการทดลองในการวิจัยโดยผู้เขียนและนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของเขา

แผนภาพโครงสร้างและตรรกะ

พื้นฐานการสอน

เทคโนโลยีสารสนเทศ

หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์

คอมเพล็กซ์

1. โกลูเบวา อี.เอ. ความสามารถและบุคลิกภาพ – ม. 2536. – 306 หน้า

2. กรานอฟสกายา อาร์.เอ็ม. องค์ประกอบของจิตวิทยาเชิงปฏิบัติ – ล., 1988. – 560 น.

3. โซโคโลวา ไอ.ยู. จิตวิทยาการศึกษา หนังสือเรียนพร้อมไดอะแกรมโครงสร้างและตรรกะ – Tomsk: สำนักพิมพ์ TPU, 2011. – 332 หน้า

5. บ็อกดาโนวา โอ.วี. เหตุผลทางทฤษฎีและเทคโนโลยีการฝึกอบรมเศรษฐศาสตร์สำหรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคนิค / บทคัดย่อ โรค ...ผู้สมัครสาขาวิชาครุศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ตอมสค์: TSPU, 2548 – 19 น.

6. พาฟเลนโก แอล.วี. การเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกอบรมภาษาต่างประเทศสำหรับนักศึกษากฎหมาย / บทคัดย่อ โรค ...แคนด์ พล.อ. วิทยาศาสตร์ – ตอมสค์: TSPU, 2010 – 22 น.

7. Sokolova I.Yu. ปั๊ม พัดลม คอมเพรสเซอร์: หนังสือเรียนพร้อมไดอะแกรมโครงสร้างและตรรกะ – ตอมสค์: สำนักพิมพ์ TPU, 1992. – 100 วิ

8. โซโคโลวา ไอ.ยู. อุทกกลศาสตร์: คู่มือการศึกษาและระเบียบวิธีพร้อมแผนภาพโครงสร้างและตรรกะ – ตอมสค์, 1994.- 90 น.

10. ทาร์โบโคว่า ที.วี. ระบบการสอนเพื่อกระตุ้นความเป็นอิสระทางปัญญาของนักเรียนซึ่งเป็นวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกอบรมทางคณิตศาสตร์ / บทคัดย่อวิทยานิพนธ์ โรค ...แคนด์ พล.อ. วิทยาศาสตร์ – โนโวคุซเนตสค์, 2551.-24 น.

12. ทิชเชนโก้ เอ็น.เอฟ. การวิเคราะห์เปรียบเทียบประสิทธิผลของกระบวนการศึกษาด้วยการนำเสนอข้อมูลการศึกษาเชิงแนวคิดและเชิงเปรียบเทียบ: dis. ...แคนด์ จิต วิทยาศาสตร์ / N.F. ทิชเชนโก ล., 1981.- 181 น.

ระดับของการพัฒนาของสังคมสมัยใหม่ดังที่ทราบกันดีนั้นถูกกำหนดโดยทรัพยากรทางปัญญา สารสนเทศและความเป็นมนุษย์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์ของการศึกษา การสร้างตำราเรียนอิเล็กทรอนิกส์และคอมเพล็กซ์ และเทคโนโลยีสารสนเทศสำหรับการสอนคนรุ่นใหม่

คุณภาพของหนังสือเรียนคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ช่วยสอน และเทคโนโลยีส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับวิธีการสร้างและนำเสนอข้อมูลทางการศึกษา

ประสิทธิผลของการรับรู้ข้อมูลซึ่งกำหนดโดยนักจิตวิทยาสรีรวิทยานั้นขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของระบบประสาทของมนุษย์และเกี่ยวข้องกับเงื่อนไขที่นักจิตวิทยาระบุสำหรับการสร้างภาพการรับรู้ที่เพียงพอซึ่งต้องใช้ข้อมูลโครงสร้างและจำนวนที่เพียงพอ กิจกรรมการรับรู้ ในความเห็นของเราการจัดระบบข้อมูลบนพื้นฐานใดพื้นฐานหนึ่งก็มีความสำคัญเช่นกันเนื่องจากอย่างหลังส่งผลกระทบต่อการสร้างการเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบของข้อมูลการเพิ่มหรือลดจำนวนดังที่แสดงใน สิ่งนี้สอดคล้องกับทฤษฎีระบบ เมื่อมีองค์ประกอบในระบบน้อยลง การเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้นจะมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และยิ่งมีองค์ประกอบในระบบมากขึ้น การเชื่อมต่อระหว่างองค์ประกอบก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น

วิเคราะห์ผลการวิจัยของนักจิตสรีรวิทยา ดังนี้

· เจ้าของระบบประสาทที่แข็งแกร่งและเฉื่อยไม่เพียงแต่รับรู้ข้อมูลด้วยสายตา แต่ยังพิมพ์และจดจำข้อมูลนั้นด้วย

· ความอ่อนแอ ความบกพร่องและการไม่ทำงานของระบบประสาท ส่งผลให้การท่องจำดีขึ้นในระหว่างการเข้ารหัสความหมาย (การประมวลผล) ของข้อมูล

· บุคคลที่มีความวิตกกังวลในระดับต่ำ (ระบบประสาทที่มั่นคงทางอารมณ์และสมดุล) มีลักษณะเฉพาะโดยธรรมชาติของการประมวลผลข้อมูลสังเคราะห์ระดับโลก และมีความวิตกกังวลสูง (ระบบประสาทที่ไม่เสถียรทางอารมณ์) - จากการวิเคราะห์ เราจะได้ข้อสรุปดังต่อไปนี้

1. นักเรียนที่มีคุณสมบัติของระบบประสาท (อารมณ์) ที่แตกต่างกันจะต้องนำเสนอข้อมูลการศึกษาก่อนอื่นด้วยสายตาเนื่องจากเจ้าของอารมณ์ 3 ประการมีระบบประสาทที่แข็งแกร่ง (เจ้าอารมณ์, ร่าเริง, เฉื่อยชา) และ 2 คนมีอาการเฉื่อย ( วางเฉย, เศร้าโศก).

2. ข้อมูลการศึกษาควรนำเสนอทั้งตามลำดับตรรกะในรูปแบบสัญลักษณ์สัญลักษณ์และในรูปแบบทั่วไปในรูปแบบของข้อมูลแผนภาพโครงสร้างและตรรกะ (SLS) และตามหลักการนิรนัยเป็นหลัก - จาก ทั่วไปถึงเฉพาะเจาะจงและหากจำเป็น จากเฉพาะไปจนถึงทั่วไป - แบบอุปนัย

3. ข้อมูลที่นำเสนอใน SLS นั้นถูกรับรู้อย่างมีประสิทธิภาพโดยเจ้าของคุณสมบัติต่าง ๆ ของระบบประสาท เนื่องจากผู้ที่มีแนวโน้มที่จะวิเคราะห์ข้อมูลและผู้ที่มีบุคลิกภาพประเภทการคิดที่โดดเด่น (การครอบงำของซีกซ้าย) ตามองค์ประกอบจะเห็นข้อมูล โดยรวมแล้วและผู้ที่มีแนวโน้มที่จะสังเคราะห์ข้อมูลและด้วยการครอบงำของซีกโลกขวา (ประเภทบุคลิกภาพทางศิลปะการคิดทางศิลปะ) พวกเขาเห็นข้อมูลการศึกษาโดยรวมและวิเคราะห์องค์ประกอบของมันอย่างมีประสิทธิภาพ

เมื่อคำนึงถึงสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ให้เราพิจารณาถึงคุณสมบัติของการสร้างข้อมูลการศึกษาในรูปแบบของแผนภาพลอจิกโครงสร้าง (SLC)

แผนภาพโครงสร้างและตรรกะสะท้อนเนื้อหาของหัวข้อหลัก หมวดสาขาวิชา ตรรกะของหลักสูตรโดยรวม และวิธีการนำเสนอโดยย่อและชัดเจน ในแต่ละแผนภาพ เนื้อหาที่กำลังศึกษาจะถูกนำเสนอในรูปแบบเฉพาะและมีโครงสร้าง ซึ่งสะท้อนถึงเนื้อหาของคำถามแต่ละข้อในหัวข้อหรือส่วนต่างๆ ในรูปแบบของแผนภาพ กราฟ ภาพวาด สูตร สมการ แต่ละแผนภาพมีสัญญาณอ้างอิง - สัญลักษณ์ - ภาพการรับรู้ทั่วไปที่รวมคำถามที่นำเสนอใน SLS และยังช่วยให้นักเรียนเห็นคุณลักษณะของคำถามแต่ละข้อ หัวข้อ และส่วนของสาขาวิชาที่กำลังศึกษาอยู่

ผลการวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าการใช้ SLS เมื่อทำงานร่วมกับนักเรียนช่วยให้ครูสามารถ:

· ใช้หลักการนำเสนอความรู้เชิงทฤษฎีบล็อกใหญ่ ลดเวลาในการนำเสนอเนื้อหาทางทฤษฎี

· เพิ่มความเข้มข้นของกิจกรรมการรับรู้ของนักเรียน สร้างการติดต่อใกล้ชิดกับผู้ฟัง และใช้การตรวจสอบคุณภาพของความรู้

นักเรียนใช้ SLS เมื่อศึกษาส่วนทฤษฎีของสาขาวิชา การแก้ปัญหา และทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ:

· การจัดระบบความรู้ ความสามารถในการมองเห็นการเชื่อมโยงเชิงตรรกะระหว่างคำถาม หัวข้อ และส่วนของสาขาวิชาที่กำลังศึกษา

· การพัฒนาการคิดรวมถึงการคิดเชิงสร้างสรรค์ การกระตุ้นและประสิทธิผลของกิจกรรมการรับรู้ที่เป็นอิสระโดยทั่วไป

·การลดเวลาในการเชี่ยวชาญส่วนทางทฤษฎีของระเบียบวินัยทางวิชาการและดังนั้นความเป็นไปได้ของการทำงานอิสระเป็นรายบุคคลสำหรับนักเรียนในการศึกษาเชิงลึกของแต่ละหัวข้อของหลักสูตรที่กำลังศึกษาอยู่ การมอบหมายงานที่เน้นไปที่กิจกรรมวิชาชีพในอนาคต

การศึกษาที่ดำเนินการแสดงให้เห็นว่าการใช้ SLS ในกระบวนการศึกษาส่งเสริมการเปิดใช้งานกิจกรรมการรับรู้ที่เป็นอิสระของเด็กนักเรียนและนักเรียนและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น การบรรยายโดยใช้ SLS ในรูปแบบของสไลด์ช่วยให้ครูในขณะที่อธิบายเนื้อหา สามารถดำเนินการสนทนากับนักเรียน โดยให้พวกเขามีส่วนร่วมในการอภิปราย กระตุ้นให้พวกเขาให้เหตุผล พิสูจน์ร่วมกัน และข้อสรุป ครูสามารถอธิบายหรือพิสูจน์คำถามที่ซับซ้อนที่สุดได้ และแนะนำให้นักเรียนหาข้อสรุปที่ง่ายกว่าได้ด้วยตนเอง

เทคโนโลยีการสอนคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาโดยใช้ SLS และคำนึงถึงลักษณะทางจิตวิทยาส่วนบุคคลของเด็กนักเรียนและนักเรียนทำให้มั่นใจได้ว่าวิธีการสอนจะสอดคล้องกับลักษณะของกิจกรรมการเรียนรู้ส่วนบุคคลของนักเรียนแต่ละคนอย่างเหมาะสมที่สุดและด้วยเหตุนี้ประสิทธิภาพและความสำเร็จทั้งหมด ซึ่งจะช่วยปรับปรุงคุณภาพการศึกษาและคุณภาพการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญในระบบการศึกษาทั่วไปและอาชีวศึกษา

การวิเคราะห์ของเราแสดงให้เห็นว่าการสร้างข้อมูลการศึกษาในรูปแบบของ SLS มีส่วนช่วยในการกระตุ้นและพัฒนากระบวนการรับรู้ทางจิตของการรับรู้ ความสนใจ ความทรงจำ การคิด จินตนาการ คำพูด ซึ่งรับประกันการเปิดใช้งานและประสิทธิผลของกิจกรรมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนและนักเรียน โดยทั่วไป

ให้เราวิเคราะห์ว่าการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบของแผนภาพเชิงโครงสร้างลอจิคัลมีอิทธิพลต่อการรับรู้และการประมวลผลข้อมูลของนักเรียนที่มีรูปแบบกิจกรรมการรับรู้ที่แตกต่างกันอย่างไร - รูปแบบการรับรู้: ความหุนหันพลันแล่น - การสะท้อนกลับ, การวิเคราะห์ - การสังเคราะห์, การพึ่งพาสนาม - ความเป็นอิสระของสนาม, สูง - ความแตกต่างต่ำ ฯลฯ

1. การสังเกตและการวิเคราะห์ได้กำหนดไว้ว่า SLS ช่วยให้ผู้ที่มีกิจกรรมการรับรู้ในรูปแบบ "ไตร่ตรอง" สามารถเข้าใจและเชี่ยวชาญข้อมูลที่ปรากฎบนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว สำหรับคนที่ "หุนหันพลันแล่น" ขอแนะนำให้ "พูด" ข้อมูลนี้ - พูดด้วยวาจาซึ่งจะ "ลด" ระดับของความหุนหันพลันแล่นและส่งเสริมความเข้าใจที่ดีขึ้น

ข้อมูลการศึกษา

2. โดยธรรมชาติแล้ว ข้อมูลที่นำเสนอใน SLS จะถูกรับรู้และเข้าใจได้ดีกว่าโดยผู้ที่มีสไตล์การรับรู้แบบ "ไม่ขึ้นกับสนาม" แต่ก็กลายเป็นว่า "ขึ้นอยู่กับสนาม" สามารถเข้าถึงได้เช่นกัน เนื่องจาก แผนภาพจะเน้นแต่ละบล็อกและเปิดเผยการเชื่อมต่อระหว่างบล็อกเหล่านั้น เพื่อพัฒนา "ความเป็นอิสระของสนาม" ครูควรเสนองานพิเศษ "ขึ้นอยู่กับสนาม" เพื่อแยกองค์ประกอบส่วนบุคคลออกจากทั้งหมด ค้นหาและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้ ฯลฯ

3. ข้อมูลจำนวนมากที่มีโครงสร้างและนำเสนอพร้อมกันบน SLS ในความเห็นของเรามีส่วนช่วยในการพัฒนารูปแบบการรับรู้ "ความแตกต่างสูง - ต่ำ" เนื่องจากการใช้ข้อมูลที่นำเสนอด้วยภาพจำนวนมากจะสะดวกกว่าในการสร้างความแตกต่างค้นหาคุณสมบัติทั่วไปและโดดเด่นของวัตถุบางอย่างปรากฏการณ์ทำการเปรียบเทียบ ฯลฯ

ข้างต้นนำไปสู่ข้อสรุปและความเป็นไปได้ของการใช้โครงร่างและตรรกะในกระบวนการศึกษาในสาขาวิชาต่าง ๆ เมื่อสร้างตำราเรียนรวมถึง การฝึกอบรมคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสารสนเทศ

ข้อมูลทางการศึกษาเมื่อนำเสนอในรูปแบบของ SLS ได้รับการสรุปอย่างกว้างๆ มีโครงสร้าง และมีการเปิดเผยความเชื่อมโยงอย่างชัดเจน ทั้งระหว่างคำถามในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง และระหว่างหัวข้อนี้กับหัวข้อก่อนหน้าและหัวข้อต่อๆ ไป ซึ่งมั่นใจได้ด้วยการเข้ารหัสข้อมูล (เช่น ในแต่ละแผนภาพ คำถามที่เกี่ยวข้องกับปั๊มจะมีเครื่องหมาย H, พัดลม - B, คอมเพรสเซอร์ - K) นอกจากนี้ บางครั้งการเชื่อมโยงระหว่าง "ภาพการรับรู้ทั่วไป" (สัญญาณอ้างอิง สัญลักษณ์) และการสำแดงเฉพาะของมันจะแสดงด้วยลูกศร

เมื่อมี SLS กิจกรรมการเรียนรู้สามารถจัดกิจกรรมได้หลายวิธี ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเชิงปริมาณและคุณภาพของกลุ่มนักเรียน ลักษณะทางจิตวิทยาของสื่อการศึกษา ระเบียบวินัยที่สอน เป็นต้น

1. สำหรับผู้ฟังจำนวนมากและคุ้นเคยกับการจดบันทึก (กลุ่มเรียน 3-4 กลุ่ม) ที่มีระดับการฝึกอบรมไม่เพียงพอ วิธีสอนแบบรับข้อมูลที่เหมาะสมที่สุดคือ เมื่อครูก่อนที่จะอธิบายรายละเอียดหรือพิสูจน์ประเด็นทางทฤษฎีใดๆ ขั้นแรกให้อธิบายเนื้อหาของหัวข้อทั้งหมดโดยย่อ โดยนำเสนออย่างชัดเจนใน SLS สิ่งนี้ช่วยดึงดูดความสนใจของนักเรียนต่อข้อมูลทางการศึกษา, ความคุ้นเคยเบื้องต้นเบื้องต้นกับเนื้อหา, การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเด็นของหัวข้อที่กำลังพิจารณา, การรับรู้แบบองค์รวมซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับนักเรียนที่มีการครอบงำด้านขวา, การแสดงออกที่เท่าเทียมกันของหน้าที่ ของสมองซีกโลกและสารสังเคราะห์ที่รับรู้ข้อมูลโดยรวม นักเรียนที่มีสมองซีกซ้ายและนักวิเคราะห์จะเห็นห่วงโซ่ขององค์ประกอบที่เชื่อมโยงถึงกัน ซึ่งจะช่วยให้พวกเขาได้รับมุมมองแบบองค์รวมของข้อมูลในแต่ละหัวข้อและระเบียบวินัยที่กำลังศึกษาโดยรวม

การพัฒนาและการรวมเนื้อหาทางทฤษฎีดำเนินการโดยการตอบคำถามและการแก้ปัญหาการปฏิบัติงานในระดับที่ซับซ้อนต่างกันโดยมุ่งเน้นไปที่กิจกรรมวิชาชีพในอนาคตทั้งโดยใช้ SLS อย่างอิสระและร่วมกันในชั้นเรียนภาคปฏิบัติ

2. สำหรับกลุ่มการศึกษา 1-2 กลุ่มของนักเรียนที่มีระดับการฝึกอบรมและความสามารถในการเรียนรู้ในระดับปานกลางและสูง ดังประสบการณ์ของเราแสดงให้เห็น แนะนำให้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังนี้ หลังจากที่ครูอธิบายเนื้อหาของหัวข้อหลักสูตรถัดไปที่นำเสนอใน SLS สรุปผลสมการหรือการพึ่งพาหนึ่งรายการ นักเรียนจะได้สมการอื่นๆ ทั้งหมดอย่างอิสระ จากนั้นใช้สมการเหล่านี้ในการแก้ปัญหา มอบหมายงานให้เสร็จสิ้น ฯลฯ ดังนั้นจึงมีการใช้วิธีสอนแบบฮิวริสติกและการวิจัยในกระบวนการศึกษา ในกรณีนี้ครูอาจารย์สามารถให้งานวิจัยแก่เด็กนักเรียนแต่ละคนโดยคำนึงถึงระดับการพัฒนาความสามารถทางปัญญาของพวกเขาหรือเสนองานนี้หรืองานนั้นให้กับกลุ่มคนสองคน - ทยารวมถึงนักเรียนด้วย มีระดับการฝึกอบรมและความสามารถในการเรียนรู้ที่เหมือนหรือต่างกัน แต่เข้ากันได้ทางจิตวิทยา - ดังที่ทราบกันดีว่ากิจกรรมการเรียนรู้ร่วมกันของเด็กนักเรียนและนักเรียนมักจะมีประสิทธิภาพและพัฒนาการมากกว่ากิจกรรมส่วนบุคคล

3. การดำเนินการชั้นเรียนและการบรรยายในรูปแบบของการสนทนาเป็นวิธีการส่งเสริมการกระตุ้นกิจกรรมทางจิตและความรู้ความเข้าใจของเด็กนักเรียนและนักเรียน การบรรยายรูปแบบนี้เป็นที่ยอมรับของนักศึกษา โดยเห็นได้จากผลการสำรวจ ในเวลาเดียวกันครูได้อธิบายเนื้อหาของหัวข้อที่อยู่ระหว่างการพิจารณาใน SLS สั้น ๆ ก่อนเริ่มดำเนินการสนทนาร่วมกับนักเรียนค่อยๆ ย้ายจากคำถามหนึ่งของหัวข้อหนึ่งไปยังอีกคำถามหนึ่ง ถามคำถาม รับคำตอบ ชี้แจงพวกเขา บางครั้งอธิบายรายละเอียดหรือพิสูจน์สิ่งที่ยากสำหรับนักเรียนในการรับรู้ ดึงความสนใจไปที่ความเชื่อมโยงระหว่างแต่ละประเด็นของหัวข้อและการเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่ศึกษาก่อนหน้านี้ วิธีการบรรยายนี้เหมาะสมที่สุดกับกลุ่มนักเรียน 1-2 คน แม้ว่าจะมีระดับการฝึกอบรมโดยเฉลี่ยก็ตาม จะเป็นการเพิ่มระดับการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างแน่นอน และการใช้เวลาก็เหมือนกับการบรรยายคนเดียวแบบดั้งเดิม

4. รูปแบบของการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าวเป็นไปได้โดยที่ครูได้อธิบายเนื้อหาของหัวข้อโดยใช้ SLS โดยเน้นคำถามแต่ละข้อ เชิญนักเรียนให้แสดงปัญหาที่อยู่ระหว่างการพิจารณาก่อน (ภาพวาด กราฟ แผนภาพ) แล้วหาคำอธิบายในคู่มือการศึกษาหรือระเบียบวิธีและสะท้อนคำอธิบายนี้ในหมายเหตุ นี่เป็นทั้งวิธีการรับรู้แบบฮิวริสติกและการพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองและการศึกษาด้วยตนเอง

5. ข้อมูลที่นำเสนอใน SLS ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนสำหรับคำถามและงานแต่ละอย่าง ซึ่งอนุญาตให้ใช้วิธีการสอนที่เน้นปัญหาตามแผนภาพโครงสร้างและตรรกะ นอกจากนี้การสรุปและโครงสร้างของข้อมูลการศึกษาการเปิดเผยการเชื่อมต่อด้วยสายตายังช่วยในการแก้ไขปัญหาและสถานการณ์ที่มีปัญหาการดำเนินงานที่ซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับอาชีพในอนาคตในระหว่างกิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็นอิสระของนักเรียนตามความเห็นของ นักเรียนที่เรียนทางไกล

โดยทั่วไปการนำเสนอข้อมูลการศึกษาในรูปแบบของแผนภาพโครงสร้างและตรรกะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของผู้เข้าร่วมในกระบวนการศึกษาเมื่อครูไม่ใช่นักแปลข้อมูลการศึกษา แต่ชี้แนะกิจกรรมการเรียนรู้ที่เป็นอิสระของเด็กนักเรียนและนักเรียน ผู้ที่จากผู้ฟังที่ไม่โต้ตอบกลายเป็นผู้แปลงข้อมูลและนักวิจัย

นอกจากนี้ การใช้ SLS ยังช่วยให้คุณสามารถกระจายวิธีการสอนสำหรับสาขาวิชาต่างๆ ซึ่งมีส่วนช่วยให้กิจกรรมการรับรู้ของนักเรียนมีประสิทธิผล นี่คือหลักฐานจากผลการสำรวจของนักศึกษาซึ่งยืนยันความเป็นไปได้ของการใช้ SLS ที่พัฒนาโดยผู้เขียนและนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของเขาในการสอนสาขาวิชาดังกล่าวซึ่งมีเนื้อหาและโครงสร้างของสื่อการศึกษาที่แตกต่างกันเช่น "เคมีอนินทรีย์", "ปั๊ม, พัดลม , คอมเพรสเซอร์”, “กลศาสตร์น้ำ”, “เศรษฐศาสตร์และการจัดการการผลิตเหมืองแร่”, “ภาษาต่างประเทศ”, “คณิตศาสตร์”, “ชีววิทยาและเคมี”, “รากฐานทางทฤษฎีของวิศวกรรมไฟฟ้า”

โดยสรุป เราให้เหตุผลสำหรับประสิทธิผลของวิธีการสอนสาขาวิชาต่างๆ โดยอิงจากแผนภาพลอจิกโครงสร้าง (SLC)

อิทธิพลของวิธีการสอนตาม SLS ต่อการกระตุ้นและการเพิ่มประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในสาขาวิชาต่างๆ ได้รับการพิสูจน์โดยเราในทางทฤษฎีและได้รับการยืนยันจากผลการทดลองและการสำรวจของนักเรียน

ตัวอย่างเช่น ตารางที่ 1 แสดงผลการทดลองที่แน่ชัดและเป็นรูปเป็นร่างเกี่ยวกับการพัฒนานักเรียนในกลุ่มควบคุม (65 คน) และกลุ่มทดลอง (68 คน) ของทักษะทางปัญญา - การแยกความแตกต่างการค้นหาความคล้ายคลึงและการเปรียบเทียบเมื่อพวกเขาเชี่ยวชาญวินัย "ปั๊ม พัดลม, คอมเพรสเซอร์” . นอกจากนี้ หลังจากการบรรยายครั้งแรก ซึ่งนักศึกษากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมได้ทำความคุ้นเคยกับการจำแนกประเภทและหลักการทำงานของเครื่องจักรที่เคลื่อนย้ายของเหลวและก๊าซ พวกเขาได้รับมอบหมายงานให้ระบุความแตกต่าง ค้นหาความคล้ายคลึง และเปรียบเทียบเครื่องจักรทั้งสามประเภทโดยทั่วไป โดยใช้วรรณกรรมต่างๆ ผลลัพธ์ได้รับการประเมินในระดับ 10 คะแนนและเป็นเปอร์เซ็นต์ตามอัตราส่วน 10 คะแนน - 100%

ตารางที่ 1

พัฒนาการคิดของนักเรียนในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม

กลุ่มทดลอง	กลุ่มควบคุม
		จำนวนนักเรียน

เมื่อจบหลักสูตร (หลังจาก 4 เดือน) นักเรียนกลุ่มเดียวกัน (ทดลอง - เรียนวิชาโดยใช้ SLS และควบคุม - เรียนด้วยวิธีดั้งเดิม) ได้รับมอบหมายงานสร้างความแตกต่าง ค้นหาความเหมือน และเปรียบเทียบทฤษฎีและปฏิบัติต่างๆ ประเด็นและหัวข้อสาขาวิชาที่กำลังศึกษาอยู่ การประเมินทำเป็นคะแนน (ดูตารางที่ 1)

ผลการทดลองระบุดังต่อไปนี้ ในกลุ่มทดลอง 2 ใน 3 กลุ่ม พบว่าระดับเริ่มต้นของการปฏิบัติงานทางจิตในการสร้างความแตกต่าง การค้นหาความเหมือนและการเปรียบเทียบ ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม (0.56) ร้อยละ (0.47) ร้อยละ 9 หลังจากการฝึกอบรมโดยใช้ SLS ระดับประสิทธิภาพของการดำเนินการเหล่านี้เพิ่มขึ้น 24-37% เมื่อเทียบกับครั้งแรก และในกลุ่มควบคุมเพียง 12-17%

นอกจากนี้ ความเป็นไปได้ของการใช้ SLS ยังได้รับการยืนยันจากข้อเท็จจริงที่ว่า:

· นักเรียนสามารถแก้ปัญหาในระดับที่สูงกว่า (มากกว่างานด้านการศึกษาทั่วไป) - งานที่ซับซ้อน-งานซึ่งสอดคล้องกับความโน้มเอียงไปทางวิศวกรรม (นักออกแบบ นักเทคโนโลยี นักวิจัยปัญหานักพัฒนา โปรแกรมเมอร์ ฯลฯ) หรือวิศวกรรมศาสตร์-มนุษยศาสตร์ (ผู้จัดการ นักเศรษฐศาสตร์ นักนิเวศวิทยา ครู นักสังคมวิทยา นักจิตวิทยา) กิจกรรมทางวิชาชีพ

· เวลาการฝึกอบรมลดลงด้วยคุณภาพความรู้เท่าเดิม

· คุณภาพของความรู้เพิ่มขึ้นตามเวลาการฝึกอบรมเท่าเดิม

· ปริมาณข้อมูลที่ศึกษาเพิ่มขึ้นตามระดับความรู้และค่าใช้จ่ายเท่ากัน

· นักเรียนที่แข็งแกร่งจะเชี่ยวชาญเนื้อหาโปรแกรมที่จำเป็นได้เร็วกว่าไม่มี SLS ถึงสามเท่า

ผลลัพธ์เหล่านี้สามารถเข้าใจได้ เนื่องจากครูใช้เวลาและพลังงานไปกับการสรุปทั่วไป

การจัดโครงสร้างการจัดระบบข้อมูลและหากการสรุปทั่วไปและการเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบของความรู้มีความชัดเจนสำหรับนักเรียนกระบวนการดูดซึมข้อมูลก็จะถูกเร่งซึ่งได้รับการยืนยันจากการสังเกตการทดลองของเราและสอดคล้องกับผลการวิจัยของ N.V. Tishchenko .

ดังนั้นการวิจัยที่ดำเนินการจึงยืนยันความเป็นไปได้ของการใช้ SLS เมื่อเรียนโดยเด็กนักเรียนและนักเรียนในสาขาวิชาต่างๆเพราะว่า สิ่งนี้มีส่วนช่วยให้เกิดประสิทธิผลของการรับรู้ข้อมูลการศึกษาของนักเรียนที่มีลักษณะทางจิตสรีรวิทยาที่แตกต่างกันการเปิดใช้งานกระบวนการรับรู้ทางจิตการพัฒนาทักษะทางปัญญาการคิดโดยทั่วไปการเปิดใช้งานและประสิทธิผลของกิจกรรมการศึกษาและความรู้ความเข้าใจของนักเรียนเมื่อเปรียบเทียบกับแบบดั้งเดิม วิธีการสอน ด้านล่างนี้เป็นตัวอย่าง แผนภาพโครงสร้างและตรรกะ - SLS พัฒนาโดยผู้เขียนในสาขาวิชา "ปั๊ม, พัดลม, คอมเพรสเซอร์" (รูปที่ 1., 2), "กลศาสตร์ของไหล, ระบบไฮดรอลิกส์" (รูปที่ 3, 4) และ “จิตวิทยาการสอน” (รูปที่ 5, 6) มีให้เลือกทั้งแบบสีและขาวดำ (รูปที่ 7, 8), (รูปที่ 9,10), (รูปที่ 11, 12)

รูปที่ 1. (SLS 9) - การทำงานร่วมกันของเครื่องจักร (ปั๊ม พัดลม) บนเครือข่าย

ข้าว. 2. เทอร์โบชาร์จเจอร์ - แบบแรงเหวี่ยงและแนวแกน

รูปที่ 3 (SLS 5.b) - กฎการเคลื่อนที่ของการไหลหนึ่งมิติ

ข้าว. 4. (SLS 9) โหมดการเคลื่อนที่ของของไหล

ข้าว. 5. กิจกรรมการศึกษาเป็นกิจกรรมปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เข้าร่วมในกระบวนการศึกษาโครงสร้าง

รูปที่ 6. ความสามารถส่วนบุคคล โครงสร้างและการจำแนกประเภท

ข้าว. 7. (SLS 9) การทำงานร่วมกันของเครื่องจักร (ปั๊ม พัดลม) บนเครือข่าย

ข้าว. 8 (SLS 16) เทอร์โบชาร์จเจอร์ - แบบแรงเหวี่ยงและแนวแกน

ข้าว. 9. (SLS 5b) กฎการเคลื่อนที่ของการไหลหนึ่งมิติ

รูปที่ 10 (SLS 7) กฎหมายและเกณฑ์ความคล้ายคลึงกัน

มะเดื่อ 11. แนวคิดเรื่องคุณภาพของการฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญ

ผู้วิจารณ์:

Skribko Zoya Alekseevna ปริญญาเอกสาขาวิทยาศาสตร์การสอน ศาสตราจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ทั่วไป มหาวิทยาลัย Tomsk State Pedagogical, Tomsk

Karaush Sergey Aleksandrovich, วิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต, ศาสตราจารย์, หัวหน้า ภาควิชาแรงงานและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยสถาปัตยกรรมศาสตร์และวิศวกรรมโยธา Tomsk, Tomsk

ลิงค์บรรณานุกรม

โซโคโลวา ไอ.ยู. แผนภาพโครงสร้าง-ลอจิคัล – พื้นฐานการสอนของเทคโนโลยีสารสนเทศ หนังสือเรียนอิเล็กทรอนิกส์ และคอมเพล็กซ์ // ปัญหาสมัยใหม่ของวิทยาศาสตร์และการศึกษา – 2555 – ลำดับที่ 6.;
URL: http://science-education.ru/ru/article/view?id=7920 (วันที่เข้าถึง: 04/06/2019) เรานำเสนอนิตยสารที่คุณจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ "Academy of Natural Sciences"

เทคโนโลยีการเขียนแผนภาพโครงสร้างและตรรกะ: จากทฤษฎีสู่การปฏิบัติ

เมื่อวาดไดอะแกรมโครงสร้างและลอจิคัล จำเป็นต้องดำเนินการตามแนวคิดต่อไปนี้:

พจนานุกรมแนวคิด

การวิเคราะห์- การสลายตัวทางจิตของวัตถุออกเป็นส่วนหรือด้านข้างที่เป็นส่วนประกอบ ซึ่งช่วยแสดงให้เห็นภาพรวมของสิ่งที่วัตถุประกอบด้วย ระบุคุณสมบัติของวัตถุ และทำให้การรับรู้เป็นกระบวนการที่แท้จริงที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะทราบแก่นแท้ของวัตถุโดยการแยกย่อยมันออกเป็นส่วนต่างๆ ของมันเท่านั้น จำเป็นต้องสร้างการเชื่อมต่อระหว่างกัน การสังเคราะห์ช่วยในการทำเช่นนี้

สังเคราะห์- การรวมองค์ประกอบทางจิตที่ผ่าโดยการวิเคราะห์

การเปรียบเทียบ- การสร้างความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่างวัตถุ

การตัดสิน- รูปแบบความคิดที่ยืนยันหรือปฏิเสธบางสิ่งเกี่ยวกับบางสิ่งด้วยความช่วยเหลือของการเชื่อมโยงแนวคิด

การอนุมาน- กระบวนการคิดที่ช่วยให้คนเราได้รับการตัดสินใหม่จากการตัดสินตั้งแต่สองครั้งขึ้นไป

ไดอะแกรมโครงสร้างและลอจิคัลสามารถมีได้ 3 ประเภท:

มุมมองที่ 1: SLS “กำลังติดตาม”– อัลกอริธึมซึ่งการตัดสิน ข้อสรุป และแนวคิดมีการเชื่อมต่อตามลำดับเพียงครั้งเดียว

ประเภทที่ 2: SLS “วงจร”- อัลกอริธึมที่ระบุการเปรียบเทียบความหมายซึ่งทำซ้ำตามวงจรที่ระบุโดยลูกโซ่ลอจิคัลในความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล

มุมมองที่ 3: SLS “ภาพเชิงเปรียบเทียบ” -อัลกอริธึมที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานของภาพ (เช่น นาฬิกา ส่วนของต้นไม้ (= ครึ่งวงกลม) ในความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลของแนวคิด การตัดสิน ข้อสรุปเกี่ยวกับปัญหาการวิจัยที่กำหนด

พิจารณาเทคโนโลยีในการสร้างไดอะแกรมเชิงโครงสร้างและลอจิคัล

เมื่อพัฒนาแผนภาพเชิงโครงสร้าง-เชิงตรรกะ เราจะต้องอาศัยแหล่งข้อมูลของข้อความวรรณกรรม เนื่องจาก SLS เกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์เชิงตรรกะในแหล่งวรรณกรรมเพื่อที่จะเข้าใจความตั้งใจของผู้เขียน

เลือกปัญหา ลักษณะ ตัวละคร ฯลฯ แล้ว สำหรับการพัฒนาและแผนภาพโครงสร้างและตรรกะประเภทที่ยอมรับได้สำหรับการแก้ปัญหา

ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลถูกสร้างขึ้นและจัดเรียงเป็นภาพกราฟิกในแผนภาพ คุณสามารถใช้คุณสมบัติของรูปทรงเรขาคณิตซึ่งจะช่วยในการสร้างการเชื่อมต่อความหมายในงาน (ตัวอย่างเช่นตามกรวยและคุณสมบัติของมันไดอะแกรมถูกสร้างขึ้นสำหรับละครเรื่อง "At the Bottom" ของ A. M. Gorky ในขณะที่ส่วนบนของ กรวยสามารถเคลื่อนที่ได้)

มีการเลือกแนวคิดหลัก ตัวละคร ข้อเท็จจริง ฯลฯ พวกเขาจะกลายเป็นพื้นฐานของการโต้ตอบเชิงความหมายโดยอาศัยการเชื่อมต่อเชิงตรรกะ

ความสัมพันธ์และการเชื่อมโยงเชิงตรรกะที่นำเสนอในแผนภาพดังกล่าวเผยให้เห็นตัวเองจากการอ่านแนวคิดเหล่านี้ที่เป็นไปได้ ในทางกลับกัน ในรูปแบบของข้อสรุปที่ค่อนข้างเฉพาะเจาะจง ไม่คลุมเครือ และมีเหตุผล ซึ่งจัดทำขึ้นด้วยการนำเสนอที่นำเสนอ การเชื่อมต่อ แผนภาพเชิงโครงสร้าง-เชิงตรรกะเชิงเป็นรูปเป็นร่างแสดงถึงประเภทแผนภาพที่ซับซ้อนที่สุด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีความคิดเห็น สิ่งสำคัญคือการอธิบายภาพที่เป็นพื้นฐานและแนวคิดในการสร้างการเชื่อมต่อเชิงตรรกะ

ในเงื่อนไขใหม่ บทเรียนวรรณกรรมต้องใช้ทักษะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของครูตั้งแต่นั้นมา ความรู้ด้านวรรณคดีเป็นความรู้พิเศษ - มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผลและความทรงจำมากนัก แต่ขึ้นอยู่กับความเห็นอกเห็นใจและความคิดสร้างสรรค์ร่วมกัน ไม่มีใครเห็นด้วยกับนักเขียน V. Rasputin: “ ในมือของครูสอนวรรณกรรมคือมรดกที่ร่ำรวยที่สุดในโลกคำสอนที่มีอิทธิพลมากที่สุดเกี่ยวกับจิตวิญญาณเกี่ยวกับความดี... นี่คือรั้วทางจิตวิญญาณที่ทรงพลังจากความชั่วร้าย... ดังนั้นความรับผิดชอบที่สูงเกินไปที่ครูวรรณกรรมต้องเผชิญและการกำหนดภารกิจหลักในการให้บริการแก่นักเรียนและโรงเรียน - การก่อตัวของวัฒนธรรมการคิดของเด็กและการศึกษาของบุคคลด้วยหลักการทางจิตวิญญาณและศีลธรรมสูง ภารกิจของครูนักปรัชญามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยของเรา เพราะอนาคตของรัสเซียขึ้นอยู่กับว่าลูกหลานของเราอ่านอะไรและอย่างไรในปัจจุบัน

ตั้งแต่สมัยโบราณ วรรณกรรมรัสเซียได้กำหนดหน้าตาของประเทศในช่วงเวลาที่ต่างกัน คำพูดของ A.I. Herzen เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง: “วรรณกรรมเป็นเวทีที่สื่อถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของชาติ” เป็นวรรณกรรมที่สามารถสร้างความก้าวหน้าที่ยากลำบากของเด็กยุคใหม่ให้กับจิตวิญญาณของเขาเองในฐานะความเป็นจริงหลักและช่วยฟื้นฟูการคิดที่ดีต่อสุขภาพเป็นกระบวนการของกิจกรรมการรับรู้ของแต่ละบุคคลโดยมีลักษณะเป็นการสะท้อนความเป็นจริงโดยทั่วไปและเป็นสื่อกลาง

นิยายระบุว่าเป็น โอกาสส่งมอบ ความสัมพันธ์ ตรรกะ ลำดับ รูปแบบ ความเป็นจริง ผ่านความคิดสร้างสรรค์และ การแสดงสดของตัวละครกิจกรรม,รัฐ; ให้ประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและช่วยปฐมนิเทศชีวิตของผู้อ่าน งานศิลปะแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของความหมายหลายมิติของโลกรอบตัวและให้ภาพความคิดเชิงลึกของโลกแบบองค์รวมซึ่งปรากฏอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล คุณสามารถมีส่วนร่วมในความตั้งใจของผู้เขียนได้โดยการร่วมสร้างสรรค์กับผู้เขียนเท่านั้น นี่คือความยากในการสอนวรรณกรรม

แผนภาพโครงสร้างและตรรกะแสดงให้เห็นถึงการเชื่อมโยงเชิงตรรกะของแนวคิด การตัดสิน ข้อสรุป โดยใช้ผลลัพธ์ต่อไปนี้:

- กำหนดปัญหาของงานที่กำลังศึกษา

- ประเมินตัวละคร

- อธิบายโครงสร้างความหมายของงานศิลปะ

ประสิทธิผลของการใช้ไดอะแกรมเชิงโครงสร้างและตรรกะในบทเรียนวรรณกรรมมีดังต่อไปนี้:

ระยะเวลาการเรียนรู้ลดลงด้วยคุณภาพความรู้เท่าเดิม

คุณภาพของความรู้จะเพิ่มขึ้นตามเวลาการฝึกอบรมเท่าเดิม

ปริมาณข้อมูลที่ศึกษาเพิ่มขึ้นตามระดับความรู้และค่าใช้จ่ายเท่ากัน

พิจารณาเทคโนโลยีสำหรับการสร้างไดอะแกรมเชิงโครงสร้างเชิงตรรกะโดยใช้ตัวอย่างนวนิยายของ F.M. Dostoevsky เรื่อง "อาชญากรรมและการลงโทษ"

ขั้นแรกคุณควรเลือกแง่มุมเชิงความหมายซึ่งจะนำเสนอเป็นวัฏจักรในงานนี้ ดังนั้นเราจึงพบอัลกอริธึมที่ระบุการเปรียบเทียบความหมายซึ่งทำซ้ำตามวงจรที่ระบุโดยสายโซ่ลอจิคัลในความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล

เป็นที่ทราบกันดีว่าศูนย์กลางความหมายของนวนิยายเรื่อง "อาชญากรรมและการลงโทษ" ของ Dostoevsky เป็นตอนของตัวละครหลักที่อ่านพระกิตติคุณเกี่ยวกับ "การฟื้นคืนชีพของลาซารัส"

เราเริ่มสร้างไดอะแกรมด้วยโหนดความหมาย - "โครงการ GOSPEL แห่งความรอด" ในนวนิยายฮีโร่แต่ละคนวนเวียนไปตามเส้นทางแห่งบาป - อาชญากรรม - บทเรียนแห่งโชคชะตา - การลงโทษ แต่สามารถมาถึงความรอดได้ตาม "โครงการ GOSPEL OF SALVATION" ที่กำหนดโดย Dostoevsky ในนวนิยายโดยตระหนักถึงคำพูด ของพระเยซูคริสต์: “เราเป็นการฟื้นคืนชีพและเป็นชีวิต ผู้ที่เชื่อในเรา ถ้าเขาตาย เขาก็จะมีชีวิต” มีอัลกอริธึมที่สามารถระบุการเปรียบเทียบเชิงความหมายที่ทำซ้ำตามวงจรที่ระบุโดยสายโซ่ลอจิคัล และช่วยให้เห็นความตั้งใจของผู้เขียนในงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

พระกิตติคุณของยอห์นเกี่ยวกับการฟื้นคืนพระชนม์ของลาซารัสตามแผนของผู้เขียนแสดงให้บุคคลเห็นว่าตรรกะของชะตากรรมของมนุษย์คืออะไรและบุคคลสามารถมาถึงความรอดมีความสุขค้นหาความสามัคคีทางวิญญาณและนำความสุขและแสงสว่างมาสู่ผู้อื่นได้อย่างไร สำหรับ F.M. Dostoevsky เห็นได้ชัดว่าความรอดของบุคคลนั้นขึ้นอยู่กับศรัทธาอย่างลึกซึ้งในพระคริสต์ผ่านการชำระล้างการกลับใจอย่างลึกซึ้ง ตามที่ผู้เขียนกล่าวไว้ จุดจบทางจิตวิญญาณและโศกนาฏกรรมเกิดขึ้นจากการถอยห่างจากศรัทธาของบุคคล การกลับใจและการกลับใจเป็นแนวคิดที่แตกต่างกันสำหรับ F.M. และนี่คือความตั้งใจของผู้เขียนในงานนี้ Dostoevsky เป็นคริสเตียนออร์โธดอกซ์และเป็นความคิดของออร์โธดอกซ์ที่ผู้เขียนหักเหไปสู่ความเข้าใจในตรรกะของโชคชะตาและอภิปรัชญาของการดำรงอยู่ การกลับใจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความคิด และการกลับใจเป็นเพียงการตระหนักถึงความผิดและความทุกข์ทรมานที่ไม่รู้จักพอ นำบุคคลไปสู่ทางตันและนำไปสู่ความแตกแยกทางวิญญาณ ความตายทางร่างกายหรือทางวิญญาณ ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นวีรบุรุษผู้ถูกทรมาน ทนทุกข์ และสิ้นพระชนม์ที่ไม่เคยพบความรอด ไม่เคยเห็นความจริง ชัดเจนสำหรับผู้เขียน ในแนวคิดเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ของลาซารัส ในโครงการข่าวประเสริฐแห่งความรอด ชะตากรรมของพวกเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเมื่อมองแวบแรก แต่ธรรมชาติของวัฏจักรที่เกี่ยวข้องกับโครงการข่าวประเสริฐแห่งความรอดนั้นชัดเจน

สวิดริไกลอฟฆ่าตัวตายโดยไม่พบความเข้มแข็งที่จะกลับใจ ไม่ยอมรับโครงการพระกิตติคุณแห่งความรอด และการกลับใจทำให้เขาสามารถกระทำการกระทำที่โดดเด่นที่สุดก่อนตาย ซึ่งนำฮีโร่ไปสู่การระบายอารมณ์อย่างแท้จริง

ลู่ซินก็เป็นเช่นนั้นหูหนวกต่ออภิปรัชญาแห่งการดำรงอยู่ ไม่รู้สึกต่อบาป วิญญาณของเขาตายแล้วและไม่สามารถฟื้นคืนชีวิตได้

มาร์เมลาดอฟเนื่องจากความอ่อนแอของความตั้งใจ ความสิ้นหวัง และความภาคภูมิใจ ซึ่งทำให้เขาเมา เขาจึงจบชีวิตอย่างน่าเศร้า กลายเป็นเหยื่อและผู้ทรมานในเวลาเดียวกัน แต่ไม่เคยพบความตั้งใจที่จะกลับใจ

คาเทริน่า อิวานอฟนาได้รับความยากจนเป็นบทเรียนสำหรับความไร้สาระและความเย่อหยิ่ง แต่การกบฏต่อพระเจ้านำเธอออกจากการกลับใจ และผลลัพธ์ของชีวิตของเธอคือความตายอันน่าสลดใจ

อเลนา อิวานอฟนารักเงิน ไม่เกรงใจเพื่อนบ้าน และ

ไม่เพียงแต่กลับใจเท่านั้น แต่ยังไม่สามารถกลับใจได้อีกด้วย

ได้รับโอกาสแห่งความรอดผ่านการทรมาน

ลิซาเวต้า- อ่อนโยน อ่อนโยน เชื่อในการฟื้นคืนพระชนม์ เธอได้ล้างบาปแห่งการผิดประเวณีผ่านการพลีชีพ เพื่อไม่ให้ความบริสุทธิ์ของเธอต้องแปดเปื้อนต่อพระพักตร์พระเจ้า พระเจ้าทรงพาลิซาเวต้าออกไปจากบาปที่อาจเกิดขึ้น ความตาย ผู้พลีชีพ- การเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ

โซเนชกาไม่ขมขื่นทั้งในโลกหรือต่อผู้คน ยอมรับบาปและชดใช้บาปด้วยการกลับใจ ทำการเสียสละอย่างต่ำต้อยในนามของญาติของเขา และเป็นตัวอย่างของการบรรลุผลสำเร็จของโครงการข่าวประเสริฐแห่งความรอด

ราสโคลนิคอฟเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะตระหนักว่าบาป ความไร้สาระ และความเย่อหยิ่งของเขาทำให้เกิดการกบฏ การกลับใจนำเขาไปสู่ความทรมานและการแยกทางจิตวิญญาณ ติดกับความสิ้นหวัง Sonya นำเขาไปสู่เส้นทางสู่การกลับใจและการฟื้นคืนชีพตามโครงการพระกิตติคุณ

ฮีโร่แต่ละคนฝ่าฝืนกฎของพระเจ้า และชะตากรรมในอนาคตของเขาขึ้นอยู่กับว่าเขาสามารถกลับใจได้หรือไม่ นี่คือตรรกะของโชคชะตา

Raskolnikov และ Sonechka Marmeladova พบเส้นทางสู่ความรอดเพราะ "พวกเขาฟื้นคืนชีพด้วยความรัก" ความรักต่อพระเจ้า ตามข่าวประเสริฐ “พระเจ้าทรงเป็นความรัก” ถ้อยคำของ D.S. Merezhkovsky: “อาชญากรรมและความศักดิ์สิทธิ์ถูกรวมเข้ากับจิตวิญญาณที่มีชีวิตให้เป็นปริศนาที่มีชีวิตเดียวและไม่ละลายน้ำใช่ไหม?” - พวกเขาเปลี่ยนความคิดของ Dostoevsky: "ที่นี่พระเจ้าและปีศาจกำลังต่อสู้กันและสนามรบคือหัวใจของผู้คน"

พิจารณาเทคโนโลยีสำหรับการสร้างไดอะแกรมเชิงโครงสร้างและตรรกะ "กำลังติดตาม" โดยใช้ตัวอย่างบทกวีของ V. Mayakovsky เรื่อง "Lilychka!.."

แผนภาพแสดงความเจ็บปวดของจิตวิญญาณของฮีโร่โคลงสั้น ๆ และสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ เราจะแต่งหน้า อัลกอริธึมซึ่งการตัดสิน ข้อสรุป และแนวคิดมีการเชื่อมต่อตามลำดับแบบครั้งเดียว

เราเริ่มสร้างไดอะแกรมด้วยคำหลัก คำสำคัญในบทกวีคือ AD ("Kruchenykh's hell" - อ้างอิงถึงหนังสือ "Hell" ของ A. Kruchenykh พร้อมภาพประกอบโดย Kazemir Malevich)

การตีความคำสำคัญของบทกวีเป็นสิ่งสำคัญ: นรก ความบ้าคลั่ง และความบ้าคลั่ง นรกเป็นสถานที่ซึ่งคนบาปที่ถูกประณามชั่วนิรันดร์ไป ที่ซึ่งปีศาจและปีศาจปกครองผู้คน Frenzy - ความตื่นเต้นสุดขีด, ความตึงเครียดที่ไม่ธรรมดาใกล้จะบ้าคลั่ง, ความปีติยินดี ความบ้าคลั่งเป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งของสถานะของบุคคลที่แบกนรกไว้ในจิตวิญญาณของเขา นี่คือสถานะของฮีโร่โคลงสั้น ๆ ที่เข้าใจว่าความรักของเขาไม่สะอาดเป็นบาป แต่ไม่กลับใจ แต่กลับบ่น (“ ความขมขื่นของการบ่นที่ขุ่นเคือง”) เพราะเขาทนทุกข์เพราะเขาได้ยกย่องคนที่เขารัก การยกย่องบุคคลนั้นเป็นหนทางสู่โศกนาฏกรรมเสมอในฐานะความรู้สึกเริ่มต้น บุคคลผู้ประสบความรู้สึกนี้ก็เช่นกัน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับฮีโร่โคลงสั้น ๆ เป็นไปตามธรรมชาติ: ความทุกข์ทรมานบนเส้นทางที่เลือกนั้นหลีกเลี่ยงไม่ได้: "ไม่มีแสงแดด" "ไม่มีทะเล" ฯลฯ เราแสดงด้วยลูกศรถึงผลที่ตามมาจากการเลือกของฮีโร่ พระเอกโคลงสั้น ๆ เลือกเส้นทางแห่งความบาปและนั่นคือสาเหตุที่เขาต้องทนทุกข์และคิดฆ่าตัวตาย โดยสรุป เส้นทางสู่ความสุขไม่ใช่การฆ่าตัวตาย แต่เป็น “จิตวิญญาณที่ไหม้เกรียมด้วยความรัก” ความขัดแย้งของความรู้สึกของพระเอกสะท้อนให้เห็นในความอ่อนโยนที่พระเอกพร้อมจะ “ปกปิด” ทุกย่างก้าวของคนที่รัก และโทนเสียงของรัฐในความขัดแย้งทั้งหมดนั้นทำให้แผนของผู้เขียนของมายาคอฟสกี้มีความเข้มแข็งและมีปริมาณมากขึ้น

ผู้อ่านกลายเป็นพยานถึงความล้มเหลวทางจิตวิญญาณของพระเอกซึ่งทำให้เขาเบี่ยงเบนไปจากความเข้าใจในความรักที่แท้จริง ในความผิดพลาดร้ายแรงในการรับรู้กระบวนทัศน์ทางจิตวิญญาณของความสัมพันธ์ของมนุษย์ Mayakovsky ฮีโร่โคลงสั้น ๆ ประสบกับการทดแทนแนวความคิดทางจิตวิญญาณซึ่งนำเขาไปสู่โศกนาฏกรรม

ลองเปรียบเทียบกับการตีความความรักในจดหมายของอัครสาวกเปาโลถึงชาวโครินธ์: “ความรักนั้นก็อดทน มีใจกรุณา ไม่อิจฉา ความรักไม่โอ้อวด ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่แสวงหาความรักของตนเอง ไม่ฉุนเฉียว ไม่คิดชั่ว ไม่ชื่นชมยินดีในความชั่ว แต่ชื่นชมยินดีในความจริง ครอบคลุมทุกสิ่ง เชื่อทุกสิ่ง หวังทุกสิ่ง อดทนทุกสิ่ง”

ฮีโร่โคลงสั้น ๆ ไม่ต้องการเส้นทางสู่ความรักเช่นนั้น แต่อยู่ในความอดกลั้นความเสียสละในความบริสุทธิ์และความหวังที่ไม่เกิดความหลงใหลที่บ้าคลั่ง แต่เป็นความรู้สึกที่สดใสและเห็นพ้องกับชีวิต

ลองพิจารณาวาดแผนภาพโครงสร้างและตรรกะที่เป็นรูปเป็นร่างโดยใช้ตัวอย่างของนวนิยายเรื่อง The Master and Margarita ของ M.A. Bulgakov หลังจากอ่านงานแล้ว ในการสร้างแผนภาพเชิงโครงสร้าง-ลอจิคัล จำเป็นต้องระบุอัลกอริทึมที่จะสร้างขึ้นบนพื้นฐานของภาพหรือสัญลักษณ์ทางศิลปะในความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผลของแนวคิด การตัดสิน และข้อสรุปเกี่ยวกับ เมื่อพิจารณาถึงปัญหาการวิจัย

ก่อนอื่น Bulgakov สนใจบุคคลเลื่อนลอยดังนั้นปัญหาของนวนิยายเรื่องนี้จึงถูกสร้างขึ้นจากกลุ่มสาม "GOD - MAN - SATAN" และนี่เป็นตัวกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างความหมายและศิลปะของงาน

ในบทแรก "เกี่ยวกับปรมาจารย์" คำถามที่มีอยู่จริงของนวนิยายเรื่องนี้ได้รับการกำหนดไว้แล้ว - เกี่ยวกับการดำรงอยู่ของพระเจ้าตลอดจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่ของพระเจ้ากับมารในระเบียบโลกของจักรวาล

รูปภาพที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสร้างไดอะแกรมโครงสร้างและลอจิคัลคือวงกลม CIRCLE เป็นสัญลักษณ์หลักของความสามัคคีและความไม่มีที่สิ้นสุด สัญลักษณ์แห่งความสมบูรณ์และความสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับเส้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด วงกลมเป็นสัญลักษณ์ของเวลาในนิรันดร์ "วงกลมแห่งความจริงเลื่อนลอย" คุณสามารถใช้สามเหลี่ยมและสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นสัญลักษณ์เพื่อสร้างไดอะแกรมเชิงโครงสร้างและตรรกะได้ ในศาสนาคริสต์ รูปสามเหลี่ยมเป็นสัญลักษณ์ของดวงตาที่มองเห็นทุกสิ่งของพระเจ้า จัตุรัสนี้ถือว่าด้อยกว่าวงกลมดังนั้นจึงถูกนำมาใช้ในศาสนาคริสต์เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของโลกและชีวิตบนโลก วงกลมภายในจัตุรัสถูกเข้าใจว่าเป็นสัญลักษณ์ของ "ประกายไฟ" อันศักดิ์สิทธิ์ภายในเปลือกวัสดุ

ดังนั้นสัญลักษณ์ของภาพร่างที่เราเลือกสร้างแผนภาพจึงมีความสัมพันธ์โดยตรงกับโครงสร้างความหมายของนวนิยายเรื่อง "The Master and Margarita" เนื่องจาก Bulgakov หันสายตาของผู้อ่านไปที่ วงกลมแห่งความจริงเลื่อนลอยนั่นคือการเรียกให้รู้จักพระเจ้าโดยการวิเคราะห์ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวละครและรัสเซียในนวนิยาย

แผนภาพโครงสร้างและตรรกะนำเสนอในรูปแบบของวงกลมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางจิตวิญญาณของความตายในชีวิตซึ่งมีวิญญาณอมตะของมนุษย์อาศัยอยู่ สี่เหลี่ยมจัตุรัสถูกจารึกไว้ในวงกลม โดยแบ่งออกเป็นสามเหลี่ยม 3 รูป ได้แก่ สีเบจ น้ำเงิน และเทา

ที่จุดตัดของเส้นทแยงมุมของจัตุรัส - โวแลนด์- โหนดความหมายขององค์ประกอบของงาน ดังนั้นชื่อของเขาจึงอยู่ตรงกลาง แผนของ Woland /ซาตานคือการนำบุคคลออกห่างจากพระเจ้าอย่างมีไหวพริบในขณะที่ปรากฏตัวต่อหน้าโลกในฐานะแชมป์แห่งความยุติธรรม นักสู้เพื่อความจริง “พระผู้ช่วยให้รอดที่ตรงกันข้าม” นวนิยายเกี่ยวกับปอนติอุส ปิลาต ที่สร้างโดยปรมาจารย์ กลายเป็นอะไรไปไม่ได้น้อยไปกว่าข่าวประเสริฐของซาตาน Woland ไม่ได้ช่วยต้นฉบับโดยบังเอิญ เพราะ "มวลดำ" ควรมีข้อความที่ตรงกันข้ามกับข่าวประเสริฐซึ่งเป็นนวนิยายของอาจารย์ Woland ในฐานะตัวละครเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมอสโกวและงานของอาจารย์ซึ่งเป็นนวนิยายเกี่ยวกับปอนติอุสปิลาตนั่นคือการต่อต้านพระกิตติคุณ M.A. Bulgakov ทำให้ Woland เป็นผู้บรรยายคนที่สอง: Woland คือผู้ที่แนะนำผู้อ่านให้รู้จักกับนวนิยายเกี่ยวกับ Pontius Pilate (บท "On the Patriarchs") ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมโดยตรงของซาตานในการสร้างการต่อต้านพระกิตติคุณ และนี่เป็นสิ่งสำคัญ: นักเขียน Bulgakov อธิบายให้เราฟังว่าเมื่อจิตวิญญาณของมนุษย์ได้รับความเสียหาย พลังปีศาจสามารถบุกรุกกระบวนการสร้างสรรค์ได้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่อาจารย์เผานวนิยายด้วยความกลัวแล้วฟังคำพูดของ Woland ด้วยความสยดสยองเมื่อเขาส่งคืน: "ต้นฉบับไม่ไหม้!" โปรดทราบว่ามีเพียง Margarita เท่านั้นที่พอใจกับงานนี้

แผนภาพเชิงโครงสร้างและตรรกะแสดงให้เห็นถึงตรรกะของสิ่งที่เกิดขึ้นในนวนิยายของบุลกาคอฟ มาดูตัวเลขและรูปทรงกัน

(หมายเลข 1) สามเหลี่ยมสีเบจ - นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันก่อนเทศกาลอีสเตอร์ในมอสโก สามเหลี่ยมเป็นสัญลักษณ์ของเมืองหลวงที่จมอยู่ในบาป ซึ่งอาสนวิหารของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดถูกทำลาย และลัทธิต่ำช้าและการดูหมิ่นศาสนา นี่คือ BLACK PROSKOMIDIA ชนิดหนึ่ง” (การเตรียมลูกบอลของซาตาน) ซึ่งเป็นข้อกำหนดเบื้องต้นสำหรับการปรากฏตัวของมัน Woland เป็นผู้ยั่วยุเหตุการณ์ต่างๆ แต่พวกเขากระทำเพราะบาปของผู้คนไม่ใช่ตามความประสงค์ของเขาเนื่องจาก "ปีศาจก็เชื่อและตัวสั่น" ต่อพระพักตร์พระเจ้าด้วย

(หมายเลข 3) สามเหลี่ยมสีน้ำเงิน - นี่เป็นเหตุการณ์ในนวนิยายเกี่ยวกับปอนติอุสปิลาตซึ่งเขียนและเผาโดยอาจารย์ นี่คือ ANTI-GOSPEL สำหรับ "BLACK MASS" ของ Woland ซึ่งกระตุ้นให้เขียนด้วยตัวเอง ซึ่งตามมาจากนวนิยายของ Bulgakov ความเชื่อมโยงของนวนิยายเรื่องนี้กับ Woland และจุดประสงค์ในการเขียน - สำหรับลูกบอลของ Woland - ถูกระบุด้วยลูกศรสีดำ

(หมายเลข 2) สามเหลี่ยมสีเทา - นี่คือ "ANTI-LITURGY" (“ BLACK MASS”) - ลูกบอลที่ Woland (ซาตาน) สถานที่ครอบครองของซาตานคือนรก ซึ่งระบุว่ามีรูปสามเหลี่ยมสีเทาจารึกไว้ในวงกลม

บอลที่ Woland's- นี่คือไคลแม็กซ์ของนวนิยายเรื่องนี้ ลูกบอลดังกล่าว ("มวลดำ" ของซาตาน) ต้องมีการเตรียมการเบื้องต้น: คุณต้องมีราชินีลูกบอลที่ผ่านพิธีกรรมอันเข้มงวดในการสละพระเจ้าและการต่อต้านพระกิตติคุณ (พระกิตติคุณในทางที่ผิดซึ่งเป็นคุณลักษณะของการดูหมิ่นศาสนาต่อศรัทธาในพระเจ้า ). Woland มีเหตุผลที่ดีที่จะมามอสโคว์และมอสโกในช่วงปลายยุค 20 - ต้นยุค 30 ต้นเป็นเหตุผลที่จริงจังในการยอมรับปีศาจเนื่องจากวิหารหลัก - วิหารของพระคริสต์ผู้ช่วยให้รอด - ถูกระเบิดและชาวเมืองกลายเป็นผู้ไม่เชื่อพระเจ้าและ ละทิ้งพระเจ้าอย่างเข้มแข็งโดยกล่าวโทษพระองค์ว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนา (บทกวีเกี่ยวกับพระคริสต์โดย I. Bezdomny การสนทนาเกี่ยวกับพระเจ้า "เกี่ยวกับพระสังฆราช") Bulgakov กำหนดเวลาของการดำเนินการ - ฤดูใบไม้ผลิก่อนวันอีสเตอร์ ลูกบอลของ Woland นั้นเป็น "มวลสีดำ" เช่น การดูหมิ่นความหมายของพิธีสวดศักดิ์สิทธิ์ อีสเตอร์คือการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

การมีส่วนร่วมของ Woland ในการสร้างนวนิยายเกี่ยวกับปอนติอุสปิลาตการพบกันของปรมาจารย์และมาร์การิต้าและเหตุการณ์ในวันก่อนอีสเตอร์ในมอสโกมีลูกศรระบุ

ลูกศรสีแดงอาจารย์และมาร์การิต้าเชื่อมโยงกันการประชุมที่ Woland ยั่วยุดังนั้นลูกศรนี้จึงผ่านชื่อของ Woland ซึ่งบ่งบอกถึงการมีส่วนร่วมของเขาในเหตุการณ์นี้

ลูกศรสีน้ำเงินเผยให้เห็นสาระสำคัญเลื่อนลอยของ Margarita: หญิงชู้ผู้ควบคุมความคิดของ Woland ลูกบอลราชินีแห่งซาตาน มาร์การิต้าขณะแต่งงานก็นอกใจสามีกับนาย นางเอกไม่เกี่ยวอะไรกับความคิดของเด็กหรือครอบครัว เธอชอบความตื่นเต้นเร้าใจมากกว่า ปณิธานหลักของเธอคือรักอิสระกับเจ้านาย ไม่ถูกผูกมัดด้วยการแต่งงาน การเดินทางสู่ซาตาน (บทที่ 21 "การบิน") มีจุดมุ่งหมายเพื่อเข้าร่วมใน SABBASH ที่แท้จริงหรือ "มวลสีดำ" ของ Woland ในฐานะราชินีแห่งลูกบอล เพื่อให้เข้าใจถึงรูปลักษณ์ของ Margarita สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่ามี SABBASH จากคำสอนในยุคกลางเป็นที่ทราบกันดีว่าในการที่จะมีส่วนร่วมในวันสะบาโตนั้น เราต้องละทิ้งพระเจ้า เหยียบย่ำบนไม้กางเขน และเสนอการดูหมิ่นอันชั่วร้ายต่อพระคริสต์และพระมารดาของพระเจ้า หากต้องการบินไปวันสะบาโต แม่มดควรถูตัวเองด้วยขี้ผึ้งที่ทำจากตับของทารกที่ยังไม่รับบัพติศมา Margarita ยกย่อง Woland ด้วยวลี: "ผู้ทรงพลัง!" ซึ่งตามมาว่านางเอกดูหมิ่นพระเจ้าและสละพระองค์

ลูกศรสีม่วงเผยให้เห็นแก่นแท้ของปรมาจารย์ผู้สร้างนวนิยายเกี่ยวกับปอนติอุสปิลาตนั่นคือการต่อต้านพระกิตติคุณภายใต้อิทธิพลของพลังแห่งความมืดและด้วยการมีส่วนร่วมของ Woland ซึ่งเป็นสาเหตุที่นวนิยายเรื่องนี้บิดเบือนเหตุการณ์พระกิตติคุณ ไม่ใช่ BULGAKOV ที่บิดเบือนพระกิตติคุณ แต่เป็นฮีโร่ของเขาที่ถูกปีศาจล่อลวงเผานวนิยายของอาจารย์และจดจำมันด้วยความสยดสยองอย่างแม่นยำเพราะเขาตระหนักถึงอภิปรัชญาของการกระทำของเขา Bulgakov จงใจนำการบิดเบือนเหตุการณ์พระกิตติคุณและภาพลักษณ์ของพระผู้ช่วยให้รอดมาสู่นวนิยายเรื่องนี้: เพื่อแสดงตรรกะของความคิดสร้างสรรค์ที่บิดเบือนภายใต้อิทธิพลของมาร ภารกิจหลักของมารคือการหลอกลวง ชักนำบุคคลให้เข้าใจผิด และทำให้เขาหันเหจากความรู้และความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง นวนิยายของอาจารย์ไม่มีอะไรมากไปกว่าผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจจากปีศาจ (บรรทัดแรกจากนวนิยายของอาจารย์พูดโดย Woland บทที่ 1 ปรมาจารย์ในบทสนทนากับ Ivan Bezdomny ยอมรับว่าเขารู้จัก Woland บทที่ 13 ปรมาจารย์เผาต้นฉบับของนวนิยายเรื่องนี้และตกใจกลัวซึ่งแตกต่างจาก Margarita เพราะมัน การบูรณะพร้อมด้วยคำพูดของ Woland: " ต้นฉบับไม่ไหม้!")

ชื่อเรื่องของนวนิยายจงใจซ่อนความหมายที่แท้จริงของงานซึ่งเป็นสาเหตุที่ความสนใจของผู้อ่านมุ่งเน้นไปที่ตัวละครสองตัวของงานเป็นหลักในขณะที่ตามแผนของเหตุการณ์พวกเขาเป็นเพียง "ผู้สนับสนุน" ของ ตัวละครหลักที่แท้จริง ฮีโร่แต่ละคน (ปรมาจารย์และมาร์การิต้า) มีบทบาทพิเศษในการกระทำที่ Woland มาถึงมอสโกว การกระทำนี้กลายเป็น "ลูกบอลอันยิ่งใหญ่" ของซาตาน (ANTILITURGY) และมอสโกก็กลายเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับมันนั่นคือ "BLACK PROSKOMEDIA" ความหมายของพิธีสวดศักดิ์สิทธิ์คือการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของมนุษย์ มุ่งมั่นเพื่อความรักและการสร้างสรรค์ การทำลายความปรารถนาที่จะเสริมความแข็งแกร่งของวิญญาณในนามของความรักและความจริงคือความหมายของกิจกรรมของมารลิงของพระเจ้าพระเจ้า

ทดสอบงานฐานฝึกอบรม

เพื่อติดตามความรู้ของนักเรียนอย่างเต็มที่และในระดับความเชี่ยวชาญที่กำหนด เป็นสิ่งสำคัญสำหรับครูที่จะรู้ว่าองค์ประกอบทางการศึกษาใดที่จำเป็นสำหรับนักเรียนในการเรียนรู้หน่วยการเรียนรู้ที่จัดสรรไว้ องค์ประกอบทางการศึกษา (UE) คือวัตถุใดๆ ที่ต้องศึกษา (หัวเรื่อง กระบวนการ ปรากฏการณ์ วิธีดำเนินการ) (1)

สะดวกในการกำหนดข้อมูลของหัวข้อที่จะศึกษาและตามการควบคุมเพื่อแบ่งออกเป็นองค์ประกอบทางการศึกษาและเน้นการเชื่อมต่อเชิงโครงสร้างระหว่างพวกเขาโดยใช้แผนภาพเชิงโครงสร้าง - ลอจิคัล - กราฟและข้อกำหนด (2) สำหรับแต่ละองค์ประกอบทางการศึกษา ข้อกำหนดจะระบุระดับของความเชี่ยวชาญ นั่นคือ ระบุวัตถุประสงค์ของการศึกษา การออกแบบการทดสอบในขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากครูสามารถกำหนดเป้าหมายการเรียนรู้ได้สูงกว่าที่กำหนดไว้ในข้อกำหนดของมาตรฐานสำหรับวิชาชีพ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์และสื่อการสอนและการสนับสนุนทางเทคนิคของวิชานั้นๆ

ในกราฟ องค์ประกอบทางการศึกษา (UE) จะแสดงเป็นจุดยอด และการเชื่อมต่อจะแสดงเป็นขอบ จุดยอดจะอยู่บนเส้นแนวนอนที่เรียกว่าคำสั่ง คำสั่งหนึ่งประกอบด้วยองค์ประกอบทางการศึกษาที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียวกัน องค์ประกอบการฝึกจะแสดงด้วยเลขอารบิค ชื่อขององค์ประกอบการฝึกอบรมและลักษณะของวัตถุประสงค์จะถูกบันทึกไว้ในข้อกำหนด

เมื่อพัฒนาไดอะแกรมโครงสร้าง-ลอจิคัล คุณต้องคำนึงถึง (2):

จำนวนคำสั่งซื้อถูกกำหนดโดยผู้รวบรวมด้วยเหตุผลของการครอบคลุมองค์ประกอบการศึกษาทั้งหมดของหัวข้อโดยสมบูรณ์โดยโครงการ

ไม่จำกัดจำนวนองค์ประกอบทางการศึกษาที่รวมอยู่ในคำสั่งซื้อเดียว

องค์ประกอบทางการศึกษาใดๆ จะไม่ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบทางการศึกษาที่มีลำดับสูงกว่าหรือเป็นผลรวมขององค์ประกอบที่มีลำดับต่ำกว่า

ขอบสามารถตัดกันตามลำดับแนวนอน

พวกเขาแสดงเฉพาะการเชื่อมโยงหลักขององค์ประกอบทางการศึกษากับองค์ประกอบลำดับที่สูงกว่าอย่างใดอย่างหนึ่ง

องค์ประกอบทางการศึกษาจะไม่ถูกแยกออกหากเพียงอย่างเดียวมีความเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบลำดับที่สูงกว่า

ลำดับที่แยกต่างหากจะไม่แยกความแตกต่างหากมีเพียงองค์ประกอบเดียว

แผนภาพโครงสร้างและข้อกำหนดแสดงเฉพาะโครงสร้างและเนื้อหาของหัวข้อ ดังนั้นเมื่อสร้างแผนภาพ คุณจะต้องเป็นนามธรรมโดยสมบูรณ์จากการพิจารณาลำดับการนำเสนอองค์ประกอบทางการศึกษา

ลำดับของการดำเนินการเมื่อวาดแผนภาพโครงสร้างและตรรกะจะเป็นดังนี้:

กำหนดชื่อขององค์ประกอบทางการศึกษาแรก - ชื่อของหัวข้อ

กำหนดจำนวนคำสั่งซื้อและลำดับ โดยปกติแล้วแนวคิดหลัก (หัวข้อย่อย) ที่ต้องเรียนรู้เพื่อให้เข้าใจหัวข้อนั้นอย่างถ่องแท้จะถูกระบุเป็นลำดับ ตัวอย่างเช่น เพื่อให้นักเรียนเรียนรู้หัวข้อ “โครงสร้างข้อมูลพื้นฐาน” จากหลักสูตรภาษาการเขียนโปรแกรม เขาจะต้องรู้ 1) โครงสร้างข้อมูล 2) ประเภทข้อมูล 3) กลุ่มย่อยของข้อมูล ในกรณีนี้ จะแยกคำสั่งซื้อสามรายการ;

เตรียมพื้นฐานสำหรับการกรอกแผนภาพโครงสร้างและตรรกะ วาดเส้นแนวนอนบนกระดาษตามจำนวนคำสั่งซื้อที่ยอมรับ เตรียมแบบฟอร์มข้อกำหนด

กรอกบรรทัดลำดับแนวนอนด้วยองค์ประกอบทางการศึกษาโดยกำหนดหมายเลขด้วยเลขอารบิคและในขณะเดียวกันก็จดชื่อขององค์ประกอบทางการศึกษาไว้ในข้อกำหนด

เปรียบเทียบองค์ประกอบการศึกษาที่เป็นลายลักษณ์อักษรกับข้อความของมาตรฐานหรือโปรแกรมสำหรับวิชานั้น

กรอกคอลัมน์ข้อกำหนด “ระดับความเชี่ยวชาญขององค์ประกอบทางการศึกษา”

ในบางกรณี ครูจะสะดวกกว่าในการนำเสนอเนื้อหาของหัวข้อในรูปแบบของแผนภาพโครงสร้างและตรรกะ ในโครงการดังกล่าว บางครั้งเรียกว่า "ปิรามิด" ด้านบนคือชื่อของโครงการ ลำดับที่ต่ำกว่าเป็นคำถามหลักที่ต้องพิจารณาเพื่อศึกษาหัวข้อนี้อย่างครบถ้วน คำถามหลักแต่ละข้อยังมีองค์ประกอบเนื้อหาที่ขยายออกไปด้วย กฎพื้นฐานสำหรับการคอมไพล์และความหมายของไดอะแกรมเชิงโครงสร้าง-โลจิคัลโดยทั่วไปจะสอดคล้องกับกฎสำหรับการคอมไพล์และความหมายของกราฟ

แผนภาพหรือกราฟเชิงโครงสร้างลอจิคัลช่วยให้ครูเห็นปริมาณทั้งหมดและการเชื่อมโยงระหว่างองค์ประกอบทางการศึกษาของเนื้อหา เพื่อทราบว่าองค์ประกอบทางการศึกษาใดที่ควรเขียนงานทดสอบและควรทดสอบความเชี่ยวชาญระดับใดสำหรับองค์ประกอบทางการศึกษาแต่ละรายการ