โรคกลัวรัสเซีย- ทัศนคติที่ไม่เป็นมิตร ไม่เป็นมิตร น่าสงสัย และไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียและ/หรือรัสเซีย เป็นกรณีพิเศษของความกลัวชาวต่างชาติ แสดงถึงทิศทางเฉพาะของความกลัวชาติพันธุ์
ความหมายที่ตรงกันข้ามกับคำว่า "Russophilia" นั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อ - รักทุกสิ่งที่รัสเซีย, รัสเซีย, วัฒนธรรมรัสเซียรวมถึงชาวรัสเซียด้วย
ฟีโอดอร์ อิวาโนวิช ทัตเชฟ ภาพเหมือนโดย Alexandrovsky คำว่า "Russophobia" ถูกใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2410 ในจดหมายจากกวีและนักการทูตชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ Fyodor Ivanovich Tyutchev ถึงลูกสาวของเขา คำพูดของ Tyutchev ปรากฏออกมาได้ดีจนสามารถแทรกลงในบทความสมัยใหม่ได้โดยไม่ต้องแก้ไขคำใดคำหนึ่ง:
“ นี่คือ Russophobia ของชาวรัสเซียบางคน - อย่างไรก็ตามเป็นที่น่านับถือมาก พวกเขาเคยบอกเรา และพวกเขาเชื่อเช่นนั้นจริงๆ ว่าในรัสเซียพวกเขาเกลียดการขาดสิทธิ การขาดเสรีภาพของสื่อ ฯลฯ ฯลฯ ที่เป็นเพราะพวกเขารักยุโรปอย่างสุดซึ้งอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในรัสเซีย เราเห็นอะไรตอนนี้? ในขณะที่รัสเซียแสวงหาอิสรภาพที่มากขึ้น ยืนยันตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ความเกลียดชังของสุภาพบุรุษเหล่านี้ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น และในทางตรงกันข้าม เราเห็นว่าไม่มีการละเมิดใดในด้านความยุติธรรม ศีลธรรม และแม้แต่อารยธรรม ซึ่งได้รับอนุญาตในยุโรป ก็ไม่ได้ลดความสมัครใจในเรื่องนี้ลงแม้แต่น้อย กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในปรากฏการณ์ที่ฉันมีในใจ ไม่มีการพูดถึงหลักการเช่นนี้ มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นที่ทำงานอยู่ที่นี่ และธรรมชาติของสัญชาตญาณเหล่านี้เป็นสิ่งที่ควรเข้าใจ”
การเกิดขึ้นของ Russophobia ในโลกตะวันตก
Russophobia เป็นกระแสของอุดมการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกตะวันตกในศตวรรษที่ 16 ซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายการขยายตัวของโปแลนด์ซึ่งพยายามพิชิตดินแดนทางตะวันออก (นั่นคือดินแดนรัสเซีย)
โปแลนด์เป็นประเทศคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดใกล้กับรัสเซียมากที่สุดและข้อมูลส่วนสำคัญเกี่ยวกับ Muscovy มาถึงยุโรปจากชาวโปแลนด์ซึ่งทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงลบของ "ป่าเถื่อน" "เอเชีย" รัสเซียทางตะวันตกซึ่งโปแลนด์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ต่อสู้ในช่วงศตวรรษที่ 16-17 จากนั้น แนวคิดที่เกลียดชังรัสเซียเหล่านี้ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยประเทศตะวันตกอื่นๆ ซึ่งเกิดความขัดแย้งกับรัสเซีย เนื่องจากตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์ของรัสเซียมีความเข้มแข็งมากขึ้นในศตวรรษที่ 18-20
6 Russophobes ที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์รัสเซีย
Chevalier d'Eon หรือที่รู้จักในชื่อ Mademoiselle de Beaumont (1728-1810)
สายลับชาวฝรั่งเศส นักฟันดาบชื่อดัง ตุ๊ด ใช้เวลาครึ่งแรกของชีวิตในฐานะผู้ชายและครึ่งหลังเป็นผู้หญิง คำถามเกี่ยวกับเพศที่แท้จริงของอัศวินยังคงเปิดกว้าง
ตามที่ผู้จัดพิมพ์ระบุว่า d'Eon "ค้นพบ" สิ่งที่เรียกว่าในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและนำไปที่ฝรั่งเศส การปลอมแปลงนี้ตีพิมพ์เป็นภาษาฝรั่งเศสในปี พ.ศ. 2355 (ทันทีหลังจากการล่มสลายของการรุกรานรัสเซียของนโปเลียน) ในหนังสือของ Lesure เรื่อง "การเติบโตของอำนาจรัสเซียตั้งแต่ต้นจนถึงศตวรรษที่ 19" ตามที่ผู้จัดพิมพ์ เอกสารดังกล่าวเป็นแผนยุทธศาสตร์ในการดำเนินการสำหรับผู้สืบทอดของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชมาหลายศตวรรษข้างหน้า โดยมีเป้าหมายในการสร้างการครอบงำโลกโดยรัสเซีย เป้าหมายคือ "เข้าใกล้กรุงคอนสแตนติโนเปิลและอินเดียให้มากที่สุด" ของปลอมนี้เดิมทีถูกสร้างขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของแวดวงการปกครองฝรั่งเศส และต่อมาถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในการโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัสเซียในศตวรรษที่ 19-20 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงคราม (ไครเมียและสงครามโลกครั้งที่ 1) ต้นกำเนิดของ "เจตจำนง" ไม่ชัดเจนนัก แต่อย่างน้อยนักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่า d'Eon ซึ่งสอดแนมจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งรัสเซีย (ลูกสาวของปีเตอร์ที่ 1) และพยายามขัดขวางพันธมิตรรัสเซีย - ออสเตรียอาจมีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ ในการสร้างต้นฉบับของการปลอมแปลงนี้
มิชาล โซโคลนิกี (1760-1816)
นายพลโปแลนด์ ผู้มีส่วนร่วมในสงครามรัสเซีย-โปแลนด์ ค.ศ. 1792 การจลาจลคอสซิอัสโก และสงครามนโปเลียนที่ฝ่ายนโปเลียน
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2355 เขาเขียนแผนโดยละเอียดสำหรับการโจมตีรัสเซียและการแยกชิ้นส่วนในเวลาต่อมา "เกี่ยวกับวิธีการกำจัดอิทธิพลของรัสเซียในยุโรปและด้วยเหตุนี้อิทธิพลของอังกฤษ" ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเชื่อกันว่าเอกสารนี้มีบทบาทสำคัญในการเริ่มสงครามปี 1812 ในฤดูร้อนปี 1812 Sokolnitsky ได้รับรองจากนโปเลียนในฐานะ "ผู้เชี่ยวชาญ" หลักในรัสเซียซึ่งเขาเรียกในงานของเขาว่า “อาณาจักรแห่งความมืด” ในเวลาเดียวกัน Sokolnitsky เองก็เต็มใจส่งต่อตำนาน Russophobic ทั่วไปเป็นข้อมูลข่าวกรองที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น นี่คือสิ่งที่เขาเขียน โดยให้เหตุผลถึงความเป็นไปได้ที่จะปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบในเขตชานเมืองของรัสเซีย:
“ สำหรับพวกตาตาร์ไครเมีย พวกเขาอาจได้รับอิทธิพลอย่างง่ายดายด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านของพวกเขา - พวกตาตาร์ที่อาศัยอยู่ในลิทัวเนีย เนื่องจากขาดการศึกษาและความกดขี่ ชนชาติเหล่านี้จึงมีความเฉลียวฉลาดตามธรรมชาติ และแม้กระทั่งความรู้สึกอันล้ำเลิศบางประการ ซึ่งไม่ได้เป็นลักษณะเฉพาะของชาติรัสเซียเลย”
ดำเนินไปโดยไม่ได้บอกว่าในแผนของ Sokolnitsky มีสถานที่สำหรับโปแลนด์จากทะเลสู่ทะเล อย่างไรก็ตาม สาระสำคัญที่แท้จริงของแผนนี้คือ การที่นโปเลียนห่างไกลจากความเห็นอกเห็นใจกับแผนการอันยิ่งใหญ่ของโปแลนด์ แต่ยอมรับลักษณะที่เสื่อมเสียต่อรัสเซียและประชาชนของรัสเซียของโซโคลนิตสกีตามมูลค่า และเป็นผลให้เกิดสงครามปี 1812
อัสโตลฟี่ เดอ กุสติน (ค.ศ. 1790-1867)
ขุนนางชาวฝรั่งเศสและกษัตริย์ผู้กระตือรือร้นซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นกะเทย; ได้รับชื่อเสียงจากการตีพิมพ์บันทึกของเขาเกี่ยวกับรัสเซีย “Custine ถือเป็นคลาสสิกของโลก Russophobia เป็นแชมป์และเจ้าของสถิติ”
ผู้เขียนหนังสือ Russophobic "Russia in 1839" ซึ่งตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้งในยุโรปซึ่งเขาอธิบายว่ารัสเซียเป็นประเทศที่มี "คนป่าเถื่อน" และ "ทาส" "ความกลัวสากล" และ "เผด็จการของระบบราชการ"
ผู้เขียนมีมเกี่ยวกับรัสเซียในฐานะ "คุกของประเทศต่างๆ" โดยมีซาร์นิโคลัสที่ 1 เป็น "ผู้ดูแล"
เขากล่าวหาว่านิโคลัสที่ 1 ถูกกล่าวหาว่า "ติดหล่มอยู่ในความมึนเมาและทำให้ผู้หญิงและผู้หญิงที่ดีจำนวนมากเสื่อมเสีย" แม้ว่าทั้งผู้ร่วมสมัยและนักประวัติศาสตร์จะถือว่าจักรพรรดินิโคลัสเป็นคนที่มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดอย่างยิ่งและเป็นชายคู่สมรสคนเดียวที่รักภรรยาของเขาทั้งหมด ชีวิต.
เขาบรรยายถึงน้ำค้างแข็งที่รุนแรงของรัสเซียอย่างมีสีสัน แม้ว่าเขาจะเดินทางไปทั่วรัสเซียในช่วงฤดูร้อนก็ตาม
ชาร์ลส์ สแตรทฟอร์ด-แคนนิง ไวเคานต์สแตรทฟอร์ด เดอ เรดคลิฟฟ์ (1786-1880)
นักการทูตอังกฤษ เมื่อถึงปี 1832 เขาได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองจนนิโคลัสที่ 1 ปฏิเสธอย่างเด็ดขาดที่จะให้เขาเข้าไปในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อเขาได้รับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตประจำรัสเซีย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2384-2401 (หยุดพักในปี พ.ศ. 2390 และ พ.ศ. 2395-2396) เป็นเอกอัครราชทูตประจำตุรกีซึ่งเขามีส่วนสนับสนุนทุกวิถีทางในการเริ่มต้นและการขยายตัวของสงครามไครเมีย เมื่อเกษียณอายุในปี พ.ศ. 2401 เขายังเขียนบทความ Russophobic เกี่ยวกับ Eastern Question
คาร์ล มาร์กซ์ (1818-1883) และฟรีดริช เองเกลส์ (1820-1895)
ผู้ก่อตั้งลัทธิคอมมิวนิสต์ เป็นเวลาหลายปีที่พวกเขาอาศัยและทำงานอย่างสะดวกสบายในบริเตนซึ่งเป็นศูนย์กลางของระบบทุนนิยมโลก - เรียกร้องให้มีการปฏิวัติในเยอรมนีบ้านเกิดและในประเทศอื่น ๆ เนื่องจากมีข้อความ Russophobic จำนวนมากในงานของพวกเขา ผลงานที่รวบรวมไว้ทั้งหมดจึงไม่เคยถูกตีพิมพ์ในสหภาพโซเวียต (โดยที่ Marx และ Engels ถือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และหน่วยงานระดับสูง)
พวกเขาถือว่ารัสเซียเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินการตามแผนการปฏิวัติโลก: “คนป่าเถื่อนชาวสลาฟเป็นผู้ต่อต้านการปฏิวัติโดยธรรมชาติ เป็นศัตรูพิเศษของระบอบประชาธิปไตย” (มาร์กซ์)
เองเกลส์ได้สร้างและเผยแพร่ตำนานเกี่ยวกับการคุกคามของลัทธิแพนสลาฟไปยัง "ประเทศที่มีอารยธรรม" ของยุโรป: "นี่เป็นขบวนการที่ไร้สาระและไร้ประวัติศาสตร์ ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายไว้ไม่น้อยไปกว่าการยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของอารยธรรมตะวันตกไปยังตะวันออกป่าเถื่อน เมืองสู่ชนบท การค้า อุตสาหกรรม วัฒนธรรมทางจิตวิญญาณจนถึงเกษตรกรรมดั้งเดิม” ทาสชาวสลาฟ... เบื้องหลังทฤษฎีไร้สาระนี้มีความเป็นจริงที่น่าเกรงขามในตัวของจักรวรรดิรัสเซีย... ในทุกย่างก้าวที่ถูกเปิดเผย การอ้างสิทธิ์ในการพิจารณาทั้งยุโรปว่าเป็นทรัพย์สินของชนเผ่าสลาฟ”
เองเกลเขียนว่ามีความจำเป็นที่จะต้อง "ต่อสู้ชีวิตและความตายอย่างโหดเหี้ยมกับชาวสลาฟผู้ทรยศทรยศต่อการปฏิวัติ... สงครามแห่งการทำลายล้างและความหวาดกลัวที่ไร้การควบคุม" “ใช่แล้ว สงครามโลกครั้งที่จะมาถึงจะกวาดล้างพื้นโลก ไม่เพียงแต่ชนชั้นและราชวงศ์ปฏิกิริยาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชนชาติปฏิกิริยาทั้งหมดด้วย และนี่จะเป็นความก้าวหน้าด้วย!”
ฟรานซ์ โจเซฟที่ 1 (ค.ศ. 1830-1916)
จักรพรรดิแห่งออสเตรีย และต่อมาของออสเตรีย-ฮังการี เกือบจะถึงจุดสิ้นสุดของการดำรงอยู่ของฝ่ายหลัง ในปี ค.ศ. 1848 เขาใกล้ชิดกับจักรพรรดิรัสเซียนิโคลัสที่ 1 มาก ซึ่งถือว่าฟรานซ์ โจเซฟเป็นพระโอรสที่แท้จริง และยังช่วยป้องกันไม่ให้ออสเตรียล่มสลายในปี พ.ศ. 2391 ระหว่างการปฏิวัติฮังการี ฟรานซ์โจเซฟ "ชดใช้" สำหรับสิ่งนี้ในช่วงสงครามไครเมียโดยเรียกร้องให้รัสเซียยอมรับเงื่อนไขคำขาดของพันธมิตรตะวันตก
ในไม่ช้าออสเตรียก็ถูกลงโทษอย่างรุนแรงเนื่องจากการทรยศโดยตัวแทน - ส่วนสำคัญของการครอบครองในอิตาลีก็ถูกพรากไปจากประเทศทันทีซึ่งสูญเสียพันธมิตรที่สำคัญไปจากนั้นก็ถูกลิดรอนความเป็นผู้นำในสมาพันธรัฐเยอรมันและกลายเป็นออสเตรียที่ไม่มั่นคง สมาพันธ์ฮังการี แต่ฟรานซ์ โจเซฟไม่ได้หยุดนิ่งในเรื่องนี้และยอมรับการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการกีดกันรัสเซียจากความสำเร็จใดๆ ภายหลังสงครามรัสเซีย-ตุรกีในปี พ.ศ. 2420-2421 ตลอดรัชสมัยของพระองค์ใน Subcarpathian Rus' และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในแคว้นกาลิเซีย การข่มเหงออร์โธดอกซ์และชาวรัสเซียในท้องถิ่นยังคงดำเนินต่อไป ภายใต้เขาด้วยความช่วยเหลือของแผนก "ประวัติศาสตร์" ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษของมหาวิทยาลัย Lvov และองค์กรพัฒนาเอกชน "Prosvita" ประวัติศาสตร์และอุดมการณ์ของ "ลัทธิยูเครน" ได้ถูกแต่งขึ้น
ในปีพ.ศ. 2451 โดยการเปิดเผยรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียที่ระมัดระวังไม่เพียงพอ เขาได้กระตุ้นให้เกิดวิกฤตบอสเนีย ในปี 1914 เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ยุยงให้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ในระหว่างนั้นเขาได้ดำเนินการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ประชากรรัสเซียในกาลิเซียและ Subcarpathian Rus นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงจากข้อเท็จจริงที่ว่าจักรพรรดินีอเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนา ภรรยาม่ายของนิโคลัสที่ 1 สิ้นพระชนม์เพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของนักบวชที่จะให้อภัยทุกคน ระบุว่า “ใช่ ฉันให้อภัยทุกคน ยกเว้นจักรพรรดิแห่งออสเตรีย!”
ในฐานะนักพันธุศาสตร์ DNA ที่มีชื่อเสียง Anatoly Klyosov ผู้สร้างความก้าวหน้าในการปฏิวัติต่อสู้กับนักพันธุศาสตร์ป๊อปและ Russophobia ในทางวิทยาศาสตร์
ลำดับวงศ์ตระกูล DNA ในรัสเซียและทั่วโลกยังคงพัฒนาอย่างแข็งขันในฐานะระเบียบวินัยทางวิทยาศาสตร์ที่มีแนวโน้ม และการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ละทิ้งทางเดินวิชาการไปนานแล้วและตอนนี้ก็ไม่หายไปบนอินเทอร์เน็ต การพัฒนานี้ส่วนใหญ่เนื่องมาจาก Doctor of Chemical Sciences Anatoly Klyosov ซึ่งยังคงเผยแพร่ผลงานการผลิตผลงานของเขาอย่างต่อเนื่อง เปิดโลกทัศน์ใหม่ และทำลายทัศนคติแบบเหมารวม “ The Bell of Russia” กับ Anatoly Alekseevich เมื่อปีที่แล้วและเหตุผลที่ยอดเยี่ยมสำหรับการประชุมครั้งใหม่คือการตีพิมพ์หนังสือ“ ใครคือผู้หยุดลำดับวงศ์ตระกูล DNA?” รวมถึงการเปิดห้องปฏิบัติการลำดับวงศ์ตระกูล DNA ในมอสโกที่ใกล้จะเกิดขึ้น
“ระฆังแห่งรัสเซีย”: ข้อความชื่อเรื่องบนหน้าปกหนังสือเล่มใหม่ของคุณอ่านว่า “คำโกหก การบอกเป็นนัย และความหวาดกลัวรัสเซียในวิทยาศาสตร์รัสเซียสมัยใหม่” คุณตำหนิฝ่ายตรงข้ามงานของคุณโดยตรงสำหรับบาปเหล่านี้ ในการสนทนาครั้งล่าสุด เราได้พูดคุยถึงจดหมาย "การถอดรหัส DNA ของ Anatoly Klyosov" ซึ่งลงนามโดยนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย 24 คน ตั้งแต่นั้นมาคุณได้สร้างศัตรูใหม่บ้างไหม?
อนาโตลี คลีโอซอฟ:หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ 24 คนเท่านั้น ใช่ ที่จริงแล้ว ส่วนใหญ่สามารถเรียกได้ว่าเป็นนักวิทยาศาสตร์ตามเงื่อนไขเท่านั้น หลายคนจากรายการนี้ไม่มีวุฒิการศึกษาเลย งานนี้ประกอบด้วยหลายส่วนที่อธิบายหมวดหมู่ของคู่ต่อสู้ของฉันอย่างละเอียดและมีตัวอย่าง หมวดหมู่ที่ใหญ่ที่สุดคือคนที่ไม่รู้หนังสือซึ่งให้เหตุผล "ในแง่ของแนวคิด" ไม่ใช่ในแง่ของวิทยาศาสตร์ พวกเขาไม่มีความรู้และเด็ดขาด อีกประเภทหนึ่งถูกตั้งข้อหาด้วยอุดมการณ์ Russophobic สำหรับพวกเขา ประวัติศาสตร์ที่ซื่อสัตย์ของรัสเซียและชาวสลาฟนั้นทนไม่ได้ หมวดหมู่ที่สามใกล้เคียงกับวิทยาศาสตร์เชิงวิชาการของรัสเซียและเกี่ยวข้องกับพันธุศาสตร์ประชากร
อันที่จริง หลังจากการตีพิมพ์งานวิจัยครั้งแรกของฉัน นักพันธุศาสตร์ป๊อปก็เริ่มเครียดทันที เพราะฉันสาธิตเครื่องมือที่เป็นกลางในการอธิบายลำดับวงศ์ตระกูลของผู้คน ประชากร และประเทศต่างๆ ตามการกลายพันธุ์ใน DNA คุณลักษณะที่สำคัญที่สุดของระเบียบวิธีลำดับวงศ์ตระกูล DNA คือการกำหนดอัตราการกลายพันธุ์ในส่วนต่างๆ ของ DNA และการประยุกต์ใช้อัตราเหล่านี้ในการคำนวณลำดับเหตุการณ์ของเหตุการณ์โบราณ - การอพยพของมนุษย์ในสมัยโบราณ อายุขัยของบรรพบุรุษร่วมกันของประชากรที่กำลังศึกษา . ลำดับวงศ์ตระกูล DNA ตรวจสอบรูปแบบการสืบทอดของการเปลี่ยนแปลงในส่วนของ DNA ของมนุษย์ที่ไม่ใช่รีคอมบิแนนท์ (“ขยะ” ตามที่ก่อนหน้านี้เรียกว่า - ประมาณ KR) ในระหว่างการวิวัฒนาการในช่วงเวลาตั้งแต่สิบถึงร้อยถึงล้านปี
การคำนวณเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับประวัติศาสตร์เพราะวิธีนี้ทำให้สามารถคำนวณได้เช่นเมื่อบรรพบุรุษของมนุษย์ยุคใหม่มาที่ยุโรป ฉันคิดรูปนี้ขึ้นมาเมื่อหลายปีก่อน - ประมาณ 4800 ปีที่แล้ว และนักพันธุศาสตร์ป๊อปตั้งชื่อข้อมูลอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง - ประมาณ 30,000 ปีก่อน ฉันพยายามคิดว่าตัวเลขนี้มาจากไหน และปรากฎว่าไม่มีการคำนวณที่ยืนยันได้ ข้อมูลถูกนำมาจากทางอากาศเท่านั้น
และนักพันธุศาสตร์ป๊อปก็มีข้อมูลที่คล้ายกันมากมายที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ ตัวอย่างเช่นพวกเขาให้ข้อโต้แย้งต่อไปนี้: อายุของภาพวาดที่ค้นพบในถ้ำในยุโรปตะวันตก (สเปน, ฝรั่งเศส) อยู่ที่ประมาณ 28-30,000 ปีพอดี ในเวลาเดียวกัน มนุษย์ยุคหินก็หายตัวไป และสันนิษฐานทันทีว่าบรรพบุรุษของชาวยุโรปยุคใหม่เข้ามาแทนที่พวกเขา ยิ่งกว่านั้นคือ "บรรพบุรุษแห่งปัจจุบัน" อย่างแน่นอน ใครอีกล่ะ? แต่นี่เหมือนกับการทำงาน "ตามแนวคิด" มากกว่าที่จะอาศัยหลักฐานโดยตรง โดยเฉลี่ยแล้วข้อผิดพลาดในการออกเดทของนักพันธุศาสตร์ป๊อปคือ 300-350% นั่นคือช่วงเวลาแตกต่างจากช่วงเวลาจริง 3-3.5 เท่า นอกจากนี้ยังเกิดขึ้นอีกมากมายดังตัวอย่างข้างต้น โดยมีความแตกต่างระหว่าง 30,000 ถึง 4,800 ปี
อีกตัวอย่างหนึ่ง: haplogroup (กลุ่มของการกลายพันธุ์ที่คล้ายกันโดยพื้นฐานใน DNA ที่กำหนดเพศของบุคคล - ประมาณ KR) R1a ถูกเรียกตามอัตภาพว่ายูเครนโดยพวกเขา เพราะมันควรจะปรากฏตัวครั้งแรกในยูเครน ข้อมูลนี้มาจากไหน การยืนยันอยู่ที่ไหน? มันก็ไม่มีอยู่จริง ฉันเริ่มมองหาแหล่งที่มาดั้งเดิม และปรากฎว่าเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ชาวอิตาลีสองคนได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวเป็นครั้งแรกและระบุว่าพวกเขามีข้อเท็จจริงสนับสนุน แต่พวกเขายังไม่ได้ประกาศ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นความผิดพลาดของพวกเขา แต่นักพันธุศาสตร์ป๊อปยังคงเรียกแฮ็ปโลกรุ๊ป R1a ว่า "ยูเครน" เป็นเวลาหลายปีและในสื่อวิชาการ นี่คือวิธีการทำงาน นี่คือสไตล์ของพวกเขา
จากข้อมูลการทดลองโดยตรงของเรา ปรากฎว่าตามกลุ่ม R1a ชาวยูเครนและรัสเซียเป็นคนกลุ่มเดียวกัน ดังนั้นกลุ่มแฮ็ปโลกรุ๊ปจึงไม่ได้ก่อตั้งขึ้นทั้งในยูเครนและในรัสเซีย มันมาถึงดินแดนของที่ราบรัสเซียอันเป็นผลมาจากการอพยพเมื่อประมาณ 5 พันปีก่อน ดังนั้นจึงเป็นความผิดพลาดที่จะบอกว่านี่เป็นกลุ่มยูเครนหรือรัสเซียล้วนๆ และจากข้อมูลของกลุ่มแฮ็ปโลกรุ๊ปอื่นๆ รัสเซีย ชาวยูเครน และชาวเบลารุสเป็นกลุ่มคนเดียวกัน พวกเขาแตกต่างกันในดินแดนแม้ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ตามมาตรฐานทางประวัติศาสตร์ พวกเขาแตกต่างกันเล็กน้อยในภาษาและโดยกำเนิดพวกเขาเกือบจะเหมือนกัน ยกเว้นเหตุผลทางภูมิศาสตร์ล้วนๆ สิ่งนี้จะกล่าวถึงด้านล่างเล็กน้อย
ฉันขอยกตัวอย่างที่ชัดเจนอีกตัวอย่างหนึ่ง: จากการค้นพบของนักพันธุศาสตร์ป๊อป haplogroup R1a ที่ถูกกล่าวหาว่าปรากฏในอินเดียเมื่อประมาณ 15,000 ปีก่อน บนพื้นฐานนี้ พวกเขาประกาศว่าไม่มีชาวอารยันอยู่เลย และกล่าวซ้ำไปซ้ำมาในบทความแล้วบทความเล่า นักพันธุศาสตร์ประชากรที่มีชื่อเสียง Lev Zhivotovsky สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อวิทยาศาสตร์โดยการตีพิมพ์บทความร่วมกับชาวอินเดียซึ่งเป็นชุดบทความที่พัฒนาแนวคิดที่ว่าชาวอารยันถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยแองโกล - แอกซอนเพื่อที่จะกดขี่อินเดียอย่างสมบูรณ์ในระหว่างการล่าอาณานิคม ที่นี่นักเขียนชาวอินเดียตามคำแนะนำของ Zhivotovsky และนักพันธุศาสตร์ป๊อปคนอื่น ๆ ตั้งสมมติฐานว่ากลุ่ม R1a เดินทางมายังยุโรปจากอินเดียซึ่งถือว่าไร้สาระโดยสิ้นเชิงเพราะการเปลี่ยนแปลงใน DNA ของมนุษย์ทำให้เราสามารถติดตามได้อย่างชัดเจนว่าการอพยพไปในทิศทางใด - อย่างแม่นยำ จากยุโรปสู่อินเดีย ข้อมูลทางโบราณคดีก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน
ในตอนแรกนักพันธุศาสตร์ป๊อปซึ่งพบข้อเท็จจริงที่เป็นเท็จซ่อนตัวอยู่เป็นเวลาหลายปี แต่พวกเขาก็ค่อยๆ ตระหนักว่าฉันกำลังสร้างระบบความรู้โดยที่พวกเขาไม่มีที่ยืนโดยที่ไม่ยอมรับว่าทฤษฎีของพวกเขานั้นผิดพลาด และพวกเขาตัดสินใจที่จะโจมตีเชิงรุก: เมื่อปลายปี 2014 ที่การประชุมมอสโกที่ Russian Academy of Sciences พันธุศาสตร์ป๊อป Elena Balanovskaya, Oleg Balanovsky และ Svetlana Borinskayaพวกเขาประกาศจากแท่นว่าตอนนี้พวกเขาจะรับเอา "วิทยาศาสตร์เทียม" ของฉันแล้ว ฉันเชื่อว่าการใส่ร้ายลำดับวงศ์ตระกูล DNA นั้นเกิดขึ้นอย่างแม่นยำเพื่อจุดประสงค์ในการป้องกันตัวเองของนักพันธุศาสตร์ป๊อป ท้ายที่สุดแล้วเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับความจริงที่ว่าพวกเขาทำผิดมา 20 ปีแล้ว
กลุ่มฝ่ายตรงข้ามของฉันก็มีนักโบราณคดีชื่อดังด้วย เลฟ สมุยโลวิช ไคลน์- เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพันธุศาสตร์ป๊อป ดูเหมือนว่าเขาไม่มีอะไรจะปกป้องในสาขานี้ เรามีจดหมายโต้ตอบกันมานาน ซึ่งตีพิมพ์ในภายหลัง ในระหว่างนั้นฉันได้อธิบายให้เขาฟังโดยละเอียดว่าลำดับวงศ์ตระกูล DNA คืออะไร และมันจะมีประโยชน์ต่อวิทยาศาสตร์ทางประวัติศาสตร์อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกขุ่นเคือง - ทำไมจู่ๆ นักเคมีบางคนก็ปรากฏตัวขึ้น (ไคลน์เน้นย้ำถึงความพิเศษของฉันอยู่ตลอดเวลา) ซึ่งขีดฆ่าส่วนหนึ่งของผลงานทางประวัติศาสตร์ตลอดชีวิตของเขา เขาไม่ชอบความจริงที่ว่าฉันเรียก R1a ว่าเป็น "กลุ่มแฮ็ปโลกรุ๊ปของชาวอารยัน" ตามอัตภาพ เขาเริ่มเขียนเกี่ยวกับ "การเหยียดเชื้อชาติ" ของฉันต่อสาธารณะทันที ฉันเข้าใจว่าชาวยิวมีความอ่อนไหวต่อแนวคิดเรื่อง "อารยัน" แต่สิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับชาวอารยันโบราณและจักรวรรดิไรช์ที่ 3 หลังจากฮิตเลอร์ คำว่า "อารยัน" ก็สกปรกและต้องห้ามมาเป็นเวลานาน แม้ว่าชาวอารยันในประวัติศาสตร์จะไม่ถูกตำหนิก็ตาม ดังนั้นไคลน์จึงตัดสินใจเล่นกับความหวาดกลัวของคนจำนวนหนึ่งต่อคำว่า "เรียส" โดยนิ่งเงียบไว้ว่าในงานประวัติศาสตร์ของเขาเขาใช้แนวคิดเรื่อง "เรียส" หลายร้อยครั้ง นี่เป็นสองมาตรฐาน
Balanovsky กล่าวจากพลับพลาของ Russian Academy of Sciences ว่าหนังสือของฉันเกี่ยวกับต้นกำเนิดของชาวสลาฟได้รับการตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Algorithm ซึ่งยังได้ตีพิมพ์บันทึกประจำวันของ Joseph Goebbels นักอุดมการณ์นาซีและบันทึกความทรงจำของเผด็จการชาวอิตาลี Benito Mussolini คุณลองจินตนาการดูว่านักวิทยาศาสตร์คนนี้จมลงไปถึงระดับไหนแล้ว? ฉันดูเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์และพบว่าอัลกอริทึมยังตีพิมพ์ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย Gennady Zyuganov อดีตเจ้าของ YUKOS Mikhail Khodorkovsky นักปรัชญา Alexander Zinoviev นักข่าว Oleg Kashin นักเศรษฐศาสตร์ Sergei Glazyev นักการเมือง Dmitry Rogozin นั่นคือ วารสารศาสตร์เฉพาะด้านที่หลากหลาย... กรณี ไม่ใช่สิ่งนี้ แต่ความจริงที่ว่า Balanovsky บอกใบ้มาทางฉันทางอ้อม: การศึกษาประวัติศาสตร์ของชาวสลาฟก็เหมือนกับการส่งเสริมลัทธินาซี
สำหรับฉันเห็นได้ชัดว่า Klein, Balanovsky และคนอื่น ๆ เช่นพวกเขาเป็น Russophobes แบบเปิดดังนั้นสำหรับสุภาพบุรุษเหล่านี้ลำดับวงศ์ตระกูล DNA ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความโบราณอันลึกซึ้งของชาวสลาฟและชาวรัสเซียกลุ่มชาติพันธุ์ก็เหมือนกับกระดูกในลำคอ ครั้งหนึ่ง Balanovskys เขียนบทความที่พวกเขาแย้งว่าชาวยูเครนสนใจเสาใน DNA และแตกต่างจากรัสเซียมาก พวกเขาตีพิมพ์แผนที่ DNA ซึ่งมีการแรเงาประชากรทางพันธุกรรมของประเทศยูเครนและรัสเซียด้วยสีที่ต่างกัน และแผนที่เหล่านี้ก็กลายเป็นข้อมูลบนโต๊ะสำหรับผู้รักชาติชาวยูเครน
อันที่จริงนี่เป็นเรื่องโกหกเพราะการเปรียบเทียบของเราแสดงให้เห็นว่าความแตกต่างระหว่างชาวยูเครนและรัสเซียนั้นน้อยมาก เรามีกลุ่ม R1a ร่วมกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือในสารตั้งต้นของทะเลบอลติก ซึ่งมีอยู่มากมายในหมู่ชาวรัสเซีย (และชาวเบลารุส) เนื่องจากชาวยูเครนอาศัยอยู่ทางภูมิศาสตร์ไกลจากทะเลบอลติก ตัวอย่างเช่น ชาวลิทัวเนียและลัตเวีย มีเนื้อหาของสารตั้งต้น N1c1 นี้ประมาณเดียวกันกับ "รัสเซียตอนเหนือ" - ประมาณ 40% และสูงกว่า สำหรับชาวรัสเซียที่เหลือตัวเลขดังกล่าวไม่เกิน 14% (สำหรับชาวยูเครน - 7.5% ชาวเบลารุส - 10%)
จากข้อมูลเท็จเหล่านี้ ชาวยูเครนบางคนเริ่มพูดถึงความพิเศษเฉพาะของตนและเรียกชาวรัสเซียว่า "มอร์โดเวียน" หรือ "ฝูงชน" นี่เป็นการก่อวินาศกรรมโดยสิ้นเชิงจากนักป๊อปเจเนติกส์ ในหนังสือภาษายูเครนเกี่ยวกับลำดับวงศ์ตระกูล DNA ที่ฉันกล่าวถึงข้างต้น มีลัทธินาซีที่ชัดเจน สำหรับพวกเขา อดัมเป็นคนยูเครน และเรือโนอาห์ลงจอดนอกชายฝั่งยูเครนหลังน้ำท่วม พูดง่ายๆ ก็คือเป็นเรื่องไร้สาระที่สุด ดังนั้นจึงชัดเจนว่าใครกำลังถูกขัดขวางจากการวิจัยของฉันในบริบทของสงครามข้อมูล สิ่งสำคัญคือหากการอภิปรายทางวิทยาศาสตร์สมเหตุสมผลข้อพิพาททางอุดมการณ์ก็ไม่มีประโยชน์โดยสิ้นเชิง - เป็นไปไม่ได้ที่จะประนีประนอมในสิ่งเหล่านี้ ในทำนองเดียวกัน การถกเถียงระหว่างพวกเสรีนิยมและผู้รักชาติก็เป็นผลเสีย
ปรากฎว่าลำดับวงศ์ตระกูล DNA ในแง่ความเป็นกลางนั้นเป็นศาสตร์แห่งความรักชาติเช่นกัน มันแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ที่แท้จริงโดยกล่าวว่าชาวสลาฟและบรรพบุรุษของพวกเขาอาศัยอยู่บนที่ราบรัสเซียเมื่อ 5 พันปีก่อนและไม่ใช่เลยตั้งแต่กลางสหัสวรรษที่ 1 ดังที่เชื่อกันโดยทั่วไป แนวความคิดเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์สมัยใหม่นี้ถือได้ว่าเป็นผู้ที่เกลียดชังรัสเซียในท้ายที่สุด เธอแทนที่แนวคิดทางประวัติศาสตร์ของชาวสลาฟด้วยแนวคิดทางภาษา แต่ก็เงียบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอหลีกเลี่ยงแนวคิดทางประวัติศาสตร์ของชาวสลาฟและบรรพบุรุษของรัสเซียโดยทั่วไปราวกับว่าพวกเขาไม่มีอยู่จริงเลย ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครใช้คำว่า "ชาวเยอรมันยุคแรก" หรือ "สแกนดิเนเวียยุคแรก" พวกเขาพูดว่า "สแกนดิเนเวียโบราณ" "เยอรมันโบราณ" และย้อนกลับไปหลายพันปี อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางประการ "ชาวสลาฟโบราณ" จึงได้รับอนุญาตให้ดำรงอยู่ได้จนถึงกลางสหัสวรรษที่ 1 เท่านั้น จากนั้นพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นและนี่ถือเป็นบรรทัดฐานราวกับว่าพวกเขาด้อยกว่าและไม่มี ประวัติศาสตร์อันยาวนานและลึกซึ้ง และระเบียบวินัยของเราได้เจาะเข้าไปในประวัติศาสตร์และเรียกร้องให้พิจารณาสมมติฐานที่ "ถูกปกปิด" ไปแล้วอีกครั้ง โดยเผยให้เห็นสิ่งที่หลายคนไม่ต้องการเปิดเผย เป็นที่ชัดเจนว่าสิ่งนี้รบกวนใจคนจำนวนมาก
KR:ถ้าจำไม่ผิด วิธีการของคุณมีข้อได้เปรียบที่ชัดเจนในแง่ของความถูกต้องแม่นยำของข้อมูลที่ได้รับ...
อ.ก.:ลองดูวิธีนี้ - นักโบราณคดีมักทำผิดพลาดในการกำหนดทิศทางการอพยพของประชาชน นักประวัติศาสตร์รู้จักคำพังเพยที่มีชื่อเสียง: "หม้อไม่ใช่คน" นั่นคือเป็นการยากที่จะกำหนดขอบเขตของการตั้งถิ่นฐานของประชาชนตามสิ่งประดิษฐ์ที่พบ ภาษาศาสตร์ทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือเฉพาะกับแหล่งข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น และยิ่งเราย้ายไปยังภาษาโบราณมากเท่าไร นักปรัชญาก็จะหลงทางที่นั่นมากขึ้นเท่านั้น และลำดับวงศ์ตระกูล DNA ซึ่งศึกษากลุ่มแฮ็ปโลกรุ๊ปและแฮโพไทป์และสามารถระบุสายโซ่ของการกลายพันธุ์หลักและต่อมาในพวกมันได้ เห็นได้ชัดว่าในหลายกรณีเป็นเครื่องมือที่เชื่อถือได้มากกว่า
มีนักประวัติศาสตร์ผู้กล้าหาญสองคน - ลิเดีย กรอทและ วเซโวลอด แมร์คูลอฟ- ผู้ที่ใช้ลำดับวงศ์ตระกูล DNA ในการทำงานและสังเกตว่าสิ่งนี้ช่วยในการค้นหาคำตอบสำหรับคำถามมากมาย และส่วนที่เหลือก็เลือกที่จะเก็บตัวเป็นความลับกับเธอในตอนนี้ เนื่องจากวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์สมัยใหม่นั้นค่อนข้างอนุรักษ์นิยม และมีแนวโน้มที่จะเชื่อถือ "ความคิดเห็นที่เชื่อถือได้" มากกว่าข้อเท็จจริง ฉันไม่อิจฉานักประวัติศาสตร์ในระบบ RAS ที่หลงใหลในระเบียบวินัยใหม่ของฉัน ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาอาจถูกกีดกันจากทุนสนับสนุนหรือเพียงแค่เปิดประตู...
KR: ฉันจำบทเรียนจากอดีตได้: ในปี 1749 นักประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิรัสเซีย เกอร์ฮาร์ด ฟรีดริช มิลเลอร์ ชาวเยอรมัน กล่าวสุนทรพจน์ที่ Academy of Sciences ในหัวข้อ "The Origin of the People and the Russian Name" หลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ซึ่งนำโดย Lomonosov ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 โดยเรียกร้องให้ประหารชีวิตมิลเลอร์ในฐานะคนทรยศ ในความเห็นของพวกเขา ผู้พูด "ในสุนทรพจน์ทั้งหมดของเขาไม่ได้แสดงให้เห็นเหตุการณ์ใด ๆ ที่สร้างความรุ่งโรจน์ของชาวรัสเซีย แต่เพียงกล่าวถึงมากกว่านั้นที่อาจนำไปสู่ความอับอายกล่าวคือ: พวกเขาพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการต่อสู้ที่พวกเขาทำลายล้างและ กษัตริย์ถูกปล้นสมบัติไป และสุดท้ายก็สมควรที่จะแปลกใจกับความประมาทที่เขาใช้สำนวนที่ว่าชาวสแกนดิเนเวียพร้อมด้วยอาวุธที่ได้รับชัยชนะสามารถพิชิตรัสเซียทั้งหมดได้สำเร็จ”
อ.ก.:ฉันต้องหักล้างความคิดเห็นที่ได้รับการยืนยันจากวิทยาศาสตร์อยู่ตลอดเวลา: พวกเขาบอกว่าชาวสแกนดิเนเวียนำงานฝีมือมาที่ Rus พวกเขายังมีส่วนร่วมในการทูตและการทหารด้วยและชาวสลาฟที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็โง่เขลาโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทั้งหมดนี้เริ่มต้นอย่างแม่นยำด้วยการก่อตั้ง Academy of Sciences โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันซึ่งมิคาอิลโลโมโนซอฟเป็นผู้นำการโต้เถียงอย่างแข็งขัน ทฤษฎีนอร์มันเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของมลรัฐในมาตุภูมิซึ่งได้รับการสนับสนุนจากมิลเลอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตร์ของเรา ในประเทศของเรา นี่ถือเป็นแนวคิดที่ถูกต้องเพียงข้อเดียว ฟังพวกนอร์มานิสต์ ดังนั้นชาวสแกนดิเนเวียจึงอาศัยอยู่ในมาตุภูมิ 'ทั้งที่เห็นได้ชัดหรือมองไม่เห็น พวกเขาเริ่มต้นด้วยชาวสแกนดิเนเวีย 20,000 คน จากนั้น 50,000 คน และ 100,000 คน และไคลน์คนเดียวกันกล่าวว่าก่อนหน้านี้มากถึง 13% ของประชากรทั้งหมดอาศัยอยู่ในมาตุภูมิ นั่นคือประมาณ 500,000 คน!
แต่ลำดับวงศ์ตระกูล DNA ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหก สแกนดิเนเวียมีเครื่องหมายทางพันธุกรรมเฉพาะที่เรียกว่ากลุ่มแฮโพไทป์สแกนดิเนเวีย ฉันตัดสินใจตรวจสอบว่าฉันสามารถหาชาวรัสเซียเชื้อสายใดได้บ้าง และเขาพบลูกหลานของชาวสแกนดิเนเวียเพียงสี่คนที่มีเครื่องหมายนี้จากตัวอย่าง DNA จำนวนมาก ฉันค้นหาในยูเครนแล้วไม่พบเลย ในเบลารุสและลิทัวเนียก็เหมือนกัน คุณเห็นไหมว่าแม้ว่าชาวสแกนดิเนเวีย 200 คนจะอาศัยอยู่กับเราในสมัยโบราณ แต่ลูกหลานของพวกเขาก็ไม่สามารถหายไปได้ ฉันดูแผนที่โลกของ DNA และเห็นได้ชัดว่ากลุ่มของกลุ่มนี้อยู่ในประเทศสแกนดิเนเวียแล้วไปทางตะวันตกโดยเฉพาะในเกาะอังกฤษ และในทางปฏิบัติพวกเขาไม่ได้ไปทางทิศตะวันออกยกเว้นบางทีอาจมีกองทหารของ Charles XII และมีกองทหารสแกนดิเนเวียอยู่ในบริเวณป้อมปราการ Oreshek บางทีอาจมีคนอยู่กับผู้ละทิ้งชาวฝรั่งเศสที่มีเชื้อสายสแกนดิเนเวียจากกองทัพของนโปเลียน แต่ไม่ว่าในกรณีใด ร่องรอย DNA ของพวกเขาในรัสเซียนั้นต่ำกว่าระดับทางสถิติที่มีนัยสำคัญ
ถ้าอย่างนั้นผู้สนับสนุนทฤษฎีนี้ก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับดาบสแกนดิเนเวียที่พบในมาตุภูมิ แต่คุณรู้ไหมว่าฉันมีคอมพิวเตอร์จากไต้หวันในมอสโกวนั่นหมายความว่าชาวไต้หวันก่อตั้งมอสโกวหรือเปล่า? และหากพบปืนพกของ Walter ถูกฝังอยู่ในพื้นดินในวลาดิวอสต็อก นั่นหมายความว่าชาวเยอรมันไปถึงวลาดิวอสต็อกในสงครามโลกครั้งที่สองหรือไม่? เราจะสามารถสรุปผลระดับโลกดังกล่าวจากการค้นพบของแต่ละบุคคลได้อย่างไร เหตุใดบันทึกหกเหลี่ยมใน Ladoga ซึ่งประมวลผลตามวิธีสแกนดิเนเวียจึงควรเป็นหลักฐานที่ขาดไม่ได้ของการครอบงำของชาวสแกนดิเนเวียในประเทศของเรา
KR: เราสามารถใส่เครื่องหมายที่เท่าเทียมกันระหว่างผู้ที่สนใจเรื่องลำดับวงศ์ตระกูล DNA และผู้รักชาติได้หรือไม่
อ.ก.: แน่นอนว่าลำดับวงศ์ตระกูล DNA นั้นขึ้นอยู่กับความรักชาติ ถ้าเพียงเพราะว่ามีเพียงผู้รักชาติเท่านั้นที่ต้องการประวัติศาสตร์ที่ซื่อสัตย์ของรัสเซีย เมื่อ “เสรีนิยม” คนเดียวกันต้องการพบเธอ เธอมักจะถูกทาตัวด้วยสีดำเสมอ ตัวอย่างเช่น ฉันไม่รู้จักสักคนเดียวที่สนใจและรักระเบียบวินัยนี้ และในขณะเดียวกันก็พูดว่า: "เอาไครเมียกลับมาเถอะ!" และในทางกลับกัน คนที่ขว้างโคลนใส่งานวิจัยของฉันยินดีมอบให้กับประเทศยูเครนของ Bandera มีเส้นแบ่งเขตที่ชัดเจนมาก: บุคคลนั้นรักและภูมิใจในประวัติศาสตร์ของประเทศของเขาหรือเขาไม่คิดว่าเป็นของเขาเอง
และสำหรับฉันเป็นการส่วนตัวแล้ว ลำดับวงศ์ตระกูล DNA ช่วยให้ฉันเข้าใจรากเหง้าของตัวเองได้ชัดเจน ฉันมาถึงจุดต่ำสุดของบรรพบุรุษรุ่นที่ 14 ที่อาศัยอยู่ในศตวรรษที่ 16 ฉันพบว่าพวกเขาเป็น "ลูกโบยาร์" และเป็นของบุคลากรทางทหารทางพันธุกรรมของรัสเซีย แล้วเราจะสนับสนุนจุดยืนที่ไครเมียถูกผนวกได้อย่างไร ในเมื่อบรรพบุรุษหลั่งเลือดเพื่อมัน? เฉพาะผู้ที่จำเครือญาติไม่ได้เท่านั้นที่สามารถปรารถนาสิ่งนี้ได้
KR: นอกจากคู่ต่อสู้แล้ว คุณต้องหาคนที่มีความคิดเหมือนกันอย่างแน่นอน
อ.ก.:ฉันมีคนที่มีความคิดเหมือนกันในระดับที่แตกต่างกัน แต่พวกเขาจะมองเห็นได้น้อยลงเท่านั้น ประการแรก ฉันได้รับจดหมายจำนวนมากและอนุมัติความคิดเห็นบนโซเชียลเน็ตเวิร์กบนเว็บไซต์ทางการของฉัน ผู้คนสนใจ ถามคำถาม และมักจะเขียนสิ่งที่ประทับใจมาก สำหรับหลายๆ คน ลำดับวงศ์ตระกูล DNA ช่วยให้พวกเขาค้นพบบรรพบุรุษและประวัติครอบครัวของพวกเขาได้ ไม่นานมานี้ เราได้จัดให้มีการรวมตัวของ Klyosovs ในหมู่บ้านครอบครัวของเราในภูมิภาค Kursk ซึ่งเรียกว่า Klyosovo เรารวมตัวกันใกล้สุสานเก่า ปูผ้าปูโต๊ะ และระลึกถึงบรรพบุรุษของเรา Konstantin Klyosov บางคนจาก Volgodonsk มาร่วมการประชุมโดยไม่รู้รากเหง้าของเขา แต่เขาก็มีนามสกุลเดียวกัน ฉันนำ DNA ของเขาไปวิเคราะห์ เช่นเดียวกับแขกคนอื่นๆ และตามที่คาดไว้ ยีนของเขามีความคล้ายคลึงกับผู้เข้าร่วมคนอื่นๆ ทั้งหมดในการประชุม เขามีความสุขที่ได้พบกับบรรพบุรุษของเขา โลกก็เบ่งบานไปด้วยสีสันใหม่ๆ สำหรับเขา
นอกจากนี้ชาวคอเคซัสมักจะติดต่อฉันด้วยซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องรู้ถึงรากเหง้าและให้เกียรติบรรพบุรุษของพวกเขา สำหรับหลายๆ คน ความทรงจำนี้ได้สูญหายไปแล้ว และพวกเขารู้สึกขอบคุณสำหรับโอกาสที่จะสร้างแผนภูมิลำดับวงศ์ตระกูลขึ้นมาใหม่ Karachay-Balkars ต้องการยืนยันต้นกำเนิดของพวกเขาจาก Alans เช่นเดียวกับ Ossetians, Tajiks จากประวัติศาสตร์ Aryans, ชาวยิวจาก Abraham และอื่น ๆ โครงการจำนวนมากของ Academy of DNA Genealogy ซึ่งก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการในสหพันธรัฐรัสเซียในเดือนกรกฎาคม 2558 และดำเนินการในมอสโกวมีเป้าหมายเพื่อสิ่งนี้
นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ฝึกฝนลำดับวงศ์ตระกูล DNA อย่างมืออาชีพอีกด้วย ฉันเพิ่งได้รับหนังสือภาษาสโลเวเนียเรื่อง “The Origin of the Slovenes and Other Europeans” และมีบรรณานุกรมหลายหน้า - ประมาณร้อยลิงก์ไปยังหนังสือและบทความของฉัน โดยทั่วไปแล้ว วิทยาศาสตร์ต้องใช้เวลาในการรับรู้ถึงสิ่งใหม่ๆ อย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น งานจริงจังชิ้นแรกเกี่ยวกับอารยธรรมสุเมเรียนได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2412 และวิทยาศาสตร์ยอมรับชาวสุเมเรียนและอัคคาเดียนในปี พ.ศ. 2461 เท่านั้น
KR: ในบรรดาผู้สนับสนุนของคุณ คุณสามารถพบแฟนๆ ของสิ่งที่เรียกว่าได้ “ประวัติศาสตร์พื้นบ้าน” นั่นคือการเพ้อฝันในรูปแบบของพระเวทสลาฟ-อารยันหรือตัวประหลาดโดยสิ้นเชิง พวกเขาไม่ได้ทำลายชื่อเสียงลำดับวงศ์ตระกูล DNA และให้เหตุผลอื่นแก่ผู้คลางแคลงในการวิพากษ์วิจารณ์คุณ
อ.ก.:การเล่นแร่แปรธาตุจะทำให้เคมีเสื่อมเสียได้อย่างไร? การมีอยู่ของผู้ที่คุณเรียกว่าตัวประหลาดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสาขาวิทยาศาสตร์ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และประวัติศาสตร์ เราจะไม่ขับไล่พวกเขาทั้งหมดออกไป แต่เราจะทำได้อย่างไร? มันแค่สนุกสำหรับพวกเขา และมันควรจะเหมือนกันสำหรับเราด้วย ฉันไม่ใช่คนเจ้าระเบียบที่นี่ เพราะฉันเห็นว่าสิ่งพิมพ์ทางวิชาการมีขยะมากมายมหาศาล รวมถึงวารสารวิทยาศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดฉบับหนึ่งอย่าง Nature ด้วย และฉันได้รับการอ่านโดยผู้ที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญที่มีมุมมองกว้าง ๆ ซึ่งมีความสนใจในหลาย ๆ เรื่อง ไม่มีอะไรผิดปกติกับที่
นอกจากนี้หากฉันตีพิมพ์บทความประเภทเบา ๆ ใน Bulletin of the Academy of DNA Genealogy จะมีคำนำอยู่ที่จุดเริ่มต้นเสมอซึ่งจะอธิบายสิ่งที่ควรดำเนินการอย่างจริงจังและสิ่งที่ไม่ควรทำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในระดับวิทยาศาสตร์ ฉันไม่อนุญาติให้คนแบบนั้นฉันอธิบายเสมอว่าความคิดของพวกเขาควรอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐาน และสมมติฐานควรอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง หากพวกเขาต้องการโต้แย้งอย่างจริงจังว่าชาวอารยันบินจากอัลฟ่าเซ็นทอรีหรือมาจากอาร์กติกเมื่อหลายร้อยปอนด์ปีก่อน ใครห้าม? นิยายไม่ได้ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด
KR: หลังจากรอคอยมาสามปี ในที่สุดก็มีข้อมูลปรากฏขึ้นเกี่ยวกับการเปิดห้องปฏิบัติการลำดับวงศ์ตระกูล DNA ในมอสโก คุณพบปัญหาอะไรบ้างและยังคงเผชิญอยู่ในขณะที่กำลังค้นพบมัน และเหตุใดเรื่องจึงใช้เวลานานมาก
อ.ก.:ตอนนี้เราอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการตกลงในข้อตกลง แต่ยังไม่ได้ส่งลายเซ็น ดังนั้นอย่าก้าวไปข้างหน้า ปัญหาหลักที่นี่คือดังต่อไปนี้: ตามที่ประสบการณ์หลายปีได้แสดงให้เห็น สำหรับนักแสดงแล้ว ผู้คนที่ถูกทดสอบนั้นมีมวลจำนวนหนึ่งที่นำเงินมาให้และนำผลลัพธ์ออกไป สำหรับ Academy of DNA Genealogy ที่มีอยู่ คนเหล่านี้คือคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เรารู้จักพวกเขาหลายคนเป็นการส่วนตัวหรือทางจดหมาย และเราอยากให้พวกเขาจ่ายเงินขั้นต่ำและรับผลโดยเร็วที่สุดด้วยความจริงใจ กล่าวโดยสรุป ทุกคนที่เราทำงานด้วยจนถึงตอนนี้ไม่เหมาะกับเราในท้ายที่สุด - เนื่องจากความโลภโดยสิ้นเชิง จรรยาบรรณในการทำงาน หรือความจริงที่ว่าพวกเขากลายเป็นคนกลางในการทดสอบ แม้ว่าพวกเขาจะวางตำแหน่งตัวเองในฐานะนักแสดงก็ตาม และการไกล่เกลี่ยทำให้ราคาของการทดสอบสูงเกินกว่าที่สมเหตุสมผล เนื่องจากคนกลางไม่ลืมตัวเองโดยธรรมชาติ ขณะนี้สถานการณ์กำลังพัฒนาไปด้วยดี และเราระมัดระวังว่าสิ่งต่างๆ กำลังมุ่งหน้าสู่การสร้างห้องปฏิบัติการ แนวคิดทั้งหมดของเราคือการสร้างห้องปฏิบัติการในรัสเซีย และเพื่อไม่ให้เงินไหลออกนอกประเทศ และไม่จำเป็นต้องส่งตัวอย่างไปต่างประเทศ และทำงานเกี่ยวกับฟอสซิล DNA ที่นี่ และอื่นๆ อีกมากมายที่สำคัญสำหรับการพัฒนา ของพื้นที่นี้ในรัสเซีย ไม่ใช่ที่อื่น
KR: คุณวางแผนที่จะตรวจ DNA ประเภทใด และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?
อ.ก.:ผู้รับเหมาซึ่งก็คือพันธมิตรห้องปฏิบัติการของเราต้องการเริ่มต้นด้วยการทดสอบขั้นต่ำ กล่าวคือ แฮโพไทป์และแฮ็ปโลกรุ๊ปที่มีเครื่องหมาย 17 ตัว บวกกับ SNP หนึ่งหรือสองตัว (การกลายพันธุ์ของลำดับนิวคลีโอไทด์ใน DNA - ประมาณ KR) และมีราคาประมาณ 15,000 รูเบิลแล้ว เรายังคงลดราคาต่อไป แต่จนถึงขณะนี้เราต้องเผชิญกับความไม่เต็มใจของผู้รับเหมาที่จะลดราคาอย่างน้อยก็อย่างมีนัยสำคัญ นักแสดงกลัวลูกค้ารายย่อยและแนะนำให้เริ่มต้นจากรายเล็กๆ ซึ่งเพียงพอสำหรับผู้เริ่มต้นส่วนใหญ่
KR: ผลลัพธ์ของการวิจัยดังกล่าวจะมอบให้กับผู้คนและวิทยาศาสตร์อย่างไร
อ.ก.:ผลลัพธ์ที่ได้จะเขียนเป็นตัวเลขและตัวอักษรโดยตัวมันเองจะไม่บอกอะไรคุณมากนัก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการถอดรหัสเพิ่มเติม ซึ่งรวมอยู่ในโปรไฟล์ของสถาบันการศึกษาของเรา และนี่คือข้อได้เปรียบหลักของเรา - การตีความผลลัพธ์ที่ได้รับเป็นการส่วนตัวซึ่งไม่มีความคล้ายคลึงในห้องปฏิบัติการใด ๆ ในโลก พวกเขาให้ข้อมูลเทมเพลตเท่านั้นเกี่ยวกับความหมายของกลุ่มแฮ็ปโลกรุ๊ปโดยเฉพาะ ไม่มีใครตีความ haplotypes เลย... Academy of DNA Genealogy ได้ดูแลรักษาฐานข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มแฮ็ปโลกรุ๊ปที่ได้รับจากต่างประเทศมาเป็นเวลานาน แม้จะรวบรวมชุด Haplotypes เพียงเล็กน้อย เราก็สามารถพัฒนาวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์โดยพื้นฐานได้ นี่จะถือเป็นเรื่องใหญ่มาก เมื่อเวลาผ่านไปด้วยการทำงานร่วมกันกับนักโบราณคดีเราจะเรียนรู้เช่นว่าใครเป็นชาวสลาฟรัสเซียโบราณตาม haplotype จากนั้นเราจะสามารถระบุได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลและเผ่าใด ตามมาตราส่วนเวลาเป็นไปได้ที่จะย้อนเวลากลับไปในอดีตได้มากดังนั้นประวัติศาสตร์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้นของชนเผ่าสลาฟจะปรากฏขึ้น เช่นเดียวกับกลุ่มแฮ็ปโลกรุ๊ปอื่นๆ ทันทีที่มีข้อมูลเกี่ยวกับ DNA ฟอสซิล (นั่นคือจากการวิเคราะห์ซากของคนโบราณ - ประมาณ KR) เราสามารถคาดหวังความก้าวหน้าที่แท้จริงในด้านโบราณคดี - ข้อเท็จจริงที่ไม่รู้จักมากมายอาจถูกค้นพบ จากนั้นฝ่ายตรงข้ามจะถูกบังคับให้ฟังเราและร่วมมือด้วย
บทสนทนานี้ดำเนินการโดย Ivan Vaganov
แผนที่นี้นำมาจากหนังสือเรียนของโรงเรียนในตุรกี แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแรงบันดาลใจของชาวแพนเติร์ก
ความตั้งใจของศูนย์กลางที่จะทำให้การศึกษาภาษาประจำชาติในสาธารณรัฐรัสเซียเป็นไปตามความสมัครใจโดยเฉพาะตามที่คาดไว้ได้พบกับฝ่ายค้านที่ทรงพลัง ผู้ยุยงตามที่คาดไว้คือตาตาร์สถาน ตำแหน่งของผู้พิทักษ์ภาษาตาตาร์ต่อ "การเลือกปฏิบัติของจักรวรรดิ" ได้รับการเปล่งออกมาอย่างมีคารมคมคายเมื่อปลายเดือนกันยายนโดยนักเคลื่อนไหวของสมาคมชาตินิยม "Azatlyk"ฟานิล กิลยาซอฟ - จากข้อมูลของ Gilyazov กฎหมายของรัฐบาลกลาง "ด้านการศึกษา" ไม่ได้บอกว่าควรศึกษาภาษาประจำชาติในรัสเซียโดยสมัครใจเท่านั้น ตำแหน่งของ Azatlyk ในเรื่องนี้สอดคล้องกับแนวทางของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการของตาตาร์สถาน.
เอนเจล ฟัตตาคอฟ หลักสูตรภาษาประณามวลาดิมีร์ ปูติน และผู้รักชาติในบัชคีเรีย หัวหน้าคณะกรรมการบริหารแห่งโลก Kurultai แห่ง Bashkirsอามีร์ อิเชมกูลอฟ โดยนัดพบกับอัยการสาธารณรัฐในวันที่ 16 ต.คอันเดรย์ นาซารอฟ “วิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับการพิสูจน์มานานแล้วว่าความรู้หลายภาษาช่วยปรับปรุงการทำงานและการพัฒนาของสมองทั้งสองซีก - Ishemgulov พิสูจน์ตำแหน่งของเขา - นอกจากนี้ยังง่ายกว่าสำหรับผู้ที่รู้ภาษาบัชคีร์ที่จะเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศหลายภาษาเช่นอังกฤษและเยอรมันเนื่องจากพวกเขาแบ่งปันตัวอักษรกับภาษาบัชคีร์เช่นตัวอักษร "h" ซึ่งยากต่อการออกเสียงโดยไม่รู้ ภาษาบัชคีร์ คนที่มองไปสู่อนาคตด้วยมุมมองจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความสำคัญของภาษาบัชคีร์ซึ่งเป็นของกลุ่มภาษาเตอร์กสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ” .
นักเคลื่อนไหวชาตินิยมจากภูมิภาคเตอร์กอื่น - ชูวาเชีย - ไม่ได้ยืนเคียงข้าง 21 ต.ค. หัวหน้าชูวาเชีย มิคาอิล อิกเนติเยฟได้รับจดหมายข่มขู่จากองค์กรแห่งชาติชูวัช “อิเรเคิลห์” พร้อมข้อเรียกร้องไม่อนุญาต “การเลือกปฏิบัติต่อภาษาชูวัช” .
สมาคม Chuvash แห่งชาติ (แม่นยำยิ่งขึ้น) ในประเด็นภาษาในภูมิภาคตั้งใจที่จะปฏิบัติตามแนวทางเดียวกันกับ World Congress of Tatars และ World Kurultai of Bashkirs “ การเลือกปฏิบัติ” ของภาษาชูวัชในรัสเซียจะมีการหารือในวันที่ 28 ตุลาคมที่เชบอคซารีในการประชุมของสภาแห่งชาติชูวัช
ผู้ปกป้องภาษาประจำชาติที่ "ถูกละเมิด" จากภูมิภาคโวลก้ายังได้รับการสนับสนุนจากภูมิภาคที่ไม่ใช่ภาษาเตอร์กด้วยในฤดูใบไม้ร่วงนักเคลื่อนไหว Kumyk และ Lezgin จากดาเกสถาน ตัวแทนขององค์กรสาธารณะ Circassian ของดินแดนครัสโนดาร์ บุคคลสาธารณะจาก Yakutia, Komi ฯลฯ กล่าวว่าภาษาของภูมิภาครัสเซียควรเป็นภาคบังคับสำหรับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน พื้นฐานกับภาษารัสเซีย
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การประชุมเดือนกรกฎาคมที่ยอชการ์-โอลา ซึ่งประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เรียกร้องให้ยุติกระแสต่อต้านรัฐธรรมนูญและพวกรัสเซียในขอบเขตการศึกษาของภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ กลายเป็นประวัติศาสตร์ ไม่เพียงแต่ผู้ปกป้องอำนาจอธิปไตยในระดับภูมิภาคเท่านั้นที่ต่อต้านเจตนารมณ์ของมอสโก คลื่นชาตินิยมต่อต้านปูตินที่เกิดขึ้นในหัวข้อภาษาได้รับการประเมินเชิงบวกมากกว่าในแวดวงวิทยาศาสตร์และการเมืองของอาเซอร์ไบจาน
ยาเซเมน การาโกยุนลู
ในเดือนตุลาคมเกี่ยวกับทรัพยากรของพรรคอาเซอร์ไบจัน เยนี มูซาวัต บาสเทนโฟภายใต้ชื่อที่ไพเราะมากกว่า “เส้นทางสู่ความอ่อนแอของรัสเซียคือการพัฒนาแนวคิดแบบแพนเทอร์นิสต์ภายในนั้น”.
ผู้เขียนบทความพนักงานของสถาบันปรัชญาของ National Academy of Sciences of Azerbaijan (ANAS) ยาเซเมน การาโกยุนลูระบุว่าเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนอย่างเต็มที่สำหรับสุนทรพจน์ "ภาษา" ของผู้รักชาติในตาตาร์สถานและบัชคีเรีย “ ฉันเชื่อว่ารัฐเตอร์กที่เป็นอิสระควรสนับสนุนการชุมนุมและข้อเรียกร้องเหล่านี้ - เขียน Garagoyunlu - รัฐเตอร์กต้องมีโปรแกรมการศึกษา ภาษา วัฒนธรรม และข้อมูลสำหรับวิชาเตอร์กของสหพันธรัฐรัสเซีย ตุรกีและอาเซอร์ไบจานต้องรักษาชาวรัสเซียเติร์กให้อยู่ในวงโคจรทางวัฒนธรรมของพวกเขา” .
นักวิทยาศาสตร์อธิบายทันทีว่าทำไมบากูและอังการาจึงต้องมอบผลประโยชน์ให้กับพวกตาตาร์รัสเซีย บาชเคอร์ คาราชัย และชาวเติร์กแห่งรัสเซีย: "เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่กลายเป็นชาวรัสเซียและหลอมรวมเข้าด้วยกัน" นางการาโกยุนลู เรียกประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์ของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติของรัสเซียและเติร์กในรัสเซียตามแบบฉบับของมรดกคลาสสิกของชาวเติร์ก "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเติร์ก"- ตามที่พนักงานของ ANAS กล่าว ตลอด 300 ปีที่ผ่านมาในคอเคซัสเหนือและใต้ รัสเซียไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในหมู่ประชากรเตอร์ก
“อาร์เมเนียถูกสร้างขึ้นบนดินแดนเตอร์กทางตะวันตกของอาเซอร์ไบจาน และแถบเตอร์กที่ไหลจากคอเคซัสไปยังทะเลดำและเชื่อมต่อคอเคซัสกับจักรวรรดิออตโตมันก็ถูกทำลายเช่นกัน” - ตามทางเดิน "เตอร์ก" จากคอเคซัสไปยังท่าเรืออันโด่งดัง Garagoyunlu หมายถึง... ดินแดนครัสโนดาร์ในปัจจุบัน อับฮาเซีย เซาท์ออสซีเชีย และจอร์เจีย “ บาตัมเป็นศูนย์กลางของทางออกของชาวเติร์กคอเคเชียนผ่านทะเลดำไปยังยุโรป บนแถบนี้มี Akhalkalaki, Meskheti (ภูมิภาคที่อยู่อาศัยของชาวเติร์ก Meskhetian - ประมาณ เอ็ด). รัสเซียทำลายแนวชาติพันธุ์ ภูมิศาสตร์ และวัฒนธรรมนี้ โดยก่อตั้งคริสเตียนที่มีอำนาจเหนือกว่าในคอเคซัสในรูปแบบของจอร์เจียนและอาร์เมเนีย และขัดขวางไม่ให้ออตโตมานรวมเข้ากับคอเคซัสและภูมิภาคอิเดล-อูร์ ลิตร ( ภูมิภาคโวลก้า - ประมาณ เอ็ด)» .
Garagoyunlu โรยเกลือบนบาดแผลของชาวเติร์กรัสเซียแพน-เติร์ก และบอกสิ่งมหัศจรรย์: “ ในระหว่างการเตรียมแผนการยึดคอเคซัสและเอเชียกลางปีเตอร์มหาราชถามนักวิทยาศาสตร์กลุ่มสลาฟว่าจะยึดดินแดนเหล่านี้ได้อย่างไรจะเริ่มต้นจากตรงไหน? กลุ่มชาวสลาฟตอบว่าจำเป็นต้องแบ่งภาษาเตอร์กภาษาเดียวเป็นภาษาถิ่นที่แยกจากกันเพื่อสร้างชนชาติใหม่และแบ่งแยกอัตลักษณ์เตอร์ก และทุกวันนี้ชาวรัสเซียกำลังดำเนินโครงการนี้เพื่อ Russify, Christianize และซึมซับภูมิศาสตร์เตอร์ก นโยบายนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความไม่สมดุลทางประชากรศาสตร์ และท้ายที่สุดคือการลดจำนวนชาวเติร์กผ่านการแปรสภาพเป็นคริสต์ศาสนา และการจัดวางกลุ่มชาติพันธุ์คริสเตียนในภูมิศาสตร์เตอร์ก” .
ตัวอย่างนี้ การสร้างตำนาน Russophobicเกิดจากจิตสำนึกของตัวแทนของแวดวงวิชาการด้านมนุษยธรรมของบากูถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบของตำนานที่ตาตาร์ชื่นชอบ "ผู้รักชาติ" เกี่ยวกับวิธีการยิงธนู อีวานผู้น่ากลัวคาซานตาตาร์ถูกบังคับให้รับบัพติศมาภายใต้การขู่ว่าจะตาย ตำนานนี้เหมือนกับรูปแบบอื่น ๆ ในธีมของมันตอนนี้ไม่มีอันตรายเลย สำหรับพวกตาตาร์ที่สมเหตุสมผล ตำนานของชาวเติร์กเกี่ยวกับการยึดคาซานทำให้เกิดเสียงหัวเราะได้ดีที่สุด และระคายเคืองอย่างเลวร้ายที่สุด แต่ Yasemen Garagoyunlu ไม่ได้ใช้เรื่องเล่าของชาวเติร์กในรูปแบบเปลือยเปล่า แต่กำหนดให้สิ่งเหล่านี้เป็นเวกเตอร์ของการพัฒนาทางการเมืองในปัจจุบัน “สหพันธรัฐรัสเซียในปัจจุบันเป็นการผสมผสานระหว่างชนเผ่าสลาฟและเตอร์ก รัสเซียมีสองอารยธรรมและวัฒนธรรมทางเลือก: รัสเซีย-สลาฟ คริสเตียน ออร์โธดอกซ์ และเตอร์ก-มุสลิม ซึ่งหมายความว่าเพื่อที่จะล่มสลายและทำให้รัสเซียอ่อนแอลง จำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเส้นแบ่งระหว่างสองวัฒนธรรมนี้ ในสหพันธรัฐรัสเซียมีรัฐเตอร์กปกครองตนเอง - ตาตาร์สถาน, บาชคอร์โตสถาน, สาธารณรัฐอัลไต, ตูวา, คาราชัย-เชอร์เคสเซีย, คาคัสเซีย, คาบาร์ดิโน-บัลคาเรีย, ซาฮา, ชูวาเชีย, ไครเมีย, กาเกาเซีย, คารากัลปากสถาน (ดังนั้นในข้อความ - ประมาณ เอ็ด). รัสเซียรู้ดีว่าการดำรงอยู่ของการปกครองตนเองของชาวเตอร์กนั้นเป็นรอยเลื่อน และรัสเซียจะแตกสลายจากเส้นนี้อย่างแน่นอน รัสเซียในปัจจุบันก่อตั้งขึ้นโดยการยึดครอง Golden Horde ชะตากรรม อนาคต และการดำรงอยู่โดยทั่วไปของรัสเซียซึ่งเป็นเจ้าของดินแดนอันกว้างใหญ่ของยูเรเซีย ขึ้นอยู่กับการลุกฮือและเจตจำนงทางการเมืองของชนชาติเตอร์กที่อาศัยอยู่ภายใต้แอกของรัสเซีย" - ตามคำกล่าวของ Garagoyunlu ชาวเติร์กแห่งรัสเซียกำลังประสบกับความหลงใหลที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนและต้องการออกจาก "คุกแห่งประชาชาติ" เพื่อไม่ให้แตกสลายเหมือนสหภาพโซเวียตรัสเซีย “ ดำเนินการจัดเก็บภาษาและวัฒนธรรมรัสเซียอย่างแข็งขันในวิชาเตอร์ก” .
เนื้อหาของนางสาวการาโกยุนลูดูค่อนข้างอันตราย แต่ในข้อความของนักวิทยาศาสตร์บากูมีช่วงเวลาที่ไม่สามารถรับรู้ได้หากไม่มีเสียงหัวเราะ การอธิบายถึงนโยบาย "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ของรัสเซียต่อชาวเติร์กแห่งภูมิภาคโวลก้าและคอเคซัสตั้งแต่สมัยซาร์ Garagoyunlu เรียกนโยบายนี้ว่า "หลักคำสอนอิลมินสกี้-ตอลสตอฟ" อิลมินสกี้น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด นิโคไล อิวาโนวิช อิลมินสกี้(พ.ศ. 2365-2434) - นักตะวันออกและนักการศึกษาของประชาชนในภูมิภาคโวลก้าผู้แปลพระกิตติคุณและเพลงสดุดีเป็นภาษา Kryashen ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา Ilminsky เขียน คอนสแตนติน โปเบโดโนสต์เซฟว่ากลุ่ม Pan-Turkists ซึ่งกำลังได้รับความเข้มแข็งในภูมิภาคโวลก้ากำลังพยายามผลักดัน Kryashens ที่ไม่เคยรู้จักศาสนาอิสลามให้เข้ามานับถือศาสนาอิสลาม และจากนั้นก็เข้าสู่ประเทศตาตาร์และครอบครัวเตอร์กทั่วไปที่ "อบอุ่น"
กับตอลสตอยซึ่งตาม Garagoyunlu ได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเติร์กในคอเคซัสมันกลับกลายเป็นเรื่องตลกมากกว่าอิลมินสกี้มาก เซอร์เก ปาฟโลวิช ตอลสตอฟ(พ.ศ. 2450-2519) - นักโบราณคดีชาวโซเวียตผู้โด่งดังผู้เชี่ยวชาญในรัฐโบราณของเอเชียกลาง แต่ค่อนข้างเป็นไปได้ที่ Garagoyunlu พนักงานของ Azerbaijani Academy of Sciences ไม่ได้ระบุนักประวัติศาสตร์โซเวียตที่โดดเด่น แต่เป็นญาติของเขาว่าเป็น "สถาปนิกแห่งการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของชาวเติร์กในคอเคซัส" นายพลทหารม้า Sergei Tolstoy ปู่ของนักตะวันออกเข้าร่วมในสงครามรัสเซีย - ตุรกีในปี พ.ศ. 2421-2422 และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2443 ถึง พ.ศ. 2448 ได้รับการแต่งตั้งเป็นอาตามันของกองทัพเทเร็กคอซแซค กล่าวอีกนัยหนึ่งคือตัวอย่างของการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ต่อปิตุภูมิของเขาและไม่มีสัญญาณว่า Sergei Evlampievich Tolstov อาจทำให้ใครก็ตามถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ชาวเติร์กเติร์กสามารถยึดติดกับความจริงที่ว่านายร้อยคอซแซค Sergei Tolstov มีส่วนร่วมในการยึด Khiva ในปี พ.ศ. 2416 แต่จากข้อมูลของ Garagoyunlu ตอลสตอย "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ชาวเติร์กไม่ได้อยู่ในเอเชียกลาง แต่อยู่ในคอเคซัส! มีคนอยากถามนางการาโกยุนลู: ถ้าเธอหมายถึงปู่ของตอลสตอย เธอไม่ได้จำแนก Khiva Khanate ว่าเป็น "Great Azerbaijan" ซึ่ง "แบ่งแยกทางประวัติศาสตร์" ในศตวรรษที่ 19-20 หรือไม่? แม้ว่านักวิทยาศาสตร์สตรีอาจไม่ได้หมายถึงตอลสตอย แต่หมายถึงตอลสตอย ฉันสงสัยว่าอันไหน ตัวแทนที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกของตระกูลตอลสตอยซึ่งเป็นผู้เขียนสงครามและสันติภาพได้ต่อสู้ในคอเคซัสตั้งแต่ยังเป็นเด็ก อีกประการหนึ่งคือ Lev Nikolaevich Tolstoy ไม่ได้ "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ชาวไฮแลนด์ แต่ยังชื่นชมพวกเขาด้วยซ้ำ...
“ผู้อ่านชาวรัสเซียอาจมองว่าบทความของ Garagoyunlu เป็นคำชมเชยของคนบ้า - สมาชิกสภาประธานาธิบดีรัสเซียเพื่อความสัมพันธ์ระหว่างชาติพันธุ์บอกกับพอร์ทัล EADaily อิสมาอิล ชาบานอฟ, ประธานองค์กรสาธารณะ “Talysh Diaspora of Russia” - แต่พวกเขาไม่ได้กักขังคนบ้าไว้ที่สถาบันปรัชญาของ Academy of Sciences แห่งอาเซอร์ไบจาน การาโกยุนลูเขียนเนื้อหาของเธอเพื่อสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนแห่งชาติรัสเซียที่ต่อต้านวลาดิมีร์ ปูตินด้วยจิตใจที่เป็นกลาง Yasemen Garagoyunlu เข้ามาศึกษาวิทยาศาสตร์จากสาขาการเมือง - จากองค์กรเยาวชนของพรรค Yeni Musavat เมื่อสี่ปีที่แล้ว Garagoyunlu เรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศให้ความสนใจกับ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ของชาวเติร์กในอิหร่านที่ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการโดยระบอบการปกครองของสาธารณรัฐอิสลาม ฉันสามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าการเรียกร้องเชิงทำลายล้างเหล่านี้ซึ่งเป็นอันตรายต่อความสัมพันธ์อาเซอร์ไบจัน - อิหร่านอย่างสันติได้รับการประสานงานกับแวดวงการเมืองบากู เช่นเดียวกับที่มีการตกลงกันในบทความต่อต้านรัสเซียโดย Garagoyunlu ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนตุลาคม โดยที่หญิงสาวคนนี้เรียกความปรารถนาของวลาดิมีร์ ปูติน ที่จะปกป้องภาษารัสเซียว่า "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเติร์ก"
คำแถลงสาธารณะทั้งหมดของนักวิทยาศาสตร์อาเซอร์ไบจันได้รับการตรวจสอบเบื้องต้นกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง สถาบันปรัชญาแห่งสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติแห่งอาเซอร์ไบจานอยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้าฝ่ายบริหารประธานาธิบดีแห่งอาเซอร์ไบจาน Ramiz Mehdiyev นักวิชาการของ ANAS และให้ความสนใจกับสิ่งต่อไปนี้ อุดมการณ์ทางประวัติศาสตร์และการเมืองส่วนใหญ่ที่นำมาใช้ในอาเซอร์ไบจาน โดยที่อาเซอร์ไบจานได้รับมอบหมายให้เป็น "เหยื่อ" ของการสมรู้ร่วมคิดของมหาอำนาจยุโรป และชาวอาเซอร์ไบจาน - บทบาทของประเทศที่ถูกแบ่งแยก ได้รับการพัฒนาอย่างแม่นยำโดย Ramiz Mehdiyev” .
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2017 การประชุมใหญ่ของ Russian Academy of Sciences ไม่สามารถเลือกประธานาธิบดีได้ เนื่องจากผู้สมัครทั้งสามคนถอนตัวจากผู้สมัครในวินาทีสุดท้าย
สันนิษฐานว่าสามารถแต่งตั้งน้องชายของเพื่อนส่วนตัวของประธานาธิบดีของประเทศสมาชิกที่เกี่ยวข้อง M. Kovalchuk ผู้อำนวยการสถาบัน Kurchatov ผู้สร้างแรงบันดาลใจและผู้จัดงานความพ่ายแพ้ของ RAS ภายใต้หน้ากากของการปฏิรูปในปี 2556 ประธาน RAS แต่มีบางอย่างไม่ได้ผลที่นี่เช่นกัน
สิ่งนี้ถือเป็นวิกฤต ถึงแม้จะไม่ใช่วิกฤตก็ตาม และมันไม่ได้เริ่มเมื่อวานนี้
แต่ปัญหาพื้นฐานที่เป็นระบบของ RAS ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในระดับทางการ โดยถูกแทนที่ด้วยการพูดคุยเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเงินทุนไม่เพียงพอ การเป็นเจ้าของอาคาร RAS ค่าเช่า รายละเอียดของการปฏิรูป RAS...
ส่วนที่ 1 Russian Academy of Sciences กับ รัสเซีย
Academy of Sciences – รังของ Russophobes
Russian Academy of Sciences ก่อตั้งขึ้นเมื่อใด เมื่อรัสเซียแตกสลายโดยการรับบัพติศมา ถูกทำลายอีกครั้งโดยความสามัคคีของยุโรป ซึ่งปีเตอร์ที่ 1 "ได้ตัดหน้าต่างเข้าสู่ยุโรป" ลากไปยังรัสเซีย ครอบครัวเมสันก่อตั้งสถาบันหลายแห่งในรัสเซีย รวมถึง Academy of Sciences ซึ่งเต็มไปด้วยสมาชิกของบ้านพัก Masonic ต่างประเทศและแบ่งปันความคิดเห็นของพวกเขา
http://www.e-reading.by/chapter.php/139105/33/Burovskiii_-_Petr_Pervyii_-_proklyatyii_imperator.html
“จากตัวอย่างของการพัฒนา Freemasonry ในรัสเซีย เราจะทำความคุ้นเคยกับวิธีที่สกปรกในการก้าวไปสู่เป้าหมายที่สกปรกได้อย่างชัดเจนที่สุด เนื่องจากวิธีการและเป้าหมายเหล่านี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมาจนถึงทุกวันนี้ ด้วยการดึงความคล้ายคลึงทางประวัติศาสตร์มาทำให้เราเข้าใจทิศทางและลักษณะของกิจกรรมของพวกเขาในปัจจุบัน”
ปีเตอร์ที่ 1 และพวกเมสัน
http://spravedllivost.narod.ru/masons/2_1.htm
ความคล้ายคลึงกันทางประวัติศาสตร์นั้นชัดเจนมาก Imperial Academy of Sciences and Arts ก่อตั้งโดย Peter I ในปี 1724 เป็นแบบอะนาล็อกของ Skolkovo ในปัจจุบันและมีเป้าหมายที่คล้ายกัน - เพื่อเลี้ยงผู้คนจากต่างประเทศด้วยเงินของรัสเซีย แต่ที่สำคัญที่สุดคือเพื่อสร้างฐานที่มั่นอย่างเป็นทางการของต่างประเทศ รุกเข้าสู่รัสเซีย ฐานที่มั่นแห่งนี้ใช้ควบคุมชีวิตชาวรัสเซียทุกด้านเพื่อผลประโยชน์ของความสามัคคีในโลก เขาทำหน้าที่ของ "หัวหน้างาน" ซึ่งขัดขวางการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของรัสเซียและขัดขวางการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย
Academy of Sciences ก่อตั้งขึ้นในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นเมืองที่สร้างขึ้นตามหลักการของ Masonic ซึ่งเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ของ Masonic
งานชิ้นหนึ่งของนักวิชาการต่างชาติ (มิลเลอร์, ไบเออร์, ชโลเซอร์) คือการปลอมแปลงประวัติศาสตร์รัสเซีย, การยัดเยียด "ทฤษฎีนอร์มัน" ของการก่อตั้งรัสเซียตามวัฒนธรรมที่ถูกนำเข้าสู่ "คนป่าเถื่อนรัสเซีย" โดย บรรดาเจ้าชาย Varangian
Lomonosov พูดต่อต้านคำโกหกนี้ ในงานของเขา "ประวัติศาสตร์รัสเซียโบราณ" เขาหักล้างวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับ "ความมืดอันยิ่งใหญ่แห่งความโง่เขลา" ที่ถูกกล่าวหาว่าปกครองในมาตุภูมิโบราณ เขาได้รับการสนับสนุนจากนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียคนอื่นๆ
หลายคนยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการครอบงำของชาวต่างชาติที่ Academy คณะกรรมาธิการวุฒิสภาซึ่งนำโดยเจ้าชายยูซูปอฟ ซึ่งสอบสวนข้อกล่าวหาดังกล่าว พบว่าในคำร้องเรียนนั้นเป็น “การก่อจลาจลของกลุ่มฝูงชนที่ลุกขึ้นต่อต้านเจ้าหน้าที่” ผู้ลงนามถูกจับกุม ล่ามโซ่ และล่ามโซ่ จากนั้นผู้ริเริ่มก็ถูกประหารชีวิต ส่วนที่เหลือถูกเฆี่ยนอย่างโหดร้ายและถูกส่งตัวไปเนรเทศ
หากสิ่งที่เรียกว่า Imperial Academy of Sciences ตัดสินคะแนนกับฝ่ายตรงข้ามในลักษณะนี้ ก็แทบจะไม่คุ้มที่จะพิจารณาว่ามันเป็นสถาบันทางวิทยาศาสตร์ ค่อนข้างเป็นกลุ่มอาชญากรรม (OCG) ที่มีเป้าหมายอยู่ไกลจากวิทยาศาสตร์ เช่น การทำลายล้าง ของรัสเซีย
ในส่วนที่เกี่ยวกับ Lomonosov คณะกรรมาธิการวุฒิสภาชุดเดียวกันระบุว่าเขา "สำหรับการกระทำที่ไม่สุภาพ ไม่ซื่อสัตย์ และน่ารังเกียจซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งที่เกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาและคณะกรรมาธิการ และดินแดนของเยอรมนี จะต้องได้รับโทษประหารชีวิต หรือในกรณีที่รุนแรง ลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีและลิดรอนสิทธิและสภาพ” ตามคำสั่งของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ Lomonosov ถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่ได้รับการปล่อยตัวจากการลงโทษ แต่เงินเดือนของเขาลดลงครึ่งหนึ่ง และเขาต้องขออภัยโทษจากนักวิชาการด้วยความถ่อมใจ “สำหรับความอวดดีที่เขาทำ”
คริสตจักรออร์โธดอกซ์รัสเซียก็ทำหน้าที่ร่วมกับสถาบันการศึกษาเช่นกัน สมัชชากล่าวหานักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ว่าเผยแพร่ผลงานต่อต้านพระภายใต้มาตรา 18 และ 149 ของมาตราการทหารของปีเตอร์ที่ 1 ซึ่งกำหนดโทษประหารชีวิต Archimandrite D. Sechenov ผู้สารภาพของจักรพรรดินีเอลิซาเบธ Petrovna เรียกร้องให้เผานักวิทยาศาสตร์คนนี้
การเสียชีวิตของมิคาอิล โลโมโนซอฟนั้นเกิดขึ้นอย่างกะทันหันและลึกลับ และมีข่าวลือเกี่ยวกับการจงใจวางยาพิษของเขา บางทีสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในที่สาธารณะ ศัตรูของเขาทำอย่างลับๆ
เอกสารสำคัญของ Lomonosov ถูก Potemkin ยึดตามคำสั่งของ Catherine II และหายไปอย่างไร้ร่องรอย
เกี่ยวกับการครอบงำของชาวต่างชาติในวิทยาศาสตร์รัสเซีย...
http://www.liveinternet.ru/users/3840102/post276075609/
โดยรวมแล้ว กลุ่มสามกลุ่ม ได้แก่ รัฐบาลจักรวรรดิ โบสถ์ สถาบันวิทยาศาสตร์ ได้ทำลายวิทยาศาสตร์รัสเซียและนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย
และไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในรอบเกือบสามร้อยปีนับตั้งแต่การก่อตั้ง Academy of Sciences ในรัสเซีย
และในปัจจุบันฝ่ายตรงข้ามของทฤษฎีนอร์มันของรัฐรัสเซียซึ่งเป็นผู้สนับสนุนทฤษฎีของอารยธรรมสลาฟทางตอนเหนือที่ได้รับการพัฒนาอย่างสูงกำลังถูกรัดคอตายเช่นเดียวกับ Lomonosov ที่ถูกโยนออกจาก Academy และโดยทั่วไปจากวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ
โปรดจำไว้ว่าสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งจักรวรรดิเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กไม่ได้เลือกนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด D. Mendeleev และ N. Lobachevsky เป็นนักวิชาการ โปรดจำไว้ว่าประธานของ Academy Grand Duke Konstantin ไม่อนุญาตให้ผู้สมัครของนักฟิสิกส์ชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ A. Stoletov ลงสมัครเป็นสมาชิกใน Academy โดยอธิบายการตัดสินใจของเขาด้วย "ลักษณะที่เป็นไปไม่ได้" ของผู้สมัคร
ประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้อยู่ในการดูแลของ Academy ตลอดเวลา - นักวิทยาศาสตร์ที่มีการเรียนรู้ทุกระดับที่ไม่เห็นด้วยกับ "สายทั่วไป" ของหน่วยงานจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปใน Academy
เมื่อพวกบอลเชวิคมาถึง การกวาดล้างผู้เห็นต่างดังกล่าวครั้งใหญ่ก็เริ่มขึ้น
เหตุใดนักวิทยาศาสตร์จึงถูกยิงและคุมขังในสหภาพโซเวียต?
https://lenta.ru/articles/2016/07/05/repressions/
นักชีววิทยาผู้ยิ่งใหญ่ Nikolai Vavilov เสียชีวิตในป่าลึก Alexander Chizhevsky นักชีวฟิสิกส์ผู้ชาญฉลาด ผู้ก่อตั้งเฮโลชีววิทยา ถูกกล่าวหาว่าต่อต้านการปฏิวัติ ในปี 1942 เขาถูกจับกุมและโยนเข้าค่ายกักกันเป็นเวลา 8 ปี จากนั้นถูกเนรเทศไปยังนิคม และห้องปฏิบัติการไอออนิฟิเคชั่นที่เขาสร้างขึ้นก็ปิดตัวลง ห้ามตีพิมพ์และเผยแพร่ผลงานของเขา และนี่คือหลังจากที่ A. Chizhevsky ได้รับเลือกเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของการประชุมนานาชาติด้านฟิสิกส์ชีวภาพและชีววิทยาอวกาศครั้งที่ 1 ในนิวยอร์กในปี 1939 ซึ่งเขาถูกเรียกว่า "Leonardo da Vinci แห่งศตวรรษที่ 20" เฉพาะในปี 1962 Chizhevsky เท่านั้นที่ได้รับการฟื้นฟูบางส่วน (ต้อโดยสิ้นเชิง) นักออกแบบชาวรัสเซียผู้ยิ่งใหญ่ Andrei Tupolev และ Sergei Korolev ผ่านเรือนจำ NKVD และนักวิทยาศาสตร์จำนวนนับไม่ถ้วนเสียชีวิตในป่าลึก
นักวิทยาศาสตร์ในรายการประหารชีวิตของสตาลิน
http://rys-arhipelag.ucoz.ru/publ/gulag/uchenye_v_stalinskikh_rastrelnykh_spiskakh/57-1-0-4464
ในปีพ.ศ. 2465 บน "เรือปรัชญา" รัฐบาลใหม่ได้ไล่นักประวัติศาสตร์และนักปรัชญาที่รัฐบาลไม่ชอบออก “การกล่าวร้ายตนเองและแม้แต่การปฏิเสธประวัติศาสตร์ของตนเองเป็นอาการอย่างหนึ่งของการเจ็บป่วยของชาวรัสเซียที่ติดเชื้อไวรัสร้ายแรงของลัทธิคอมมิวนิสต์ ด้วยแนวทางนี้ วิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์ก็ตายไป”
เพื่อยุติ "ชายสวมแว่น" ในปี พ.ศ. 2472-2474 เจ้าหน้าที่ลงโทษของสหภาพโซเวียตได้เปิดสิ่งที่เรียกว่า "คดีวิชาการ" ซึ่งเรียกอีกอย่างว่า "คดีของนักวิชาการ Platonov" ซึ่งเป็นนักประวัติศาสตร์ของโรงเรียนเก่า ตามชื่อของ ผู้ต้องหาหลัก
คนทั้ง 115 คนที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้มักถูกกล่าวหาว่า “ก่อตั้งองค์กรลับต่อต้านโซเวียตและทำงานให้กับหน่วยข่าวกรองต่างประเทศ” มีผู้ถูกตัดสินจำคุกตามระยะเวลาต่างๆ จำนวน 29 คน ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2474 อดีตเจ้าหน้าที่กองทัพรัสเซียกลุ่มหนึ่งซึ่งทำงานในสถาบันของ Academy of Sciences ถูกตัดสินประหารชีวิต
พวกบอลเชวิคคิดค้นรัสเซียได้อย่างไร
https://sputnikipogrom.com/history/68755/fake-russia/#.WNuFR6LYXIU
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่หนังสือ "Russophobia" ของ I. Shafarevich ถือกำเนิดขึ้นอย่างแม่นยำในแวดวงวิชาการซึ่งมีเนื้อหามากมายในหัวข้อนี้
Russian Academy of Sciences กำลังทำลายรัสเซีย
หลังจากที่นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียล้มลงในปี พ.ศ. 2460 Russophobes ได้ยึด Academy of Sciences
ชาวยิวและชาวต่างชาติจากทุกที่ต่างก้าวไปข้างหน้าอย่างมากในการเป็นสมาชิก - ผู้สื่อข่าวและนักวิชาการของ Russian Academy of Sciences
http://ladaria.livejournal.com/4103599.html
มีสถาบันของ Russian Academy of Sciences ที่พนักงานเกือบทั้งหมดเป็นชาวยิว เช่น Institute of Theoretical Physics หรือ Institute of Crystallography ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของนักวิชาการ Weinstein และนี่คือกระดานของสถาบันวิจัยอวกาศของ Russian Academy of Sciences ซึ่งมีการแขวนรูปของผู้สร้างกิตติมศักดิ์ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ: Valentin Semenovich Etkin, Pavel Efimovich Elyasberg, Yan Lvovich Ziman, Yakov Borisovich Zeldovich ฯลฯ . IKI นำโดยนักวิชาการ Lev Zeleny
http://www.vitki.info/html
และจะไม่มีใครสนใจองค์ประกอบระดับชาติของชนชั้นสูงทางวิทยาศาสตร์หากวิทยาศาสตร์ได้ผล แต่เธอกำลังจะตาย และผู้คนกำลังมองหาคำตอบสำหรับคำถาม: ทำไม?
ภายในปี 2562 นักวิทยาศาสตร์ประมาณ 10,000 คนอาจถูกไล่ออก และนี่คือหลังจากการสั่งสอนอย่างเข้มงวดของ Fursenko-Livanov
http://www.ng.ru/science/2016-08-02/3_kartblansh.html
ข้อมูลสำหรับเดือนธันวาคม 2559: ในรัสเซีย จำนวนการป้องกันวิทยานิพนธ์ลดลง 40% ในระยะเวลา 3 ปี
http://www.vladtime.ru/nauka/522216
สมาชิกของ Academy of Sciences มีบทบาทสำคัญในการสถาปนาระบอบ "ประชาธิปไตย" ที่หายนะในการทำลายสหภาพโซเวียต นักวิชาการจากเศรษฐศาสตร์ A. Aganbegyan และ L. Abalkin พิสูจน์ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของระบบทุนนิยมและตลาดเสรีนิยมเหนือระบบสังคมนิยมอย่างกระตือรือร้นและสมาชิกที่เกี่ยวข้อง N. Shmelev บรรยายถึงความรื่นรมย์ของโลกตะวันตกอย่างตื่นเต้น
โครงการที่พัฒนาโดยกลุ่มริเริ่มซึ่งเป็นทางเลือกแทนเสรีนิยมตลาดและมุ่งเป้าไปที่การอนุรักษ์และพัฒนาสหภาพโซเวียต ได้รับการยกย่องจาก USSR Academy of Sciences A.D. สมาชิกคนหนึ่งของกลุ่มที่กำลังพัฒนาโครงการโซยุซเล่า มาซิน:
“ Gorbachev เชิญนักวิชาการ L.I. Abalkin ให้พิจารณาโครงการ Soyuz และหากดูเหมือนว่ามีแนวโน้มดีสำหรับเขาให้รับมันไว้ภายใต้ "ปีก" ของ Academy Abalkin ตอบอย่างกักขฬะ: “ฉันไม่คุยกับคนโง่เขลา” จากนั้นเขาก็บอกว่าวันนี้เรากำลังพูดถึงการดำรงอยู่ของสหภาพโซเวียต คำตอบก็กักขฬะพอๆ กัน: “คุณเป็นนักการเมือง ดังนั้นสนับสนุนสหภาพโซเวียต แต่เราเป็นนักวิทยาศาสตร์ เราจะสนับสนุนวิทยาศาสตร์” โดยพื้นฐานแล้วมันคือโทษประหารชีวิตของสหภาพโซเวียตที่ประกาศโดย Academy และสิ่งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2531 โดยพื้นฐานแล้ว Academy of Sciences ของสหภาพโซเวียตเข้ารับตำแหน่ง: ปล่อยให้ประเทศพินาศปล่อยให้ผู้คนหลายล้านคนตายและยากจน แต่เราจะไม่อนุญาตให้มีการพิจารณาโครงการสำหรับโครงสร้างทางเลือกของประเทศ สื่อก็ไม่ได้ตีพิมพ์แม้แต่บรรทัดเดียวเกี่ยวกับสิ่งที่ทำระหว่างเปเรสทรอยกา และเหตุใดจึงทำทั้งหมดนี้ หลังจากการทรยศต่อนักข่าว ก็ไม่สามารถช่วยสหภาพโซเวียตได้อีกต่อไป นั่นคือตอนที่กอร์บาชอฟลงนามในหมายมรณกรรมของสหภาพโซเวียต โดยกล่าวว่า: "เราปฏิเสธแผนการอันหลากหลายของ Procrustean" จริงอยู่ที่ไม่มีใครสนใจวลีนี้ พวกเขาล้อเลียนมันและลืมไป”
เกี่ยวกับโครงการระบบรัฐ "สหภาพ"
http://pandia.ru/text/78/084/16825.php
แท้จริงแล้ว Academy of Sciences มีบทบาทร้ายแรงในการล่มสลายของสหภาพโซเวียต โดยไม่ต้องเสนอโปรแกรมที่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงโปรแกรมเดียวให้กับสังคมเพื่อเอาชนะปรากฏการณ์วิกฤต ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอำนาจของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำ ในบรรดานักวิชาการ มีเพียง อ.ส.ค. เท่านั้นที่ “โดดเด่น” Sakharov ซึ่งกลายเป็นของเล่นในมือของกองกำลังทำลายล้างและมีส่วนสนับสนุนการล่มสลายของสหภาพโซเวียตโดยตรง Academy of Sciences ปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในการเจรจากับตัวแทนของกองกำลังทางปัญญาที่อยู่นอกชุมชนวิชาการที่คับแคบ สื่อยังมีส่วนทำให้ปรากฏการณ์เชิงลบรุนแรงขึ้นด้วยการปฏิเสธที่จะหารือเกี่ยวกับข้อเสนอทางเลือกในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของการกอบกู้ "ทุนนิยมเบา" เพิ่มมากขึ้น
สมาชิกที่สอดคล้องกันของ Russian Academy of Sciences V. Tishkov โกหกโดยพิสูจน์ว่าการปฏิรูป "ประชาธิปไตย" ไม่ได้นำไปสู่การสูญพันธุ์ของประชาชนและในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการนำเข้าแรงงาน สถาบันของเขากระจายความคิดเห็นของ “ผู้เชี่ยวชาญ” อย่างแข็งขันเพื่อระงับกิจกรรมของนักประชาสัมพันธ์และผู้จัดพิมพ์ชาวรัสเซีย โดยกล่าวหาว่าพวกเขา “ยุยงให้เกิดความเกลียดชังระหว่างเชื้อชาติ ศาสนา และระหว่างชาติพันธุ์” แม้ว่าตามข้อมูลของ Tishkov ระบุว่าไม่มีประเทศในรัสเซียก็ตาม
สงครามกับเหตุผล
https://knigogid.ru/books/94819-voyna-protiv-razuma/toread
“ประชาธิปไตย” รัสเซียได้กำหนดให้การกำจัดวิทยาศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์เป็นนโยบายของรัฐ
ฆ่าคนฉลาด!
http://www.golos-epohi.ru/?ELEMENT_ID=10703
มีความเห็นว่าโดยการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย - FSB, กระทรวงกิจการภายใน, ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี - ในฐานะนักวิชาการภายใต้หน้ากากของ "นักวิทยาศาสตร์หลัก" ผู้นำของ Russian Academy of Sciences "พยายามสร้าง โครงสร้างรัฐบาลคู่ขนาน ผู้คนของพวกเขาสามารถพบปะกันอย่างเป็นส่วนตัวภายใต้ข้ออ้างที่เป็นไปได้ โดยไม่ก่อให้เกิดความสงสัยใดๆ และที่สำคัญที่สุดคือทั้งหมดพร้อมกัน Russian Academy of Sciences คือเครมลินใหม่ มีเพียงแต่มีอำนาจมากกว่า... แต่ชาวยิว Fortov ไม่โชคดี: ปูตินอุ่นเครื่องเขาเพื่อเจ้าหน้าที่ - นักวิชาการของ Russian Academy of Sciences”
http://sasha-portland.livejournal.com/125231.html
เหตุผลหลักสำหรับตำแหน่งต่อต้านรัสเซียของชนชั้นสูงทางวิชาการตามที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวไว้คือ "การครอบงำของชาวยิวที่ปฏิวัติ" ใน RAS ตั้งแต่ปี 1917 จนถึงปัจจุบัน
https://cont.ws/@rastenie/442521
นักวิชาการเป็นพันธมิตรที่ภักดีต่อคณาธิปไตยที่กำลังทำลายรัสเซีย ดังนั้นนักวิชาการ V. Sadovnichy จึงเรียกมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโกอย่างภาคภูมิใจซึ่งเขาเป็นหัวหน้าซึ่งเป็นผู้มีอำนาจปลอมแปลงเช่น อธิการบดีภูมิใจที่มหาวิทยาลัยมอบหมายให้เขาฝึกฝนคนโกงและขโมย
https://news.mail.ru/society/28547945/?frommail=1
บทบาทชี้ขาดในการล่มสลายครั้งสุดท้ายของ Academy นั้นมีบทบาทโดยสิ่งที่เรียกว่า "การปฏิรูปของ Russian Academy of Sciences" ซึ่งเริ่มในปี 2013 แม้แต่สำนักงานอัยการสูงสุดของรัสเซียก็ยืนยันว่าผู้ริเริ่มการปฏิรูปไม่ใช่กระทรวง ของการศึกษา ตามที่รัฐมนตรีในขณะนั้น D. Livanov กล่าวว่า "กฎหมายนี้ได้รับการพัฒนาบนพื้นด้านบน" ใครคือ "ชั้นสูงสุด" ของกระทรวงศึกษาธิการและวิทยาศาสตร์ในขณะนั้น: ประธานรัฐบาล D. Medvedev หรือรองของเขา โอ โกโลเดตส์? ฝ่ายบริหารประธานาธิบดี? หรือวอชิงตัน? บรัสเซลส์? หรืออาจจะเป็น CIA? มอสสาด? ถ้าไม่ก็มนุษย์ต่างดาวล่ะ? หรือองค์พระผู้เป็นเจ้าเอง? – ยังไม่ชัดเจน การละเว้นและความไม่จริงใจของรัฐมนตรี ความไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามโดยตรงเกี่ยวกับการประพันธ์ร่างกฎหมาย ทำให้มีพื้นที่กว้างที่สุดสำหรับการไตร่ตรองในหัวข้อ "ใครสั่ง Academy of Sciences"
ใคร “สั่ง Academy of Sciences:
http://www.za-nauku.ru/index.php?option=com_content&task=view&id=7587
เนื้อหาแนวคิดหลักของร่างกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูป Russian Academy of Sciences ในปี 2013 ซึ่งไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้จะมีการแก้ไขใด ๆ ที่ได้รับการอนุมัติโดย State Duma และการประท้วงจากชุมชนวิทยาศาสตร์ ถือเป็นการกำจัดครั้งสุดท้ายของ Russian Academy of Sciences จากวิทยาศาสตร์ การวิจัยโดยการตัดออกจากสถาบันการศึกษาที่ถูกโอนไปอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซึ่งเป็นตัวแทนโดย Federal Agency of Scientific Organisations (FANO) ที่สร้างขึ้นใหม่ สถาบันยังคงทำหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาเท่านั้น ซึ่งท้ายที่สุดก็กลายเป็น "ชมรมนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่น" เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีนักวิชาการคนใดออกจากสถาบันการศึกษาเพื่อประท้วงต่อต้านการตัดขาดจากกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ โดยเลือกที่จะเข้าร่วมใน "ปาร์ตี้ของสโมสร" ต่อไป
ข้อเท็จจริงนี้ทำให้แม้แต่เจ้าหน้าที่ของสถาบันการศึกษาที่เตรียมจดหมายอุทธรณ์ถึงนักวิชาการโกรธเคือง
จดหมายถึงนักวิชาการและสมาชิกของ Russian Academy of Sciences, Russian Academy of Medical Sciences และ Russian Academy of Agricultural Sciences:
http://www.za-nauku.ru/?option=com_content&task=view&id=7690&Itemid=39
“เรียนเพื่อนร่วมงานอาวุโส! เจ้าหน้าที่วิจัยของ Russian Academy of Sciences รู้สึกผิดหวังอย่างมากกับจุดยืนที่ไม่สอดคล้องของคุณที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายว่าด้วย Russian Academy of Sciences และกฎระเบียบของหน่วยงานกลางขององค์กรวิทยาศาสตร์ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2013 เพื่อนร่วมงานของคุณปฏิเสธที่จะเข้าสู่ "สถาบันการศึกษา" ที่สร้างขึ้นใหม่ ดังนั้นจึงได้รับความไว้วางใจและความเคารพจากเรา เป็นเวลากว่าสามเดือนแล้วที่เราร่วมกับชมรมวันที่ 1 กรกฎาคมและสหภาพแรงงานของ Russian Academy of Sciences ต่อสู้เพื่อยกเลิกกฎหมายที่เป็นอันตรายสำหรับวิทยาศาสตร์รัสเซีย ในขณะที่คุณหารือเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อกลุ่มสถาบัน คุณได้ทำการเจรจาเบื้องหลังกับเจ้าหน้าที่ตลอดเวลานี้ และคุณประสบความสำเร็จอะไรบ้าง?
กฎหมายถูกนำมาใช้จริงโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง RAS กลายเป็น "สโมสรแห่งผลประโยชน์" โดยมีค่าเผื่อการงดออกเสียงทุกเดือน ร่างกฎระเบียบของหน่วยงานได้รับการเผยแพร่แล้ว ซึ่งระบุโดยตรงว่า “สโมสรผลประโยชน์” ของคุณไม่มีสิทธิ์ พนักงาน RAS ส่วนใหญ่ถือว่าจุดยืนของผู้ปฏิบัติตามคำสั่งของคุณเป็นการทรยศ”
ผลของการปฏิรูปไม่ได้ส่งผลช้าต่อตำแหน่งสาธารณะของนักวิชาการ ในการชุมนุมประท้วงต่อต้านการปฏิรูป Russian Academy of Sciences ซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงกันยายน 2556 สโลแกนที่จ่าหน้าถึงผู้นำของประเทศปรากฏอยู่เป็นประจำ:“ คุณเองกำลังสร้างความขัดแย้งจากพวกเรา” เมื่อออกจากงาน “ชนชั้นสูง” ทางวิชาการหันไปหาแนวคิดที่ต่อต้าน แต่ไม่ใช่กับแนวคิดที่มีใจรัก เรียกร้องให้ทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่หันไปหาแนวคิดเสรีนิยมที่พูดถึง “เสรีภาพทางวิชาการ” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังการปฏิรูปในปี 2013 ในที่สุด Academy ก็เปลี่ยนมาสู่จุดยืนที่สนับสนุนตะวันตก ต่อต้านรัสเซีย และต่อต้านรัสเซียในที่สุด
ตำแหน่ง RAS นี้ได้รับการยืนยันโดยการเลือกตั้งอดีตหัวหน้ากระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เฮนรี คิสซิงเจอร์ ให้เป็นสมาชิกเต็มตัวของ Academy เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2016 ให้เราอ้างอิงเพียงข้อความเดียวจากนักวิชาการ "รัสเซีย" คนใหม่ “ฉันชอบความวุ่นวายและสงครามกลางเมืองในรัสเซียมากกว่าแนวโน้มที่จะรวมรัสเซียเป็นรัฐเดียวที่เข้มแข็งและรวมศูนย์” การที่เขาได้รับเลือกให้เป็นนักวิชาการบ่งชี้ว่าตำแหน่งนี้สอดคล้องกับอุดมการณ์ของสมาชิก RAS
เหตุใด Henry Kisinger จึงกลายเป็นนักวิชาการของ Russian Academy of Sciences
และนี่คือไข่มุกแห่งนักวิชาการ "รัสเซีย" คนใหม่: "ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและเงินในการทำสงครามกับรัสเซีย ประเทศนี้มีส่วนร่วมในการวิจารณ์ตนเองและจะทำลายตัวเอง รัสเซียไม่ได้รักตัวเองจริงๆ และสิ่งนี้เห็นได้ชัดเจนในทุกวันนี้: การขาดความต้องการคนหนุ่มสาว การติดยา โรคพิษสุราเรื้อรัง และการค้าประเวณี ประเทศชาติกำลังอ่อนแอทางร่างกาย ยารักษาโรคจวนจะล่มสลาย และน่าเสียดายที่รัฐไม่ค่อยกังวลกับเรื่องนี้” คิสซิงเกอร์รู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร - เขาและเพื่อนร่วมงานชาวอเมริกันลงทุนงานจำนวนมากและเงิน 4 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อทำลายสหภาพโซเวียตและทำให้ประเทศของเราเป็นเช่นนี้
คิสซิงเจอร์เป็นเพื่อนที่ดีของมอนซานโต ผู้ผลิตจีเอ็มโอ และเป็นผู้เขียนบันทึกข้อตกลง 200 ที่เป็นลางร้ายเกี่ยวกับแผนของชนชั้นสูงเหนือชาติเพื่อลดจำนวนประชากรในประเทศกำลังพัฒนาที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์เป็นหลัก รัสเซียถูกรวมอยู่ในหลายประเทศ เช่น ประเทศกำลังพัฒนาที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์และมีประชากรที่ "ไม่ได้ผลกำไรทางเศรษฐกิจ"
นี่เป็นอีกหนึ่งอัญมณีจากนักวิชาการ RAS Kissinger: “โดยการควบคุมน้ำมัน คุณสามารถควบคุมสถานะได้ ด้วยการควบคุมอาหาร คุณสามารถควบคุมประชากรได้..."
บทที่ว่าด้วยบันทึกข้อตกลง 200 จากหนังสือ The American Century ของ Engdahl
http://mir.zavantag.com/voennoe/415871/index.html?page=6
ด้วยการเลือกคิสซิงเจอร์เป็นนักวิชาการ Academy of Sciences ได้เปิดไฟเขียวให้กับการทำลายล้างประชากรที่ "ไร้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจ" ของรัสเซียผ่านการส่งเสริม GMOs สู่ตลาดอาหารของรัสเซีย เนื่องจาก GMOs เป็นโรคภูมิแพ้ มะเร็ง ภาวะมีบุตรยาก... สิ่งนี้ กิจกรรมต่อต้านรัฐ "ทางวิชาการ" ถูกกำหนดโดยคำว่า "ลัทธิฟาสซิสต์อาหาร"
ด้วยเหตุนี้ นักวิชาการควรถูกดำเนินคดีหากมีรัฐบาลที่ฝักใฝ่รัสเซียในรัสเซีย แต่เขายังไม่อยู่ที่นั่น
สถาบันวิทยาศาสตร์ดังกล่าวเป็นอันตรายต่อประเทศ
มาเฟียภายใต้ฉายา "Academy of Sciences"
ปัจจุบันหลังจากรวมนักวิชาการด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และเกษตรกรรมแล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 941 คน มีผู้หญิงเพียง 13 คน จำนวนสมาชิก RAS ที่เกี่ยวข้องคือ 1158 คน (VIKI)
สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสหภาพโซเวียตมีนักวิชาการ 323 คน ซึ่งน้อยกว่าในรัสเซียถึง 3 เท่า และมีสมาชิกที่เกี่ยวข้อง 586 คน เกือบครึ่งหนึ่งของจำนวนในรัสเซีย แม้ว่าประชากรในรัสเซียจะน้อยกว่าในสหภาพโซเวียตเกือบสองเท่าก็ตาม
และการเติบโตอย่างรวดเร็วของจำนวนประชากรวิชาการทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่อุปกรณ์วิทยาศาสตร์เสื่อมถอย สถาบันไม่มีเงินสำหรับการวิจัย ว่างเปล่าหรือปิดตัวลง คนทำงานด้านวิทยาศาสตร์ยากจนลง เข้าสู่ธุรกิจ กลายเป็นคนขี้เมา หรืออพยพออกไปหลายร้อยคน นับพัน นักวิชาการไม่สนใจว่าเงินเดือนของนักวิจัยธรรมดาที่มีวุฒิการศึกษาไม่ดี: ในจังหวัด 12-25,000 ในเมืองหลวง 30-40,000 รูเบิล
ตามทฤษฎีแล้ว นักวิชาการที่เป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ควรถูกลงโทษเนื่องจากการล่มสลายของวิทยาศาสตร์ แต่รัฐบาลรัสเซียกลับเพิ่มการจ่ายเงินเพิ่มเติมสำหรับตำแหน่งนักวิชาการจาก 70 เป็น 100,000 รูเบิลสมาชิกที่เกี่ยวข้อง - จาก 30,000 เป็น 50,000 ต่อเดือนโดยคงการชำระเงินเพิ่มเติมเหล่านี้ไว้ตลอดชีวิต
นอกเหนือจากค่าธรรมเนียมสำหรับตำแหน่งนี้แล้ว นักวิชาการและสมาชิกที่เกี่ยวข้องยังมีเงินเดือนจำนวนมาก เนื่องจากส่วนใหญ่ประกอบด้วยผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ USSR Academy of Sciences ถูกเรียกว่า "สหภาพแรงงานของกรรมการ"
นอกจากนี้ พวกเขายังมีสิทธิ์ได้อพาร์ทเมนต์ขนาดใหญ่ในบ้านอันทรงเกียรติ รับการรักษาพยาบาลพิเศษฟรี ทริปธุรกิจจากต่างประเทศบ่อยครั้ง... พวกเขาได้รับรางวัลทางวิทยาศาสตร์ รางวัลระดับรัฐ ทุนสนับสนุน... เงินทุนจากการเช่าสถาบันที่ว่างเปล่าก็อยู่ในมือของพวกเขาเช่นกัน จนกว่าจะได้รับการจัดสรรจากสำนักงานราชการ - FANO แต่สถานการณ์นี้มีลักษณะเป็นสุภาษิตรัสเซียว่า "ขโมยขโมยสโมสรของโจร" เนื่องจากสำหรับนักวิทยาศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปแล้วใครก็ตามที่เป็นเจ้าของอาคารเหล่านี้ก็ไม่ต่างอะไร
และนักวิชาการก็ยอมรับเอกสารประกอบคำบรรยายเหล่านี้อย่างเชื่อฟัง อนุมัติการตัดสินใจทั้งหมดของรัฐบาลเสรีนิยม ซึ่งกำลังทำลายวิทยาศาสตร์ของรัสเซีย และไม่มีใครบ่นเกี่ยวกับการทำลายล้างของอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมที่เน้นความรู้ ซึ่งตัดลูกค้าด้านวิทยาศาสตร์ออกไปและทำให้มันไม่มีการอ้างสิทธิ์ และประธานสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย Yu. Osipov ก็เก็บตัวเงียบๆ และใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานในสวิตเซอร์แลนด์เป็นเวลาหกเดือน และฟอร์ตอฟพึมพำอย่างคลุมเครือเกี่ยวกับเงินและทรัพย์สินไม่ใช่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์
ตามกฎบัตรของ Academy หน้าที่หลักของสมาชิก Academy คือการเสริมสร้างวิทยาศาสตร์ด้วยความสำเร็จใหม่ๆ
แต่นักวิชาการประสบความสำเร็จเพียงในการเพิ่มคุณค่าของตนเองเท่านั้น ในแง่ของผลลัพธ์ทางวิทยาศาสตร์ในแง่ของการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ รัสเซียติดอันดับหนึ่งในสถานที่สุดท้ายของโลก
แต่อย่างไรก็ตาม กองเรือวิชาการทั้งหมดนี้ยังคงได้รับอาหารจากงบประมาณของรัฐรัสเซีย ในขณะที่กำลังต่อสู้กับรัสเซีย
ดูเหมือนว่ารัฐบาล Russophobic ของรัสเซียกำลังจ่ายเงินให้กับสมาชิกของ Russian Academy of Sciences สำหรับงานที่ทำเพื่อฆ่าวิทยาศาสตร์ของรัสเซียและรัสเซียด้วย
นักวิชาการเป็นคณาธิปไตยทางวิทยาศาสตร์ และเช่นเดียวกับผู้มีอำนาจ พวกเขาได้รับสินบนอย่างไม่ยุติธรรมและไม่ยุติธรรม
พวกเขาเป็นใคร - นักวิชาการ, สมาชิกที่เกี่ยวข้อง? พวกเจ้าเล่ห์ที่รู้วิธีเอาใจผู้บังคับบัญชาและปฏิบัติตาม "แนวร่วม" ของรัฐบาลปัจจุบันอย่างชัดเจน คุณภาพนี้ทำให้พวกเขาลอยล่องไปทั้งภายใต้พวกบอลเชวิคและภายใต้พวกเสรีนิยมเช่นนักวิชาการ D. Lvov ประชาชนกลุ่มนี้ลืมไปนานแล้วว่างานทางวิทยาศาสตร์คืออะไร และในตอนแรกพวกเขาก็ยังไม่เข้าใจงานดังกล่าวดีนัก สิ่งที่ถูกมองว่าเป็น “ผลงานที่ยอดเยี่ยม” มักจะเป็นผลงานของพนักงาน และพวกเขาแสดงความสนใจเพียงเล็กน้อยในงานของผู้มาใหม่ในการเลือกตั้ง Russian Academy of Sciences เมื่อเลือกสมาชิกใหม่ของ RAS ข้อกำหนดหลักสำหรับผู้สมัครคือต้องไม่ฉลาดกว่าสมาชิกที่มีอยู่ และแน่นอนว่าเป็นของตระกูล "เราเอง"
สถานที่ที่ Academy of Sciences ได้รับการสืบทอด
เราจัดทำบันทึกจำนวนญาติที่เลือก
https://www.gazeta.ru/science/2016/10/28_a_10284935.shtml
นักวิชาการถึงกับลากเด็กที่ไม่มีพรสวรรค์ของตนเองเข้าสู่ RAS
http://www.za-nauku.ru/index.php?option=com_content&task=view&id=10923&Itemid=35
กิจกรรมของ "ราชวงศ์วิชาการ" ช่วยให้มั่นใจถึงความต่อเนื่องของนโยบายต่อต้านรัฐของ Academy of Sciences
ดังนั้นคณะกรรมาธิการต่อต้านวิทยาศาสตร์เทียมที่น่าอับอายจึงนำโดยนักวิชาการ E.B. Aleksandrov หลานชายของอดีตประธานาธิบดีของ USSR Academy of Sciences A.P. อเล็กซานโดรวา (ตั้งแต่ปี 1975 ถึง 1986) โดยทางบริษัท เอ.พี. อเล็กซานดรอฟเป็นผู้นำงานด้านระบบควบคุมและความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยเฉพาะโรงงานเชอร์โนบิล และระบบเหล่านี้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญมากมาย ในช่วงรัชสมัยของลุงของเขา หลานชายของเขาซึ่งปกป้องวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอกของเขาสองปีหลังจากวิทยานิพนธ์ของเขา ได้รับรางวัล USSR State Prize ในปี 1978 และในปี 1979 ก็กลายเป็นสมาชิกของ USSR Academy of Sciences ที่ อายุ 43 ปัจจุบัน “นักวิทยาศาสตร์” รายนี้กำลังผลักดัน GMOs เข้าสู่รัสเซียอย่างแข็งขัน
มันกลายเป็นสัญญาณว่าเมื่อสิ่งต่าง ๆ แย่ลงที่ Russian Academy of Sciences คณะกรรมาธิการด้านวิทยาศาสตร์เทียมก็เริ่มทำงาน
เกี่ยวกับกิจกรรมที่ถูกโค่นล้มของคณะกรรมาธิการ Pseudoscience ของ Russian Academy of Sciences
http://www.liveinternet.ru/users/zdorovie_russian/post408664549
มิคาอิล เกลฟานด์ “นักวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จ” หลานชายของนักวิชาการ อิสราเอล มอยเซวิช เกลฟานด์ ก็ทำงานในสาขาเดียวกันเช่นกัน โดยส่งเสริม GMOs ให้กับรัสเซีย
ไม่ใช่จีเอ็มโอที่น่ากลัว
ผู้อำนวยการศูนย์วิศวกรรมชีวภาพแห่ง Russian Academy of Sciences นักวิชาการ K.G. Scriabin ลูกชายของนักวิชาการ G.K. Scriabin และหลานชายของนักวิชาการ K.I. Scriabin ก็เป็นผู้สนับสนุน GMOs ที่กระตือรือร้นเช่นกัน
ปรากฎว่าอยู่ในรูปแบบ "มาเฟีย" ที่บริสุทธิ์ซึ่งแปลจากภาษาอิตาลีแปลว่า "ครอบครัวของฉัน"
Katyuschik-ทีวี ศาลวิทยาศาสตร์. นักวิชาการ Pseudoscientific Alexandrov, Gaifulin, Buchstaber
Academy of Sciences พิจารณาว่าใครเป็น "ของตัวเอง" นี่คือความคิดเห็น: “ ตั้งแต่ปี 1917 จนถึงทุกวันนี้ Russian Academy of Sciences ได้ถูกแบ่งระหว่างสองเผ่า - ชาวยิวและตาตาร์ พวกเขาไม่อนุญาตให้ใครสัญชาติอื่นเข้ามาภายใน จึงขาดผลทางวิทยาศาสตร์”
ใครและเมื่อจับ RAS?
http://www.kramola.info/vesti/novosti/kto-i-kogda-zahvatil-ran
โดยสรุป Academy of Sciences เปรียบเสมือนรางอาหารอันหล่อเลี้ยงสำหรับคนในตัวเอง เป็นเตียงที่นุ่มสบายซึ่งไม่มีใครถามถึงผลงานของนักวิชาการ และไม่มีทางที่จะขับไล่แม้แต่สิ่งที่ไม่จำเป็นและเป็นอันตรายที่สุดออกจาก Academy ได้ แต่ถ้าส่วนท้ายของการกระจาย - ที่แย่ที่สุด - ไม่ถูกตัดออกระบบก็จะเน่า เกิดอะไรขึ้นกับ Academy of Sciences
นักวิชาการคือนักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง ซึ่งเป็นข้อยกเว้นที่หาได้ยากใน RAS หากมีก็ไม่ใช่คนที่สร้างความแตกต่างให้กับองค์กรนี้
ที่จะดำเนินต่อไป
เอ็น. เบโลเซโรวา
ยู. ทาคาเชนโก
V. เซลิวานอฟ
แอล. ฟิโอโนวา
ฉันรู้สึกโกรธเคืองอย่างยิ่งกับคำจำกัดความของการตั้งถิ่นฐานใหม่ของพวกตาตาร์ไครเมียจากไครเมียในปี 2487 ว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คำอธิบายระบุว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำสำหรับผู้ชมชาวอังกฤษ และหลังจากการนำเสนอเวอร์ชันภาษาอังกฤษในลอนดอน เวอร์ชันรัสเซียก็ได้รับการเผยแพร่ด้วย ผู้เขียนบทและผู้กำกับร่วมของภาพยนตร์เรื่องนี้คือนักประวัติศาสตร์ Oleksa Gaivoronsky ซึ่งให้สัมภาษณ์กับแหลมไครเมีย ความจริงคุยกันว่า “ไครเมียคือบ้านของฉัน และยูเครนคือรัฐของฉัน” ผู้อำนวยการสร้างทั่วไปของภาพยนตร์เรื่องนี้คือ Amet Volodarsky เกี่ยวกับเขาด้านล่าง
ตั้งแต่นาทีแรก การรวมรัสเซียและไครเมียเข้าด้วยกันใหม่เรียกว่า "การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดภายใต้การควบคุมของรัสเซีย" และจากการอ้างอิงของนักรัฐศาสตร์ที่ไม่เปิดเผยชื่อ มีรายงานว่าเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์นี้ได้รับการประเมิน "เป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายใหม่ของยุโรป พรมแดน”
คำพูดเพิ่มเติม:
ปัจจุบันตามข้อมูลอย่างเป็นทางการผู้คนประมาณ 250,000 คนอาศัยอยู่บนคาบสมุทร (ตาตาร์ไครเมีย) ซึ่งอาจประเมินได้ค่อนข้างต่ำไป
ทั้งคู่มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูงานฝีมือดั้งเดิมที่ถูกลืมของพวกตาตาร์ไครเมีย พวกเขาจะกลายเป็นผู้นำทางสู่โลกแห่งความทรงจำและความหวังของผู้คนซึ่งตอนนี้พบว่าตัวเองอยู่หลังม่านเหล็กใหม่
แต่ไครเมียคานาเตะไม่ได้คงความเป็นอิสระได้เป็นเวลานาน ในไม่ช้าเพื่อแทนที่ Golden Horde ไครเมียก็มีพี่ชายคนใหม่ - จักรวรรดิออตโตมัน
กฎหมายโบราณซึ่งมาแต่โบราณกาลบังคับให้ผู้มาใหม่ผสมผสานกับผู้จับเวลาเก่าและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นลูกหลานของดินแดนนี้ไม่ได้ทำงานในเงื่อนไขใหม่ของลัทธิล่าอาณานิคมแบบคลาสสิก ผู้เผด็จการชาวรัสเซียได้ก่อสร้างแหลมไครเมียแห่งใหม่ของตนเองขึ้นมา
สำหรับรัสเซีย แหลมไครเมียเป็นเพียงมุมเดียวของสวรรค์กึ่งเขตร้อนภายในจักรวรรดิทางตอนเหนือ และไม่มีที่ว่างสำหรับชาวพื้นเมืองในสวรรค์อันคับแคบแห่งนี้
ในแหลมไครเมียมีที่ดินว่างเพียงเล็กน้อยดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงสนใจที่จะผลักดันพวกตาตาร์ไครเมียออกจากคาบสมุทรให้มากที่สุด บางครั้งก็มีความคิดเรื่องการถูกไล่ออก
นโยบายการกีดกันดำเนินไปอย่างต่อเนื่องมานานหลายทศวรรษ
ภายใต้ข้ออ้างว่าพวกตาตาร์ไครเมียถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือกองทหารของบริเตนใหญ่ ฝรั่งเศส ซาร์ดิเนีย และตุรกีที่ประจำการในไครเมีย ทางการรัสเซียได้เพิ่มแรงกดดัน บังคับให้พวกตาตาร์ไครเมียอีกอย่างน้อย 150,000 คนต้องอพยพไปยังจักรวรรดิออตโตมันครั้งใหม่
การรับสมัครพวกตาตาร์ไครเมียเข้าสู่กองพันนาซีก็ไม่ประสบความสำเร็จเช่นกัน จำนวนของพวกเขาไม่เคยถูกเปรียบเทียบกับจำนวนพวกตาตาร์ไครเมียที่ต่อสู้ในกองทัพแดง อย่างไรก็ตาม หลังจากการขับไล่พวกนาซี รัฐบาลโซเวียตกล่าวหาว่าพวกตาตาร์ไครเมียร่วมมือกันโดยสิ้นเชิงกับผู้ยึดครอง และใช้สิ่งนี้เป็นข้ออ้างในการเนรเทศชาวตาตาร์ไครเมียทั้งหมด
การกระทำของการก่อการร้ายของสตาลินซึ่งตรงกันข้ามกับธรรมเนียมนั้นไม่ได้จัดขึ้นบนอุดมการณ์ แต่เฉพาะในพื้นที่ระดับชาติเท่านั้น
ความทรงจำของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (การตั้งถิ่นฐานใหม่จากไครเมีย) ครั้งนี้ถือเป็นบาดแผลที่ยังไม่หายดีในประวัติศาสตร์ของทุกครอบครัวตาตาร์ไครเมีย
กองทุนเพื่อการพัฒนา Zekkiye คืออะไร?
ในทางปฏิบัติไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนนี้ แต่เรายังคงสามารถค้นหาบางสิ่งได้ Zekkie มีส่วนร่วมในการส่งเสริมแนวคิดของนักเขียน Vladimir Polyakov และทำงานอย่างใกล้ชิดกับชุมชนวิทยาศาสตร์ของรัสเซีย ตัวอย่างเช่น การบรรยายของ Polyakov จัดขึ้นร่วมกับ Academy of Linguistic Sciences และ Moscow Institute of Foreign Languages และการนำเสนอหนังสือของเขากับสภาวิทยาศาสตร์เดียวกันเพื่อการศึกษาและการคุ้มครองมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ ประธานมูลนิธิ Amet Volodarsky
อาเมต โวโลดาร์สกีคือใคร?
Amet Aleksandrovich Volodarsky เป็นรองอธิการบดีฝ่ายทั่วไปและกิจกรรมระหว่างประเทศของสถาบันภาษาต่างประเทศแห่งมอสโก และ Emma Fedorovna Volodarskaya บางคนก็ทำงานที่นั่นในตำแหน่งอธิการบดีด้วย นอกจากนี้เขายังดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าสภาวิทยาศาสตร์ของ Russian Academy of Sciences
Amet Volodarsky จัดการฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์อื้อฉาวเรื่อง Haitarma ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งทำให้กงสุลใหญ่รัสเซียในขณะนั้นใน Simferopol Vladimir Andreev โพสต์ของเขา
สิ่งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งคือ:
รองประธานสภาวิทยาศาสตร์ของ Russian Academy of Sciences Amet Volodarsky กล่าวว่าเพื่อเป็นสัญญาณของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับช่องทีวีไครเมียตาตาร์ ATR ซึ่ง Roskomnadzor ไม่ได้อนุญาตให้ออกอากาศการดำเนินการตามโครงการเพื่อสังคมทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับไครเมียจึงถูกระงับ . โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามข้อมูลของเขา การเปิดภาควิชาภาษาและวัฒนธรรมไครเมียตาตาร์ในมอสโก และการออกแบบและการก่อสร้างศูนย์การศึกษานานาชาติในซากีถูกระงับ
“ไม่ว่าใครก็ตามที่เล่นเกมนี้ มันเป็นอันตรายต่อการพัฒนาความสามัคคี ฉันแน่ใจว่าการตัดสินใจของเราไม่ได้เกิดจากอารมณ์ แต่เพียงเน้นย้ำถึงธรรมชาติที่เป็นอันตรายต่อความกดดันต่อวัฒนธรรมและการตระหนักรู้ในตนเองของชนพื้นเมืองในแหลมไครเมีย” ” เขาเขียน
Vladimir Polyakov คือใคร?
จากคำแถลงของ KRO "Tavrichesky Union": Polyakov เป็นที่รู้จักในไครเมียในฐานะผู้ปฏิเสธความร่วมมือแบบโปรฟาสซิสต์อย่างต่อเนื่องซึ่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีบทบาทที่น่าเศร้าในประวัติศาสตร์ของขบวนการพรรคพวกไครเมีย เมื่อพิจารณาจากมุมมองขององค์กรชาติพันธุ์ Russophobic "Majlis ของชาวไครเมียตาตาร์" Polyakov ถือว่าการทำงานร่วมกันเป็นสิ่งประดิษฐ์ของการโฆษณาชวนเชื่อของสหภาพโซเวียตและเป็นเวลาหลายปีที่มีการล้างบาปผู้ทำงานร่วมกันของฟาสซิสต์อย่างแข็งขัน การขาดการศึกษาประวัติศาสตร์พิเศษทำให้เขาสามารถเผยแพร่ความคิดเห็นได้อย่างง่ายดายโดยละเลยฐานสารคดีที่มีอยู่