โรเบิร์ต จอห์นสัน เขา เธอ เรา อ่านออนไลน์ "เธอ

จอห์นสัน โรเบิร์ต

เธอ: แง่มุมเชิงลึกของจิตวิทยาสตรี

กรีกตำนานของอีรอสและไซคีเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษาจิตวิทยาสตรี ตำนานก่อนคริสต์ศักราชโบราณนี้ ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกี่ยวกับประเพณีปากเปล่า ถูกเขียนขึ้นครั้งแรกในยุคโบราณ และยังไม่สูญเสียความหมายอันลึกซึ้งของมันไป

นี่ไม่แปลกอย่างที่คิดเมื่อมองแวบแรก เนื่องจากธรรมชาติทางชีววิทยาของมนุษย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยโบราณ การเปลี่ยนแปลงทางจิตโดยไม่รู้ตัวของเขาจึงไม่เปลี่ยนแปลง ความต้องการพื้นฐานทางสรีรวิทยาและจิตวิทยายังคงคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่รูปแบบของความพึงพอใจเปลี่ยนแปลงไปเป็นครั้งคราว

นั่นคือเหตุผลที่ในการศึกษาบุคลิกภาพและพฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์ การไปที่แหล่งข้อมูลแรกสุดนั้นมีประโยชน์มาก พวกเขาสามารถแสดงภาพที่แท้จริงได้ แม้ว่าเราจะไม่สามารถจดจำภาพนั้นได้เสมอไปก็ตาม แต่เมื่อเปิดมันแล้ว เราเริ่มเห็นความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงในลักษณะพฤติกรรมในยุคของเรา

บทบาทของตำนาน

ตำนานเป็นแหล่งความรู้ทางจิตวิทยามากมาย วรรณกรรมชั้นยอด เช่นเดียวกับงานศิลปะชั้นยอด ถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำอย่างยิ่ง ตำนานเป็นวรรณกรรมประเภทพิเศษที่ไม่มีผู้แต่งเพียงคนเดียว สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตลอดทั้งยุคของวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง โดยดูดซับความสมบูรณ์ของจินตนาการและกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมนี้ มีโอกาสมากที่เนื้อหาหลักของตำนานจะเกิดขึ้นพร้อมกับแรงจูงใจบางอย่าง จากนั้นโครงเรื่องก็ได้รับการชี้แจงซ้ำแล้วซ้ำอีกและแพร่กระจายเหมือนวงกลมบนน้ำ: ในทำนองเดียวกันผู้คนก็เล่าเรื่องราวความบันเทิงให้กันและกันฟังอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิธีนี้ ธีมที่มีลักษณะเฉพาะและเป็นสากลสำหรับมนุษยชาติยังคงมีชีวิตอยู่ ในขณะที่บุคคลและยุคสมัยทั้งหมดจางหายไปในประวัติศาสตร์ ตำนานเป็นภาพสะท้อนของภาพรวม พวกมันบรรจุและถ่ายทอดความจริงสากลของมนุษย์แก่เรา

อย่างไรก็ตาม คำจำกัดความเชิงเหตุผลทั่วไปของตำนานในฐานะการเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาที่โกหกและน่าอัศจรรย์นั้นได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งในจิตสำนึกของเรา คุณมักจะได้ยินประมาณว่า “ใช่ มันเป็นเพียงตำนาน มันเป็นนิยายที่สมบูรณ์” รายละเอียดของเรื่องราวในตำนานอาจไม่ได้รับการยืนยันในชีวิตหรืออาจกลายเป็นจินตนาการที่สมบูรณ์ แต่ลึกลงไปในเนื้อหาของตำนานนั้นมีความจริงสากลอยู่

ตำนานอาจเป็นจินตนาการหรือผลงานจากจินตนาการ โดยที่ยังคงเป็นความจริงและเพียงพอต่อความเป็นจริง มันรวบรวมแง่มุมและระดับของการดำรงอยู่มากมาย รวมถึงโลกที่มีเหตุมีผลภายนอกและโลกภายในที่เข้าใจได้น้อยกว่า

ความสับสนที่เกี่ยวข้องกับคำจำกัดความแคบๆ ของความเป็นจริงสามารถอธิบายได้ด้วยความคิดอันน่ากวนใจของเด็กชายที่กำลังฝันร้าย เพื่อให้เขาสงบลง พ่อแม่สามารถชักชวนลูกชายของตนได้นานตราบเท่าที่พวกเขาต้องการว่ามันเป็นเพียงความฝัน และสัตว์ประหลาดที่ปรากฏในนั้นไม่มีอยู่ในชีวิต แต่การโน้มน้าวใจเหล่านี้ไม่สามารถโน้มน้าวเด็กได้ และเขาก็พูดถูก สำหรับเขา สัตว์ประหลาดนั้นเป็นความจริง มีชีวิตชีวาและเป็นจริงเหมือนกับประสบการณ์อื่นๆ ของเหตุการณ์ในโลกภายนอก สัตว์ประหลาดในฝันมีอยู่ในหัวของเขา ไม่ใช่ในห้องนอน แต่สำหรับเด็ก มันเป็นสถานการณ์ที่คุกคาม ทำให้เขาตื่นเต้นทั้งทางอารมณ์และร่างกาย สำหรับเขา มันเป็นความจริงภายในของเขาเอง ซึ่งไม่มีจุดหมายที่จะปฏิเสธ ตำนานได้รับการศึกษาโดยนักจิตวิทยาหลายคน C. G. Jung สำรวจระดับลึกของจิตใจมนุษย์ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับตำนานเพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นพื้นฐานพื้นฐานของโครงสร้างทางจิตวิทยาในตัวพวกเขา การวิเคราะห์ตำนานของ Eros และ Psyche เราจะพยายามค้นหาและทำความเข้าใจ

ก่อนอื่นเราต้องเรียนรู้ที่จะคิดเชิงจิตวิทยา เมื่อเราเริ่มสัมผัสกับเนื้อหาของตำนาน เทพนิยาย และความฝันของเราเอง บางสิ่งที่สำคัญมากก็เกิดขึ้น คำศัพท์และโลกแห่งตำนานโบราณดูแปลกมาก เก่าแก่ และห่างไกลจากความทันสมัย แต่ด้วยการฟังอย่างลึกซึ้งและจริงจังกับพวกเขา เราจะเริ่มได้ยินและเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง บางครั้งมีความจำเป็นต้องตีความความหมายเชิงสัญลักษณ์ แต่เมื่อคุณเข้าใจความหมายทั่วไปของเนื้อหาแล้ว ก็ไม่ยากเลยที่จะทำ

นักจิตวิทยาหลายคนตีความตำนานของอีรอสและไซคีในแง่ของความสัมพันธ์กับจิตวิทยาสตรี ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาของเรา เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่จะทราบว่าในบริบทที่กว้างขึ้น เรากำลังพูดถึงการสำแดงความเป็นผู้หญิงในทั้งชายและหญิง การเชื่อว่าความเชื่อผิดๆ นี้ใช้ได้กับผู้หญิงเท่านั้น จึงต้องจำกัดความเชื่อนี้ไว้อย่างมาก

ในข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งที่สุดครั้งหนึ่ง จุงตั้งข้อสังเกตว่าผู้หญิงทุกคนมีลักษณะทางจิตวิทยาของผู้ชายหลายประการซึ่งไม่ใช่พื้นฐานสำหรับเธอ เช่นเดียวกับผู้ชายทุกคนที่มีฮอร์โมนและโครโมโซมของผู้หญิงที่ด้อยลง จุงเรียกส่วนที่เป็นผู้หญิงของผู้ชายว่าแอนิมา และส่วนที่เป็นผู้ชายของผู้หญิงเรียกว่าแอนิมัส

มีการเขียนเกี่ยวกับอนิเมะและแอนิมัสมามากพอแล้ว และเราจะพูดถึงพวกเขาเพิ่มเติมในภายหลัง จากมุมมองนี้ เมื่อพูดถึงการปรากฏตัวของความเป็นผู้หญิงในตำนานของอีรอสและไซคี เราหมายถึงไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงจิตวิญญาณของผู้ชายด้วย ความเชื่อมโยงของตำนานนี้กับจิตวิทยาสตรีถือได้ว่าชัดเจนที่สุดเพราะความเป็นผู้หญิงเป็นลักษณะเด่นของผู้หญิง ในเวลาเดียวกัน มีความคล้ายคลึงกับความเป็นผู้หญิงภายในของจิตวิทยาชายอย่างแน่นอน

เรื่องราวของเราเริ่มต้นเช่นนี้: “ในอาณาจักรเดียว…” และโดยไม่รู้ตัว เราก็เจาะเข้าไปในอาณาจักรนั้นด้วยสายตาภายใน ซึ่งเรียกว่าโลกภายในของเรา หากคุณฟังท่วงทำนองของภาษาโบราณ คุณจะได้ยินว่าโลกภายในที่ซ่อนอยู่ในตัวพวกเขาฟังดูเป็นอย่างไร ซึ่งเข้าถึงได้ยากด้วยจิตสำนึกที่มีเหตุผลสมัยใหม่ และอาจหมายความว่าเพียงไม่กี่คำ “ในอาณาจักรเดียว…” สัญญากับเราในเหมืองทองคำแห่งการค้นพบและข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่า

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

กาลครั้งหนึ่งมีกษัตริย์และราชินีองค์หนึ่ง และทั้งสองมีธิดาสามคน คนโตสองคนเป็นเจ้าหญิงธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น

ลูกสาวคนที่สามเป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาณมนุษย์แม้แต่ชื่อของเธอก็ยังเหมาะสม - Psyche หรือ - แปลจากภาษากรีก - วิญญาณ เธอจะพาเราเดินทางสู่ส่วนลึกของโลกภายใน Psyche มีความสัมพันธ์แบบเดียวกันกับอาณาจักรในตำนานเหมือนกับอาณาจักรทางโลกทุกประการ

คุณรู้จักทั้งสามสิ่งนี้ในตัวคุณหรือไม่? ใครจะไม่สามารถรับรู้ส่วนที่ธรรมดาที่สุดของตัวเองได้และในขณะเดียวกัน - ตัวตนทางจิตวิญญาณที่มีเอกลักษณ์ซึ่งรู้สึกไม่สบายใจในชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ

บุคลิกของเจ้าหญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี้มีเสน่ห์มากจนผู้คนเริ่มพูดว่า: "นี่คือ Aphrodite คนใหม่ เทพธิดาที่จะเข้ามาแทนที่เธอในวิหารของ Aphrodite เพราะในไม่ช้าเธอก็จะต้องทนทุกข์ทรมานและทนทุกข์ทรมานมากกว่าเธอทุกประการ!" มองดูขี้เถ้าที่เหลือจากไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหารที่เย็นลง เพราะลัทธิของเธอกำลังเปิดทางให้กับลัทธิหญิงสาวสวยคนใหม่

องค์ประกอบของตำนาน

Robert Johnson เขียนหนังสือที่ยอดเยี่ยม
ในฐานะผู้ติดตามของจุง จอห์นสันค้นคว้าเกี่ยวกับตำนานที่เขาสร้างบทที่มีรายละเอียด แนวคิดก็คือว่าผู้ชายเพียงเพราะเขาเกิดมาเป็นผู้ชายจึงเลือกเส้นทาง และนี่คือเส้นทางที่มนุษย์ทุกคนเดินไปโดยไม่มีข้อยกเว้น แม้จะมีทั้งหมดนี้ อาจมีความแตกต่างในการแสดงออกภายนอกของชะตากรรมของพวกเขา และถึงแม้ว่าจะสามารถรับรู้ได้ในที่อยู่อาศัยสามประเภทที่แตกต่างกัน แต่สถานการณ์ก็เหมือนกันสำหรับผู้ชายทุกคน เพียงเพราะผู้ชายเกิดมาเป็นผู้ชาย จอห์นสันอธิบายเส้นทางของมนุษย์ตามตำนานโบราณ
ในทำนองเดียวกัน ผู้หญิงคนหนึ่งก็ออกเดินทางบนเส้นทางที่กำหนดไว้สำหรับผู้หญิงทุกคนบนโลกเพียงเพราะพวกเขาเกิดมาเป็นผู้หญิง และไม่มีทางหนีจากสิ่งนี้ได้ ลักษณะภายนอกและเฉดสีของประสบการณ์ภายในอาจแตกต่างกัน แต่มีบางสิ่งที่รวมทุกอย่างเข้าด้วยกันและปรากฏบนเส้นทางของผู้หญิง เพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่งเกิดมาเป็นผู้หญิง จอห์นสันอธิบายเส้นทางของผู้หญิงตามตำนานโบราณ
การบูรณาการการวิจัยคือสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างชายและหญิงในโลกสมัยใหม่ ความรักโรแมนติก พื้นฐานของโศกนาฏกรรมและคอเมดี้ สิ่งที่เราเคยผ่านมา และบางสิ่งที่การสร้างสรรค์ภาพยนตร์สมัยใหม่หายากทำโดยไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อ หนังสือเล่มนี้มีความซับซ้อนและชัดเจน แม้ว่าเลโก้จะอ่านได้เพราะมันน่าหลงใหลก็ตาม ความรักโรแมนติกคืออะไร เกิดเมื่อใด และที่ไหน และนำไปสู่อะไร? ถอดม่านมายาออก จากตำนานโบราณ จอห์นสันสำรวจคุณสมบัติของความรักโรแมนติก จริงๆ แล้วการยอมรับหนังสือเล่มล่าสุดนี้อาจต้องใช้วุฒิภาวะพอสมควร ฉันไม่แน่ใจว่าจะทำได้เมื่อสองสามปีก่อนหรือไม่ แต่ตอนนี้ฉันยอมรับแล้ว อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกประทับใจกับแนวทางของจุนเกียนโดยรวมมาระยะหนึ่งแล้ว
แล้วตอนนี้เรากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่?

"เขา: แง่มุมเชิงลึกของจิตวิทยาชาย"
จองสำหรับ:
- ผู้ชายที่เคยถามคำถามว่า "พระเจ้าข้า เกิดอะไรขึ้นกับฉัน (ในชีวิตของฉัน)" อย่างน้อยหนึ่งครั้ง? (โดยส่วนตัวผู้เขียนนิตยสารถามคำถามนี้สองสามครั้งต่อสัปดาห์)
- ผู้หญิงที่เคยสงสัยครั้งหนึ่งว่า “โอ้พระเจ้า ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้”
หมายเหตุ: ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงที่อ่านคำอธิบายแล้วคิดว่านี่เป็นหนังสือเกี่ยวกับผู้ชายทุกคนเหมือนกัน (ถึงจะเป็นเรื่องจริงและหนังสือเล่มนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องนั้นด้วย)

"เธอ: แง่มุมเชิงลึกของจิตวิทยาสตรี"
จองสำหรับ:
- ผู้หญิงที่เคยพยายามเข้าใจตัวเองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง คุณอาจสนใจสิ่งที่นักจิตวิทยาชายเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้
- ผู้ชายที่สนใจเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับจิตวิทยาของผู้หญิง

“เรา: แง่มุมลึกซึ้งของความรักโรแมนติก”
เกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับความรักโรแมนติก เริ่มต้นอย่างไร พัฒนาอย่างไร นำไปสู่อะไร ฯลฯ สำหรับผู้ที่ชอบเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามที่เป็นอยู่เท่านั้น
สำหรับผู้ชายและผู้หญิง มาเป็นคู่หรือไม่มีก็ได้ บางทีคุณอาจพบความคล้ายคลึงกัน

เธอ: แง่มุมเชิงลึกของจิตวิทยาสตรี

นั่นคือเหตุผลที่ในการศึกษาบุคลิกภาพและพฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์ การไปที่แหล่งข้อมูลแรกสุดนั้นมีประโยชน์มาก พวกเขาสามารถแสดงภาพที่แท้จริงได้แม้ว่าเราจะไม่สามารถจดจำมันได้เสมอไปก็ตาม แต่เมื่อเปิดมันแล้ว เราเริ่มเห็นความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงในลักษณะพฤติกรรมในยุคของเรา

บทบาทของตำนาน

ตำนานเป็นแหล่งความรู้ทางจิตวิทยามากมาย วรรณกรรมชั้นยอด เช่นเดียวกับงานศิลปะชั้นยอด ถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำอย่างยิ่ง ตำนานเป็นวรรณกรรมประเภทพิเศษที่ไม่มีผู้แต่งเพียงคนเดียว สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตลอดทั้งยุคของวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง โดยดูดซับความสมบูรณ์ของจินตนาการและกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมนี้ มีโอกาสมากที่เนื้อหาหลักของตำนานจะเกิดขึ้นพร้อมกับแรงจูงใจบางอย่าง จากนั้นโครงเรื่องก็ได้รับการชี้แจงซ้ำแล้วซ้ำเล่าและแพร่กระจายเหมือนวงกลมบนน้ำ: ในทำนองเดียวกันผู้คนก็เล่าเรื่องราวความบันเทิงให้กันและกันฟังอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิธีนี้ ธีมที่มีลักษณะเฉพาะและเป็นสากลสำหรับมนุษยชาติยังคงมีชีวิตอยู่ ในขณะที่บุคคลและยุคสมัยทั้งหมดจางหายไปในประวัติศาสตร์ ตำนานเป็นภาพสะท้อนของภาพรวม พวกมันบรรจุและถ่ายทอดความจริงสากลของมนุษย์แก่เรา

เรื่องราวของเราเริ่มต้นเช่นนี้: “ในอาณาจักรเดียว…” และโดยไม่รู้ตัว เราก็เจาะเข้าไปในอาณาจักรที่เรียกว่าโลกภายในของเราด้วยสายตาภายในของเรา หากคุณฟังท่วงทำนองของภาษาโบราณ คุณจะได้ยินว่าโลกภายในที่ซ่อนอยู่ในตัวพวกเขาฟังดูเป็นอย่างไร ซึ่งเข้าถึงได้ยากด้วยจิตสำนึกที่มีเหตุผลสมัยใหม่ และอาจหมายความว่าเพียงไม่กี่คำ "ในอาณาจักรเดียว..." สัญญากับเราในเหมืองทองคำแห่งการค้นพบและข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่า

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

บุคลิกของเจ้าหญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี้มีเสน่ห์มากจนผู้คนเริ่มพูดว่า: "นี่คือ Aphrodite คนใหม่ เทพธิดาที่จะเข้ามาแทนที่เธอในวิหารของ Aphrodite เพราะในไม่ช้าเธอก็จะต้องทนทุกข์ทรมานและทนทุกข์ทรมานมากกว่าเธอทุกประการ!" มองดูขี้เถ้าที่เหลือจากไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหารที่เย็นลง เพราะลัทธิของเธอกำลังหลีกทางให้กับลัทธิหญิงสาวสวยคนใหม่

องค์ประกอบของตำนาน

ด้วยการเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเกิดทั้งสองนี้ เราจะสามารถเข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างกันของความเป็นผู้หญิงทั้งสองประเภทได้ อะโฟรไดท์เป็นเทพีที่เกิดจากทะเล เธอครอบครองพลังสตรีแห่งมหาสมุทรดึกดำบรรพ์ ซึ่งครองราชย์มาแต่ไหนแต่ไรในอาณาจักรของเธอ - บนพื้นทะเล ในทางจิตวิทยา นี่หมายความว่าเธอปกครองในจิตไร้สำนึก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความลึกของทะเล แทบจะเข้าถึงจิตสำนึกธรรมดาไม่ได้: ด้วยความสำเร็จแบบเดียวกันเราสามารถพยายามควบคุมการขึ้นและลงของกระแสน้ำได้ ความเป็นผู้หญิงตามแบบฉบับนี้สามารถเป็นที่ชื่นชม นับถือ หรือถูกบดขยี้ได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อมโยงด้วย หน้าที่ของ Psyche คือการใช้ความเป็นมนุษย์ของเธอเพื่อควบคุมและลดความเป็นผู้หญิงตามแบบฉบับแห่งท้องทะเลให้อ่อนลง นี่คือแก่นแท้ของตำนาน

ผู้หญิงทุกคนมีอโฟรไดท์อยู่ในตัว เธอสามารถรับรู้ได้จากความเป็นผู้หญิงที่ล้นเหลือของเธอ และความยิ่งใหญ่ที่ดึงดูดสายตา แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับความเป็นจริงโดยเฉพาะ

มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับอโฟรไดท์และอำนาจของเธอ ตัวอย่างเช่น เธอมีคนรับใช้ที่ถือกระจกอยู่ตรงหน้าเธอตลอดเวลา ซึ่งเทพธิดาจะมองดูเป็นครั้งคราว มีคนกำลังเตรียมน้ำหอมชั้นเลิศไว้ให้เธอ Aphrodite มีความอิจฉาและไม่อดทนต่อการแข่งขันแม้แต่น้อย เธอจัดการเรื่องการแต่งงานอยู่ตลอดเวลาและไม่เคยพอใจเลย ทุกคนรอบตัวควรเพิ่มความมั่งคั่งของเธอ

อิทธิพลของอโฟรไดท์ส่งผลต่อการสะท้อนประสบการณ์ภายนอกในจิตสำนึกของเราเอง ในระดับเดียวกับที่ผู้ชายยุ่งอยู่กับการค้นหา สำรวจ และเผยแพร่สิ่งใหม่ๆ Aphrodite ก็สะท้อนและดูดซึม กระจกของอโฟรไดท์เป็นสัญลักษณ์ของลักษณะที่ลึกซึ้งที่สุดของเทพีแห่งความรัก เธอมักจะชวนใครคนหนึ่งมาดูเงาสะท้อนในกระจก ซึ่งเขาสามารถมองเห็นตัวเองได้ เต็มไปด้วยภาระอย่างสิ้นหวังกับการฉายภาพของเขา ซึ่งจนจนจนจนแยกไม่ออกแล้ว กระบวนการตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถเริ่มต้นด้วยคำถามว่าสิ่งใดกำลังสะท้อนอยู่กันแน่ คำตอบจะช่วยให้บุคคลหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับอารมณ์ที่พันกัน ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีเหตุการณ์ภายนอกเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องจินตนาการและเข้าใจว่าปรากฏการณ์มากมายของโลกภายในถูกซ่อนไว้สำหรับเราและปรากฏเป็นเหตุการณ์ภายนอกหากไม่ได้สะท้อนให้เห็นอย่างเต็มที่ในโลกภายในส่วนตัวซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเกิดขึ้น แอโฟรไดท์ทำให้เรามองในกระจกมากกว่าที่เราต้องการ เมื่อบุคคลตกหลุมรักและยอมรับว่าอีกคนหนึ่งเป็นพระเจ้าหรือเทพธิดา เขาจะเห็นแอโฟรไดท์สะท้อนถึงความเป็นอมตะหรือความเป็นเหมือนพระเจ้า เราไม่พร้อมที่จะมองเห็นทั้งคุณธรรมและข้อบกพร่องในตัวเรา ซึ่งระหว่างการไตร่ตรองในจิตสำนึกและการยอมรับขั้นสุดท้าย มักจะอยู่บนเส้นทางแห่งความทุกข์ที่ยาวนาน Psyche เดินทางไกลโดยเริ่มจากการที่เธอตกหลุมรักอีรอสและจบลงด้วยการค้นพบความเป็นอมตะของเธอ (2)

อะโฟรไดท์เป็นเทพีผู้ยิ่งใหญ่จากมุมมองของลูกสะใภ้ในอนาคต เมื่อผู้หญิงนำความสง่างามและความงามของเธอมาสู่โลก สิ่งนี้บ่งบอกถึงอิทธิพลของพลังภายในของแอโฟรไดท์ (หรือดาวศุกร์) แต่ถ้าอโฟรไดท์ขัดแย้งกับลูกสะใภ้ เธอก็อาจจะอิจฉา ไม่ยอมใคร และสร้างอุปสรรคให้ไซคีในทุกย่างก้าว ดราม่าระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้แบบนี้เป็นเรื่องปกติในทุกวัฒนธรรม เธอมีส่วนช่วยในการพัฒนาบุคลิกภาพของหญิงสาวทุกคน สำหรับเธอ การรับมือกับพลังของแม่สามีหมายถึงการบรรลุวุฒิภาวะของผู้หญิง นับแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่ใช่คนหยาดน้ำค้างอีกต่อไป เข้าสู่โลกและแต่งงานอย่างไร้เดียงสาอีกต่อไป

ผู้หญิงที่ฉลาดสมัยใหม่รู้สึกเขินอายมากที่จะค้นพบแก่นแท้ของแอโฟรไดท์ในตัวเธอซึ่งแสดงออกมาด้วยกลอุบายดั้งเดิมและการเล่นของสัญชาตญาณ แอโฟรไดท์มักจะแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของการกดขี่ข่มเหงของเธอ โดยเชื่อว่าคำพูดของเธอคือกฎหมาย

ค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดาที่ในช่วงหนึ่งของวิวัฒนาการ เมื่อการจุติเป็นผู้หญิงครั้งใหม่ปรากฏขึ้น การจุติเป็นมนุษย์ครั้งก่อนจะเต็มไปด้วยความโกรธ แอโฟรไดท์จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ของเธออับอาย ผู้หญิงทุกคนรู้สิ่งนี้ โดยจดจำแรงกระตุ้นที่ถดถอยอย่างกะทันหันของแอโฟรไดท์ที่อาศัยอยู่ส่วนลึกภายใน ทันทีที่ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อ ภาพอันเลวร้ายก็ปรากฏขึ้น เฉพาะในครอบครัวที่หายากและพิเศษมากเท่านั้น ในช่วงเวลาแห่งการสำแดงแก่นแท้ของเธอ สามารถเรียกอะโฟรไดท์ด้วยชื่อจริงของเธอได้ และพลังงานของเธอก็ระเหยไปเพื่อใช้ประโยชน์

พลังงานของอโฟรไดท์มีค่ามหาศาล มันทำหน้าที่ในการพัฒนาของแต่ละบุคคลและกระตุ้นให้ทุกคนรอบตัวเธอเติบโต ในช่วงเวลาแห่งการเติบโต พฤติกรรมและนิสัยเก่าๆ ทั้งหมดจะต้องหลีกทางให้กับพฤติกรรมใหม่ๆ ดูเหมือนว่าสิ่งเก่าจะขัดขวางการเกิดขึ้นและการพัฒนาของสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความพากเพียรบางอย่าง หน่อของสิ่งใหม่จึงเกิดขึ้นและทำให้สุกงอมในจิตสำนึก "เก่า"

มีอุปมาเรื่องช้างตัวแรกที่เกิดมาในกรง ตอนแรกเจ้าของมีความสุขมาก แต่แล้วกลับตกใจเมื่อเห็นว่าช้างทั้งฝูงรวมตัวกันเป็นวงกลม และช้างที่โตเต็มวัยก็เริ่มไล่ช้างแรกเกิดเป็นวงกลมจากช้างตัวหนึ่งไปยังอีกช้างตัวหนึ่ง เจ้าของคิดว่าต้องการทรมานเขาจนตาย แต่ช้างกลับบังคับให้ทารกหายใจ

การต่อสู้ภายใน

ปัญหาหลายประการของผู้หญิงยุคใหม่เกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้าระหว่างแก่นแท้สองประการของเธอ: แอโฟรไดท์และไซคี คำอุปมาดังกล่าวช่วยสร้างภาพของกระบวนการทางจิตวิทยาขึ้นมาใหม่ หากผู้หญิงสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้ เธอจะอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องในการได้รับจิตสำนึกใหม่
เมื่อได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับธรรมชาติของอโฟรไดท์ ซึ่งเป็นความเป็นผู้หญิงแบบโบราณและดั้งเดิมมากกว่า เรามาดูคุณสมบัติใหม่ของความเป็นผู้หญิงที่เกิดขึ้นในภายหลัง ต่างจากแอโฟรไดท์ซึ่งเกิดในฟองทะเล ไซคีเกิดจากน้ำค้างที่ตกลงบนพื้น การเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติในมหาสมุทรของ Aphrodite ไปสู่ธรรมชาติทางโลกของ Psyche พูดถึงความก้าวหน้าบางประการในการพัฒนาความเป็นผู้หญิงจากลักษณะมหาสมุทรโบราณไปสู่รูปแบบใหม่ของมนุษย์ ดังนั้นเราจึงเดินหน้าต่อไป จากสัดส่วนมหาสมุทรไปจนถึงขนาดที่เล็กลงและเข้าใจได้มากขึ้น

Psyche เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมนต์ขลังและแปลกประหลาด เธอไร้เดียงสาและบริสุทธิ์มากจนสามารถบูชาได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถตัดสินได้ เธอถึงวาระที่จะต้องเหงาอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถหาสามีได้

ไซคีมีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคนในฐานะประสบการณ์การใช้ชีวิตตามลำพังที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้หญิงคนใดก็ตามก็เป็นเจ้าหญิงที่มีค่าควรแก่ความรัก ด้วยความสมบูรณ์แบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเธอเพียงผู้เดียว และมีความลึกทางจิตวิญญาณที่มากเกินไปสำหรับชีวิตประจำวันธรรมดาๆ หากผู้หญิงเพียงคนเดียวพบว่าตัวเองไม่มีใครเข้าใจผิดและเชื่อว่าผู้คนใจดีแต่ห่างไกลจากเธอ นั่นหมายความว่าเธอรู้สึกถึงไซคีภายในตัวเธอเอง ตามกฎแล้วนี่เป็นความรู้สึกเจ็บปวดมากที่ผู้หญิงมักประสบโดยไม่เข้าใจธรรมชาติของมัน การตกอยู่ในสภาวะนี้หมายถึงการไม่ได้รับผลกระทบทางอารมณ์ในความสัมพันธ์กับผู้อื่น

หากผู้หญิงเปิดโอกาสให้ธรรมชาติของ Psyche แสดงออกในความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันเช่น "คุณ - กับฉันฉัน - กับคุณ" จะไม่มีอะไรดีเกิดขึ้น เมื่อแก่นแท้ของ Psyche เติมเต็มโลกภายในของผู้หญิงส่วนใหญ่ มันก็กลายเป็นปัญหาร้ายแรงและเจ็บปวดสำหรับเธอ เธอจะหลั่งน้ำตาและคร่ำครวญ: “ไม่มีใครเข้าใจฉัน” และนี่คือความจริง ผู้หญิงทุกคนในช่วงชีวิตใดมีลักษณะนี้อยู่ในตัวเธอ หากคุณเห็นคุณสมบัตินี้ในผู้หญิงและสามารถสัมผัสได้ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้และเสน่ห์อันศักดิ์สิทธิ์ของ Psyche สามารถเข้าถึงจิตสำนึกได้จากนั้นวิวัฒนาการที่เป็นประโยชน์ก็จะเริ่มต้นขึ้น

หากผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างที่น่าดึงดูด ปัญหาก็จะซับซ้อนมากขึ้น ในเรื่องนี้ตัวอย่างที่ธรรมดามากคือบุคลิกภาพของมาริลีนมอนโร: แม้จะมีการบูชาสากล แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะค้นหาความใกล้ชิดที่แท้จริงในความสัมพันธ์กับใครก็ตาม ในที่สุดชีวิตก็ทนไม่ไหวสำหรับเธอ ปรากฎว่าสำหรับผู้หญิงคนนี้ซึ่งมีคุณสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์และความสมบูรณ์แบบที่แทบจะบรรลุไม่ได้ไม่มีความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่เรียบง่ายในโลกนี้ หากคุณเข้าใจไดนามิกนี้ คุณก็สามารถจินตนาการถึงวิวัฒนาการของไซคีได้

การแต่งงานของไซคี

ในสมัยกรีกโบราณ คำทำนายของพยากรณ์ไม่ได้ถูกตั้งคำถาม ซึ่งถือเป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ ดังนั้นพ่อแม่ของ Psyche จึงปฏิบัติตามเจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์จึงได้เตรียมคอร์เทจจัดงานแต่งงานซึ่งดูเหมือนขบวนแห่ศพมากกว่าโดยนั่ง Psyche ที่นั่นและพาเธอขึ้นไปบนภูเขาสู่ก้อนหินโดดเดี่ยว ที่นี่ท่ามกลางน้ำตา ความขาวของการตกแต่งงานแต่งงานและความเศร้าโศกของการไว้ทุกข์ในงานศพปะปนกัน จากนั้นพ่อแม่ก็ดับคบเพลิงและทิ้งไซคีไว้ตามลำพังในความมืด

เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากสิ่งนี้? Psyche แต่งงานแล้ว - แต่ถึงตาย ที่จริงแล้ว ดูเหมือนผู้หญิงทุกคนจะเสียชีวิตในวันแต่งงานของเธอ เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตเธอได้สิ้นสุดลงแล้ว ลักษณะหลายประการที่แสดงถึงแก่นแท้ของผู้หญิงที่มีอยู่จนถึงขณะนี้ได้ตายไปในตัวเธอ ในความหมายนี้ การแต่งงานสำหรับเธอถือเป็นงานศพ รายละเอียดลักษณะเฉพาะหลายประการของพิธีแต่งงานมีมาตั้งแต่สมัยโบราณจากพิธีศพ เจ้าบ่าวมาพร้อมกับเพื่อนสนิทและพวกพ้องเพื่อลักพาตัวเจ้าสาว ในขณะที่เพื่อนเจ้าสาวคอยปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอ ตามพิธีกรรม การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา และเจ้าสาวร้องไห้ราวกับว่าส่วนหนึ่งของชีวิตของเธอได้ตายไป ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้นสำหรับเธอ และการเฉลิมฉลองงานแต่งงานถือเป็นการกำเนิดของอำนาจการปกครองแบบผู้ใหญ่

เราไม่ได้ตระหนักดีถึงแง่มุมสองประการของการแต่งงาน และมักจะมองว่าการแต่งงานเป็นเพียงสีขาวรื่นเริงและรื่นเริงเท่านั้น หากการตายจากส่วนหนึ่งของชาติที่แล้วไม่ได้สะท้อนให้เห็นในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง มันก็จะยังคงแสดงออกมาในอารมณ์ทางอารมณ์และในรูปแบบที่ยอมรับได้น้อยลงในภายหลัง ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกไม่พอใจและรังเกียจการแต่งงานหลังจากผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปี

ในรูปถ่ายที่ถ่ายในพิธีแต่งงานในตุรกี ฉันเห็นเด็กผู้ชายอายุแปดหรือเก้าขวบ แต่ละคนกระโดดด้วยขาข้างหนึ่ง โดยขาอีกข้างงอเข่าและมัดไว้ที่ต้นขา พิธีกรรมนี้ควรจะเตือนเราว่าในการแต่งงานไม่ใช่แค่ความสุขเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเจ็บปวดด้วย

งานแต่งงานในแอฟริกายังไม่ถือว่าสมบูรณ์จนกว่าเจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะมีรอยแผลเป็นและบาดแผลตามจำนวนที่กำหนด การแต่งงานไม่ถือเป็นของแท้เว้นแต่จะมีการลักพาตัว การแต่งงานสามารถเพลิดเพลินได้หลังจากองค์ประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้รับครบกำหนดแล้ว อโฟรไดท์ไม่ชอบเวลาที่ผู้หญิงตายด้วยน้ำมือผู้ชาย เธอไม่อนุญาตให้ผู้ชายพาเธอไปที่หลุมศพไม่ได้ ดังนั้นในช่วงเวลาสิ้นสุดของความเป็นสาว Aphrodite จึงร้องไห้ในตัวผู้หญิงทุกคน เธอยังคงแสดงบทบาทที่ขัดแย้งกันต่อไป ในด้านหนึ่งปรารถนาที่จะแต่งงาน และอีกด้านหนึ่งคือการต่อต้านและคร่ำครวญถึงการสูญเสียความเป็นสาวของเธอ เสียงสะท้อนของพิธีกรรมโบราณนี้ยังคงฝังลึกอยู่ในตัวเราและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดในการจัดพิธีกรรมและพิธีกรรม

ที่นี่เราต้องเผชิญกับความขัดแย้งของวิวัฒนาการอีกครั้ง Aphrodite เป็นผู้ตัดสินประหารชีวิต Psyche แต่เธอก็ทำหน้าที่เป็นคนจับคู่ผู้เป็นลางสังหรณ์แห่งการแต่งงานและในขณะเดียวกันก็เป็นคู่ต่อสู้ของเธอ กระบวนการวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าไปสู่การแต่งงานนั้นมาพร้อมกับความปรารถนาอันแรงกล้าที่ถดถอยเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพและเสรีภาพ และฟื้นฟูสภาพที่เป็นอยู่

ฉันเคยเห็นการ์ตูนที่มีไหวพริบมากซึ่งสะท้อนถึงอำนาจตามแบบฉบับของการแต่งงาน บรรยายถึงทัศนคติของพ่อแม่แต่ละคนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างงานแต่งงาน พ่อของคู่บ่าวสาวโกรธชายหยิ่งผยองที่กล้าพรากลูกสาวไปจากเขา พ่อของสามีประสบชัยชนะจนกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในสังคมชาย แม่ของคู่บ่าวสาวตกใจมากที่สัตว์ตัวนั้นเข้าครอบครองลูกของเธอ แม่ของสามีโกรธจิ้งจอกที่ล่อลวงและขโมยลูกชายของเธอไป การ์ตูนเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงต้นแบบโบราณมากมาย พฤติกรรมและความคิดที่ฝังแน่นและฝังแน่นในจิตใจของมนุษย์ ซึ่งนอนอยู่ในชั้นลึกของจิตไร้สำนึกตลอดระยะเวลาหลายปีของกระบวนการวิวัฒนาการนับไม่ถ้วน หากเราไม่ใส่ใจพวกเขาในเวลาอันสมควร พวกเขาจะรู้ตัวในภายหลังและก่อความเดือดร้อนมากมาย
ในที่สุด Aphrodite ตั้งใจที่จะกำจัด Psyche และด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจใช้ความช่วยเหลือจากลูกชายของเธอซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก Eros อีรอส คิวปิด คิวปิดเป็นชื่อที่แตกต่างกันของเทพเจ้าองค์เดียว - เทพเจ้าแห่งความรัก เนื่องจากกามเทพได้ลดระดับลงถึงระดับของไพ่รักขี้เล่น และคิวปิดก็ต้องสูญเสียความยิ่งใหญ่ไปบ้างแล้ว เราจึงเรียกเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์นี้ว่าอีรอส อีรอสมักจะมีลูกธนูติดตัวมาด้วยและการพบปะกับเขาสัญญาว่าจะสร้างปัญหาให้กับชาวโอลิมปัสทุกคน เทพเจ้าและเทพธิดาทุกองค์รู้สึกถึงพลัง แต่อีรอสอยู่ภายใต้การควบคุมของแม่ของเขาเอง ซึ่งบังคับให้เขาทำให้ไซคีโกรธด้วยความรักต่อสัตว์ร้ายที่น่าขยะแขยงที่สุดเพื่อที่จะมัดเธอไว้กับเขาอย่างแน่นหนา และด้วยเหตุนี้จึงยุติการแข่งขันที่ดำเนินอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของ Aphrodite คือการถดถอยอย่างต่อเนื่อง เธอต้องการให้ทุกอย่างกลับคืนสู่แบบเดิมเพื่อให้วิวัฒนาการย้อนกลับ แอโฟรไดท์คือเสียงแห่งประเพณี แต่ที่น่าขันคือเธอที่ช่วยพัฒนาโครงเรื่องของเรื่องราวของเราต่อไป

การแต่งงานกับความตาย

หากไม่มีการเปรียบเทียบที่แน่นอนในชีวิตของเขาเอง ผู้ชายก็แทบจะไม่เข้าใจว่าการแต่งงานสำหรับผู้หญิงนั้นเป็นทั้งความตายและการฟื้นคืนชีวิต งานแต่งงานไม่ใช่พิธีศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิงมันเป็นอย่างนั้นมาก วันหนึ่งภรรยาอาจมองสามีด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และพบว่าเธอมีความผูกพันโดยการแต่งงานโดยสมบูรณ์ ในขณะที่เขายังมีระดับไม่น้อยเลย ความสัมพันธ์นี้จะรู้สึกได้ถึงความผูกพันอย่างยิ่งหากมีเด็กๆ ผู้หญิงสามารถถูกโชคชะตาทำให้ขุ่นเคืองได้มากเท่าที่เธอต้องการ แต่การที่เธอไม่ปฏิบัติตามเส้นทางนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

มีผู้หญิงอายุห้าสิบปีที่แม้จะเป็นคุณย่าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยไปหินแห่งความตายเลย น้ำค้างจากดินที่ร่วงหล่นไม่ได้ปิดบังโลกทั้งใบสำหรับพวกเขา แม้แต่ในวัยกลางคนก็ตาม ในทางกลับกัน มีเด็กสาววัย 16 ปี ที่ได้รู้จักประสบการณ์นี้ และผ่านมันมา และรอดชีวิตมาได้ สิ่งเหล่านี้สามารถรับรู้ได้จากรูปลักษณ์ของภูมิปัญญาอันน่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึก

เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในทุกช่วงอายุ ฉันรู้จักเด็กหญิงอายุสิบหกปีคนหนึ่งซึ่งมีลูก เธอซ่อนการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรเพื่อให้ทุกอย่างเงียบสงบจากนั้นเธอก็ส่งเด็กไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและปรากฎว่าเธอไม่เห็นเขาเลย เมื่อกลับไปสู่ชีวิตเก่าของเธอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากศิลาแห่งความตาย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็แต่งงาน และถ้าใครสามารถเรียกได้ว่าเป็นสาวพรหมจารี เธอคงเป็นคู่แข่งคนแรก ในทางจิตวิทยา เธอไม่ได้รับผลกระทบเลย แม้ว่าเธอจะผ่านการคลอดบุตรก็ตาม

การปะทะกันกับอีรอสนำไปสู่การบอกลาความไร้เดียงสาของผู้หญิงและความไร้เดียงสาแบบเด็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตของผู้หญิง ไม่ใช่แค่ในเวลาแต่งงานเท่านั้น เด็กผู้หญิงหลายคนมีประสบการณ์การเผชิญหน้าครั้งนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ประสบการณ์ของพวกเธอช่างโหดร้ายมาก คนอื่นอาจไม่รู้จักเขาเลย

สวนเอเดน

ผู้ชายเกือบทุกคนต้องการสิ่งเดียวกันจากภรรยาของเขา หากเธอยุ่งกับธุรกิจของตัวเองและไม่พยายามเข้าใจมากเกินไปความสงบและความเงียบสงบก็ครอบงำในบ้าน ผู้ชายต้องการการแต่งงานแบบปรมาจารย์แบบเก่าซึ่งเขาตัดสินใจประเด็นที่สำคัญที่สุดทั้งหมดและผู้หญิงสามารถเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขาเท่านั้นจากนั้นทุกอย่างจะเรียบร้อย ผู้ชายส่วนใหญ่ทะนุถนอมความหวังที่ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ และสักวันหนึ่ง ชีวิตแต่งงานจะเป็นเช่นนี้ในไม่ช้า

อาจเป็นไปได้ว่าทัศนคติต่อการแต่งงานนี้สะท้อนถึงความคิดแบบปิตาธิปไตยดั้งเดิมซึ่งผู้หญิงเป็นของผู้ชายโดยสมบูรณ์ ในประเพณีสมัยใหม่ของเรา ร่องรอยของประเพณีปิตาธิปไตยยังคงได้รับการเก็บรักษาไว้ในบางวิธี เช่น เมื่อภรรยาใช้นามสกุลของสามี อีรอสยืนยันว่าเธอไม่ถามคำถามใด ๆ และไม่เคยมองเขาเลย - นี่คือเงื่อนไขของการแต่งงานแบบปิตาธิปไตย

อีรอสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทุกคนคือผู้สร้างสวรรค์ เช่นเดียวกับวัยรุ่น เขาลักพาตัวหญิงสาวและสัญญากับเธอว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยความสุข นี่คือความลับหลักของอีรอส: เขาต้องการค้นหาสวรรค์ของเขา แต่ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อยและมีทัศนคติที่จริงจัง สิ่งนี้มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนในระดับหนึ่งหรืออย่างอื่น ความเป็นผู้หญิงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวิวัฒนาการและการเติบโตส่วนบุคคล และความสำคัญสูงสุดในตำนานคือองค์ประกอบของความเป็นผู้หญิง สำหรับผู้ชายมันเป็นการทดสอบที่แย่มาก เขาแค่อยากอยู่ในสวรรค์

ฟังคู่รักสร้างสวรรค์ให้ตัวเอง และบทสนทนาทั้งหมดและแต่ละคำแยกจากกัน ดูเหมือนจะมาจากอีกโลกหนึ่งบนสวรรค์ สวรรค์ที่พวกเขาสร้างขึ้นอาจเป็นลางสังหรณ์ของสวรรค์ที่แท้จริงซึ่งสามารถทำได้สำเร็จในภายหลังด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด เราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์สวนเอเดนก่อนกำหนดจนเกินไป แต่ผู้มีประสบการณ์ทุกคนรู้ดีว่าความประทับใจแรกพบไม่สามารถคงอยู่ยาวนานและมั่นคงได้

มีบางอย่างในจิตไร้สำนึกของผู้ชายที่หล่อเลี้ยงเขาด้วยความหวังว่าจะได้รับความยินยอมจากภรรยาที่จะไม่ถามอะไรเขา ทัศนคติของเขาต่อการแต่งงานบ่อยครั้งคือสำหรับเขาแล้ว การแต่งงานควรจะสะดวกแต่ไม่เป็นภาระ หากผู้ชายมุ่งความสนใจไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เขาต้องการเป็นอิสระและลืมเรื่องการแต่งงานไปเสีย เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งค้นพบทัศนคติเช่นนี้ในตัวผู้ชาย เธอก็อาจจะตกใจได้ การแต่งงานเป็นคำมั่นสัญญาที่สมบูรณ์สำหรับผู้หญิง และสำหรับผู้ชายไม่มีความสิ้นหวังในนั้น ฉันจำได้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่าเธอร้องไห้เป็นเวลาหลายวันหลังจากพบว่าการแต่งงานเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ด้านของชีวิตสำหรับสามีของเธอ ในขณะที่เขามีบทบาทหลักสำหรับเธอ ดังนั้นเธอจากปีกของอีรอสผู้สร้างสวรรค์ในตัวสามีของเธอ

การสูญเสียสวรรค์

สวรรค์ทุกแห่งล้วนมีข้อบกพร่อง แต่ละคนมีงูอยู่ข้างใน ซึ่งเป็นตัวแทนของความสงบสุขที่ครอบงำในสวนเอเดนโดยสิ้นเชิง

และในสวรรค์ที่ Psyche อาศัยอยู่ ในไม่ช้างูก็ปรากฏตัวขึ้นในหน้ากากของพี่สาวสองคนของเธอซึ่งโศกเศร้าถึงการสูญเสียน้องคนสุดท้องแม้ว่าเราจะจริงใจมากก็ตาม เมื่อพวกเขารู้ว่าไซคีได้แต่งงานกับพระเจ้าและอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ความหึงหวงของพวกเขาไม่มีขอบเขต เมื่อเข้าใกล้เชิงหน้าผาที่พวกเขาออกจาก Psyche พวกเขาก็เริ่มโทรหาเธอ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ และขออวยพรให้เธอโชคดี

Psyche ผู้ไร้เดียงสาแจ้งให้ Eros เกี่ยวกับเรื่องนี้ สามีของเธอเตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาบอกว่าถ้าเธอฟังพี่สาวไล่ตามเธอ ความหายนะก็จะเกิดขึ้น หากไซคียังคงไม่ถามอะไรเขาอีก เธอจะมีลูกซึ่งจะเป็นเทพเจ้าอมตะ แต่ถ้าเธอผิดคำสาบานและถามคำถาม เด็กผู้หญิงก็จะเกิดมาซึ่งจะเป็นเพียงแค่มนุษย์ ที่แย่กว่านั้นคือในคำถามแรกอีรอสจะทิ้งเธอไป จากนั้นไซคีก็ตกลงอีกครั้งที่จะไม่ถามอะไรสามีของเธอ แต่พี่สาวน้องสาวก็โทรหาเธอครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดไซคีก็ขออนุญาตสามีให้ไปเยี่ยมเธอ เวลาผ่านไปเล็กน้อย พี่สาวน้องสาวที่ถูกพามาจากหน้าผาสูงริมฝั่งลมตะวันตกอย่างปลอดภัย พบว่าตัวเองอยู่ในสวนเอเดนอันงดงาม พวกเขาชื่นชมและเพลิดเพลินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พวกเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาน้องสาวของตน พวกเขาโจมตีเธอด้วยคำถามเกี่ยวกับสามีของเธอ และไซคีผู้ไร้เดียงสาพยายามอธิบายว่าเธอจินตนาการถึงเขาอย่างไร เพราะเธอไม่เคยเห็นเขามาก่อน เธอมอบกองของขวัญที่ไม่ธรรมดาและหายากแก่พี่สาวน้องสาวและส่งพวกเธอกลับบ้าน

อีรอสเตือนไซคีอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่นานพี่สาวน้องสาวก็ปรากฏตัวอีกครั้ง คราวนี้ไซคีลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเคยพูดเกี่ยวกับสามีของเธอไป และเล่าเรื่องจินตนาการอีกอย่างหนึ่งให้พวกเขาฟัง เมื่อกลับถึงบ้านพี่สาวก็คิดอยู่นานจึงคิดแผนอันชาญฉลาดและร้ายกาจขึ้นได้ คือ เมื่อมาเยี่ยมพี่สาวครั้งที่สามก็จะบอกเธอว่าจริงๆ แล้วสามีเธอแย่มาก , งูน่าขยะแขยง ทันทีที่ กจะมีเด็กคนหนึ่งเกิดมา สามีจะกลืนกินเขาพร้อมกับมารดาของเขา

แต่พวกเขาต้องการช่วยไซคีจากจุดจบอันเลวร้ายเช่นนี้ ในการที่จะมีชีวิตอยู่ เธอต้องทำสิ่งต่อไปนี้ หยิบโคมไฟ ใส่ในภาชนะ คลุมด้วยผ้าห่ม แล้ววางไว้ในห้องนอน นอกจากนี้เธอควรลับมีดแล้วซ่อนไว้ใกล้เตียง ในยามราตรี เมื่อสามีของเธอหลับสนิท เธอจะจุดตะเกียง และในที่สุดก็เห็นสามีที่เลวร้ายของเธอ และตัดศีรษะของเขาออก Psyche ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของพี่สาวของเธอได้เป็นเวลานานและเมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขาก็เริ่มเตรียมที่จะเปิดเผยสามีที่เลวร้ายของเธอ

อีรอสกลับบ้านหลังมืด นอนบนเตียงข้างไซคีแล้วหลับไป ในเวลาเที่ยงคืน เธอถอดฝาครอบออกจากตะเกียง หยิบมีด ลุกขึ้นยืนเหนือสามีและมองดูเขาเป็นครั้งแรก เธอพบกับความประหลาดใจและความอับอายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อหน้าเธอ เทพเจ้าแห่งความรักซึ่งงดงามที่สุดที่มีอยู่ในโอลิมปัส ด้วยความประหลาดใจและตกใจกับสิ่งที่เธอเห็น Psyche จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยชดใช้ความผิดพลาดร้ายแรงของเธอ เธอพร้อมที่จะทำสิ่งนี้แล้ว แต่หยิบมีดออกมาอย่างเชื่องช้าและทิ้งมันไป ในเวลาเดียวกันเธอก็แทงตัวเองด้วยลูกธนูของอีรอสโดยบังเอิญและตกหลุมรักสามีของเธออย่างบ้าคลั่งซึ่งเธอเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต

ทันใดนั้นมือของเธอที่ถือตะเกียงก็สั่น และมีน้ำมันร้อนหยดหนึ่งตกลงบนไหล่ขวาของอีรอส . ตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวดสาหัสก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นจึงสยายปีกแล้วบินหนีไปทันที Psyche ผู้น่าสงสารเกาะติดกับเขา แต่ความแข็งแกร่งของเธอมีเพียงพอที่จะพาออกไปนอกสวนเอเดนเท่านั้น เธอถูกทิ้งและล้มลงกับพื้นและนอนโศกเศร้าอยู่คนเดียวโดยสิ้นเชิง อีรอสบินมาหาเธอด้วยความตำหนิที่เธอไม่ฟังเขาและเมื่อผิดคำพูดทำให้สวนเอเดนหายไป และเขาเสริมว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาเตือนไว้ เธอจะมีลูก เด็กผู้หญิง และมนุษย์ธรรมดา และตอนนี้เขาต้องลงโทษไซคีที่ไม่เชื่อฟังและทิ้งเธอไป เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็บินไปหาอโฟรไดท์ผู้เป็นมารดาของเขา

ละครร่วมสมัย

พี่สาวน้องสาวคือเสียงหงุดหงิดที่ได้ยินอยู่ภายในตัวเรา และบ่อยครั้งจากภายนอก ซึ่งมีหน้าที่สองประการ คือ การทำลายทัศนคติต่อชีวิตก่อนหน้านี้ และการรับรู้ถึงทัศนคติใหม่ ระหว่างจิบกาแฟยามเช้า ฉากหนึ่งมักจะแสดงฉากที่พี่สาวสองคนกำลังวางแผนชั่วร้ายของพวกเขา พวกเขามักจะบรรลุภารกิจสองประการในการท้าทายโลกปิตาธิปไตยเก่า และปลุกปั่นให้กันและกันตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งต้นทุนอาจสูงกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก เราอาจต้องจ่ายราคาของ Promethean เพื่อตระหนักถึงสิ่งที่เราปรารถนาอย่างแรงกล้า

การซักถามพี่สาวเป็นภาพที่น่ากลัว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ก่อการตระหนักรู้ แต่ก็ยังมีอันตรายสำหรับผู้หญิงทุกคนที่จะอยู่ต่อไปและหยุดนิ่งในขั้นตอนของการพัฒนานี้ และยังคงเป็นอันตรายตลอดชีวิตต่อๆ ไปของเธอ คุณอาจเห็นผู้ชายเป็นต้นตอของปัญหาของคุณ ยังคงอยู่บนศิลาแห่งความตาย ในทำนองเดียวกันคุณจะพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพของพี่สาวสองคนและทำลายทุกสิ่งที่ผู้ชายพยายามสร้าง

ตามกฎแล้วผู้หญิงต้องผ่านลำดับความสัมพันธ์ที่ผิดปกติและน่างงงวยกับคู่ของเธอ ผู้ชายสำหรับเธอสามารถเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและเป็นความตายบนก้อนหินและเป็นคนที่ไม่รู้จักในสวรรค์และเป็นคนที่เปิดกว้างและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง และในที่สุด เมื่อเธอมาถึงความเป็นเทพของเธอเองบนยอดเขาโอลิมปัส เขาก็ปรากฏต่อหน้าเธอในฐานะเทพเจ้าแห่งความรัก ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ชายสับสน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกวันเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาจะมองไปรอบ ๆ อย่างขี้อาย พยายามทำความเข้าใจว่าบทบาทที่ได้รับมอบหมายให้เขาในวันนี้เป็นอย่างไร ตอนนี้เพิ่มแอนิเมชั่นของเขาเข้าไปด้วย และคุณจะมีโครงเรื่องที่ซับซ้อนแต่สนุกสนาน

พี่น้องสตรีแสดงให้เห็นถึงข้อกำหนดของการวิวัฒนาการซึ่งเราไม่ทราบแหล่งที่มา นี่อาจเป็นเงาของไซคี จุงบรรยายถึงด้านเงาของบุคลิกภาพว่าเป็นองค์ประกอบที่อดกลั้นหรือความเป็นไปได้ที่ยังไม่ตระหนักรู้ถึงศักยภาพส่วนบุคคลอย่างเต็มที่ เนื่องจากขาดความสนใจและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ลักษณะที่ไม่มีชีวิตชีวาและอดกลั้นเหล่านี้จึงยังคงคร่ำครวญหรือตกอยู่ในเงามืดจนกลายเป็นอันตราย แม้จะมีการปราบปราม แต่ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในความดีและความชั่วยังคงอยู่ในจิตใต้สำนึก ซึ่งจะสะสมพลังงานจนกว่าจะพบการปลดปล่อยสู่จิตสำนึก เช่นเดียวกับที่พี่สาวของเธอปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤติในชีวิตของไซคี

หากเรามองเข้าไปในตัวเองโดยตระหนักรู้ถึงเพียงการมีอยู่ของความรักและความเอื้ออาทรเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ Psyche เราจะดูถูกดูแคลนด้านเงาที่มีอยู่ สิ่งนี้จะนำไปสู่ความจริงที่ว่าเราจะถูกบังคับให้ออกจากสวรรค์ไร้เดียงสาที่เราสบายใจมากและเราจะค้นหาการค้นพบใหม่เกี่ยวกับแก่นแท้ที่แท้จริงของเรา

จุงกล่าวว่าความปรารถนาที่จะเติบโตส่วนบุคคลมักเกิดขึ้นในจิตใจจากเงามืด ดังนั้นพี่สาวคนเดียวกันที่มีบทบาทในชีวิตของไซคีไม่ค่อยน่าพอใจและไม่น่าดูเลยยังคงรับใช้เธอ 3 อย่างเป็นเรื่องเป็นราว
อีรอสทำงานหนักเพื่อเก็บไซคีไว้ในความมืด พระองค์ทรงสัญญากับเธอว่าจะมีชีวิตบนสวรรค์โดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะไม่มองเขาหรือถามสิ่งใด นี่คือวิธีที่เขาหวังที่จะรักษาอำนาจเหนือเธอ

บ่อยครั้งที่ผู้หญิงอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ชายในช่วงชีวิตของเธอ แต่ถ้าเธอสามารถกำจัดพลังนี้ออกไปได้ เธอก็ย่อมต้องพึ่งพาความเป็นศัตรูกันซึ่งเป็นความเป็นชายภายในของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เส้นทางชีวิตของผู้หญิงคือการต่อสู้และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องโดยสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้ชาย ไม่ว่าเธอจะพบว่ามันเป็นความเกลียดชังจากภายนอกหรือภายในก็ตาม ความคล้ายคลึงกันนี้เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ชาย เมื่อเขาพยายามที่จะค้นพบและเข้าใจทัศนคติของเขาต่อวิถีชีวิตของผู้หญิง ไม่ว่าเขาจะพบมันในความสัมพันธ์กับผู้หญิงในชีวิตจริงหรือในกระบวนการของการต่อสู้อย่างกล้าหาญ เกิดขึ้นรอบๆ จิตวิญญาณ ซึ่งเป็นความเป็นผู้หญิงภายในของเขา

แม้จะมีตัวเลือกที่หลากหลายไม่รู้จบที่สร้างความเป็นเอกเทศของชีวิต แต่การค้นหาภาษากลางที่มีองค์ประกอบของความเป็นชายก็สามารถคาดเดาได้ในระดับหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้สัมผัสกับความเป็นชายของพ่อของเธอ จากนั้นกับความเป็นชายที่ดูดซับเธอในช่วงฤดูผสมพันธุ์ หลังจากนั้นกับอีรอส ซึ่งสัญญาว่าจะเป็นสวรรค์หากเธอไม่ถามคำถาม ต่อมาเธอได้พบกับอีรอส เทพเจ้าแห่งความรัก ซึ่งจริงๆ แล้วเขาเป็นใคร มีการใช้พลังจิตมากมายทั้งภายในและภายนอกละครเรื่องนี้

อาจเป็นไปได้ว่าชีวประวัติของผู้หญิงแต่ละคนมีบทที่น่าเคารพซึ่งอธิบายถึงการตกหลุมรักการค้นพบและการสูญเสียสวนเอเดนและในการแสวงหาการสร้างสายสัมพันธ์กับพระเจ้า - การค้นพบสวนเอเดนอีกครั้งในสภาพที่เป็นผู้ใหญ่ซึ่งก็คือ สวยไม่น้อยไปกว่าครั้งแรก

วิธี

เงาบังคับให้ผู้หญิงคนนั้นสำรวจสวนเอเดนและมอบวิธีอันวิจิตรบรรจงและทรงพลังให้เธอทำสิ่งนี้ ก่อนอื่น นี่คือโคมไฟที่ซ่อนอยู่ในขณะนั้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถของผู้หญิงในการมองเห็นแก่นแท้ของสิ่งที่เกิดขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือความสามารถของเธอในการตระหนักรู้ แสงเป็นสัญลักษณ์ของจิตสำนึกเสมอโดยมีความชัดเจนและเฉียบคมเป็นพิเศษ ในกรณีของเรา สัญลักษณ์ของมันคือโคมไฟ เชื้อเพลิงที่สกัดจากดินหรือน้ำมันที่ได้จากผลไม้ เผาในตะเกียง กลายเป็นแสงที่อบอุ่น นุ่มนวล และอ่อนโยน นี่ไม่ใช่แสงที่รุนแรงจากแสงแดดที่มีความเข้มสูง แต่เป็นแสงธรรมชาติที่อบอุ่นอ่อนโยนของผู้หญิง หนึ่งในชื่อคือแสงสว่างแห่งชีวิต

เครื่องมืออีกอย่างหนึ่งคือมีดที่คมมาก ควรสังเกตว่า Psyche ใช้วิธีเดียวที่มีให้เธอเท่านั้น สำหรับฉันดูเหมือนว่าตำนานส่วนนี้มีคำแนะนำที่ชาญฉลาดมาก ผู้หญิงที่ค่อยๆ กระจ่างในสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างระมัดระวังและอ่อนโยนสามารถทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ ผู้หญิงที่ถือมีดสามารถฆ่าได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น: การเปลี่ยนแปลงหรือการฆาตกรรม? นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของการเลือก ช่วงเวลาแห่งความจริง โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ถ้าใช้มีดก่อนจะเสียหายมาก หากใช้หลอดไฟก่อนก็มีโอกาสที่จะเกิดการรับรู้และการเติบโตภายใน ด้วยการจัดการเครื่องมือของเธออย่างระมัดระวัง ผู้หญิงจึงสามารถค้นพบปาฏิหาริย์และค้นพบเทพเจ้าแห่งความรัก อีรอส ในร่างที่แท้จริงของเขา แล้วเธอจะพอใจกับความจริงที่ว่าแสงของเธอทำให้เกิดปาฏิหาริย์ ในขณะที่ใคร่ครวญหาผู้หญิง ผู้ชายมักจะรู้สึกว่าจำเป็นต้องได้รับแสงสว่างจากเธอเพื่อที่จะค้นพบธรรมชาติและความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของเขา ผู้หญิงทุกคนถือพลังที่เข้าใจยากและทรงพลังนี้ไว้ในมือของเธอ

หลอดไฟคืออะไรและช่วยตรวจจับอะไร? อย่างดีที่สุด ผู้ชายรู้ว่าเขาคืออะไรและเข้าใจว่าภายในตัวเขามีความยิ่งใหญ่และพลังอันศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ แต่ในขณะที่ผู้หญิงจุดตะเกียง เขาจะรู้สึกถึงการเรียกร้องแห่งชีวิต รู้สึกถึงการเรียกร้องให้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของความเป็นชายของเขา และแสดงมันออกมา แน่นอนว่าเขาตัวสั่น! นอกจากนี้เขาคาดหวังคำยืนยันจากผู้หญิงที่มีค่าของเขา ผู้ชายที่พ่ายแพ้และค้นพบความไม่เพียงพอของเขาในท่อระบายน้ำของผู้หญิงที่แท้จริงหรือภายในสามารถพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่แย่มากเนื่องจากโดยปกติแล้วการมีอยู่ของผู้หญิงคนหนึ่งจะเตือนให้ผู้ชายนึกถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตัวเขา

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กลุ่มผู้ชายหลายกลุ่มที่แยกตัวออกจากกันก่อตัวขึ้นในหมู่เกาะอะลูเชียน เนื่องจากปัญหาการขนส่งที่ไม่คาดคิด พวกเขาจึงขาดการพักผ่อนและความสงบสุข นอกจากนี้พวกเขาไม่สามารถสนุกสนานและรับแขกได้ ผู้ชายมากกว่าครึ่งหนึ่งมีอาการทางประสาท พวกเขาหยุดโกน ปล่อยให้ผมยาว และหยุดทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อรักษารูปลักษณ์ที่เรียบร้อย สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะไม่มีผู้หญิงอยู่ใกล้ๆ ไซคี มองดูอีรอสเพื่อเตือนให้เขานึกถึงความแข็งแกร่งและความมั่งคั่งของเขา

ผู้ชายที่ท้อแท้อาจต้องการความสนใจหรือบางครั้งก็เป็นเพียงการจ้องมองของผู้หญิงเพื่อที่จะเข้าใจถึงคุณค่าของตัวเอง นี่อาจเผยให้เห็นประเด็นที่ลึกซึ้งที่สุดประเด็นหนึ่งในจิตวิทยาชาย ผู้ชายส่วนใหญ่รับรู้คุณค่าความเป็นชายอย่างลึกซึ้งจากผู้หญิง ภรรยา หรือแม่ หรือจากจิตวิญญาณของพวกเขา หากพวกเขาไตร่ตรองอย่างมาก ด้วยการจุดตะเกียง ผู้หญิงจะมองเห็นตัวเองและแสดงให้ผู้ชายเห็นคุณค่าของมัน

ครั้งหนึ่งฉันเคยอยู่ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวในครอบครัวเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งคว้ามีดอย่างกระตือรือร้น สามีของเธอมีรายการความผิดทั้งหมด และในรายการนี้ข้อกล่าวหาว่าเขากลับบ้านดึกจากที่ทำงานยังห่างไกลจากข้อกล่าวหาแรก เขาไม่พอใจ “คุณไม่เข้าใจเหรอว่าฉันติดอยู่กับงานบ้าๆ นี้เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว” ผู้หญิงคนนั้นนั่งลง เธอได้ยินอะไรบางอย่าง ตะเกียงเข้ามาแทนที่มีด เขากล่าวต่อว่า “ฉันจะไม่ไปทำงานถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันเกลียดงานของฉันและฉันไปที่นั่นเพื่อคุณและลูกๆ เท่านั้น” ทันใดนั้นความสัมพันธ์ในครอบครัวของพวกเขาก็เปิดออก ผู้หญิงคนนั้นยกตะเกียงขึ้นและดูว่าเกิดอะไรขึ้น และเธอก็ชอบสิ่งที่เธอเห็น

ผู้ชายต้องพึ่งพาผู้หญิงที่ส่องสว่างชีวิตครอบครัวเพราะตัวเขาเองไม่มีความสามารถในการเปิดเผยความหมายของมัน ชีวิตสำหรับเขามักจะแห้งเหือดและน่าเบื่อจนกระทั่งมีคนมาลิ้มลอง ผู้หญิงพูดเพียงไม่กี่คำก็สามารถเพิ่มความหมายให้กับการทำงานหนักทั้งวัน และทำให้ผู้ชายรู้สึกขอบคุณได้ ผู้ชายรู้และต้องการสิ่งนี้เขาพยายามดิ้นรนเพื่อมันอย่างสุดกำลังโดยให้โอกาสผู้หญิงคนนั้นได้ฉายแสงอย่างน้อยเล็กน้อย เมื่อเขากลับมาถึงบ้านและพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขากำลังขอให้ผู้หญิงคนนั้นมีความหมายกับกิจกรรมของเขา หน้าที่หลักของผู้หญิงคือการรักษาแสงสว่าง

การสัมผัสแสงหรือจิตสำนึกเป็นการทดสอบที่จริงจังและโหดร้าย บ่อยครั้งที่การตระหนักรู้กลายเป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับผู้ชาย - บางทีนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงระวังผู้หญิงมาก สาเหตุหลักของพฤติกรรม "ไก่ตัวผู้" ของผู้ชายคือความพยายามที่ไร้ประโยชน์ในการซ่อนความกลัวต่อผู้หญิง บ่อยครั้งงานของผู้หญิงคือการนำผู้ชายให้ตระหนักถึงความสัมพันธ์ที่มีอยู่อย่างค่อยเป็นค่อยไป เกือบทุกครั้งจะเป็นเธอที่พูดสิ่งนี้หรือวลีที่คล้ายกัน: “มานั่งคุยกันว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรา” ในกรณีส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงที่กระตุ้นการเติบโตส่วนบุคคลและการพัฒนาความสัมพันธ์ ผู้ชายกลัวทุกสิ่ง แต่เขากลัวที่จะสูญเสียมันไปมากกว่า

เราสามารถเข้าใจการทำงานหรือสัญลักษณ์ของน้ำมันในตะเกียงของไซคีได้สองวิธี เราสามารถพูดถึงน้ำมันที่ช่วยลดแรงเสียดทานได้ กล่าวคือ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความนุ่มนวลและบรรเทาสถานการณ์ที่ตึงเครียดและสับสน เป็นไปได้ - เกี่ยวกับการตกลงไปในหม้อที่มีน้ำมันเดือด ในการรับรู้ความเป็นผู้หญิงของผู้ชายที่คลุมเครือ ความหมายที่แตกต่างกันทั้งสองนี้ไม่ได้แยกจากกันอย่างชัดเจนเสมอไป

วันหนึ่ง ฉันกำลังนั่งอยู่ในกลุ่มของผู้เฒ่าชาวยิวคนหนึ่ง และพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับชีวิตที่หายไปจากบ้านของเขา เด็กๆ เติบโตขึ้นและออกจากบ้าน เขาเองก็ลาออกจากงานประจำมานานแล้ว และความมืดและความว่างเปล่าก็เข้ามาอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่าของเขามานานแล้ว ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงถามเขาว่ามีพิธีกรรมในบ้านของเขาหรือไม่ “ไม่มีพิธีกรรม” เขาตอบ “หลายปีก่อนเราเลิกสนใจพิธีกรรมเหล่านั้นแล้ว” ฉันแนะนำให้เขาขอให้ภรรยาจุดเทียนถือบวชในเย็นวันศุกร์ที่ 4 ถัดมา "ไร้สาระ!" - เขาอุทาน แต่ฉันยืนกรานและแปลกใจมากกับสิ่งที่เขาบอกฉันในสัปดาห์หน้าเมื่อเราพบกันอีกครั้ง “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เขากล่าว “แต่เมื่อฉันขอให้ภรรยาจุดเทียนถือบวช เธอก็เริ่มร้องไห้และทำตามที่ฉันขอ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บ้านก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงเพื่อเราและกลายเป็นอย่างสมบูรณ์ แตกต่าง!" และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ประการแรก พิธีกรรมโบราณได้รับการบูรณะในบ้าน และประการที่สอง ผู้หญิงได้รับสิทธิ์ในสมัยโบราณของเธอในการสร้างแสงนุ่มนวลที่ให้ความอบอุ่น เคลื่อนไหว และนำความหมาย ผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจว่าความปรารถนาของผู้ชายนั้นแข็งแกร่งเพียงใดที่จะรู้สึกถึงความเป็นผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ควรเป็นภาระแก่ผู้หญิง และเธอไม่ควรวางสถานการณ์นี้ไว้เป็นแนวหน้า โดยยังคงรู้สึกโดดเดี่ยวภายใน ทันทีที่ผู้ชายค้นพบความเป็นผู้หญิงภายในของเขา เขาก็หยุดเรียกร้องจากผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ ว่าเธอมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อประโยชน์ของเขาเท่านั้น แต่ถ้าผู้หญิงพยายามมอบของขวัญล้ำค่าที่สุดให้กับผู้ชาย ถ้าเธอต้องการสนองความหิวโหยที่สุดของผู้ชายจริงๆ (ความหิวที่ผู้ชายไม่ค่อยแสดงออกมาแต่มีอยู่ตลอดเวลา) เธอก็จะเป็นผู้หญิงมากในช่วงเวลาที่ มนุษย์ปรารถนาคุณสมบัติอันล้ำค่านี้อย่างกระตือรือร้น ความจริงก็คือเมื่อได้รับความรู้สึกความเป็นผู้หญิงจากผู้หญิงในเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด ผู้ชายก็สามารถแบกภาระและแบกภาระได้อีกครั้งโดยไม่รู้สึกเหนื่อย
Aphrodite แก้ปัญหาวิวัฒนาการของจิตสำนึกด้วยวิธีที่ผิดปกติมาก! สิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นลูกโซ่ของความผิดพลาดและความผิดพลาดได้กลายมาเป็นเส้นทางการพัฒนาภายในที่น่าทึ่ง ผู้มีหัวใจเจ้าเล่ห์และไม่จริงใจ Aphrodite ด้วยความหึงหวงทำทุกอย่างเพื่อบังคับให้ Psyche หมั้นหมายกับ Death ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูง เธอส่งลูกชายของเธอซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักอีรอสมาจัดงานแต่งงาน แต่เขาบังเอิญแทงตัวเองด้วยธนูลูกหนึ่งของเขาและตกหลุมรักไซคีอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนั้น ในช่วงเวลาสำคัญของการเปิดเผย Psyche เองก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกศรแห่งความรักของ Eros และตกหลุมรักเทพเจ้าแห่งความรัก!

สภาวะ “ตกหลุมรัก” จะเป็นอย่างไรหากคนรักเข้มแข็งปาฏิหาริย์ไม่ใส่ใจเจตจำนงแห่งโชคชะตา ก่อนที่คุณจะพยายามไขปริศนานี้ คุณควรจำไว้ว่าความรักและการมีความรักเป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกันซึ่งไม่ควรสับสน

ความรักหมายถึงการผ่านประสบการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบประสบการณ์ในการเชื่อมโยงการดำรงอยู่ของมนุษย์กับอีกคนหนึ่ง นี่หมายถึงการเห็นคนที่รักเป็นคนจริงๆ และชื่นชมเขาสำหรับความธรรมดา ข้อบกพร่อง ความคิดริเริ่ม และความสำคัญของตัวมนุษย์เอง หากเราสามารถทะลุผ่านหมอกแห่งการฉายภาพที่เราใช้ชีวิตส่วนใหญ่ได้ เราจะเริ่มมองว่าสิ่งธรรมดานั้นพิเศษ ปัญหาทั้งหมดก็คือเรามืดบอดเพราะการคาดการณ์ของเราเอง เราไม่ค่อยเห็นคนอื่นอย่างที่เขาเป็น ชื่นชมความลึกและความสูงส่งของเขา ความรักดังกล่าวคงอยู่ยาวนานและดำรงอยู่ควบคู่ไปกับความธรรมดาในชีวิตประจำวัน (“ความธรรมดา”) ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของคำว่า “ความเป็นระเบียบเรียบร้อย”) ความหมายบางประการของความรักดังกล่าวมีอยู่ในคำพูด: "ทุกสิ่งเป็นดิน - จะมีแป้ง" ความรักปรากฏให้เห็นในทุกเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน ความรักไม่จำเป็นต้องมีระดับเหนือมนุษย์ 5 บุคคลหนึ่งทำงาน สื่อสาร ทำผิดพลาด หลบหนีและใช้ชีวิต ติดอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

หากบุคคลมีความรักก็เหมือนกับว่าเขาได้สัมผัสกับระดับการดำรงอยู่เหนือมนุษย์ เขาถูกพาตัวออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันไปสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่มีที่ว่างสำหรับคุณค่าของมนุษย์อีกต่อไป ราวกับว่าเราถูกพายุหมุนที่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้จับตัวไปและถูกโยนเข้าสู่โลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงซึ่งคุณค่าของมนุษย์ไม่มีคุณค่า หากความรักคือแรงดันไฟฟ้าหลัก 110 โวลต์ การตกหลุมรักคือพลังงานเหนือมนุษย์ 100,000 โวลต์ ซึ่งไม่สามารถมีอยู่ที่บ้านได้ตลอดเวลา การตกหลุมรักเป็นชะตากรรมของเทพเจ้าและเทพธิดา มันมีอยู่นอกเหนือกาลเวลาและอวกาศ

มีการกล่าวไปแล้วว่า Psyche เป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถเห็นเทพเจ้าแห่งความรักด้วยเสน่ห์ทั้งหมดของเขาและยังมีชีวิตอยู่เพื่อเล่าให้ฟัง นี่คือแก่นของเรื่องราวของเรา - เด็กสาวผู้ตกหลุมรักพระเจ้าและยังคงซื่อสัตย์ต่อธรรมชาติของมนุษย์โดยไม่สูญเสียศรัทธาในความรัก จุดจบอันประเสริฐของเรื่องราวนี้เป็นผลโดยตรงจากการที่ไซคียังคงซื่อสัตย์ต่อตัวเธอเอง และความรักของเธอ 6

มาทำการทดลองทางความคิด: ลองจินตนาการว่าไม่มีใครเหลืออยู่บนโลกนี้นอกจากคุณและอีกคนหนึ่ง ตรวจสอบความสัมพันธ์ของคุณกับบุคคลนี้ตลอดทั้งวันและสังเกตว่าเขามีค่ากับคุณเพียงใด เวลาผ่านไปน้อยมากและบุคคลนี้จะกลายเป็นศูนย์รวมแห่งปาฏิหาริย์สำหรับคุณ การมุ่งความสนใจไปที่วัตถุหนึ่งซึ่งมีต้นกำเนิดจากโลกนี้ เป็นลักษณะของภาวะตกหลุมรัก ทุกคนสามารถพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพนี้ได้ แต่เพียงบังเอิญเท่านั้น บางครั้งอาจเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ มันไม่เหมือนความรักเลยที่ “ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป” ซึ่งคงอยู่ยาวนานและมีอยู่ที่บ้าน (ถ้ามีคนเมื่อ 20 ปีที่แล้วบอกฉันว่าฉันจะรวบรวมความรักและระยะยาวฉันคงตกใจมาก และมีแนวโน้มว่าจะโกรธมาก แต่วัยกลางคนจะนำความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาให้)

มันเกิดขึ้นที่ทั้งอีรอสและไซคีถูกแทงด้วยลูกศรวิเศษและพบว่าตัวเองอยู่ในโลกแห่งคู่รัก มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจนนำไปสู่ความทุกข์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ Psyche กำจัดการแต่งงานของเธอกับความตาย Eros เปิดเผยรูปลักษณ์อันศักดิ์สิทธิ์ของเขา ไซคีถูกไล่ออกจากสวรรค์ อีรอสที่ทนทุกข์ก็บินไปหาแม่ของเขา การตกหลุมรักทำให้ผู้คนสูญเสียความสงบสุขของมนุษย์ตามปกติ แต่ให้พลังงานมหาศาลแก่พวกเขาซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาตนเอง

ก่อนหน้านี้ ประสบการณ์ในการติดต่อกับหลักธรรมอันศักดิ์สิทธิ์มีบริบททางศาสนาเป็นหลัก บัดนี้ เมื่อมีประสบการณ์ส่วนบุคคลจากประสบการณ์อันลึกซึ้งแล้ว เราก็ไปไกลจากแนวคิดเหล่านี้แล้ว ปัจจุบันนี้ สำหรับคนธรรมดา ความรักโรแมนติกเป็นโอกาสเดียวที่จะได้สัมผัสกับพระเจ้า การตกหลุมรักเป็นโอกาสพิเศษในการมองดูบุคคลและมองเห็นแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างหลังเขา จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อเราตกหลุมรักเราจะตาบอด เราอยู่ใกล้กับคนจริงๆ แต่เราหันเหความสนใจไปที่บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าและประเสริฐกว่าการดำรงอยู่ของมนุษย์ธรรมดา จากมุมมองทางจิตวิทยานี่หมายความว่าชั้นจิตใจของเราบางชั้นที่ก่อตัวก่อนที่ตำนานนี้จะได้รับผลกระทบด้วยซ้ำ หากคุณสัมผัสกับเนื้อหาของต้นแบบ คุณก็สามารถถูกทำลายได้ ตำนานบอกเราว่าอาจเกิดขึ้นได้ว่ามนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งอาจได้รับผลกระทบจากต้นแบบได้ เขาสามารถอยู่รอดจากผลกระทบนี้ได้โดยการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงเท่านั้น มนุษย์ได้สัมผัสกับความเป็นจริงอันแปลกประหลาดและยังคงพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้ ในบริบทนี้ เราสามารถเข้าใจได้ว่าการถูกธนูจากเทพเจ้าแห่งความรักได้รับบาดเจ็บหมายความว่าอย่างไร ทุกคนสามารถสัมผัสกับผลกระทบอันน่าอัศจรรย์นี้ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอย่างลึกซึ้ง การตกหลุมรักเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อที่สามารถเปรียบเทียบได้กับการระเบิดเท่านั้น

คนเอเชียไม่มีความคิดเรื่องการตกหลุมรัก พวกเขาเข้าสู่ความสัมพันธ์อย่างสงบ ค่อยๆ ปราศจากดราม่า โดยไม่ถูกแตะต้องโดยลูกศรของอีรอส การแต่งงานจะต้องเตรียมไว้ล่วงหน้าเสมอ ตามประเพณี เจ้าบ่าวจะไม่เห็นเจ้าสาวของเขาจนกว่าจะสิ้นสุดพิธีแต่งงาน จนกว่าเธอจะถอดดอกไม้และมาลัยเพื่อตกแต่งเสื้อผ้าของเธอ หลังจากนี้ เจ้าบ่าวจะพาเจ้าสาวเข้าไปในบ้านตามบทที่วางไว้อย่างระมัดระวังสำหรับคู่บ่าวสาว เขาเก็บพลังงานที่เราใช้ไปในช่วงความรักจนกระทั่งเขาเข้าสู่ห้องเจ้าสาวซึ่งเหล่าทวยเทพและเทพธิดาจะมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับเขา

เรื่องราวของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้สัมผัสกับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าประสบการณ์ของมนุษย์ธรรมดา ตำนานที่เหลือเล่าว่า Psyche สัมผัสประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อย่างไร
การเปิดเผยแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์ของเขาทำให้อีรอสต้องทนทุกข์ทรมานจนทนไม่ไหว จุดจบของชีวิตบนสวรรค์มาถึงแล้ว เพราะแก่นแท้ของเขาได้ถูกเปิดเผยแล้ว ไม่ใช่เจ้าบ่าวศักดิ์สิทธิ์ในงานแต่งงานที่หายนะหรือผู้สร้างความสุขบนสวรรค์ แต่เป็นรูปลักษณ์ที่มีชีวิตของความรัก การเปิดเผยนี้กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากสำหรับเขาและไม่เจ็บปวดน้อยกว่าศักดิ์ศรีของผู้หลอกลวงและผู้โอ้อวดที่ทำน้อยกว่าที่เขาสัญญาไว้ ช่างแปลกเสียจริงที่ความสามารถที่ดีที่สุดของเราสามารถสร้างความเจ็บปวดได้มากมาย! ไม่น่าเป็นไปได้ที่ทุกสิ่งสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่ถึงกระนั้นนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ สถานการณ์ชีวิต ครูบอกฉันถึงเหตุการณ์หนึ่งซึ่งค่อนข้างเหมาะสมที่จะอธิบายสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น ชายหนุ่มที่ตื่นเต้นมากเข้ามาขอคำปรึกษาหลังจากการวิเคราะห์เป็นเวลาหกเดือน “โทนี่ นี่มันแย่มาก!” - "เกิดอะไรขึ้น? ข่าวร้าย?" - โทนี่ถามด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย - “แต่เกิดอะไรขึ้น ในที่สุดก็บอกฉัน!” - “โทนี่ โรคประสาทของฉันหายไปแล้ว ฉันไม่รู้จะอยู่ต่อไปยังไง!” ความหมายของตัวอย่างนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง การสูญเสียวิธีปรับตัวเข้ากับความเป็นจริงแบบเก่าถือเป็นข่าวร้ายสำหรับบุคคล แม้ว่าเขาจะปรับตัวได้ดีขึ้นในรูปแบบใหม่ก็ตาม ทั้ง Eros และ Psyche ได้รับบาดเจ็บสาหัสในช่วงเริ่มต้นของกระบวนการวิวัฒนาการขั้นต่อไปแม้ว่าบาดแผลจะเป็นประโยชน์และมีประโยชน์สำหรับแต่ละคนก็ตาม

น่าแปลกที่มันเป็นช่วงเวลาที่ตกหลุมรัก คุณต้องตระหนักถึงความเป็นปัจเจกและเอกลักษณ์ของบุคลิกภาพของอีกฝ่าย และด้วยเหตุนี้ ความต้องการพื้นที่ส่วนตัวของเขาเองและระยะห่างพอสมควร เมื่อแยกจากกันคุณก็เริ่มตระหนักถึงการมีอยู่ของระยะห่างนี้ทันทีรู้สึกถึงความแตกแยกและความซับซ้อนในความสัมพันธ์ ตามกฎแล้วบุคคล (ชายหรือหญิง) พัฒนาความรู้สึกแย่มากของการยอมจำนนแบบตาบอดทันทีที่เขาจินตนาการถึงพระเจ้าหรือเทพธิดาในคู่ของเขา ต่อไปนี้จะเกิดความโดดเดี่ยวและความเหงา

อีรอสทำตามสัญญา: ไซคีมีลูก แน่นอนว่าเป็นเด็กผู้หญิง ไม่ใช่เด็กผู้ชาย และไม่ใช่เทพธิดา แต่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา และอีรอสก็ออกจากไซคี สิ่งนี้เกิดขึ้นในชีวิตจริง: ความสุขบนสวรรค์ถูกแทนที่ด้วยสิ่งธรรมดาและทางโลก

เมื่อเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในความเป็นจริง บ่อยครั้งการแต่งงานตั้งแต่เนิ่นๆ กลายเป็นเรื่องน่าเศร้า ทันทีที่ผู้หญิงค้นพบว่าผู้ชายไม่ใช่ผู้สร้างและผู้สร้างสวรรค์อย่างที่เธอคิด ทันทีที่เธอเปิดเผยกลอุบายและความลับของ "การล่องหน" ของเขา คู่สมรสทั้งสองต้องเผชิญกับความตกใจอย่างรุนแรง มันมีศักยภาพมหาศาลในการขยายจิตสำนึก แต่มันก็แสดงออกมาในประสบการณ์ที่เจ็บปวด ทั้งชายและหญิงออกจากสวนเอเดนและค้นพบรากฐานที่มั่นคงในชีวิตมนุษย์และมิติของมนุษย์ และเป็นเรื่องดีอย่างยิ่งที่ทุกสิ่งเกิดขึ้นในลักษณะนี้ เพราะว่ามนุษย์ทำความดีโดยการกระทำของมนุษย์มากกว่าการกระทำของพระเจ้า อย่างไรก็ตาม ราคาของสิ่งนี้คือความทุกข์ของมนุษย์

ดังนั้นอีรอสจึงบินไปหาแอโฟรไดท์ผู้เป็นแม่ของเขา และต่อจากนี้ไปจะครอบครองพื้นที่น้อยมากในประวัติศาสตร์ของเรา ตอนนี้ Poor Psyche จะต้องเดินทางต่อไปตามลำพัง แม้ว่าเธอจะมีผู้ช่วยเหลือมากกว่าที่เธอคิดก็ตาม แม้แต่แม่สามีผู้ยิ่งใหญ่อย่างอโฟรไดท์ ก็ยังคอยดูแลเธอตลอดเส้นทางที่คดเคี้ยวและพันกัน ในเวลานี้ ผู้ชายสามารถทำลายความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสและกลับบ้านของพ่อแม่ได้ หรือหากไม่ทำสิ่งนี้ทางกาย เขาอาจจมดิ่งลงสู่ความเงียบอย่างต่อเนื่อง ไปสู่การสื่อสารในระดับผิวเผิน และไม่มีส่วนร่วมทางอารมณ์ ซึ่งหมายความว่าเขาได้กลับไปยังบ้านแม่ของเขาแล้ว - หากไม่ใช่ไปหาแม่ที่แท้จริงของเขา ก็ไปยังกลุ่มแม่ของเขา ในเวลานี้ อะโฟรไดท์เข้าควบคุมจิตสำนึกของผู้หญิงคนนั้น

เมื่อพิจารณาว่าอีรอสเป็นศัตรู - ส่วนชายของจิตใจหญิง - เราจำได้ว่าเป็นอีรอสที่สร้างมันขึ้นมาเพื่อที่ในสวรรค์ไซคีจะอยู่ในพลังหมดสติของความเกลียดชังจนกว่าเธอจะจุดตะเกียง เมื่อสิ่งนี้เกิดขึ้นและตัวตนที่สมบูรณ์ของอีรอสที่มีความเกลียดชังก็ถูกเปิดเผย เขาก็บินกลับไปยังโลกภายในของเขาที่เขาอยู่

ความเกลียดชัง

จุงตั้งข้อสังเกตว่าแอนิมาและแอนิมัสมีพลังมากที่สุดในฐานะสื่อกลางระหว่างส่วนที่มีสติและหมดสติของจิตใจ เมื่อกลับมาสู่โลกแห่ง Aphrodite อีรอสเริ่มช่วยไซคีสร้างความสัมพันธ์กับแอโฟรไดท์ ซุส และเทพเจ้าและเทพธิดาอื่น ๆ ของโลกตามแบบฉบับภายใน ดังที่เราจะได้เห็นในภายหลัง อีรอสจะสนับสนุนไซคีในช่วงเวลาสำคัญของการพัฒนา โดยดึงดูดพลังธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดมาช่วยเหลือ เช่น กก มด และนกอินทรี

หากผู้หญิงผ่านช่วงวัยรุ่นไปแล้ว เธอจะต้องกำจัดพลังขององค์ประกอบชายที่โดดเด่น รอง และส่วนใหญ่หมดสติ ซึ่งมักจะกำหนดทัศนคติของเธอต่อโลกภายนอก การพัฒนาของผู้หญิงสามารถดำเนินต่อไปได้หากความเกลียดชังซึ่งได้รับการยอมรับเช่นนั้น เข้ารับตำแหน่งระหว่างอัตตาที่มีสติกับโลกภายในที่หมดสติ และเป็นสื่อกลางระหว่างพวกเขา และช่วยเหลือในทุกที่ที่สามารถทำได้ ต่อจากนั้นเขาจะช่วยเปิดโลกแห่งจิตวิญญาณที่แท้จริงให้กับเธอ ผู้หญิงที่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งความเกลียดชัง โดยไม่รู้เรื่องนี้เลย ได้สร้างความสัมพันธ์กับโลกภายนอกผ่านการไกล่เกลี่ย เธอเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าพฤติกรรมของเธอไม่ได้ถูกกำหนดโดยความเกลียดชังเท่านั้น แต่ยังถูกกำหนดโดยการเลือกอัตตาอย่างมีสติ แต่ในความเป็นจริง ด้วยข้อยกเว้นที่หาได้ยาก อีโก้จึงถูกถอนออกจากหน้าที่นี้เป็นส่วนใหญ่ และบทบาทนำก็ส่งต่อไปยังความเกลียดชัง การจุดตะเกียงแห่งสติทำให้ผู้หญิงเห็นภาพที่ถูกต้องอย่างแน่นอน: ความเกลียดชังซึ่งแยกออกจากอัตตาของเธอ เช่นเดียวกับ Psyche ผู้หญิงมักจะเต็มไปด้วยความรู้สึก ความเป็นศัตรูนี้ดูเหมือนว่าเธอจะมีพลังมากและเหมือนพระเจ้าเมื่อเปรียบเทียบกับจิตสำนึกที่อ่อนแอและทำอะไรไม่ถูกของเธอ ในขณะนี้เธอมีความรู้สึกสิ้นหวังและอันตรายที่กำลังคุกคามเธอ จากนั้นก็มาถึงช่วงเวลาที่น่าตกใจของการตระหนักรู้ถึงความเกลียดชังของเธอเป็นครั้งแรก และผู้หญิงคนนั้นก็เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่เพียงพอของตัวเอง ซึ่งอันตรายไม่น้อยไปกว่าความรู้สึกเกินจริงถึงความยิ่งใหญ่ของความเหนือกว่า เมื่อค้นพบบางสิ่งที่คล้ายกับพระเจ้าในตัวเธอ เธออาจพบว่าตัวเองอยู่ในจุดสูงสุดของความสุข ในกรณีนี้ ผู้หญิงคนนั้นถูกคุกคามด้วย "การตกหลุมรักตัวเอง"

หากคุณสามารถเข้าใจและทำให้การพัฒนานี้ราบรื่น โดยอยู่ในสมดุลแบบไดนามิกระหว่างสุดขั้วที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ในฐานะมนุษย์ในฐานะความตายและมนุษย์ในฐานะเทพเจ้า สวรรค์และการเนรเทศ ความยินดีและความสิ้นหวัง แสดงว่าคุณได้เริ่มแก้ไขปัญหาแล้ว งานของมนุษย์อย่างแท้จริง - การพัฒนาจิตสำนึก ฉันขอให้คุณเชื่อคำสัญญาของฉัน: หากคุณพร้อมที่จะยอมรับผู้ชายในรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาคุณไม่จำเป็นต้องมีสิ่งอื่นใดนอกจากตะเกียง คุณจะสามารถจดจำพระเจ้าในมนุษย์ได้ ไม่ใช่แบบที่คุณต้องการเห็นในสวรรค์ แต่ในความหมายเชิงโอลิมปิกที่สำคัญกว่า ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าในใจของฉันที่จะสมเหตุสมผลที่จะสัญญา

เหตุการณ์นี้ในชีวิตของ Psyche ค่อนข้างชวนให้นึกถึงช่วงเวลาในชีวิตของ Parsifal เมื่อเขาพบปราสาท Grail 7 เป็นครั้งแรก ปาร์ซิฟาลมองเห็นโลกที่มหัศจรรย์และไม่อาจเข้าใจได้สำหรับเขา แต่ไม่ได้อยู่ในนั้น ในทำนองเดียวกัน Psyche สูญเสีย Eros เกือบจะในทันทีโดยแทบไม่ได้เปิดเผยแก่นแท้ที่แท้จริงของเขา

อกหัก Psyche ตัดสินใจจมน้ำตายตัวเอง เมื่อเผชิญกับความยากลำบากในชีวิต เธอจึงต้องการฆ่าตัวตาย ความปรารถนานี้ไม่ใช่หลักฐานของความปรารถนาที่จะเสียสละตนเอง เมื่อคุณต้องละทิ้งการรับรู้ระดับหนึ่งและย้ายไปอีกระดับหนึ่งไม่ใช่หรือ? เกือบทุกครั้งในสังคมมนุษย์ ความปรารถนาที่จะฆ่าตัวตายหมายถึงการแสดงระดับจิตสำนึกที่รุนแรง หากคุณสามารถฆ่าทัศนคติที่ถูกต้องต่อชีวิตในตัวเองได้นั่นคือวิธีการปรับตัวแบบเก่าและในขณะเดียวกันก็ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ กิจกรรมที่มีพลังยุคใหม่ก็เริ่มต้นขึ้น ก่อนที่ผู้หญิงจะสัมผัสกับเนื้อหาตามแบบฉบับ เธอมักจะจวนจะถูกทำลาย ในช่วงเวลาแห่งความตายที่เธอฟื้นความเชื่อมโยงกับต้นแบบอย่างรวดเร็วและสร้างโลกภายในขึ้นมาใหม่ สิ่งนี้นำไปสู่การก่อตัวของโครงสร้างที่มีคุณค่าและมีประโยชน์มากในระดับลึกของจิตใจ กระบวนการนี้เกิดขึ้นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในขณะที่ผู้ชายต้องออกไปค้นหาการหาประโยชน์และการผจญภัย ฆ่าฝูงมังกรและปลดปล่อยหญิงสาวสวย ผู้หญิงคนหนึ่งก็เกษียณไปยังสถานที่เงียบสงบและยังคงอยู่ที่นั่นอย่างสันโดษ ความขัดแย้งอย่างหนึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งอีกประการหนึ่ง เธอตระหนักดีว่าในขณะที่เธอแต่งงาน เธอยอมรับความตาย แต่มันคือความตายของชีวิตเก่าของเธอ

ผู้ชายสามารถประหลาดใจอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อพบว่าผู้หญิงสามารถจัดการความรู้สึกและควบคุมโลกภายในของเธอได้ดีกว่าผู้ชายส่วนใหญ่มากแค่ไหน เธอสามารถเข้าถึงมุมที่ใกล้ชิดที่สุดในส่วนลึกของเธอซึ่งเป็นที่ตั้งของการฟื้นฟูสมดุลภายใน ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตนเองและควบคุมโลกภายในของตนเองได้ ผู้หญิงหลายคนแค่คาดเดาถึงการมีอยู่ของความแตกต่างเหล่านี้ โดยมีความอ่อนไหวมากต่อความจริงที่ว่าผู้ชายไม่อ่อนไหวเพียงพอ

การตกหลุมรักมักจะทำให้คุณแตกแยกแต่ยังช่วยให้คุณมีความคิดสร้างสรรค์อีกด้วย หากคุณยังคงเข้มแข็งและกล้าหาญ ความรู้สึกแตกร้าวจะค่อยๆ นำไปสู่การตระหนักถึงเอกลักษณ์และความสำคัญของเรา แน่นอนว่านี่เป็นเส้นทางที่ยากลำบาก แต่สำหรับคนที่มีอารมณ์บางอย่างไม่มีเส้นทางอื่น เป็นไปได้มากว่าสำหรับคนวัฒนธรรมตะวันตกนี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเชื่อมโยงกับพลังของต้นแบบที่เรียกว่าเทพเจ้าหรือเทพธิดาอีกครั้ง

วิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกคือการพยายามสงบสติอารมณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไซคีทำในท้ายที่สุด เมื่อประสบกับความปรารถนาที่จะฆ่าตัวตายเธอก็สงบลง หากคุณถูกครอบงำด้วยความบ้าคลั่งมาระยะหนึ่งแล้วหรือหลุดจากกิจวัตรเดิมๆ ในชีวิต วิธีที่ดีที่สุดในการมีสติสัมปชัญญะคือพยายามสงบสติอารมณ์ ในพิธีศีลมหาสนิทแบบคริสเตียน คุณสามารถได้ยินถ้อยคำต่อไปนี้: “เราถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ และเราเองได้ถวายตัวต่อพระพักตร์พระองค์... เพื่อเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต”

ความสามารถของผู้หญิงในการสงบสติอารมณ์ในส่วนลึกอาจเป็นพฤติกรรมที่ทรงพลังที่สุดที่บุคคลสามารถทำได้ ทันทีที่ผู้หญิงได้รับผลกระทบจากกระบวนการที่ลึกซึ้งบางอย่าง เธอจะต้องกลับไปสู่ศูนย์กลางภายในอันเงียบสงบของเธอ นี่เป็นการกระทำที่สร้างสรรค์มาก แต่ต้องทำอย่างถูกต้อง ผู้หญิงควรเปิดกว้างแต่ไม่เฉยเมย

สามารถเปลี่ยนความหลงใหลให้เป็นความรักได้ ตัวอย่างคือการแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ การแต่งงานในโลกตะวันตกเริ่มต้นด้วยการตกหลุมรัก ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปด้วยดีก็จะกลายเป็นความรัก นี่คือธีมหลักของเรื่องราวของเรา มันเริ่มต้นด้วยการปะทะกันของหลักการทางโลกและสวรรค์ สองระดับของการดำรงอยู่ของมนุษย์และธรรมชาติเหนือมนุษย์ ทั้งสองฝ่ายจะต้องเรียนรู้บทเรียนอันเจ็บปวดที่ว่ายอดมนุษย์ไม่สามารถอยู่รอดได้ในระดับมนุษย์

ฉันจำการ์ตูนเรื่องหนึ่งของเจมส์ เธอร์เบอร์ เกี่ยวกับคู่สามีภรรยาวัยกลางคนทะเลาะกันได้ สามีถามภรรยาของเขาโดยมองดูเธออย่างว่างเปล่า: “ตอบฉันตรงๆ พวกเราคนไหนที่ทำลายเวทมนตร์ทั้งหมดที่ครั้งหนึ่งเคยมีในชีวิตแต่งงานของเรา”

เราควรปฏิบัติตนอย่างไรเมื่อได้สัมผัสกับเทพเจ้าหรือเทพธิดา? ในกรณีส่วนใหญ่ในวัฒนธรรมของเรา คำถามนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ บ่อยครั้งที่ผู้คนต้องทนทุกข์ทรมานและทนทุกข์ทรมานจากรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่พวกเขารักเข้าสู่ชีวิตประจำวันที่น่าเบื่อหน่ายในวัยกลางคนและตั้งแต่นั้นมาก็เชื่อมั่นอย่างสมบูรณ์ว่าความชื่นชมในอดีตของพวกเขาต่อแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์ของผู้เป็นที่รักนั้นคือความโง่เขลาอย่างแท้จริง ความต่อเนื่องของเรื่องราวของเราเชื่อมโยงกับคำอธิบายของภาวะซึมเศร้าของผู้หญิงพร้อมด้วยความทรมานและการค้นหาจิตวิญญาณซึ่งเธอพบว่าตัวเองอยู่ในช่วงเวลาที่ความรักของเธอสิ้นสุดลง

จิตอย่างเดียว

การสัมผัสกับแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์หมายถึงการเปิดกว้างต่อการแทรกซึมของจิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ (ศักดิ์สิทธิ์ - ในความหมายของกรีกโอลิมเปีย) เมื่อคุณเลือกเส้นทางนี้ คุณจะไม่กลับไปสู่ชีวิตที่เรียบง่ายและเงียบสงบที่ซึ่งจิตไร้สำนึกนำทางไป หากคนตะวันตกตกหลุมรักเขาจะเลือกทางเลือกที่ชัดเจนจากความเป็นไปได้ทั้งหมดที่เทพเจ้ากำหนดโดยเลือกเส้นทางวิวัฒนาการที่ต้องปฏิบัติตามโดยมีเป้าหมายเดียวอยู่ตรงหน้าเขาตลอดเวลานั่นคือการรับรู้ งานที่ต้องเผชิญกับผู้หญิงคือเปลี่ยนความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานจากความรักอันน่าเศร้าให้กลายเป็นโอกาสในการเติบโตส่วนบุคคลอย่างแท้จริง

Psyche ไปที่แม่น้ำเพื่อจมน้ำตาย บางทีอาจได้รับคำแนะนำจากแรงจูงใจผิวเผินที่ผิดพลาด แต่ทำตามสัญชาตญาณที่ถูกต้อง

เทพเจ้าปานผู้ง่อยนั่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ และอุ้มนางไม้เอคโค่ไว้บนตัก เมื่อเห็นว่าไซคีกำลังจะกระโดดลงน้ำ เขาก็หยุดเธอไว้

แต่ทำไมต้องแพน? ปันเป็นเทพเจ้าที่มีใจแคบ ไม่เชื่อฟัง กึ่งบ้าคลั่ง เป็นที่นับถืออย่างสูงจากคนโบราณ ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกทำให้เราขมขื่นและเศร้าโศก คำว่า "ตื่นตระหนก" มาจากชื่อเทพเจ้าปาน การพบกับแพนช่วยไซคีไว้ การพบปะกับแพนในช่วงเวลาที่เหมาะสม กล่าวคือ การออกจากสภาวะปกติไปสู่สภาวะอารมณ์และควบคุมพลังงานส่วนเกินไปในทิศทางที่ถูกต้อง คุณจะได้รับผลประโยชน์บางประการสำหรับตัวคุณเอง การไม่ถึงระดับอารมณ์รุนแรง เช่น การฆ่าตัวตายหมายถึงการเดินไปผิดทาง

ถ้าผู้หญิงร้องไห้แสดงว่าเธอตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของปาน แม้ว่าเขาจะรู้สึกอับอาย (คำว่า "ความอัปยศอดสู" แปลว่า "ล้มลงกับพื้น") การละลายด้วยน้ำตาสามารถพาเธอไปสู่บางสิ่งที่สูงกว่าตัวเธออย่างไม่มีใครเทียบได้ เขามาถึงจุดแห่งวิวัฒนาการนี้โดยได้รับพลังที่สมบูรณ์ของอโฟรไดท์ซึ่งจะช่วยให้เธอก้าวต่อไปโดยไม่ทำผิดพลาด

แพนบอกไซคีว่าเธอควรสวดภาวนาต่อเทพเจ้าแห่งความรัก ผู้ฟังผู้ที่ได้รับความรักอันร้อนแรงและได้รับบาดเจ็บจากลูกธนูของเขา เป็นการประชดที่แสนอร่อย คุณต้องขอความเมตตาจากพระเจ้าผู้ทำร้ายคุณ

เทพเจ้าแห่งความรัก อีรอส ยังเป็นเทพเจ้าแห่งความสัมพันธ์ของมนุษย์อีกด้วย แก่นแท้ของความเป็นผู้หญิง - ไม่ว่าจะอยู่ในผู้หญิงหรือผู้ชาย - ประกอบด้วยความภักดีต่ออีรอส นั่นคือต่อความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน เพื่อปฏิบัติตามเส้นทางที่ช่วยให้คุณรักษาความสัมพันธ์กับจิตวิญญาณและความเกลียดชังได้ คุณจะต้องมีความอ่อนไหวต่อชีวิตภายในของคุณ

เพื่อตามหาอีรอส ไซคีต้องพบกับอโฟรไดท์ เพราะตอนนี้อีรอสอยู่ในอำนาจของเธอโดยสมบูรณ์ ทุกสิ่งในไซคีประท้วงต่อต้านการประชุมครั้งนี้ เธอจึงไปเยี่ยมชมวิหารของเทพธิดามากมาย ยกเว้นวิหารของอโฟรไดท์ แต่เทพเจ้าและเทพธิดาอื่น ๆ ทั้งหมดไม่ต้องการทำให้ Aphrodite ระคายเคืองและปฏิเสธ Psyche ทีละคน ทุกคนรู้ดีถึงพลังแห่งความโกรธเกรี้ยวของเทพีแห่งความรัก ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากเสี่ยง!

ที่นี่เราจะพบเส้นขนานที่น่าสนใจมากระหว่างไซคีและพาร์ซิฟาล ไซคีเดินทางจากวัดหนึ่งไปอีกวัดหนึ่งจนกระทั่งในที่สุดเธอก็มาถึงวิหารของอโฟรไดท์ที่เธอต้องการ ปาร์ซิฟาลสวมชุดเกราะสีแดงและต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อเอาชนะมังกร เราควรจำและจดจำพลวัตของความเป็นชายและความเป็นหญิงซึ่งมีอยู่ในทั้งชายและหญิง ทั้งชายและหญิงมีลักษณะทั้งชายและหญิงและต้องเลือกวิธีการที่จำเป็นเพื่อผ่านการทดสอบที่โชคชะตาเผชิญอยู่

ในที่สุด Psyche ก็มาถึงวิหารของ Aphrodite เกือบทุกครั้งผู้บาดเจ็บจะพบวิธีรักษาที่เขาต้องการไม่ช้าก็เร็ว

แน่นอนว่า Aphrodite ไม่สามารถต้านทานคำพูดที่กัดกร่อนและกดขี่ข่มเหงของเธอได้ทำให้ Psyche ลดลงเหลือตำแหน่งสาวใช้ส้วมซึ่งด้านล่างซึ่งไม่มีอยู่จริง ผู้หญิงมักจะต้องอดทนต่อพลังชั่วคราวของ Aphrodite เมื่อเธอรู้สึกอับอายอย่างมาก ในที่สุด Aphrodite มอบหมายงานให้ Psyche สี่งาน หลังจากทำสำเร็จ ซึ่ง Psyche ก็สามารถชดใช้ความผิดของเธอได้
งานที่ Aphrodite กำหนดไว้สำหรับ Psyche ผู้น่าสงสารนั้นมีเนื้อหาทางจิตวิทยาเชิงลึกซึ่งไม่พบในวรรณกรรมบ่อยนัก โดยปกติแล้ว เข็มขัดคาดเอวที่ใช้งานได้จริงของเราจะถามทันทีว่า “ขอบคุณมากสำหรับทฤษฎีทั้งหมดนี้ แต่ฉันควรทำอย่างไรกับทฤษฎีนี้” ในส่วนของตำนานนี้ภาพการพัฒนาอัตลักษณ์ของผู้หญิงก็ถูกเปิดเผยชัดเจนยิ่งกว่าที่อื่น ความจริงที่ว่าพล็อตนี้ได้รับการเก็บรักษาไว้ตั้งแต่สมัยโบราณในประวัติศาสตร์ของจิตใจของเราไม่ได้ละเมิดความสอดคล้องกับชีวิตสมัยใหม่ แต่อย่างใด แต่ในทางกลับกันเป็นพยานถึงความเป็นสากลและความเป็นอมตะ มีคำอธิบายมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาอัตลักษณ์ของผู้ชาย แต่ทฤษฎีนี้เป็นหนึ่งในทฤษฎี "ผู้หญิง" ไม่กี่ข้อที่เราสืบทอดมา

หลังจากที่ Psyche อดทนต่อคำเยาะเย้ยอันเป็นพิษของ Aphrodite เธอก็ได้รับภารกิจที่ยากลำบากจนทำให้เธอตัวสั่น แล้วทำไมต้องไปหา Aphrodite เพื่อเขาล่ะ? น่าเสียดายที่ไม่มีที่อื่นให้ไปอีกแล้ว ไม่มีทางออกอื่น เหตุการณ์ทางจิตวิทยาปรากฏเป็นองค์รวม: ความไร้เดียงสา ปัญหา ความคาดหวัง และวิธีแก้ปัญหา ถูกรวบรวมไว้อย่างระมัดระวังเป็นหนึ่งเดียว

งานแรก

แอโฟรไดท์แสดงให้ไซคีเห็นเมล็ดพืชต่างๆ ที่ผสมกันเป็นกองใหญ่กองเดียว และบอกให้เธอคัดแยกก่อนค่ำ หากไซคีทำงานนี้ให้เสร็จทันเวลา เธอก็จะต้องตาย หลังจากประกาศโดยไม่ฟังคำคัดค้านใด ๆ Aphrodite ก็ไปเฉลิมฉลองงานแต่งงานอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่างานนี้เกินกำลังของ Psyche เธอเริ่มร้องไห้และตัดสินใจฆ่าตัวตายอีกครั้ง

ทันใดนั้นก็มีมดฝูงใหญ่เข้ามาช่วยเธอ พวกเขาแยกเมล็ดทั้งหมดอย่างรวดเร็วและเชี่ยวชาญ และงานทั้งหมดก็เสร็จสิ้นเมื่อถึงค่ำ เมื่อกลับมา Aphrodite รู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่ Psyche ที่ไร้ประโยชน์ทำงานได้ดีเพียงใด

ในช่วงเวลาแห่งความใกล้ชิดทางร่างกายผู้ชายจะให้เมล็ดพันธุ์จำนวนมากแก่ผู้หญิง เธอจะต้องเลือกหนึ่งในนั้นและแสดงปาฏิหาริย์แห่งการเกิด ธรรมชาติของ Aphrodite ให้อะไรเธอมากมาย! ผู้หญิงซึ่งในตอนแรกมีความสามารถในการเลือกได้ จะต้องเลือกเมล็ดพืชเพียงเมล็ดเดียวและทำให้มันเกิดผล

วัฒนธรรมส่วนใหญ่พยายามขจัดความขัดแย้งระหว่างการเลือกและภาระผูกพัน คุณลักษณะของศุลกากรและกฎหมาย พวกเขากำหนดสิ่งที่เธอควรทำแก่ผู้หญิงเพื่อบรรเทาความจำเป็นในการเลือก วันจันทร์เธอต้องซักผ้า วันอังคารเธอต้องรีดผ้า ฯลฯ แต่เราเป็นคนที่มีเสรีภาพ เราไม่จำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์เช่นนั้น ผู้หญิงต้องเข้าใจการสร้างความแตกต่างและสามารถเลือกได้อย่างสร้างสรรค์ แต่เพื่อที่จะเชี่ยวชาญศิลปะนี้ เธอจำเป็นต้องค้นพบแก่นแท้ของมดในตัวเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติดั้งเดิม chthonic และทางโลกที่จะช่วยเธอ สาระสำคัญของมดไม่มีพื้นฐานทางปัญญาและไม่ได้ให้กฎเกณฑ์แก่เราในการปฏิบัติตาม เธอเป็นตัวแทนของลักษณะดั้งเดิม สัญชาตญาณ และความสงบที่ผู้หญิงทุกคนสามารถเข้าถึงได้

ในศิลปะแห่งการเลือก ผู้หญิงทุกคนมีทักษะเป็นของตัวเอง ในการแก้ปัญหา เธอใช้วิธีการที่ค่อนข้างชวนให้นึกถึงเรขาคณิต: งานที่ใกล้ที่สุดหรืองานที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นมากที่สุดคือดำเนินการก่อน ด้วยวิธีทางโลกที่เรียบง่ายนี้ ทางตันของทางเลือกที่มากเกินไปจะถูกเอาชนะ

เป็นเรื่องง่ายมากที่จะมองเห็นมิติภายในของกระบวนการแยกอีกมิติหนึ่ง จิตไร้สำนึกของเรานำเสนอวัสดุสำหรับการเลือกไม่น้อยไปกว่าความเป็นจริงสมัยใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ ลักษณะเด่นของผู้หญิงอยู่ที่ความสามารถของเธอในการสร้างความแตกต่างและเลือกภายในมิติภายในนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องตัวเองและชะตากรรมของเธอจากพลังทางอารมณ์อันทรงพลังซึ่งมีอันตรายร้ายแรงไม่น้อยไปกว่าความอุดมสมบูรณ์ของโลกภายนอก ความรู้สึก ค่านิยม เวลา ข้อจำกัด - ทั้งหมดนี้ร่วมกันสร้างพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการตัดสินใจเลือกที่ส่งผลให้เกิดคุณค่าที่สูงกว่า และกลายเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงสำหรับผู้หญิงและความเป็นผู้หญิง

ในเชิงสัญลักษณ์ การแต่งงานสามารถจินตนาการได้ว่ามีคนสองคนยืนหันหลังชนกัน เพื่อปกป้องกันและกัน หน้าที่ของผู้หญิงคือการปกป้องไม่เพียงแต่ตัวเธอเองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ชายและครอบครัวของเธอจากอันตรายที่มาจากภายใน: อารมณ์ ความหายนะ การระเบิดและการพังทลาย ความอ่อนแอ และสิ่งที่เรียกว่าความหลงใหล ด้วยเหตุนี้อัจฉริยะหญิงจึงทำได้ดีกว่าอัจฉริยะชายซึ่งตามกฎแล้วจำเป็นต้องอยู่ในโลกภายนอกและรักษาความปลอดภัยของครอบครัว มีอันตรายพิเศษที่ซ่อนอยู่ในทัศนคติชีวิตของคนยุคใหม่ซึ่งก็คือทั้งชายและหญิงหันไปสู่โลกภายนอกและยุ่งอยู่กับการแก้ปัญหาภายนอกเท่านั้น สิ่งนี้ทำให้โลกภายในไม่ได้รับการปกป้อง ดังนั้นในชีวิตครอบครัวปัญหามากมายจึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในพื้นที่ที่ไม่ได้รับการปกป้องนี้ ในกรณีนี้ เด็ก ๆ จะไม่มีทางป้องกันตนเองและมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ

ในช่วงเริ่มต้นของการแต่งงาน คู่รักเป็นเหมือนวงกลมสองวงที่แยกจากกันและทับซ้อนกันเล็กน้อย มีพื้นที่ทางจิตวิทยาขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขา และแต่ละคนก็ทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อประสบการณ์การแต่งงานเพิ่มขึ้น คู่ครองแต่ละคนจะตระหนักถึงบุคลิกภาพของอีกฝ่ายมากขึ้น และพื้นที่ของวงกลมที่ทับซ้อนกันก็ใหญ่ขึ้น

จุงเล่าเรื่องเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ขอความช่วยเหลือโดยบ่นว่ารู้สึกไม่สบาย เมื่อถูกขอให้เล่าเรื่องความฝัน เขาตอบว่าไม่เคยเห็นความฝัน แต่ลูกชายวัย 5 ขวบตัวน้อยของเขามองเห็นความฝันตลอดเวลา และยิ่งไปกว่านั้น ความฝันนั้นสดใสมาก จุงแนะนำให้เขาจดความฝันของลูกชายไว้ ในไม่ช้าชายผู้นั้นก็ได้นำบันทึกการร้องเพลงของลูกชายของเขาในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมามาด้วย หลังจากนั้นชายคนนั้นก็เริ่มมีความฝัน และลูกชายของเขาก็แทบจะมองไม่เห็นความฝันเลย! จุงอธิบายเรื่องนี้โดยบอกว่าพ่อโดยไม่ได้ตั้งใจซึ่งได้รับอิทธิพลจากทัศนคติที่มีอยู่ในสังคมยุคใหม่ ไม่ได้ใส่ใจกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกภายในของเขามากพอ และลูกชายของเขาถูกบังคับให้รับภาระนี้ หากคุณต้องการให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากคุณ จงปล่อยให้พวกเขาหมดสติ แทนที่จะปล่อยให้ชีวิตที่คุณไม่มีชีวิต ซึ่งจะซ่อนอยู่ในจิตไร้สำนึกจนกว่าคุณจะพร้อมเผชิญมัน

ตามกฎแล้วผู้หญิงคือผู้ที่พยายามอย่างหนักเพื่อความสมดุลภายใน แต่ในตัวอย่างข้างต้น ปัญหาของพ่อตกอยู่บนไหล่ของลูกชาย เมื่อพูดถึงความเป็นชายและความเป็นหญิง เราต้องตระหนักดีว่าเรากำลังพูดถึงไม่เพียงแต่เกี่ยวกับชายและหญิงเท่านั้น ส่วนที่เป็นผู้หญิงของผู้ชายสามารถทำหน้าที่ได้อย่างที่เราคิดว่าผู้หญิงควรทำ และในทางกลับกัน

ภารกิจที่สอง

งานที่สองของ Psyche ซึ่งพูดโดย Aphrodite ด้วยน้ำเสียงที่หยิ่งยโสและดูถูกเดียวกันมีดังนี้: Psyche ควรไปที่ทุ่งห่างไกลข้ามแม่น้ำและรวบรวมขนแกะจากแกะขนแกะสีทองที่เล็มหญ้าที่นั่น เธอจะต้องกลับบ้านก่อนมืดหรือตาย

Psyche ต้องรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมดของเธอ หรือแม้แต่ความประมาทเลินเล่อเพื่อทำงานที่อันตรายนี้ให้สำเร็จ เนื่องจากแกะผู้นั้นดุร้ายและดุร้าย เธอหมดหวังอีกครั้งและตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง เมื่อไปถึงแม่น้ำแล้ว ไกลออกไปมีทุ่งที่มีแกะขนแกะสีทองกินหญ้าอยู่ เธอจึงตัดสินใจกระโดดลงจากหน้าผาและจมน้ำตาย ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงต้นอ้อส่งเสียงกรอบแกรบตามริมฝั่งแม่น้ำ รี้ดพูดคุยกับเธอและให้คำแนะนำแก่เธอ

รีด เด็กจิตใจเรียบง่ายที่เกิดในสถานที่บรรจบกันของน้ำและดิน เตือนไซคีอย่าเข้าใกล้แกะผู้ที่น่ากลัวในเวลากลางวันไม่ว่าในกรณีใดก็ตามเพื่อเก็บขนแกะจากพวกมัน หากเธอไม่เชื่อฟังและเข้าใกล้พวกมัน แกะผู้จะเหยียบย่ำเธอจนตาย แต่ควรรอจนถึงพลบค่ำแล้วเก็บขนแกะที่ทิ้งไว้ตามพุ่มไม้แบล็คเบอร์รี่และตามกิ่งก้านของต้นไม้ในป่าที่แกะกินหญ้า ที่นั่นโดยไม่ดึงดูดความสนใจของสัตว์ป่า เธอสามารถรวบรวมขนแกะทองคำได้มากพอที่จะทำให้แอโฟรไดท์พอใจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง Psyche ไม่ควรตรงไปที่แกะผู้และพยายามตัดขนแกะทองคำออก การทำเช่นนั้นจะทำให้ชีวิตของเธอตกอยู่ในอันตราย เธอสามารถบรรลุเป้าหมายได้ด้วยการเข้าใกล้สัตว์ป่าที่มีเขาเหล่านี้ด้วยไหวพริบเท่านั้น

เมื่อผู้หญิงต้องการดูดซึมความเป็นชายบางส่วนของเธอ เธออาจเชื่อมโยงคุณสมบัตินี้กับแกะตัวผู้ ลองจินตนาการถึงผู้หญิงที่เป็นผู้หญิงที่มองโลกสมัยใหม่และเข้าใจถึงความจำเป็นในการเข้าสู่โลกและใช้ชีวิตในโลกนี้ เธอกลัวว่าเธอจะถูกฆ่า ถูกเหยียบย่ำจนตาย หรือถูกทำให้ไร้ตัวตนโดยธรรมชาติของเนื้อแกะของสังคมปิตาธิปไตย การแข่งขัน และไร้วิญญาณที่เราอาศัยอยู่

รามเป็นตัวแทนของธรรมชาติสัญชาตญาณที่แข็งแกร่งและเป็นผู้ชาย ซึ่งสามารถแสดงออกได้ในทันทีในรูปแบบของความซับซ้อนที่ก้าวร้าวที่มีอยู่ในทุกคน อำนาจนี้ทำให้เกิดความกลัว คล้ายกับที่บุคคลประสบเมื่อเห็นพุ่มไม้ไฟขนาดใหญ่ พลังและพลังงานที่มีอยู่ในส่วนลึกของจิตไร้สำนึกอาจมีมากเกินไปสำหรับข้อ จำกัด ของจิตใจมนุษย์และเป็นอันตรายได้หากไม่พบแนวทางที่ถูกต้อง

ตำนานของเรามีคำแนะนำอันชาญฉลาดที่ช่วยให้ Psyche ควบคุมพลังของแกะป่าได้ เธอไม่ควรไปที่สนามในเวลากลางวัน และเก็บขนทองคำจากกิ่งไม้และพุ่มไม้ แต่ไม่ใช่จากแกะ ตามกฎแล้วผู้ร่วมสมัยส่วนใหญ่ของเราเห็นสัญญาณของความแข็งแกร่งในการดึงขนสีทองออกจากด้านหลังของแกะตัวผู้จากนั้นก็อาบแดดด้วยความรุ่งโรจน์เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะ แต่ความแข็งแกร่งก็เหมือนกับพลัง คือดาบสองคม ดังนั้นจึงมีกฎที่เข้มงวดมากเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้: ไม่ควรยึดเกินจำนวนที่ต้องการ และควรทำอย่างสงบที่สุด การยึดอำนาจในเวลาที่คุณไม่สุกงอมหมายถึงการอยู่ภายใต้อิทธิพลของเสียงของผู้ปกครองภายในตัวคุณ อำนาจที่มากเกินไปอาจกลายเป็นความรุนแรงและความโกรธแค้นที่ไร้อำนาจได้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นซากปรักหักพังและซากปรักหักพัง

จอห์น แซนฟอร์ด นักเขียนและนักบำบัดตั้งข้อสังเกตว่าหากคนหนุ่มสาวเสพยา อีโก้ของเขาอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับประสบการณ์ภายในอันเข้มข้น เขาอาจจะหมดสิ้นไปในฐานะบุคคล นี่อาจหมายความว่าเขาพยายามดึงพลังป่าโดยตรงจากแกะตัวผู้หรือรับมันมากเกินไป พวกเราทั้งชายและหญิงยุคใหม่กำลังพยายามจับแกะให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งจากนั้นก็ตกลงมาทับพวกเรา ทุบพวกเราจนแหลกสลาย ตำนานเตือนว่าเราไม่ควรเอากำลังและกำลังในปริมาณที่เกินความต้องการของเรา และในแต่ละครั้งให้พยายามสร้างสมดุลระหว่างกำลังที่เรามีกับความจำเป็นในการใช้

ความคิดในการรวบรวมเศษขนแกะหรือการเก็บโลโก้พลังงานทางปัญญาที่มีเหตุผลของผู้ชายหลังจากผู้ชายอาจดูไร้สาระและเป็นที่ยอมรับไม่ได้สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ทำไมผู้หญิงถึงพอใจกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้? ทำไมเธอไม่เชือดแกะตัวผู้ ถลกหนังมัน แล้วกลับมามีชัยชนะเหมือนผู้ชายล่ะ?

เดไลลาห์ก็ทำเช่นนั้น โดยได้รับอำนาจและอำนาจมาอยู่ในมือของเธอเองระยะหนึ่ง และผลลัพธ์คืออะไร? เช้าวันรุ่งขึ้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็เป็นเพียงซากปรักหักพัง ตำนานเรื่อง Psyche บอกเราว่าผู้หญิงสามารถรับพลังงานความเป็นชายที่เธอต้องการได้โดยไม่ต้องแย่งชิงอำนาจ เส้นทางของ Psyche นั้นสูงส่งมาก เธอไม่ควรกลายเป็นเดไลลาห์และฆ่าแซมซั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ

ตอนในตำนานนี้ทำให้เกิดคำถามที่สำคัญมากสำหรับผู้ชายยุคใหม่: พลังความเป็นชายเพียงพอสำหรับเขา (หรือเธอ) มากแค่ไหน? ฉันคิดว่าไม่มีข้อจำกัดในเรื่องนี้ตราบใดที่ผู้หญิงยังคงยึดมั่นในอัตลักษณ์ความเป็นผู้หญิงของเธอและใช้พลังของผู้ชายเป็นเครื่องมือในการมีสติในลักษณะวงเวียน เช่นเดียวกับผู้ชาย: เขาสามารถใช้พลังของความเป็นผู้หญิงที่มีอยู่ในตัวเขาได้มากเท่าที่เขาชอบโดยมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว - ในเวลาเดียวกันเขายังคงเป็นผู้ชายที่ใช้ความเป็นผู้หญิงของเขาอย่างมีสติ ในแต่ละกรณี ส่วนเกินและส่วนเกินอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ได้

ภารกิจที่สาม

ด้วยความประหลาดใจที่ Aphrodite เห็นว่า Psyche เก็บขนทองคำไว้เต็มกอง เธอยิ่งโกรธมากขึ้นแต่ไม่ได้แสดงออกมา คราวนี้ตัดสินใจทำลายหญิงสาวอย่างแน่นอน เธอมอบเหยือกคริสตัลให้ Psyche และสั่งให้เธอเติมน้ำจาก Styx ลงไป Styx เป็นแม่น้ำที่ไหลมาจากภูเขาสูง หายไปในบาดาลของโลก และกลับขึ้นมาสู่ยอดเขาอีกครั้ง เป็นวัฏจักรที่ไม่มีวันจบสิ้น กระแสน้ำไหลกลับคืนสู่ต้นน้ำ ไหลลงมาสู่ยมโลกทันที จากนั้นขึ้นสู่ยอดหน้าผาสูงอีกครั้ง Styx ถูกปกป้องโดยสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ที่น่ากลัว และบริเวณใกล้เคียงไม่มีขอบโลกสักแผ่นเดียวที่จะสามารถเอาเท้าไปเติมน้ำในเหยือกได้

เหมือนเมื่อก่อน Psyche ตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่คราวนี้เธอชาด้วยความโศกเศร้ามากจนไม่สามารถแม้แต่จะร้องไห้ได้

ทันใดนั้น ราวกับใช้เวทมนตร์ นกอินทรีที่ซุสส่งมาก็ปรากฏตัวขึ้น บังเอิญว่าบางครั้งนกอินทรีก็ช่วยซุสในเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นมิตรมาก คราวนี้ซุสปกป้องอีรอสลูกชายของเขาอย่างเปิดเผยและขอให้นกอินทรีช่วยไซคี เขาบินไปหาหญิงสาวผู้โชคร้ายและหยิบเหยือกคริสตัลเปล่าที่ Aphrodite ทิ้งไว้จากเธอ บินไปกลางกระแสน้ำเชี่ยวกราก เขาตักน้ำจาก Styx แล้วกลับมาพร้อมกับเหยือกเต็มถัง ปลอดภัยไร้กังวล และภารกิจนี้ก็เสร็จสิ้น

Styx คือแม่น้ำแห่งชีวิตและความตาย มันไหลไปตามภูเขาสูงและที่ราบลุ่มจากหน้าผาขนาดใหญ่ไหลลงไปสู่ความมืดมิดของยมโลก กระแสน้ำของ Styx นั้นรวดเร็วและทรยศ และตลิ่งก็สูงชันและลื่น การเข้าใกล้หมายถึงการเสี่ยงต่อการถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาไปจมน้ำหรือพังโขดหินชายฝั่ง

ภารกิจที่สามเป็นสัญลักษณ์ของทัศนคติของผู้หญิงต่อความหลากหลายและโอกาสมากมายที่มีอยู่ในชีวิต เธอสามารถเติมน้ำได้เพียงเหยือกเดียวเท่านั้น การตระหนักถึงศักยภาพของตนเองสำหรับผู้หญิงหมายถึงการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในแต่ละครั้ง ทำงานของเธอให้ดี และสังเกตสัดส่วน นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอควรปฏิเสธที่จะทำอะไรอย่างอื่นเพื่อเริ่มสิ่งที่สอง สาม หรือสิบ แต่แต่ละครั้งเธอควรตักน้ำเพียงเหยือกเดียวแล้วทำตามเวลาของเธอเอง

แง่มุมของผู้หญิงในจิตใจมนุษย์สามารถอธิบายได้ว่าเป็นจิตสำนึกแบบกระจาย แก่นแท้ของความเป็นผู้หญิงสลายไปในโอกาสต่างๆ ที่มีอยู่ในชีวิต และมุ่งมั่นที่จะตระหนักถึงทุกสิ่ง โดยทำทุกอย่างไปพร้อมๆ กัน แต่นี่เป็นไปไม่ได้เพราะไม่มีใครสามารถทำทุกอย่างได้ในคราวเดียว ความเป็นไปได้หลายอย่างรอบตัวเราขัดแย้งกัน ดังนั้น เราจึงต้องเลือก เหมือนนกอินทรีที่มีสายตาแหลมคม เราต้องมองไปรอบ ๆ ลำธารที่มีพายุ เลือกสถานที่ที่เหมาะสมเท่านั้น ลงไปที่นั่นแล้วเติมน้ำลงในเหยือก

มีคำพังเพยที่เป็นที่นิยม: ถ้าน้อยดีก็ยิ่งดี หากทำตามคำนี้ชีวิตจะไม่ประสบผลสำเร็จ แม้ว่าคุณจะทำงานที่สำคัญและน่าสนใจและได้รับประสบการณ์ชีวิตที่ร่ำรวย แต่คุณยังคงมองหาบางสิ่งบางอย่างต่อไป คุณไม่เคยได้รับความพึงพอใจจากสิ่งที่คุณทำ เพราะแผนการในอนาคตจะขัดขวางการดำเนินการตามแผนปัจจุบัน

ตำนานบอกเราว่าเนื้อหาเพียงเล็กน้อยก็เพียงพอแล้ว หากมีความตระหนักรู้ในระดับสูง ดังที่กวีคนหนึ่งกล่าวไว้ คุณสามารถมองเห็นโลกทั้งใบได้ในเม็ดทรายเม็ดเดียว เราสามารถมุ่งเน้นไปที่ด้านใดด้านหนึ่งของชีวิตหรือประสบการณ์เดียว สนุกสนานไปกับมันและรู้สึกพึงพอใจอย่างเต็มที่ เวลาจะผ่านไป และเหตุการณ์อื่นๆ และประสบการณ์อื่นๆ จะเกิดขึ้น ทุกสิ่งมีเวลาของมัน

เหยือกคริสตัลเป็นภาชนะสำหรับเก็บน้ำแห่งชีวิต มันเปราะบางและล้ำค่ามาก สิ่งเดียวที่เทียบได้กับเหยือกคริสตัลเช่นนี้คืออัตตาของมนุษย์: มันเป็นผู้ดูแลแม่น้ำแห่งชีวิตหยดเล็ก ๆ ที่ให้ชีวิต หากคอนเทนเนอร์อัตตาที่เปราะบางนี้ซึ่งมีลักษณะคล้ายเหยือกคริสตัลถูกใช้อย่างไร้ความปราณีและไม่เหมาะสม แม่น้ำที่สวยงามแต่ทรยศจะแยกมันออกเป็นชิ้น ๆ การมีวิสัยทัศน์แบบนกอินทรีเป็นสิ่งสำคัญมากเพื่อที่จะเห็นกระแสพายุนี้อย่างชัดเจนชัดเจน หาสถานที่ที่เหมาะสม และประพฤติตนอย่างเหมาะสม อัตตาซึ่งพยายามนำเนื้อหามหาศาลของจิตไร้สำนึกมาสู่ชีวิตที่มีสติของบุคคลนั้นจะต้องเรียนรู้ที่จะเติมน้ำครั้งละหนึ่งเหยือกเท่านั้นและไม่ว่าในกรณีใดอีกต่อไปมิฉะนั้นภาชนะที่บรรจุล้นจะไม่สามารถทนต่อน้ำหนักและ จะแตก นี่อาจเป็นคำเตือนเราไม่ให้พยายามดำน้ำลึกเพื่อเข้าใจความหมายของทุกชีวิต การมีเหยือกน้ำคริสตัลหนึ่งเหยือก ดีกว่ามีน้ำทั้งลำธารที่สำลักได้ง่าย

เมื่อมองดูกระแสน้ำเชี่ยวและกระแสน้ำวนเหล่านี้แล้ว คนที่ติดดินจะรู้สึกสิ้นหวังโดยสิ้นเชิง แต่มุมมองดังกล่าวแคบเกินกว่าจะชัดเจนและมีแนวโน้มดี ในขณะนี้เองที่ผู้หญิงต้องการการมองเห็นแบบอินทรี ทำให้มีมุมมองที่กว้าง และทำให้เธอมองเห็นกระแสแห่งชีวิตอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เมื่อชายฝั่งเล็กๆ ดูเหมือนไม่สามารถเข้าถึงได้ มุมมองของนกอินทรีเปิดโอกาสให้เราก้าวต่อไป - อาจจะเล็กมากเมื่อเผชิญกับความทะเยอทะยานแบบเดิมๆ แต่จำเป็นจริงๆ จากมุมมองของความเป็นไปได้ในการเติบโตส่วนบุคคล

เกือบทุกคนเบื่อหน่ายและจมอยู่กับเหตุการณ์ต่างๆ มากมายในชีวิตสมัยใหม่ แม้ว่าเราจะพูดถึงเพียงส่วนเล็กๆ ที่เกิดขึ้นภายในวันเดียวก็ตาม ซึ่งหมายความว่าถึงเวลาสำหรับวิสัยทัศน์ของนกอินทรีและความคิดที่จะตามมาด้วย: เหยือกเต็มครั้งละหนึ่งเหยือกและไม่มีอีกต่อไป

ภารกิจที่สี่

ภารกิจที่สี่กลายเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุดและยากที่สุดสำหรับไซคี ผู้หญิงที่หายากมาถึงขั้นนี้ในการพัฒนา ดังนั้นสิ่งที่จะพูดคุยกันต่อไปอาจดูแปลกและไม่เกี่ยวข้องกับคุณ หากงานนี้ไม่เหมาะกับคุณ ให้ละทิ้งงานนั้นไปทำบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นที่ยอมรับสำหรับคุณมากกว่า แต่สำหรับผู้หญิงหายากเหล่านั้นที่ต้องทำภารกิจที่สี่ให้สำเร็จ ข้อมูลที่อยู่ในตำนานนั้นมีค่ามาก

Aphrodite ยังคงซื่อสัตย์ต่อตัวเธอเอง โดยกำหนดให้ Psyche เป็นภารกิจที่ไม่สามารถแก้ไขได้สำหรับมนุษย์ทั่วไป อาศัยเพียงจุดแข็งของเราเอง เราจะไม่ทำงานสำเร็จสักชิ้นเดียวและคงไม่รอด อย่างน้อยก็สามารถแน่ใจได้อย่างแน่นอนเกี่ยวกับภารกิจที่สี่ แต่ทันทีที่เทพเจ้าส่งผู้ช่วยมาให้เรา งานก็แก้ไขได้ทันที

ภารกิจที่สี่ของ Aphrodite คือการทดสอบครั้งสุดท้ายของ Psyche อะโฟรไดท์บอกให้เธอลงไปที่ยมโลกและขอเรือที่มีแอมโบรเซียวิเศษจากเทพีเพอร์เซโฟนีผู้เป็นที่รักแห่งยมโลก พรหมจารีนิรันดร์ ผู้เป็นที่รักแห่งการเปลี่ยนแปลงที่น่าอัศจรรย์

เมื่อรู้ดีถึงความไร้ประโยชน์ของความพยายามทั้งหมดที่จะบรรลุภารกิจนี้ Psyche จึงปีนขึ้นไปบนหอคอยสูงด้วยความตั้งใจที่จะล้มตัวลงและจัดการกับชะตากรรมอันเลวร้ายและชีวิตที่น่าสังเวชของเธอ

แต่หอคอยที่ไซคีเลือกนั้นบอกเธอทุกอย่างที่ควรทำ เป็นอีกครั้งที่เธอพบความรอดในสภา! Psyche ต้องค้นหาสถานที่แห่งเดียวในโลกที่ซ่อนตัวจากสายตาที่สอดรู้สอดเห็น ที่ซึ่งสิ่งมีชีวิตสามารถบุกเข้าไปในอาณาจักรฮาเดส จากที่ซึ่งเส้นทางอันไม่มีที่สิ้นสุดเปิดออกสู่วังของดาวพลูโต เทพเจ้าแห่งยมโลก Psyche ไม่ควรไปมือเปล่าเพราะมีค่าธรรมเนียมบางอย่างในการเข้าสู่ยมโลก เธอต้องหยิบเค้กข้าวบาร์เลย์ในมือแต่ละข้าง วางเหรียญครึ่งเพนนีสองเหรียญไว้ใต้ลิ้นของเธอ และรวบรวมความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะอดทนต่อการทดสอบที่รอเธออยู่ การเดินทางไปยังดินแดนฮาเดสนั้นมีราคาแพง ดังนั้นคุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม

Psyche ค้นพบสถานที่ที่เส้นทางอันไม่มีที่สิ้นสุดเริ่มต้นขึ้น ลงไปที่ Styx และเห็นชายง่อยคนหนึ่งกำลังขี่ลาง่อยที่บรรทุกไม้พุ่ม กิ่งก้านหลายกิ่งล้มลงกับพื้นและ Psyche ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงที่สุภาพและใจดีก็หยิบมันขึ้นมาแล้วส่งคืนให้กับชายชราที่ง่อยแม้ว่าเธอจะถูกห้ามไม่ให้ทำเช่นนั้นก็ตามเพื่อไม่ให้เปลืองพลังงานและบันทึกไว้ เพื่อการทดสอบที่ยากลำบากในอนาคต จากนั้นเธอก็เห็นคนพายเรือชารอนซึ่งกำลังขนเงาแห่งความตายไปยังอาณาจักรฮาเดสด้วยเรือ เขาขอเหรียญหนึ่งเหรียญจากเธอสำหรับการข้าม เมื่อข้ามแม่น้ำ ไซคีเห็นชายคนหนึ่งกำลังจมน้ำกำลังร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับว่ายผ่านไป ขณะอยู่บนเส้นทางสู่เทพีแห่งยมโลก ผู้หญิงจะต้องประหยัดทรัพยากรทั้งหมดโดยไม่เสียเปล่าเพื่อบรรลุเป้าหมายที่มีนัยสำคัญน้อยกว่า

เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ในอาณาจักรฮาเดส ไซคีจึงเดินทางต่อไปและพบกับหญิงชราสามคนที่กำลังปั่นด้ายแห่งโชคชะตา พวกเขาขอให้ Psyche ช่วย แต่เธอต้องเดินผ่านไปโดยไม่สนใจคำขอของพวกเขาเลย ผู้หญิงคนไหนที่สามารถผ่าน 3 พรหมลิขิตโดยไม่หยุด? แต่ไซคีได้รับคำเตือนว่าหากเธอหยุดแม้ครู่หนึ่ง เธอจะสูญเสียพายข้าวบาร์เลย์ชิ้นหนึ่ง และจะสูญเสียค่าตอบแทนสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่อาณาจักรแห่งความมืดที่รอเธออยู่ต่อไป โดยไม่ต้องจ่ายเงินสำหรับการเปลี่ยนแปลง Psyche จะไม่สามารถกลับไปสู่โลกที่สดใสของผู้คนได้

Psyche เดินไปข้างหน้าและในไม่ช้าก็เห็น Cerberus ผู้พิทักษ์อาณาจักรแห่งความตาย - สุนัขตัวมหึมาที่มีสามหัว เธอโยนพายข้าวบาร์เลย์ชิ้นหนึ่งให้กับสัตว์ประหลาดชั่วร้าย และในขณะที่หัวทั้งสามกำลังทะเลาะกันอยู่นั้น เธอก็รีบวิ่งผ่านไป

ในที่สุด เธอก็เข้าไปในห้องโถงของเพอร์เซโฟนี พรหมจารีนิรันดร์ ปรมาจารย์ด้านการเปลี่ยนแปลงเวทมนตร์ หลังจากคำเตือนอันชาญฉลาดที่ได้รับจากหอคอย ไซคีต้องปฏิเสธการต้อนรับอย่างมีน้ำใจที่เพอร์เซโฟนีจะแสดงให้เธอเห็น สิ่งที่เธอต้องทำคือกินอาหารที่ง่ายที่สุดและกินมันโดยนั่งตัวตรงบนพื้น กฎหมายเก่าผูกคุณไว้กับบ้านที่ได้รับการต้อนรับ ดังนั้นด้วยการใช้ประโยชน์จากความโปรดปรานของ Persephone Psyche จะยังคงเชื่อมโยงกับเธอตลอดไป

Psyche แข็งแกร่งขึ้นและฉลาดขึ้นในแต่ละก้าว (ความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มขึ้นเมื่อเธอเอาชนะการทดลองครั้งก่อน) ทำทุกอย่างที่จำเป็นและขอให้ Persephone หาเรือที่มีแอมโบรเซียอันแสนวิเศษ เพอร์เซโฟนีมอบขวดวิเศษให้เธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ และไซคีก็ออกเดินทางกลับ แต่ตำนานเล่าว่าเพอร์เซโฟนีมอบภาชนะให้หญิงสาวซึ่งเก็บความลับอันมหัศจรรย์ไว้ นี่คือกุญแจสำคัญของทางตันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ Psyche เหลือพายชิ้นที่สองเพื่อผ่าน Cerberus ที่น่ากลัว และครึ่งเพนนีที่สองที่ควรมอบให้กับคนพายเรือในการข้าม

คำแนะนำสุดท้ายที่หอคอยมอบให้ไซคีนั้นสำคัญมาก แต่เธอกลับไม่ปฏิบัติตาม หอคอยเตือนเธอว่าอย่าเปิดเรือหรือสอบถามเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ภายในไม่ว่าในกรณีใด ๆ ในตอนท้ายของการเดินทาง เมื่อเห็นแสงสว่างของโลกมนุษย์ ไซคีคิดกับตัวเองว่า: “ในขวดที่ฉันถืออยู่ในมือนี้เป็นสิ่งที่ทำให้แอโฟรไดท์มีมนต์เสน่ห์ ฉันจะเป็นคนโง่จริงๆ หรือเปล่า” เมื่อพลาดโอกาสดังกล่าว ฉันจะไม่มองเข้าไปในภาชนะนั้น และจะไม่ลองหยดแอมโบรเซียเวทมนตร์สักหยดเพื่อให้ไม่อาจต้านทานได้ในสายตาของอีรอสผู้เป็นที่รักของฉันหรือ?” เมื่อคิดอย่างนั้นเธอก็เปิดขวดแต่ไม่พบอะไรเลย! ไม่มีปาฏิหาริย์ใดเกิดขึ้น และ Psyche ก็ล้มตัวลงนอนกับพื้นและหลับใหลอย่างมรณะ พ่ายแพ้เธอนอนอยู่บนพื้นดูเหมือนศพที่หมดสติ

หลังจากรักษาบาดแผลได้แล้ว อีรอสได้ยินว่าไซคีอันเป็นที่รักของเขากำลังประสบปัญหา เขาหนีจากการดูแลของแม่ของเขา และบินไปหาที่รักของเขา เช็ดศพที่หลับใหลไปจากใบหน้าของเธอ และเก็บมันกลับเข้าไปในเรือ จากนั้นเขาก็ปลุก Psyche ด้วยการแทงเธอด้วยลูกธนูของเขา และบอกกับหญิงสาวว่าความอยากรู้อยากเห็นเกือบจะฆ่าเธอได้อย่างไร

อีรอสโน้มน้าวให้ไซคีทำงานให้สำเร็จ เธอหยิบขวดวิเศษแล้วนำไปให้อโฟรไดท์

จากนั้นอีรอสก็บินตรงไปหาซุสและสารภาพรักต่อไซคีกับเขา ซุสดุอีรอสสำหรับพฤติกรรมเหลาะแหละของเขา แต่ให้เกียรติที่จำเป็นทั้งหมดแก่เขาในฐานะลูกชายของเขาและสัญญาว่าจะช่วยเหลือ Thunderer รวบรวมเทพเจ้าทั้งหมดเข้าสภาและสั่งให้ Hermes ส่ง Psyche ไปที่วังของเขา เขาประกาศแก่ชาวโอลิมปัสทุกคนว่าอีรอสตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดแห่งความรักมานานแล้ว และถึงเวลาแล้วที่คราดหนุ่มและคนขี้กังวลจะผูกปม เนื่องจากอีรอสเลือกเอง เจ้าสาวที่สวยที่สุดในโลก ซุสสั่งจัดงานวิวาห์ แต่การแต่งงานระหว่างหญิงมรรตัยกับเทพเจ้าอมตะนั้นเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นซุสจึงมอบถ้วยน้ำหวานแห่งความเป็นอมตะแก่ Psyche ที่สวยงามและสั่งให้เธอดื่มทุกหยดจากมัน ดังนั้นไซคีจึงได้รับความเป็นอมตะและได้รับสัญญาจากอีรอสว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งเธอไปโดยยังคงเป็นสามีที่ซื่อสัตย์และอุทิศตน

จากนั้นงานแต่งงานก็จัดขึ้นที่ Olympus ซึ่งไม่เท่ากัน ซุสนั่งเป็นหัวหน้า เฮอร์มีสเป็นผู้จัดการหลัก และแกนีมีดเลี้ยงทุกคนด้วยเครื่องดื่มจากเทพเจ้า - น้ำหวานที่มีมนต์ขลัง อพอลโลเล่นพิณและแม้แต่ Aphrodite ซึ่งครอบครองหนึ่งในสถานที่ที่มีเกียรติที่สุดก็มีความสุขกับลูกชายและลูกสะใภ้ของเธอ

เวลาผ่านไป และ Psyche ก็ให้กำเนิดลูกสาวชื่อ Pleasure

งานสุดท้ายของ Psyche คือความก้าวหน้าที่สำคัญและลึกที่สุดบนเส้นทางการเติบโตส่วนบุคคลของผู้หญิง ผู้หญิงไม่ค่อยมีพัฒนาการถึงขั้นที่สามารถทำหน้าที่นี้ได้ คงจะเป็นเรื่องโง่เขลาอย่างยิ่งที่จะเริ่มการเดินทางครั้งนี้ก่อนเวลาอันควร การทำเช่นนี้หมายถึงการเชิญภัยพิบัติมาไว้บนหัวของคุณเอง การปฏิเสธที่จะทำงานให้เสร็จสิ้นเมื่อเป็นไปได้ที่จะทำให้เสร็จก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีเช่นกัน ก่อนหน้านี้ผู้หญิงธรรมดาไม่ค่อยพยายามทำแบบนี้เลย ตามกฎแล้วเธอละทิ้งความเป็นไปได้นี้โดยเลือกโลกแห่งจิตวิญญาณมากกว่า ขณะนี้ผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังเดินตามเส้นทางแห่งวิวัฒนาการนี้ มันเปิดโอกาสให้แสดงความแข็งแกร่งภายในที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าผู้หญิงจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจับช่วงเวลาที่กระบวนการนี้เริ่มต้นขึ้น ถ้ามันเกิดขึ้น คุณจะไม่สามารถเพิกเฉยได้ เช่นเดียวกับที่คุณไม่สามารถเพิกเฉยต่อการตั้งครรภ์ได้

เราเรียนรู้อะไรจากเรื่องนี้?
ผู้ช่วยทั้งสามคนที่ช่วยไซคีทำสามภารกิจแรกสำเร็จ ได้แก่ มด กก และนกอินทรี มีองค์ประกอบตามธรรมชาติ หอคอยแห่งนี้สร้างขึ้นโดยมนุษย์และรวบรวมแง่มุมทางวัฒนธรรมของอารยธรรมของเรา เธอช่วยให้เราเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ผู้หญิงคนอื่นทำในอดีตเพื่อทำงานที่สี่ให้สำเร็จ นักบุญเทเรซาแห่งอาวีลาพูดถึงหอคอยแห่งนี้ว่าเป็นปราสาทภายใน ผู้หญิงที่ฝึกฝนเทววิทยาบรรยายถึงนิมิตของหอคอยแห่งนี้ นักสตรีนิยมสมัยใหม่มีหลายสิ่งที่จะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทรัพยากรมากมายสามารถพบได้ในชีวประวัติของนักบุญหญิงในประวัติศาสตร์คริสเตียน จิตวิทยาคริสเตียนได้เปิดเผยชะตากรรมของผู้หญิงหลายรูปแบบที่เป็นไปได้ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะเห็นความแตกต่างระหว่างเส้นที่มีอยู่ทางตะวันตกและตะวันออกก่อนหน้านี้ และเส้นที่มีอยู่ในปัจจุบัน ท้ายที่สุดแล้ว คุณมักจะเดินทางโดยลำพังโดยเก็บหอคอยด้านในไว้ฟังเป็นครั้งคราว

Psyche ต้องเดินทางไปยังยมโลก ผ่านสถานที่รกร้าง (การเดินทางมากมายเริ่มต้นในช่วงเวลาที่คาดหวังน้อยที่สุดหรือเหมาะสมที่สุด) ไปตามถนนที่ไม่มีที่สิ้นสุดสู่อุโมงค์อันมืดมิดของยมโลก ระหว่างทางเธอไม่ควรหยุดหรือหันเหไปข้าง ๆ โดยได้รับคำแนะนำจากความมีน้ำใจและความเมตตาของผู้หญิงเพื่อไม่ให้ทำอะไรไม่ถูกและไร้ที่พึ่ง Psyche จ่ายเงินสำหรับการข้าม Styx ด้วยเหรียญ หากไม่ได้สะสมความแข็งแกร่งเพียงพอในช่วงเริ่มต้นการเดินทาง เธอคงไม่สามารถไปจนสุดทางได้ ในการเดินทางครั้งนี้ คุณต้องมีความสงบ ความสันโดษ และความสามารถในการรักษาและรักษาความแข็งแกร่ง เธอควรจะหันเหความสนใจของสุนัขที่น่ากลัวที่เฝ้าทางเข้าอาณาจักรฮาเดส คุณไม่ควรละสายตาจากคุณสมบัติเวทย์มนตร์ทั้งหมด สิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับการแก้แค้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมันมีคุณสมบัติที่มีคุณค่าอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น พายข้าวบาร์เลย์มักจะผสมกับน้ำผึ้ง

ประเด็นสำคัญถัดไปที่ควรทราบคือการประหยัดพลังงานสำหรับการเดินทางโดยไม่สิ้นเปลืองโดยยอมรับคำเชิญของเพอร์เซโฟนีให้อยู่ในวังของเธอ เพอร์เซโฟนีเป็นเมียน้อยแห่งยมโลก ผู้ลึกลับที่สุดในบรรดาเทพธิดาทั้งหมด พรหมจารีชั่วนิรันดร์ ผู้เป็นที่รักแห่งการเปลี่ยนแปลงทางเวทย์มนตร์ ส่วนนี้ของผู้หญิงสามารถได้รับความเคารพและชื่นชมได้ เนื่องจากเราเคารพและชื่นชอบทุกสิ่งที่น่าอัศจรรย์ แต่เราไม่ควรบรรลุถึงการระบุตัวตนโดยสมบูรณ์ ในบรรดาผู้หญิง มันง่ายมากที่จะระบุเพอร์เซโฟนีที่ยังคงอยู่ในห้องโถงและหยุดการพัฒนาต่อไปของเธอ

ระหว่างทางกลับ Psyche หันเหความสนใจของสุนัขที่เป็นลางไม่ดีและเดินผ่านไปจ่ายผู้ให้บริการด้วยเหรียญที่สองและกลับสู่โลกที่สดใสของผู้คน

Psyche ขอขวดขี้ผึ้งวิเศษ แต่สำหรับเธอแล้วดูเหมือนว่าเธอไม่ได้รับอะไรเลย สิ่งนี้เรียกว่าความลึกลับแห่งปาฏิหาริย์และมีคุณค่ามากกว่าคุณสมบัติใดๆ ที่เรากำหนดได้ ไม่จำเป็นต้องมองหาคำจำกัดความของการเปลี่ยนแปลงภายในที่ลึกซึ้งที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง แก่นแท้ของความเป็นผู้หญิงอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงอันมหัศจรรย์นี้ ซึ่งลึกลับสำหรับผู้ชายเสมอ และบางทีอาจจะลึกลับน้อยกว่าสำหรับผู้หญิงเล็กน้อย บางส่วนมีองค์ประกอบในการรักษาและแม้กระทั่งการรักษา

โดยไม่สนใจคำเตือน Psyche (ตามกฎแล้วการกีดกันความโปรดปรานเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการอันน่าทึ่งที่จะเปิดเผย) เปิดขวดขี้ผึ้งวิเศษ เธอตัดสินใจใช้มันตามความต้องการของเธอเอง แต่ก็ทำไปโดยไม่รู้ตัว ช่วงเวลานี้ของการเดินทางคือช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด นี่คือจุดที่ผู้หญิงหลายคนล้มเหลว เพื่อระบุตัวตนด้วยเวทย์มนตร์ เราต้องเข้าสู่จิตใต้สำนึก และนี่คือจุดสิ้นสุดของการพัฒนาทั้งหมด ผู้หญิงหลายคนที่เดินบนเส้นทางนี้โดยปราศจากความสูญเสียมากมาย ตกหลุมพราง ณ จุดนี้ โดยค้นพบเสน่ห์อันมหัศจรรย์ของเพอร์เซโฟนี จากนั้นการพัฒนาอันน่าอัศจรรย์ของพวกมันก็หยุดลง เหลือไว้ค่อนข้างคล้ายกับฟอสซิลทางจิตวิญญาณ โดยไม่มีอะไรเป็นมนุษย์เลย

Psyche ไม่ผ่านการทดสอบนี้ แต่ความล้มเหลวของเธอทำให้ Eros ต้องมีความกระตือรือร้นเช่น ความเป็นชายในตัวเธอ เพื่อค้นหาพลังความเป็นชายในตัวเธอเพื่อกำจัดความตาย หนามแห่งลูกศรแห่งความรักปลุกเธอให้ตื่น โดยถอดพันธนาการแห่งการหลับใหลของเธอออก มีเพียงความรักเท่านั้นที่สามารถช่วยคุณให้พ้นจากความไม่สมบูรณ์และการขาดความต้องการชีวิตฝ่ายวิญญาณได้

อีรอสทำหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ของเขาให้สำเร็จ และไซคีพบว่าตัวเองอยู่ในสวรรค์ได้รับความเป็นอมตะ การเชื่อมต่อกับอีรอสเป็นเรื่องยากและอันตรายสำหรับเธอ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ทำให้ไซคีเป็นอมตะ ในที่สุด คุณก็ค้นพบสาระสำคัญตามแบบฉบับภายในตัวคุณซึ่งอยู่ในส่วนลึกที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเป็นตัวตนของคุณ ดังนั้นคุณจึงมาถึงความเป็นอมตะซึ่งสัญญาไว้กับคุณตั้งแต่ต้นตำนาน แต่ความคาดหวังนั้นคลุมเครือเกินไปและไม่สามารถเข้าใจได้ ผลงานอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดของ Psyche และความทรมานของเธอประกอบด้วยการเปลี่ยนแปลงเสน่ห์ที่ไร้เดียงสาที่มีอยู่เดิมให้กลายเป็นจิตสำนึกอันศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์แบบ
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการบอกเล่าเรื่องราวในตำนานว่าเป็นเรื่องราวในอดีต โดยเชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้สูญเสียอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่นี่และเดี๋ยวนี้ เมื่อไม่นานมานี้ในประวัติศาสตร์ของเราเท่านั้นที่ความคิดปรากฏว่าตำนานและเทพนิยายถูกสร้างขึ้นสำหรับเด็ก ก่อนยุคแห่งการตรัสรู้ เมื่อทัศนคตินี้เริ่มก่อตัวขึ้นในจิตสำนึกของมนุษย์ การศึกษาตำนานและเทพนิยายถือเป็นกิจกรรมที่คู่ควรและมีเกียรติสำหรับผู้ใหญ่ หลังจากการตีพิมพ์ผลงานของ Jung, Fraser, Campbell และนักวิทยาศาสตร์คนอื่น ๆ ในที่สุดตำนานก็เริ่มเข้าครอบครองสถานที่ที่เกี่ยวข้องในการศึกษาโลกภายในของมนุษย์ อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังคงมีทัศนคติที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19

ความฝันที่ทันสมัย

มาดูกันว่าเทพนิยายจะทำงานอย่างไรในยุคปัจจุบัน และดูว่า Psyche ยังคงยุ่งอยู่กับการพัฒนาของเธอ โดยปฏิบัติ "ภารกิจ" ของ Aphrodite

ด้านล่างนี้เป็นคำอธิบายความฝันของ Psyche ยุคใหม่ - ผู้หญิงที่มีวิวัฒนาการของจิตสำนึกเกิดขึ้นในสภาพและขนาดของยุคสมัยของเรา ความฝันใช้ภาษาของวัฒนธรรมอเมริกันสมัยใหม่ ผู้หญิงคนนี้อายุประมาณ 30 ปี แต่งงานแล้ว มีลูก ค่อนข้างพอใจกับอาชีพการงานของเธอ และทำงานด้วยความทุ่มเทเต็มที่ มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตในเมืองสมัยใหม่ ซึ่งเป็นแบบฉบับของสมาชิกทุกคนในสังคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่ เช่นเดียวกับที่ Psyche ใช้ความเป็นจริงโบราณเป็นฉากหลังสำหรับละครของเธอ ผู้หญิงคนนี้ก็ใช้โลกสมัยใหม่เป็นรากฐานในวิวัฒนาการของเธอเอง ตำนานไม่สามารถถูกจำกัดด้วยเวลา พื้นที่ หรือภาษาได้

นี่คือความฝัน:

ฉันอยู่ในบ้านหลังใหญ่ สวยงาม เก่าและเกือบจะว่างเปล่า ฉันทำความสะอาดและจัดของให้เรียบร้อย มีคนช่วยฉันหลายคน สถานที่ทำความสะอาดของฉันอยู่ที่ชั้นสอง ฉันเดินขึ้นบันไดกว้างที่เลี้ยวขวาแล้วพาฉันตรงไปยังห้อง "ของฉัน" แต่ทันทีที่ฉันข้ามธรณีประตูของห้องนี้ ฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ในอีกโลกหนึ่งทันที ราวกับว่าฉันถูกส่งไปยังอวกาศและเวลาอื่น ฉันพบว่าตัวเองอยู่บนเนินสูงตระหง่าน ทุกสิ่งรอบตัวฉันเป็นสีขาว หลังจากนั้นไม่กี่นาที ฉันก็รู้ว่าฉันไม่หนาวเลย และทุกสิ่งรอบตัวฉันก็ขาวโพลน ไม่ใช่หิมะ แต่เป็นสารวิเศษที่แปลกประหลาด สารนี้ปล่อยแสงออกมา มีชายคนหนึ่งเข้ามาทักทายฉัน ชื่อของเขาคือ X และเขาพูดด้วยสำเนียงสลาฟที่แข็งแกร่ง เขามีส่วนสูงและอายุพอๆ กับฉัน และไว้หนวดเคราเล็กๆ เขาหล่อมาก สุภาพ และมีเสน่ห์ ชวนให้ฉันเดินสำรวจสถานที่มหัศจรรย์แห่งนี้ด้วยกัน ฉันอยากไปกับเขาจริงๆแต่กลัวว่าถ้าตกลงฉันจะหายไปจากโลกนี้ตลอดไป แล้วฉันจะสูญเสียโลกแห่งความเป็นจริงและบ้านที่มีอยู่ในจินตนาการของฉัน ฉันรู้สึกเหมือนต้องกลับไป เมื่อหันมาหาฉัน X ก็หมุนฉันไปรอบ ๆ และแสดงทางกลับให้ฉันดู โดยนำกลับไปที่ธรณีประตู ฉันพบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในบ้าน

ได้ยินเสียงบางอย่างอยู่ด้านล่าง - เป็นไปได้ว่าอาจมีบางอย่างเคลื่อนไปด้านล่าง ฉันรีบลงไปชั้นล่างแล้ววิ่งเข้าไปหา B (อีกคนกำลังทำความสะอาด) เขาไม่พูดอะไรเลย เขาแค่ยิ้มเจ้าเล่ห์ และรอยยิ้มนี้ทำให้ฉันประทับใจมาก พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นฉันก็จ้องมองผู้หญิงผมสีขาวยาวประบ่า เธอเดินผ่านฉันแล้วหายไป ฉันได้ยินคนเรียกเธอว่ามิลลี่และบอกว่าเธอได้ไปต่างโลกแล้ว ฉันวิ่งตามเธอ พยายามถามเธอเกี่ยวกับสิ่งที่เธอพบ แต่ฉันทำได้เพียงเห็นเธอเลี้ยวหัวมุมเท่านั้น ฉันเดินตามเธอขึ้นบันไดแล้วลงห้องโถงยาวเข้าไปในห้องหนึ่ง เมื่อฉันไปถึงห้องนั้น เธอก็หายตัวไปในอวกาศของอีกโลกหนึ่งแล้ว

ฉันออกเดินทางกลับและลงบันได แต่ทันทีที่ผ่านห้องไป ฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ในโลกสีขาวอีกครั้ง X อยู่ที่นั่นกับเพื่อนของเขาและบอกว่าพวกเขากำลังรอฉันอยู่ เขาจูบฉันอย่างสนิทสนมเป็นเวลานาน และแสดงให้ฉันเห็นรถม้าที่รอให้ฉันนั่ง ฉันสับสนมาก ฝ่ายหนึ่งอยากไปกับเขา ในทางกลับกัน สงสัยว่าทำแบบนี้แล้วจะไม่กลับไปอีกเลย ฉันเบือนหน้าหนีจากเขาเพื่อตัดสินใจ และครู่ต่อมาฉันก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องในบ้านของฉัน

ฉันจะลงไปชั้นล่างอีกครั้ง ทุกสิ่งมีความวุ่นวาย คนที่ไม่รู้จักฉันนำของบางอย่างเข้ามาในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ อาหาร หรืออย่างอื่น ฝูงชนจำนวนมากรวมตัวกันในห้องนั่งเล่น ฉันเข้าไปในห้องรับแขกเล็กๆ และเห็นครูของฉันซึ่งเป็นชาวพุทธอยู่ที่นั่น เธอนั่งอย่างสงบบนเก้าอี้ตัวเล็กตรงมุมห้อง แต่งกายด้วยชุดสีน้ำตาลของเธอ ฉันรู้สึกว่ามีประตูหลายบานในบ้านเหมือนกับที่ฉันค้นพบ ฉันกลัวว่าเนื่องจากบ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยผู้คนและข้าวของ ประตูและทางเข้าทั้งหมดจะถูกปิด ฉันต้องตัดสินใจว่าจะทำอะไรก่อนที่ฝูงชนจะขวางประตูจากฉัน ฉันพยายามอธิบายภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ให้ครูฟัง แต่เธอแทบจะไม่ตอบสนอง ฉันเริ่มเดินไปรอบๆ ห้อง มองดูสิ่งของที่อยู่ในนั้น ความสนใจของฉันถูกดึงไปที่หมอนอิงสีน้ำเงินที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็ก ทุกอย่างเกิดขึ้นราวกับว่าฉันกำลังพยายามจดจำรายละเอียดทั้งหมดของโลกนี้เพื่อพาพวกเขาไปยังอีกโลกหนึ่งกับฉัน เมื่อถึงจุดหนึ่งฉันก็กระโดดออกจากห้องแล้ววิ่งขึ้นบันไดโดยหวังว่าจะได้พบ X อีกครั้ง ฉันกระโดดข้ามธรณีประตูและรู้สึกว่าตัวเองกำลังเข้าสู่โลกสีขาว และวินาทีต่อมาฉันก็ตื่นขึ้นมา

หลังจากนั้นฉันก็หลับไปอีกครั้งและเห็นความฝันเดิมอย่างละเอียดอีกสองครั้งในคืนนั้น แต่ละครั้งที่มีการสังเกตเหตุการณ์ลำดับเดียวกัน มีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือในครั้งต่อไปที่ฝูงชนในบ้านหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จำนวนของสิ่งต่างๆ ก็เพิ่มขึ้น และ X และโลกอื่นก็ทำให้ฉันหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ

เนื้อหาของความฝันอันยาวนานสามารถได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับที่เราปฏิบัติต่อเนื้อหาที่เป็นตำนานเพราะความฝันนั้นมีพลังไม่น้อยและไม่มีผลกระทบต่อบุคคลน้อยไปกว่าตำนานอันยิ่งใหญ่ซึ่งตามกฎแล้วเรารับรู้โดยไม่มีตัวตน เพื่อนชาวอินเดียของฉันที่ฉันเปิดเผยความหมายของความฝันให้ฟัง อุทานว่า “ฉันเป็นพระเจ้าที่นี่มาตลอดชีวิต โดยที่ไม่รู้ตัว!” นี่คือความจริงที่แท้จริง: พระเจ้าและภาษาในตำนานกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากกว่าที่ความคิดสมัยใหม่เชื่อกันมาก

ความฝันข้างต้นเป็นตำนานสำหรับผู้หญิงคนนี้โดยเฉพาะ เป็นเรื่องน่าสนใจมากที่ได้เห็นความคล้ายคลึงกับประเภทของความสัมพันธ์ระหว่างอีรอสกับไซคีที่เรารู้จัก และการมีอยู่ของความแตกต่างบางประการ เรามี (หรือเราอยู่ในนั้น) โครงสร้างทางจิตวิทยาแบบเดียวกับที่บุคคลซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อสองล้านครึ่งปีก่อนครอบครอง แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ ความจริงที่ว่าในช่วงเวลานี้มีกระบวนการวิวัฒนาการครั้งใหญ่ โลกสมัยใหม่ของเราเต็มไปด้วยเอกลักษณ์อันเหนือกาลเวลาของโครงสร้างทางจิตของมนุษย์ที่สร้างแรงบันดาลใจ ขณะเดียวกันก็รวบรวมเอกลักษณ์ของความทันสมัยไปพร้อมๆ กัน ความหมายที่เป็นสองเท่าของเนื้อหาในตำนานนี้สามารถพบได้ในทุกส่วนของความฝัน

ปัญหาของอีรอสและไซคี ซึ่งแสดงออกมาเป็นคำเดียวก็คือปัญหาระดับต่างๆ การเดินทาง งาน และการผจญภัยทุกประเภทของ Psyche กลายเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ง่ายขึ้นมาก โดยขึ้นอยู่กับระดับต่างๆ ไซคีอยู่ระหว่างโลกกับสวรรค์ ความตายกับความเป็นอมตะ มนุษย์กับสวรรค์ ชัยชนะครั้งสุดท้ายของ Psyche แสดงให้เห็นถึงการสังเคราะห์สิ่งที่ตรงกันข้ามเหล่านี้ การต่อสู้ทั้งหมดของเธอคือการคืนดีกับระดับขั้วต่างๆ ที่มีอิทธิพลต่อเธอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ความต้องการเดียวกันในการกำหนดระดับเกิดขึ้นในความฝันสมัยใหม่นี้ จำได้ไหมว่าผู้หญิงในฝันขึ้นลงบันไดกี่ครั้ง! ในความเป็นจริงความฝันทั้งหมดหมุนรอบการเปลี่ยนแปลงร่วมกันของโลกวิญญาณธรรมดาและสีขาว มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะและสถานการณ์ของมนุษย์ร่วมกันเป็นลักษณะศักดิ์สิทธิ์และสภาพแวดล้อมทางจิตวิญญาณ Psyches ทั้งสองซึ่งมีชีวิตอยู่เมื่อสองล้านห้าล้านปีก่อนและในปัจจุบัน กำลังต่อสู้เพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างสองระดับของระดับเหล่านี้ ท่าทางและสีหน้ามั่นใจบนใบหน้าของคุณแม่ยุคใหม่ที่กำลังรอให้ลูกป้อนอาหารเย็น เป็นการแสดงให้เห็นจิตใจยุคใหม่ที่ตั้งอยู่ระหว่างสองโลก ความรักของเธอและปริมาณงานปฏิบัติที่ล้นหลามซึ่งประกอบเป็นโครงร่างของชีวิตสมัยใหม่ งานของ Psyche เปลี่ยนไปในรายละเอียดเท่านั้น

วันหนึ่งที่ดี ผู้หญิงอาจตื่นขึ้นมาและพบกับความยิ่งใหญ่อันศักดิ์สิทธิ์และความงามอันน่าพิศวง แต่เธอไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร จะขอบคุณพระเจ้าสำหรับของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์นี้ หรือจะขอร้องให้พวกเขารับมันกลับและปล่อยเธอไว้กับตัวเองและเธอ ความกังวลรายวัน อีรอสสามารถพาคุณเข้าสู่โลกที่ส่องสว่างของมันได้ และคุณจะประหลาดใจกับอุปสรรคมากมายที่คุณสามารถผ่านและเอาชนะได้โดยไม่หยุดอยู่ตรงหน้าพวกมัน หัวใจของทุกตำนานคือความขัดแย้ง เพื่อหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์กับระดับเหล่านี้หมายถึงการหลีกเลี่ยงกระบวนการวิวัฒนาการที่ลึกซึ้ง

Modern Psyche เริ่มต้นการเดินทางของเธอทันทีด้วยการทำภารกิจให้สำเร็จ นี่อาจหมายความว่าตำนานโบราณส่วนใหญ่กลายเป็นเรื่องผ่านไปสำหรับเธอ เธอได้ผ่านขั้นตอนของการแยกวัยรุ่นและความพิเศษของตัวเองไปแล้วขั้นตอนของการแต่งงานซึ่งกลายเป็นดาบสองคมสำหรับเธอเธอได้จุดตะเกียงแล้วสูญเสียความบริสุทธิ์ของเธอ - สิ่งเหล่านี้ได้ผ่านขั้นตอนไปแล้ว ความฝันเริ่มต้นด้วยการที่เธอทำงาน - แยกย้ายและทำความสะอาดบ้านสองชั้น (สองชั้น) ของเธอ ซึ่งจู่ๆ เธอก็ได้พบกับอีกโลกในจินตนาการ ปรากฎว่ามีความต้องการอย่างมากสำหรับโลกภายในที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างสวรรค์และโลก ถ้าโลกบนนั้นสามารถรอจนกว่าเด็กๆ จะเติบโตขึ้นหรือชีวิตจะสงบลง! แต่สวรรค์มิได้แสดงท่าทีว่าพวกเขาเต็มใจที่จะรอ เธอรีบเร่งจากโลกแห่งความเป็นจริงและชีวิตจริงไปสู่โลกแห่งจินตนาการและจินตนาการ และรู้สึกหวาดกลัวที่เมื่อยอมให้ตัวเองอยู่ในโลกและเรียนรู้มันมากขึ้น เธออาจไม่สามารถหาทางกลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ นี่เป็นอันตรายร้ายแรง เพราะมันง่ายที่จะตกหลุมพรางซึ่งทางเลือกระหว่างการรักษาสามัญสำนึกและการสูญเสียมันสามารถทำได้เพื่อประโยชน์อย่างหลัง จุงเคยกล่าวไว้ว่าชายยุคกลางดำเนินชีวิตตามหลักการของอย่างใดอย่างหนึ่งหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คนสมัยใหม่จะต้องดำเนินชีวิตตามหลักการของอย่างใดอย่างหนึ่งและหรือ ผู้หญิงยุคใหม่ที่สุดในปัจจุบันไม่สามารถไปวัดหรือปีนขึ้นไปบนเทือกเขาหิมาลัยเพียงเพื่อบรรลุการตรัสรู้ แต่ในทางกลับกัน เธอไม่สามารถขังตัวเองอยู่ในขอบเขตแคบๆ ของครอบครัว อาชีพ และชีวิตจริงได้ เป้าหมายหลักและหลักของบุคลิกภาพสมัยใหม่คือการรวมทั้งสองด้านและใช้ชีวิตในชีวิตประจำวัน ผู้หญิงที่มีความฝันประสบความสำเร็จอย่างมากในเรื่องนี้โดยหาบ้านในการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ของหลักการอย่างใดอย่างหนึ่งและหรือ

ความฝันยังคงไม่เสร็จ แต่ควรจะเป็นเช่นนั้น เพราะผู้หญิงคนนั้นยังมาไม่ถึงช่วงกลางของชีวิต ช่วงครึ่งหลังของชีวิตใช้เวลาในการนำความอุดมสมบูรณ์ขององค์ประกอบทางโลกและสวรรค์ที่มีอยู่ในจิตใจมาสู่ความสามัคคีสังเคราะห์และการรวมเป็นหนึ่งเดียว ตำนานเก่าแก่สัญญาไว้ว่าหากสิ่งนี้เกิดขึ้น ลูกสาวชื่อดีไลท์จะเกิด เมื่อบุคคลเติบโตขึ้นและได้รับความเข้มแข็งและสติปัญญา องค์ประกอบที่สู้รบกันทั้งหมดในจิตใจของเขาซึ่งทำให้เขาวิตกกังวลและทุกข์ทรมานมากมาย จะกลายเป็นส่วนเสริมซึ่งกันและกัน และเมื่อมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีชื่อว่า ชีวิต.

ตามตำนานการสร้างโอลิมปิก ธรรมชาติและจำนวนประชากรของโลกปรากฏขึ้นอันเป็นผลมาจากฝน (หรือน้ำค้าง) ที่ตกลงมาจากท้องฟ้าดาวยูเรนัสสู่โลกไกอา (หมายเหตุบรรณาธิการ)

จอห์นสัน โรเบิร์ต
เธอ: แง่มุมเชิงลึกของจิตวิทยาสตรี
ตำนานกรีกเรื่อง Eros และ Psyche เป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษาจิตวิทยาสตรี ตำนานก่อนคริสต์ศักราชโบราณนี้ ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกี่ยวกับประเพณีปากเปล่า ถูกเขียนขึ้นครั้งแรกในยุคโบราณ และยังไม่สูญเสียความหมายอันลึกซึ้งของมันไป

นั่นคือเหตุผลที่ในการศึกษาบุคลิกภาพและพฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์ การไปที่แหล่งข้อมูลแรกสุดนั้นมีประโยชน์มาก พวกเขาสามารถแสดงภาพที่แท้จริงได้แม้ว่าเราจะไม่สามารถจดจำมันได้เสมอไปก็ตาม แต่เมื่อเปิดมันขึ้นมา เราก็เริ่มเห็นความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงรูปแบบพฤติกรรมในยุคของเราอย่างมาก

บทบาทของตำนาน

ตำนานเป็นแหล่งความรู้ทางจิตวิทยามากมาย วรรณกรรมชั้นยอด เช่นเดียวกับงานศิลปะชั้นยอด ถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำอย่างยิ่ง ตำนานเป็นวรรณกรรมประเภทพิเศษที่ไม่มีผู้แต่งเพียงคนเดียว สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตลอดทั้งยุคของวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง โดยดูดซับความสมบูรณ์ของจินตนาการและกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมนี้ มีโอกาสมากที่เนื้อหาหลักของตำนานจะเกิดขึ้นพร้อมกับแรงจูงใจบางอย่าง จากนั้นโครงเรื่องก็ได้รับการชี้แจงซ้ำแล้วซ้ำเล่าและกระจายไปเหมือนวงกลมบนน้ำ: ในลักษณะเดียวกับที่ผู้คนเล่าเรื่องสนุกสนานให้กันและกันฟังอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิธีนี้ ธีมที่มีลักษณะเฉพาะและเป็นสากลสำหรับมนุษยชาติยังคงมีชีวิตอยู่ ในขณะที่บุคคลและยุคสมัยทั้งหมดจางหายไปในประวัติศาสตร์ ตำนานเป็นภาพสะท้อนของภาพรวม พวกมันบรรจุและถ่ายทอดความจริงสากลของมนุษย์แก่เรา

มีการเขียนเกี่ยวกับอนิเมะและแอนิมัสมามากพอแล้ว และเราจะพูดถึงพวกเขาเพิ่มเติมในภายหลัง จากมุมมองนี้ เมื่อพูดถึงการปรากฏตัวของความเป็นผู้หญิงในตำนานของอีรอสและไซคี เราหมายถึงไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงจิตวิญญาณของผู้ชายด้วย ความเชื่อมโยงของตำนานนี้กับจิตวิทยาสตรีอาจถือได้ว่าชัดเจนที่สุด เนื่องจากความเป็นผู้หญิงเป็นคุณลักษณะเด่นของผู้หญิง ในเวลาเดียวกัน มีความคล้ายคลึงกับความเป็นผู้หญิงภายในของจิตวิทยาชายอย่างแน่นอน

บุคลิกของเจ้าหญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี้มีเสน่ห์มากจนผู้คนเริ่มพูดว่า: "นี่คือ Aphrodite คนใหม่ เทพธิดาที่จะเข้ามาแทนที่เธอในวิหารของ Aphrodite เพราะในไม่ช้าเธอก็จะต้องทนทุกข์ทรมานและทนทุกข์ทรมานมากกว่าเธอทุกประการ!" มองดูขี้เถ้าที่เหลืออยู่จากไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหารที่เย็นลง เพราะลัทธิของเธอกำลังหลีกทางให้กับลัทธิหญิงสาวสวยคนใหม่

ในสมัยนั้น Aphrodite เป็นเทพีแห่งความเป็นสตรีซึ่งปกครองมาเป็นเวลานานไม่มีใครจำได้แน่ชัดว่าเมื่อใด การได้เห็นการผงาดขึ้นของเทพีแห่งความเป็นผู้หญิงองค์ใหม่เป็นสิ่งที่ทนไม่ได้สำหรับเธอ ความโกรธและความหึงหวงของเธอเป็นเหมือนวันสิ้นโลก พวกเขาจะมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเรา การปลุกพระพิโรธของพระเจ้าหรือเรียกร้องให้เปลี่ยนพระเจ้าหรือเทพธิดาหมายถึงการเขย่ารากฐานทั้งหมดของโลกภายใน
องค์ประกอบของตำนาน
ให้เราใส่ใจกับที่มาของเทพธิดาทั้งสอง - แอโฟรไดท์และไซคี โครโนส ลูกชายคนเล็กและฉลาดแกมโกงที่สุดของเทพยูเรนัสแห่งท้องฟ้า ได้ใช้เคียวตัดตอนพ่อของเขา และโยนอวัยวะเพศของเขาลงทะเล ทำให้เขาตั้งท้อง ดังนั้นอโฟรไดท์จึงถือกำเนิดขึ้น การกำเนิดของ Afrodita ได้รับการทำให้เป็นอมตะโดยบอตติเชลลีด้วยภาพวาดอันโด่งดังของเขาเรื่อง "The Birth of Venus"1: เทพธิดาโผล่ออกมาจากฟองทะเลด้วยความสง่างามของผู้หญิงของเธอ การเกิดครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติอันแปลกประหลาดของความเป็นผู้หญิงในรูปแบบตามแบบฉบับของมัน ซึ่งแตกต่างอย่างชัดเจนกับต้นกำเนิดของมนุษย์แห่ง Psyche ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเกิดจากน้ำค้างที่ร่วงหล่น ให้ความสนใจกับภาษาที่น่าทึ่งนี้! มันจะเต็มไปด้วยความเข้าใจเชิงจิตวิทยาหากคุณสามารถได้ยินข้อความที่เก่าแก่และอมตะในนั้น

ด้วยการเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเกิดทั้งสองนี้ เราจะสามารถเข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างกันของความเป็นผู้หญิงทั้งสองประเภทได้ อะโฟรไดท์เป็นเทพีที่เกิดจากทะเล เธอครอบครองพลังสตรีแห่งมหาสมุทรดึกดำบรรพ์ ซึ่งครองราชย์มาแต่ไหนแต่ไรในอาณาจักรของเธอ - บนพื้นทะเล ในทางจิตวิทยา นี่หมายความว่าเธอปกครองในจิตไร้สำนึก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความลึกของทะเล จิตสำนึกธรรมดาๆ แทบจะเข้าถึงไม่ได้: ใครๆ ก็สามารถพยายามควบคุมกระแสน้ำขึ้นและลงได้สำเร็จเช่นกัน ความเป็นผู้หญิงตามแบบฉบับดังกล่าวสามารถเป็นที่ชื่นชม บูชา หรือถูกบดขยี้ได้ แต่เป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อมโยงกับมัน หน้าที่ของ Psyche คือการใช้ความเป็นมนุษย์ของเธอเพื่อควบคุมและลดความเป็นผู้หญิงตามแบบฉบับแห่งท้องทะเลให้อ่อนลง นี่คือแก่นแท้ของตำนาน

อิทธิพลของอโฟรไดท์ส่งผลต่อการสะท้อนประสบการณ์ภายนอกในจิตสำนึกของเราเอง ในระดับเดียวกับที่ผู้ชายกำลังยุ่งอยู่กับการค้นหา ค้นคว้า และเผยแพร่สิ่งใหม่ๆ Aphrodite ก็ไตร่ตรองและดูดซึม กระจกของอโฟรไดท์เป็นสัญลักษณ์ของลักษณะที่ลึกซึ้งที่สุดของเทพีแห่งความรัก เธอมักจะชวนใครคนหนึ่งมาดูเงาสะท้อนในกระจก ซึ่งเขาสามารถมองเห็นตัวเองได้ เต็มไปด้วยภาระอย่างสิ้นหวังกับการฉายภาพของเขา ซึ่งจนจนจนจนแยกไม่ออกแล้ว กระบวนการตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถเริ่มต้นด้วยคำถามว่าสิ่งใดกำลังสะท้อนอยู่กันแน่ คำตอบจะช่วยให้บุคคลหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับอารมณ์ที่พันกัน ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีเหตุการณ์ภายนอกเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องจินตนาการและเข้าใจว่าปรากฏการณ์มากมายของโลกภายในถูกซ่อนไว้สำหรับเราและปรากฏเป็นเหตุการณ์ภายนอกหากไม่ได้สะท้อนให้เห็นอย่างเต็มที่ในโลกภายในส่วนตัวซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเกิดขึ้น แอโฟรไดท์ทำให้เรามองในกระจกมากกว่าที่เราต้องการ เมื่อบุคคลตกหลุมรักและยอมรับว่าอีกคนหนึ่งเป็นพระเจ้าหรือเทพธิดา เขาจะเห็นแอโฟรไดท์สะท้อนถึงความเป็นอมตะหรือความเป็นเหมือนพระเจ้า เราไม่พร้อมที่จะมองเห็นทั้งคุณธรรมและข้อบกพร่องในตัวเรา ซึ่งระหว่างการไตร่ตรองในจิตสำนึกและการยอมรับขั้นสุดท้าย มักจะอยู่บนเส้นทางแห่งความทุกข์ที่ยาวนาน Psyche เดินทางไกลโดยเริ่มจากการที่เธอตกหลุมรักอีรอสและจบลงด้วยการค้นพบความเป็นอมตะของเธอ (2)

อะโฟรไดท์เป็นเทพีผู้ยิ่งใหญ่จากมุมมองของลูกสะใภ้ในอนาคต เมื่อผู้หญิงนำความสง่างามและความงามของเธอมาสู่โลก สิ่งนี้บ่งบอกถึงอิทธิพลของพลังภายในของแอโฟรไดท์ (หรือดาวศุกร์) แต่ถ้าอโฟรไดท์ขัดแย้งกับลูกสะใภ้ เธอก็อิจฉา ไม่ยอมใคร และสร้างอุปสรรคให้ไซคีในทุกย่างก้าว ละครระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้เป็นเรื่องปกติของทุกวัฒนธรรม เธอมีส่วนช่วยในการพัฒนาบุคลิกภาพของหญิงสาวทุกคน สำหรับเธอ การรับมือกับพลังของแม่สามีหมายถึงการบรรลุวุฒิภาวะของผู้หญิง นับแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่ใช่คนหยาดน้ำค้างอีกต่อไป เข้าสู่โลกและแต่งงานอย่างไร้เดียงสาอีกต่อไป

ค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดาที่ในช่วงหนึ่งของวิวัฒนาการ เมื่อการจุติเป็นผู้หญิงครั้งใหม่ปรากฏขึ้น การจุติเป็นมนุษย์ครั้งก่อนจะเต็มไปด้วยความโกรธ แอโฟรไดท์จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ของเธออับอาย ผู้หญิงทุกคนรู้สิ่งนี้ โดยจดจำแรงกระตุ้นที่ถดถอยอย่างกะทันหันของแอโฟรไดท์ที่อาศัยอยู่ส่วนลึกภายใน ทันทีที่ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อ ภาพอันเลวร้ายก็ปรากฏขึ้น เฉพาะในครอบครัวที่หายากและพิเศษมากเท่านั้น ในช่วงเวลาแห่งการสำแดงแก่นแท้ของมัน Aphrodite สามารถเรียกได้ด้วยชื่อจริงของมัน และพลังงานสามารถระเหิดเพื่อใช้ประโยชน์ได้

มีอุปมาเรื่องช้างตัวแรกที่เกิดมาในกรง ตอนแรกเจ้าของดีใจมาก แต่แล้วกลับตกใจเมื่อเห็นว่าช้างทั้งฝูงมารวมกันเป็นวงกลม และช้างที่โตเต็มวัยก็เริ่มไล่ช้างแรกเกิดเป็นวงกลมจากช้างตัวหนึ่งไปยังอีกช้างตัวหนึ่ง เจ้าของคิดว่าต้องการทรมานเขาจนตาย แต่ช้างกลับบังคับให้ทารกหายใจ

บ่อยครั้งที่มีสิ่งใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น แต่ในไม่ช้าเราก็เริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่จำเป็นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน Aphrodite ซึ่งสามารถถูกตำหนิได้อย่างต่อเนื่อง แต่สร้างเงื่อนไขที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับวิวัฒนาการของ Psyche เป็นเรื่องง่ายมากที่จะมองโลกในแง่ดีหลังจากเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น แต่จะยากมากเมื่อมันเพิ่งเกิดขึ้น สิ่งนี้อาจคล้ายกับการต่อสู้ทางวิวัฒนาการภายในที่วุ่นวายอย่างต่อเนื่อง วิถีชีวิตแบบเก่านั้นสะท้อนให้เห็นในธรรมชาติของอโฟรไดท์ เขาดึงผู้หญิงคนนั้นกลับเข้าสู่สภาวะหมดสติ ขณะเดียวกันก็บังคับให้เธอก้าวไปสู่ชีวิตใหม่ ซึ่งบางครั้งก็มีความเสี่ยงสูง อาจเกิดขึ้นได้ว่าวิวัฒนาการใช้เส้นทางที่แตกต่างออกไป หรืออิทธิพลของแอโฟรไดท์กลายเป็นเพียงสิ่งกระตุ้นการเติบโตเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มีผู้หญิงที่ไม่สามารถบรรลุนิติภาวะได้จนกว่าจะต้องเผชิญหน้ากับแม่สามีหรือแม่เลี้ยงที่กดขี่ข่มเหง.
การต่อสู้ภายใน
ปัญหาหลายประการของผู้หญิงยุคใหม่เกี่ยวข้องกับการเผชิญหน้าระหว่างแก่นแท้สองประการภายในของเธอ: แอโฟรไดท์และไซคี คำอุปมาดังกล่าวช่วยสร้างภาพของกระบวนการทางจิตวิทยาขึ้นมาใหม่ หากผู้หญิงสามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอได้ เธอจะอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องในการได้รับจิตสำนึกใหม่
เมื่อได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับธรรมชาติของอโฟรไดท์ ซึ่งเป็นความเป็นผู้หญิงแบบโบราณและดั้งเดิมมากกว่า เรามาดูคุณสมบัติใหม่ของความเป็นผู้หญิงที่เกิดขึ้นในภายหลังกัน ต่างจากแอโฟรไดท์ซึ่งเกิดในฟองทะเล ไซคีเกิดจากน้ำค้างที่ตกลงบนพื้น การเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติในมหาสมุทรของ Aphrodite ไปสู่ธรรมชาติทางโลกของ Psyche พูดถึงความก้าวหน้าบางประการในการพัฒนาความเป็นผู้หญิงจากลักษณะมหาสมุทรโบราณไปสู่รูปแบบใหม่ของมนุษย์ ดังนั้นเราจึงเดินหน้าต่อไป จากสัดส่วนมหาสมุทรไปจนถึงขนาดที่เล็กลงและเข้าใจได้มากขึ้น

ไซคีมีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคนในฐานะประสบการณ์การใช้ชีวิตตามลำพังที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้หญิงคนใดก็ตามก็เป็นเจ้าหญิงที่มีค่าควรแก่ความรัก ด้วยความสมบูรณ์แบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเธอเพียงผู้เดียว และมีความลึกทางจิตวิญญาณที่มากเกินไปสำหรับชีวิตประจำวันธรรมดาๆ หากผู้หญิงเพียงคนเดียวพบว่าตัวเองไม่มีใครเข้าใจและเชื่อว่าผู้คนใจดีแต่ห่างไกลจากเธอ นั่นหมายความว่าเธอรู้สึกถึงจิตวิญญาณในตัวเอง ตามกฎแล้วนี่เป็นความรู้สึกเจ็บปวดมากที่ผู้หญิงมักประสบโดยไม่เข้าใจธรรมชาติของมัน การเข้าสู่สภาวะนี้หมายถึงการไม่ได้รับผลกระทบทางอารมณ์ในความสัมพันธ์กับผู้อื่น

หากผู้หญิงเปิดโอกาสให้ธรรมชาติของ Psyche แสดงออกในความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันเช่น "คุณ - กับฉันฉัน - กับคุณ" จะไม่มีอะไรดีเกิดขึ้น เมื่อแก่นแท้ของ Psyche เติมเต็มโลกภายในของผู้หญิงส่วนใหญ่ มันก็จะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงและเจ็บปวดสำหรับเธอ เธอจะหลั่งน้ำตาและคร่ำครวญ: “ไม่มีใครเข้าใจฉัน” และนี่คือความจริง ผู้หญิงทุกคนในทุกช่วงของชีวิตมีลักษณะนี้อยู่ในตัวเอง หากคุณเห็นคุณสมบัตินี้ในผู้หญิงและสามารถสัมผัสได้ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้และเสน่ห์อันศักดิ์สิทธิ์ของ Psyche สามารถเข้าถึงจิตสำนึกได้จากนั้นวิวัฒนาการที่เป็นประโยชน์ก็จะเริ่มต้นขึ้น

ครั้งหนึ่งฉันเคยดูหนังเรื่องหนึ่งที่คนสองคนรักกันโดยปราศจากความดึงดูดใจภายนอกเลย ด้วยความมหัศจรรย์แห่งจินตนาการ พวกเขาแต่ละคนจึงสวยงามในสายตาของกันและกัน และปรากฎว่าความรักมีอยู่ระหว่างคนสองคนที่มีเสน่ห์และน่าดึงดูด ในตอนท้ายของภาพยนตร์ กล้องก็แสดงใบหน้าของพวกเขาอีกครั้งตามความเป็นจริง แต่ผู้ชมรู้ถึงรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันของตัวละครแล้วเพราะพวกเขาเห็นเทพเจ้าและเทพธิดาที่มีอยู่ในตัวพวกเขาซึ่งแข็งแกร่งและมีพลังมากกว่าความขี้เหร่ภายนอกของฮีโร่อย่างไม่มีใครเทียบได้ ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงขุมนรกที่มีอยู่ระหว่างธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ภายในของมนุษย์กับชีวิตประจำวันภายนอก ซึ่งเป็นขุมลึกที่เรื่องราวของเราอุทิศให้
การแต่งงานของไซคี
ไซคีทำให้พ่อแม่ของเธอสิ้นหวัง เพราะพี่สาวทั้งสองของเธอแต่งงานกับกษัตริย์ที่อยู่ใกล้เคียงได้สำเร็จ และไม่มีใครขอมือน้อง ผู้ชายเท่านั้นที่ยกย่องเธอ กษัตริย์ไปที่ออราเคิลโดยไม่รู้ว่าเขาอยู่ภายใต้อิทธิพลของอโฟรไดท์และเธอซึ่งเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความเกลียดชังของไซคีบังคับให้ออราเคิลทำนายอนาคตอันเลวร้ายของไซคี! เด็กหญิงคนนั้นกำลังจะหมั้นหมายกับความตาย สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย น่าขยะแขยง และทรงพลังที่สุด ตามกฎหมายแล้ว Psyche ควรถูกส่งขึ้นไปบนภูเขาสูง ถูกล่ามโซ่ไว้กับก้อนหินแล้วทิ้งไว้จนกว่าความตายอันเป็นลางร้ายจะเข้ามาหาเธอ

เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากสิ่งนี้? Psyche แต่งงานแล้ว - แต่ถึงตาย ที่จริงแล้ว ดูเหมือนผู้หญิงทุกคนจะเสียชีวิตในวันแต่งงานของเธอ เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตเธอได้สิ้นสุดลงแล้ว ลักษณะหลายประการที่แสดงถึงแก่นแท้ของผู้หญิงที่มีอยู่จนถึงขณะนี้ได้ตายไปในตัวเธอ ในความหมายนี้ การแต่งงานสำหรับเธอถือเป็นงานศพ รายละเอียดลักษณะเฉพาะหลายประการของพิธีแต่งงานมีมาตั้งแต่สมัยโบราณจากพิธีศพ เจ้าบ่าวมาพร้อมกับเพื่อนสนิทและพวกพ้องเพื่อลักพาตัวเจ้าสาว ในขณะที่เพื่อนเจ้าสาวคอยปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอ ตามที่ควรจะเป็นตามพิธีกรรม การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา และเจ้าสาวร้องไห้ราวกับว่าส่วนหนึ่งของชีวิตของเธอได้ตายไป ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้นสำหรับเธอ และการเฉลิมฉลองงานแต่งงานถือเป็นการกำเนิดของอำนาจการปกครองแบบผู้ใหญ่

เราไม่ได้ตระหนักดีถึงแง่มุมสองประการของการแต่งงาน และมักจะมองว่าการแต่งงานเป็นเพียงสีขาวรื่นเริงและรื่นเริงเท่านั้น หากการตายส่วนหนึ่งของชาติที่แล้วไม่ได้สะท้อนให้เห็นในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง การตายนั้นก็จะยังปรากฏอยู่ในอารมณ์ทางอารมณ์และในรูปแบบที่ยอมรับได้น้อยลงในภายหลัง ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกไม่พอใจและรังเกียจการแต่งงานหลังจากผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปี

ในภาพถ่ายที่ถ่ายในพิธีแต่งงานในประเทศตุรกี ฉันเห็นเด็กผู้ชายอายุแปดหรือเก้าขวบ แต่ละคนกระโดดขาข้างหนึ่ง งอขาอีกข้างหนึ่งไว้ที่เข่าแล้วผูกหน้าแข้งไว้ที่ต้นขา พิธีกรรมนี้ควรจะเตือนเราว่าในการแต่งงานไม่ใช่แค่ความสุขเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเจ็บปวดด้วย

งานแต่งงานในแอฟริกายังไม่ถือว่าสมบูรณ์จนกว่าเจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะมีรอยแผลเป็นและบาดแผลตามจำนวนที่กำหนด การแต่งงานไม่ถือเป็นของแท้เว้นแต่จะมีการลักพาตัว การแต่งงานสามารถเพลิดเพลินได้หลังจากองค์ประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้รับเครดิตตามสมควรแล้ว อโฟรไดท์ไม่ชอบเวลาที่ผู้หญิงตายด้วยน้ำมือผู้ชาย เธอไม่อนุญาตให้ผู้ชายพาเธอไปที่หลุมศพไม่ได้ ดังนั้นในช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดของความเป็นสาว Aphrodite จึงร้องไห้ในตัวผู้หญิงทุกคน เธอยังคงแสดงบทบาทที่ขัดแย้งกันต่อไป ในด้านหนึ่ง ปรารถนาที่จะแต่งงานอย่างหลงใหล และในอีกด้านหนึ่ง ต่อต้านและคร่ำครวญถึงการสูญเสียความเป็นสาวของเธอ เสียงสะท้อนของพิธีกรรมโบราณนี้ยังคงฝังลึกอยู่ในตัวเราและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดในการจัดพิธีกรรมและพิธีกรรม

ที่นี่เราต้องเผชิญกับความขัดแย้งของวิวัฒนาการอีกครั้ง Aphrodite เป็นผู้ที่ตัดสินประหารชีวิต Psihea แต่เธอก็ทำหน้าที่เป็นผู้จับคู่ผู้เป็นลางสังหรณ์ของการแต่งงานและในขณะเดียวกันก็เป็นคู่ต่อสู้ของเธอ กระบวนการวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าไปสู่การแต่งงานนั้นมาพร้อมกับความปรารถนาอันแรงกล้าที่ถดถอยเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพและเสรีภาพ และฟื้นฟูสภาพที่เป็นอยู่

ครั้งหนึ่งฉันเคยเห็นการ์ตูนล้อเลียนที่มีไหวพริบซึ่งสะท้อนถึงพลังแห่งการแต่งงานตามแบบฉบับ บรรยายถึงทัศนคติของพ่อแม่แต่ละคนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างงานแต่งงาน พ่อของคู่บ่าวสาวโกรธชายหยิ่งผยองที่กล้าพรากลูกสาวไปจากเขา พ่อของสามีประสบชัยชนะจนกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในสังคมชาย แม่ของคู่บ่าวสาวตกใจมากที่สัตว์ตัวนั้นเข้าครอบครองลูกของเธอ แม่ของสามีโกรธจิ้งจอกที่ล่อลวงและขโมยลูกชายของเธอไป การ์ตูนเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงต้นแบบโบราณมากมาย พฤติกรรมและความคิดที่ฝังแน่นและฝังแน่นในจิตใจของมนุษย์ ซึ่งนอนอยู่ในชั้นลึกของจิตไร้สำนึกตลอดระยะเวลาหลายปีของกระบวนการวิวัฒนาการนับไม่ถ้วน หากเราไม่ใส่ใจพวกเขาในเวลาอันสมควร พวกเขาจะรู้ตัวในภายหลังและก่อความเดือดร้อนมากมาย
ในที่สุด Aphrodite ตั้งใจที่จะกำจัด Psyche และด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจใช้ความช่วยเหลือจากลูกชายของเธอซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก Eros อีรอส คิวปิด คิวปิดเป็นชื่อที่แตกต่างกันของเทพเจ้าองค์เดียว - เทพเจ้าแห่งความรัก เนื่องจากกามเทพได้ลดระดับลงถึงระดับของไพ่รักขี้เล่น และกามเทพต้องสูญเสียความยิ่งใหญ่ไปบ้างแล้ว เราจะเรียกเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์นี้ว่าอีรอส อีรอสมักจะมีลูกธนูติดตัวมาด้วยและการพบปะกับเขาสัญญาว่าจะสร้างปัญหาให้กับชาวโอลิมปัสทุกคน เทพเจ้าและเทพธิดาทุกองค์รู้สึกถึงพลัง แต่อีรอสอยู่ภายใต้การควบคุมของแม่ของเขาเอง ซึ่งบังคับให้เขาทำให้ไซคีโกรธด้วยความรักต่อสัตว์ร้ายที่น่าขยะแขยงที่สุดเพื่อที่จะมัดเธอไว้กับเขาอย่างแน่นหนา และด้วยเหตุนี้จึงยุติการแข่งขันที่ดำเนินอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของ Aphrodite คือการถดถอยอย่างต่อเนื่อง เธอต้องการให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิมเพื่อให้วิวัฒนาการย้อนกลับ แอโฟรไดท์คือเสียงแห่งประเพณี แต่ที่น่าขันคือเธอที่ช่วยพัฒนาโครงเรื่องของเรื่องราวของเราต่อไป

การกำหนดบทบาทของอีรอสมีหลายระดับ เขาสามารถถูกมองว่าเป็นชายนามธรรม สามี หรือด้านชายในความสัมพันธ์ของมนุษย์ มันสามารถเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความสามัคคี ในช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่อง อีรอสไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเพศเท่านั้น ควรจำไว้ว่าเขายิงธนูไม่ใช่ที่อวัยวะเพศ แต่ยิงที่หัวใจ นอกจากนี้ในขณะที่โครงเรื่องในตำนานพัฒนาขึ้นเราจะพูดถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติเหล่านี้ของอีรอส
การแต่งงานกับความตาย
อีรอสไปปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ แต่เมื่อเขาเห็นไซคี เขาบังเอิญทำให้นิ้วของเขาบาดเจ็บด้วยลูกธนูข้างหนึ่ง และตกหลุมรักทันที เขาตัดสินใจประกาศให้ Psyche เป็นเจ้าสาวของเขา และขอให้เพื่อนของเขาชื่อ West Wind ช่วยอุ้มเธอจากยอดเขาไปยัง Paradise Valley อย่างระมัดระวัง ลมตะวันตกทำทุกอย่างที่เขาขอให้ทำ และไซคีซึ่งรอคอยการมาถึงของความตาย ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสวรรค์บนดิน เธอไม่ได้ถามอีรอส แต่เพียงแต่สนุกไปกับตัวเอง และตกใจกับชะตากรรมที่พลิกผันอย่างไม่คาดคิด แทนที่จะเป็นความตาย อีรอสกลับมาที่ไซคี แต่ถึงแม้จะมีความงามอันน่าพิศวง แต่มันก็หมายถึงความตายสำหรับเธอ สามีทุกคนนำความตายมาสู่ภรรยาในแง่ที่ว่าพวกเขาพรากพวกเขาจากชีวิตในวัยเด็กและผลักดันพวกเขาไปสู่วิวัฒนาการและวุฒิภาวะของสตรี ในทางตรงกันข้าม คุณอาจรู้สึกขอบคุณและความไม่พอใจต่อบุคคลที่บังคับให้คุณขายหน้าตัวเองไปพร้อมๆ กันเพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเติบโตส่วนบุคคล ออราเคิลนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน: ในความหมายตามแบบฉบับผู้ชายคือความตายสำหรับผู้หญิง เมื่อผู้ชายเห็นสีหน้าเศร้าบนใบหน้าของเพื่อน นั่นหมายความว่าถึงเวลาที่เขาจะแสดงความรักใคร่และช่วยเหลือผู้อื่นแล้ว บางทีในขณะนี้เธออาจรู้สึกถึงความตายในวัยสาวของเธอในระดับหนึ่ง หากผู้ชายสุภาพและเข้าใจในเวลานี้ เขาสามารถบรรเทาประสบการณ์ที่ยากลำบากของผู้หญิงได้อย่างมาก

หากไม่มีการเปรียบเทียบที่แน่นอนในชีวิตของเขาเอง ผู้ชายก็แทบจะไม่เข้าใจว่าการแต่งงานสำหรับผู้หญิงนั้นเป็นทั้งความตายและการฟื้นคืนชีวิต งานแต่งงานไม่ใช่การกระทำอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิงมันเป็นเรื่องสำคัญมาก วันหนึ่งภรรยาอาจมองสามีด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และพบว่าเธอมีความผูกพันโดยการแต่งงานโดยสมบูรณ์ ในขณะที่เขาไม่ได้อยู่เลยแม้แต่น้อย ความสัมพันธ์นี้จะรู้สึกได้ถึงความผูกพันอย่างยิ่งหากมีเด็กๆ ผู้หญิงสามารถถูกโชคชะตาทำให้ขุ่นเคืองได้มากเท่าที่เธอต้องการ แต่การที่เธอไม่ปฏิบัติตามเส้นทางนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติในทุกช่วงอายุ ฉันรู้จักเด็กหญิงอายุสิบหกปีคนหนึ่งซึ่งมีลูก เธอซ่อนการตั้งครรภ์และการคลอดบุตรเพื่อให้ทุกอย่างเงียบสงบจากนั้นเธอก็ส่งเด็กไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและปรากฎว่าเธอไม่เห็นเขาเลย เมื่อกลับไปสู่ชีวิตเก่าของเธอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากศิลาแห่งความตาย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็แต่งงาน และถ้าใครสามารถเรียกได้ว่าเป็นสาวพรหมจารี เธอคงเป็นคู่แข่งคนแรก เธอไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ ทางด้านจิตใจเลย แม้ว่าเธอจะผ่านการคลอดบุตรไปแล้วก็ตาม

การแต่งงานเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงสำหรับชายและหญิง ดูเหมือนว่าจะทำให้ผู้ชายสูงขึ้น เพิ่มพละกำลังและพลังมากขึ้น ความสำคัญและรูปปั้นเพิ่มขึ้น ตามกฎแล้ว สามีไม่รู้ว่าเขากำลังฆ่าไซคีในตัวภรรยาของเขา และเขาจะต้องทำเช่นนั้น หากเธอประพฤติตัวแปลก ๆ ทุกอย่างดูแย่มากหรือร้องไห้สะอึกสะอื้นและน้ำตาไหลอย่างต่อเนื่องนี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าผู้ชายมักจะไม่เข้าใจว่าเขาและเธอรับรู้การแต่งงานแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผู้หญิงก็เติบโตและพัฒนาในชีวิตสมรสเช่นกัน แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่เธออยู่บนศิลาแห่งความตายเท่านั้น
สวนเอเดน
Psyche พบว่าตัวเองอยู่ในสวรรค์ที่มีมนต์ขลัง ทุกสิ่งที่เธออยากได้ก็อยู่ที่นั่น สามีของเธอ เทพอีรอส อยู่กับเธอทุกคืนและจำกัดให้เธออยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น เขาสัญญาว่าเธอจะไม่มองดูเขาและดูว่าเขาไปที่ไหน เธอสามารถมีทุกสิ่งที่เธอต้องการ อยู่ในสวรรค์ตราบเท่าที่เธอต้องการ แต่เธอต้องไม่ถามคำถามใดๆ หรือแม้แต่ลองมองดูเขาด้วยซ้ำ ไซคีก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้

อีรอสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทุกคนคือผู้สร้างสวรรค์ เช่นเดียวกับวัยรุ่น เขาลักพาตัวหญิงสาวและสัญญากับเธอว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยความสุข นี่คือความลับหลักของอีรอส: เขาต้องการค้นหาสวรรค์ของเขา แต่ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อยและมีทัศนคติที่จริงจัง สิ่งนี้มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนในระดับหนึ่งหรืออย่างอื่น ความเป็นผู้หญิงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวิวัฒนาการและการเติบโตส่วนบุคคล และการให้ความสำคัญสูงสุดในตำนานจะอยู่ที่องค์ประกอบของความเป็นผู้หญิง สำหรับผู้ชายมันเป็นการทดสอบที่แย่มาก เขาแค่อยากอยู่ในสวรรค์

Psyche ผู้ไร้เดียงสาแจ้งให้ Eros เกี่ยวกับเรื่องนี้ สามีของเธอเตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาบอกว่าถ้าเธอฟังพี่สาวน้องสาวที่ไล่ตามเธอ ความหายนะก็จะเกิดขึ้น หากไซคียังคงไม่ถามอะไรเขาอีก เธอจะมีลูกซึ่งจะเป็นเทพเจ้าอมตะ แต่ถ้าเธอผิดคำสาบานและถามคำถาม เด็กผู้หญิงก็จะเกิดมาซึ่งจะเป็นเพียงแค่มนุษย์ ที่แย่กว่านั้นคือคำถามแรกที่อีรอสทิ้งเธอไป จากนั้นไซคีก็ตกลงอีกครั้งที่จะไม่ถามอะไรสามีของเธอ แต่พี่สาวน้องสาวก็โทรหาเธอครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดไซคีก็ขออนุญาตสามีให้ไปเยี่ยมเธอ เวลาผ่านไปเล็กน้อย พี่สาวน้องสาวที่ถูกพามาจากหน้าผาสูงโดยลมตะวันตกอย่างปลอดภัย พบว่าตัวเองอยู่ในสวนเอเดนอันงดงาม พวกเขาชื่นชมและเพลิดเพลินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พวกเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาน้องสาวของตน พวกเขาโจมตีเธอด้วยคำถามเกี่ยวกับสามีของเธอ และไซคีผู้ไร้เดียงสาพยายามอธิบายว่าเธอจินตนาการถึงเขาอย่างไร เพราะเธอไม่เคยเห็นเขามาก่อน เธอมอบกองของขวัญที่ไม่ธรรมดาและหายากแก่พี่สาวน้องสาวและส่งพวกเธอกลับบ้าน

อีรอสเตือนไซคีอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่นานพี่สาวน้องสาวก็ปรากฏตัวอีกครั้ง ครั้งนี้ Psi-hea โดยลืมทุกสิ่งที่เธอเคยพูดเกี่ยวกับสามีของเธอก่อนหน้านี้ และเล่าจินตนาการอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟัง เมื่อกลับถึงบ้านพี่สาวก็คิดอยู่นานจึงคิดแผนอันชาญฉลาดและร้ายกาจขึ้นได้ คือ เมื่อมาเยี่ยมพี่สาวครั้งที่สามก็จะบอกเธอว่าจริงๆ แล้วสามีเธอแย่มาก งูที่น่าขยะแขยง ทันทีที่ลูกเกิดมา สามีจะกินเขาพร้อมกับแม่

แต่พวกเขาต้องการช่วยไซคีจากจุดจบอันเลวร้ายเช่นนี้ ในการที่จะมีชีวิตอยู่ เธอต้องทำสิ่งต่อไปนี้ หยิบโคมไฟ ใส่ในภาชนะ คลุมด้วยผ้าห่ม แล้ววางไว้ในห้องนอน นอกจากนี้เธอควรลับมีดแล้วซ่อนไว้ใกล้เตียง ลึกๆ ในตอนกลางคืน เมื่อสามีของเธอหลับสนิท เธอจะจุดตะเกียง และในที่สุดก็เห็นสามีที่เลวร้ายของเธอ และตัดศีรษะของเขาออก Psyche ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของพี่สาวของเธอได้เป็นเวลานานและเมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขาก็เริ่มเตรียมที่จะเปิดเผยสามีที่เลวร้ายของเธอ

ทันใดนั้นมือของเธอที่ถือตะเกียงก็สั่น และมีน้ำมันร้อนหยดหนึ่งตกลงบนไหล่ขวาของอีรอส ตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวดสาหัสก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นจึงสยายปีกแล้วบินหนีไปทันที Psyche ผู้น่าสงสารเกาะติดกับเขา แต่ความแข็งแกร่งของเธอมีมากพอที่จะถูกพาออกไปเกินขอบเขตของสวนเอเดน เธอถูกทิ้งและล้มลงกับพื้นและนอนโศกเศร้าอยู่คนเดียวโดยสิ้นเชิง อีรอสบินมาหาเธอด้วยความตำหนิที่เธอไม่ฟังเขาและเมื่อผิดคำพูดทำให้สวนเอเดนหายไป และเขาเสริมว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาเตือนไว้ เธอจะมีลูก เด็กผู้หญิง และมนุษย์ธรรมดา และตอนนี้เขาต้องลงโทษไซคีที่ไม่เชื่อฟังและทิ้งเธอไป เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็บินไปหาอโฟรไดท์ผู้เป็นมารดาของเขา
ละครร่วมสมัย
ในแต่ละช่วงเวลา คู่สมรสเล่นละครเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ภาษาโบราณบทกวีและตำนานนี้สื่อถึงเราเกี่ยวกับผู้หญิงและความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายและความเป็นชายภายในของเธออย่างไร

พี่สาวน้องสาวคือเสียงหงุดหงิดที่ได้ยินอยู่ภายในตัวเรา และบ่อยครั้งจากภายนอก ซึ่งมีหน้าที่สองประการ คือ การทำลายทัศนคติเก่าที่มีต่อชีวิต และการรับรู้ถึงทัศนคติใหม่ ระหว่างจิบกาแฟยามเช้า ฉากหนึ่งมักจะแสดงฉากที่พี่สาวสองคนกำลังวางแผนชั่วร้ายของพวกเขา พวกเขามักจะบรรลุภารกิจสองประการในการท้าทายโลกปิตาธิปไตยเก่า และปลุกปั่นให้กันและกันตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งต้นทุนอาจสูงกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก เราอาจต้องจ่ายราคาของ Promethean เพื่อตระหนักถึงสิ่งที่เราปรารถนาอย่างแรงกล้า

ตามกฎแล้วผู้หญิงต้องผ่านลำดับความสัมพันธ์ที่ผิดปกติและน่างงงวยกับคู่ของเธอ ผู้ชายสำหรับเธอสามารถเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและเป็นความตายบนก้อนหินและเป็นคนที่ไม่รู้จักในสวรรค์และเป็นคนที่เปิดกว้างและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง และในที่สุด เมื่อเธอมาถึงความเป็นเทพของเธอเองที่จุดสูงสุดของโอลิมปัส เขาก็ปรากฏต่อหน้าเธอในฐานะเทพเจ้าแห่งความรัก ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ชายสับสน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกวันเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาจะมองไปรอบ ๆ อย่างขี้อาย พยายามทำความเข้าใจว่าบทบาทที่ได้รับมอบหมายให้เขาในวันนี้เป็นอย่างไร ตอนนี้เพิ่มแอนิเมชั่นของเขาเข้าไปด้วย แล้วคุณจะได้โครงเรื่องที่ซับซ้อนแต่สนุกสนาน

หากเรามองเข้าไปในตัวเองโดยตระหนักรู้ถึงเพียงการมีอยู่ของความรักและความเอื้ออาทรเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ Psyche เราจะดูถูกดูแคลนด้านเงาที่มีอยู่ สิ่งนี้จะนำไปสู่ความจริงที่ว่าเราจะถูกบังคับให้ออกจากสวรรค์ไร้เดียงสาซึ่งสะดวกสบายมากและเราจะค้นหาการค้นพบใหม่เกี่ยวกับแก่นแท้ที่แท้จริงของเรา

จุงกล่าวว่าความปรารถนาที่จะเติบโตส่วนบุคคลมักเกิดขึ้นในจิตใจจากเงามืด ดังนั้น พี่สาวคนเดียวกันที่มีบทบาทในชีวิตของไซคีไม่ค่อยน่าพอใจและไม่น่าดูเลย ยังคงรับใช้เธออย่างมีสติ
อีรอสทำงานหนักเพื่อเก็บไซคีไว้ในความมืด พระองค์ทรงสัญญากับเธอว่าจะมีชีวิตบนสวรรค์โดยมีเงื่อนไขว่าเธอจะไม่มองเขาหรือถามสิ่งใด นี่คือวิธีที่เขาหวังที่จะรักษาอำนาจเหนือเธอ

บ่อยครั้งที่ผู้หญิงอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ชายในช่วงชีวิตของเธอ แต่ถ้าเธอสามารถกำจัดพลังนี้ออกไปได้ เธอก็ย่อมต้องพึ่งพาความเป็นศัตรูกันซึ่งเป็นความเป็นชายภายในของเธออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เส้นทางชีวิตของผู้หญิงคือการต่อสู้และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องโดยสัมพันธ์กับวิถีชีวิตของผู้ชาย ไม่ว่าเธอจะพบว่ามันเป็นความเกลียดชังจากภายนอกหรือภายในก็ตาม ความคล้ายคลึงกันนี้เกิดขึ้นในชีวิตของผู้ชาย เมื่อเขาพยายามที่จะค้นพบและเข้าใจทัศนคติของเขาต่อวิถีชีวิตของผู้หญิง ไม่ว่าเขาจะพบมันในความสัมพันธ์กับผู้หญิงในชีวิตจริงหรือในกระบวนการของการต่อสู้อย่างกล้าหาญ เกิดขึ้นรอบๆ อานิมา ซึ่งเป็นความเป็นผู้หญิงภายในของเขา

แม้จะมีตัวเลือกมากมายที่สร้างความเป็นเอกลักษณ์ของชีวิต แต่การค้นหาภาษากลางที่มีองค์ประกอบของความเป็นชายก็สามารถคาดเดาได้ในระดับหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวได้สัมผัสกับความเป็นชายของพ่อของเธอ จากนั้นกับความเป็นชายที่ดูดซับเธอในช่วงแต่งงาน หลังจากนั้นกับอีรอส ซึ่งสัญญาว่าจะเป็นสวรรค์หากเธอไม่ถามคำถาม ต่อมาเธอได้พบกับอีรอส เทพเจ้าแห่งความรัก ซึ่งจริงๆ แล้วเขาเป็นใคร ภายในกรอบของละครเรื่องนี้และภายนอก มีการใช้พลังจิตไปมากมาย

อาจเป็นไปได้ว่าชีวประวัติของผู้หญิงแต่ละคนมีบทที่น่าเคารพซึ่งอธิบายถึงการตกหลุมรักการค้นพบและการสูญเสียสวนเอเดนและในความปรารถนาของเธอที่จะใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้น - การค้นพบสวนเอเดนอีกครั้งในสภาพที่เป็นผู้ใหญ่ ซึ่งมีความสวยงามไม่น้อยไปกว่าครั้งแรก

ครั้งแรกที่เราเข้าไปในสวนเอเดนคือช่วงฮันนีมูนเกี้ยวพาราสี ในเวลานี้ Psyche พบว่าตัวเองอยู่ในสวรรค์ที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดในบรรดาสวรรค์ที่มีอยู่ทั้งหมด ที่ซึ่งทุกความปรารถนาของเธอได้รับการเติมเต็ม นี่คือสวนอีเดนที่แท้จริง สวนเอเดน สถานที่ที่ความรู้สึกมีความสุขอย่างแท้จริงเกิดขึ้น เราหวังว่าสภาพนี้จะคงอยู่ตลอดไป แต่ในทุกสวนมีงูนั่นคือผีเงาที่ไม่ช้าก็เร็วจะนำชีวิตที่สงบและมีความสุขไปสู่จุดจบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
วิธี
เงาบังคับให้ผู้หญิงคนนั้นสำรวจสวนเอเดนและมอบวิธีอันวิจิตรบรรจงและทรงพลังให้เธอทำสิ่งนี้ ก่อนอื่น นี่คือโคมไฟที่ซ่อนอยู่ในขณะนั้น ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถของผู้หญิงในการมองเห็นแก่นแท้ของสิ่งที่เกิดขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่คือความสามารถของเธอในการตระหนักรู้ แสงเป็นสัญลักษณ์ของจิตสำนึกเสมอโดยมีความชัดเจนและเฉียบคมเป็นพิเศษ ในกรณีของเรา สัญลักษณ์ของมันคือโคมไฟ เชื้อเพลิงที่สกัดจากดินหรือน้ำมันที่ได้จากผลไม้ เผาในตะเกียง กลายเป็นแสงที่อบอุ่น นุ่มนวล และอ่อนโยน นี่ไม่ใช่แสงที่รุนแรงจากแสงแดดที่มีความเข้มสูง แต่เป็นแสงธรรมชาติที่อบอุ่นอ่อนโยนของผู้หญิง หนึ่งในชื่อคือแสงสว่างแห่งชีวิต

เครื่องมืออีกอย่างหนึ่งคือมีดที่คมมาก ควรสังเกตว่า Psyche ใช้วิธีเดียวที่มีให้เธอเท่านั้น สำหรับฉันดูเหมือนว่าตำนานส่วนนี้มีคำแนะนำที่ชาญฉลาดมาก ผู้หญิงที่ฉายแสงอย่างระมัดระวังและอ่อนโยนในสถานการณ์ที่ยากลำบากก็สามารถทำปาฏิหาริย์ได้ ผู้หญิงที่ถือมีดสามารถฆ่าได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น: การเปลี่ยนแปลงหรือการฆาตกรรม? นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของการเลือก ช่วงเวลาแห่งความจริง โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ถ้าใช้มีดก่อนจะเสียหายมาก หากใช้หลอดไฟก่อนก็มีโอกาสที่จะเกิดการรับรู้และการเติบโตภายใน ด้วยการจัดการเครื่องมือของเธออย่างระมัดระวัง ผู้หญิงจึงสามารถค้นพบปาฏิหาริย์และค้นพบเทพเจ้าแห่งความรัก อีรอส ในร่างที่แท้จริงของเขา แล้วเธอจะพอใจกับความจริงที่ว่าแสงของเธอทำให้เกิดปาฏิหาริย์ ในขณะที่ใคร่ครวญหาผู้หญิง ผู้ชายมักจะรู้สึกว่าจำเป็นต้องได้รับแสงสว่างจากเธอเพื่อที่จะค้นพบธรรมชาติและความศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริงของเขา ผู้หญิงทุกคนถือพลังที่เข้าใจยากและทรงพลังนี้ไว้ในมือของเธอ

หลอดไฟคืออะไรและช่วยตรวจจับอะไร? อย่างดีที่สุด ผู้ชายรู้ว่าเขาคืออะไรและเข้าใจว่าภายในตัวเขามีความยิ่งใหญ่และพลังอันศักดิ์สิทธิ์ซ่อนอยู่ แต่ในขณะที่ผู้หญิงจุดตะเกียง เขาจะรู้สึกถึงการเรียกร้องแห่งชีวิต รู้สึกถึงการเรียกร้องให้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของความเป็นชายของเขา และแสดงมันออกมา แน่นอนว่าเขาตัวสั่น! นอกจากนี้เขาคาดหวังคำยืนยันจากผู้หญิงที่มีค่าของเขา ผู้ชายที่พ่ายแพ้และค้นพบความไม่เพียงพอของเขาในหลุมของผู้หญิงที่แท้จริงหรือภายในสามารถพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่แย่มากเนื่องจากโดยปกติแล้วการมีอยู่ของผู้หญิงคนหนึ่งจะเตือนให้ผู้ชายนึกถึงสิ่งที่ดีที่สุดที่มีอยู่ในตัวเขา

วันหนึ่ง ฉันกำลังนั่งอยู่ในกลุ่มของผู้เฒ่าชาวยิวคนหนึ่ง และพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับชีวิตที่หายไปจากบ้านของเขา เด็กๆ เติบโตขึ้นและออกจากบ้าน เขาเองก็ลาออกจากงานประจำมานานแล้ว และความมืดและความว่างเปล่าก็เข้ามาอยู่ในบ้านที่ว่างเปล่าของเขามานานแล้ว ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงถามเขาว่ามีพิธีกรรมในบ้านของเขาหรือไม่ “ไม่มีพิธีกรรม” เขาตอบ “หลายปีก่อนเราเลิกสนใจพิธีกรรมเหล่านั้นแล้ว” ฉันแนะนำให้เขาขอให้ภรรยาจุดเทียนถือบวชในเย็นวันศุกร์ถัดไป "ไร้สาระ!" - เขาอุทาน แต่ฉันยืนกรานและแปลกใจมากกับสิ่งที่เขาบอกฉันในสัปดาห์หน้าเมื่อเราพบกันอีกครั้ง “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” เขากล่าว “แต่เมื่อฉันขอให้ภรรยาจุดเทียนถือบวช เธอก็เริ่มร้องไห้และทำตามที่ฉันขอ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บ้านก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงเพื่อเราและกลายเป็นอย่างสมบูรณ์ แตกต่าง!" และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น ประการแรก พิธีกรรมโบราณได้รับการบูรณะในบ้าน และประการที่สอง ผู้หญิงได้รับสิทธิ์ในสมัยโบราณของเธอในการสร้างแสงนุ่มนวลที่ให้ความอบอุ่น เคลื่อนไหว และนำความหมาย ผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจว่าความปรารถนาของผู้ชายนั้นแข็งแกร่งเพียงใดที่จะรู้สึกถึงความเป็นผู้หญิงที่อยู่ใกล้ ๆ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ควรเป็นภาระแก่ผู้หญิง และเธอไม่ควรวางสถานการณ์นี้ไว้เป็นแนวหน้า โดยยังคงรู้สึกโดดเดี่ยวภายใน ทันทีที่ผู้ชายค้นพบความเป็นผู้หญิงภายในของเขา เขาก็เลิกเรียกร้องจากผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆ ว่าเธอมีชีวิตอยู่เพื่อเขาเท่านั้น แต่ถ้าผู้หญิงพยายามมอบของขวัญอันล้ำค่าที่สุดให้กับผู้ชาย ถ้าเธอต้องการสนองความหิวโหยของผู้ชายอย่างแท้จริง (ความหิวโหยที่ผู้ชายไม่ค่อยแสดงออกมา แต่มีอยู่ตลอดเวลา) เธอก็จะเป็นผู้หญิงอย่างมากในช่วงเวลาที่ มนุษย์ปรารถนาคุณสมบัติอันล้ำค่านี้อย่างกระตือรือร้น ความจริงก็คือเมื่อได้รับความรู้สึกความเป็นผู้หญิงจากผู้หญิงในเวลาที่เขาต้องการมากที่สุด ผู้ชายก็สามารถแบกภาระและแบกภาระได้อีกครั้งโดยไม่รู้สึกเหนื่อย
Aphrodite แก้ปัญหาวิวัฒนาการของจิตสำนึกด้วยวิธีที่ผิดปกติมาก! สิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นลูกโซ่ของความผิดพลาดและความผิดพลาดได้กลายมาเป็นเส้นทางการพัฒนาภายในที่น่าทึ่ง ผู้มีหัวใจเจ้าเล่ห์และไม่จริงใจ Aphrodite ด้วยความหึงหวงทำทุกอย่างเพื่อบังคับให้ Psyche หมั้นหมายกับ Death ซึ่งเป็นสัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูง เธอส่งลูกชายของเธอซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรักอีรอสมาจัดงานแต่งงาน แต่เขาบังเอิญแทงตัวเองด้วยธนูลูกหนึ่งของเขาและตกหลุมรักไซคีอย่างบ้าคลั่ง หลังจากนี้ ในช่วงเวลาสำคัญของการเปิดเผย Psyche เองก็ได้รับบาดเจ็บจากลูกศรรักของ Eros และตกหลุมรักเทพเจ้าแห่งความรัก!

ความรักหมายถึงการผ่านประสบการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบประสบการณ์ในการเชื่อมโยงมนุษย์คนหนึ่งกับอีกคนหนึ่ง นี่หมายถึงการเห็นคนที่รักเป็นคนจริงๆ และชื่นชมเขาสำหรับความธรรมดา ข้อบกพร่อง ความคิดริเริ่ม และความสำคัญของตัวมนุษย์เอง หากเราสามารถทะลุผ่านหมอกแห่งการฉายภาพที่เราใช้ชีวิตส่วนใหญ่ได้ เราจะเริ่มมองว่าสิ่งธรรมดานั้นพิเศษ ปัญหาทั้งหมดก็คือเรามืดบอดเพราะการคาดการณ์ของเราเอง เราไม่ค่อยเห็นคนอื่นอย่างที่เขาเป็น ชื่นชมความลึกและความสูงส่งของเขา ความรักดังกล่าวคงอยู่ยาวนานและดำรงอยู่ควบคู่ไปกับความธรรมดาในชีวิตประจำวัน (“ความธรรมดา”) ในภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของคำว่า “ความเป็นระเบียบเรียบร้อย”) ความหมายบางประการของความรักดังกล่าวมีอยู่ในคำพูด: "ทุกสิ่งเป็นดิน - จะมีแป้ง" ความรักปรากฏให้เห็นในทุกเหตุการณ์ในชีวิตประจำวัน โดยไม่จำเป็นต้องมีขนาดที่เหนือมนุษย์5 บุคคลหนึ่งทำงาน สื่อสาร ทำผิดพลาด หลบหนีและใช้ชีวิต ติดอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

หากบุคคลมีความรักก็เหมือนกับว่าเขาได้สัมผัสกับระดับการดำรงอยู่เหนือมนุษย์ เขาถูกพาตัวออกจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวันไปสู่ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่มีที่ว่างสำหรับคุณค่าของมนุษย์อีกต่อไป ราวกับว่าเราถูกลมบ้าหมูพัดมาจากที่ไหนก็ไม่รู้แล้วถูกโยนเข้าไปในโลกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงซึ่งคุณค่าของมนุษย์ไม่มีคุณค่า หากความรักคือแรงดันไฟฟ้าหลัก 110 โวลต์ การตกหลุมรักคือพลังงานเหนือมนุษย์ 100,000 โวลต์ ซึ่งไม่สามารถมีอยู่ที่บ้านได้ตลอดเวลา การตกหลุมรักเป็นชะตากรรมของเทพเจ้าและเทพธิดา มันมีอยู่นอกเหนือกาลเวลาและอวกาศ

มีการกล่าวไปแล้วว่า Psyche เป็นมนุษย์คนแรกที่สามารถเห็นเทพเจ้าแห่งความรักด้วยเสน่ห์ทั้งหมดของเขาและยังมีชีวิตอยู่เพื่อเล่าให้ฟัง นี่คือหัวใจของเรื่องราวของเรา - เด็กสาวผู้ตกหลุมรักพระเจ้าและยังคงซื่อสัตย์ต่อธรรมชาติของมนุษย์โดยไม่สูญเสียศรัทธาในความรัก จุดจบอันประเสริฐของเรื่องราวนี้เป็นผลโดยตรงจากการที่ไซคียังคงซื่อสัตย์ต่อตัวเธอเอง และความรักของเธอ6.

มาทำการทดลองทางความคิด: ลองจินตนาการว่าไม่มีใครเหลืออยู่บนโลกนี้นอกจากคุณและอีกคนหนึ่ง ตรวจสอบความสัมพันธ์ของคุณกับบุคคลนี้ตลอดทั้งวันและสังเกตว่าเขามีค่ากับคุณเพียงใด เวลาผ่านไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และบุคคลนี้จะกลายเป็นศูนย์รวมแห่งปาฏิหาริย์สำหรับคุณ การมุ่งความสนใจไปที่วัตถุหนึ่งซึ่งมีต้นกำเนิดจากโลกนี้ เป็นลักษณะของภาวะตกหลุมรัก ทุกคนสามารถพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพนี้ แต่เพียงบังเอิญเท่านั้น บางครั้งอาจเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ มันไม่เหมือนความรักเลยที่ “ทุกสิ่งเปลี่ยน” ที่คงอยู่ยาวนานและมีอยู่ที่บ้าน” (ถ้ามีคนเมื่อยี่สิบปีที่แล้วบอกฉันว่าจะนำความรักและอายุยืนยาวมารวมกันฉันคงตกใจมาก -van และน่าจะโกรธมาก แต่วัยกลางคนนำมาซึ่งภูมิปัญญาเล็กน้อย)

ก่อนหน้านี้ ประสบการณ์ในการติดต่อกับหลักธรรมอันศักดิ์สิทธิ์มีบริบททางศาสนาเป็นหลัก บัดนี้ เมื่อมีประสบการณ์ส่วนบุคคลจากประสบการณ์อันลึกซึ้งแล้ว เราก็ไปไกลจากแนวคิดเหล่านี้แล้ว ปัจจุบันนี้ สำหรับคนธรรมดา ความรักโรแมนติกเป็นโอกาสเดียวที่จะได้สัมผัสกับพระเจ้า การตกหลุมรักเป็นโอกาสพิเศษในการมองดูบุคคลและมองเห็นแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างหลังเขา จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อเราตกหลุมรักเราจะตาบอด เราอยู่ใกล้กับคนจริงๆ แต่เราหันเหความสนใจไปที่บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าและประเสริฐกว่าการดำรงอยู่ของมนุษย์ธรรมดา จากมุมมองทางจิตวิทยานี่หมายความว่าชั้นจิตใจของเราบางชั้นที่ก่อตัวก่อนที่ตำนานนี้จะได้รับผลกระทบด้วยซ้ำ หากคุณสัมผัสกับเนื้อหาของต้นแบบ คุณก็สามารถถูกทำลายได้ ตำนานบอกเราว่าอาจเกิดขึ้นได้ว่ามนุษย์ธรรมดาอาจได้รับอิทธิพลจากต้นแบบ เขาสามารถอยู่รอดจากผลกระทบนี้ได้โดยการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงเท่านั้น มนุษย์ได้สัมผัสกับความเป็นจริงอันแปลกประหลาดและยังคงพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้ ในบริบทนี้ เราสามารถเข้าใจได้ว่าการถูกธนูจากเทพเจ้าแห่งความรักได้รับบาดเจ็บหมายความว่าอย่างไร ทุกคนสามารถสัมผัสกับผลกระทบอันน่าอัศจรรย์นี้ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจอย่างลึกซึ้ง การตกหลุมรักเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ทรงพลังอย่างเหลือเชื่อที่สามารถเปรียบเทียบได้กับการระเบิดเท่านั้น

คนเอเชียไม่มีความคิดเรื่องการตกหลุมรัก พวกเขาเข้าสู่ความสัมพันธ์อย่างสงบ ค่อยๆ ปราศจากดราม่า โดยไม่ถูกแตะต้องโดยลูกศรของอีรอส การแต่งงานจะต้องเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าอย่างดีเสมอ ตามประเพณี เจ้าบ่าวจะไม่เห็นเจ้าสาวของเขาจนกว่าจะสิ้นสุดพิธีแต่งงาน จนกว่าเธอจะถอดดอกไม้และมาลัยเพื่อตกแต่งเสื้อผ้าของเธอ หลังจากนี้ เจ้าบ่าวจะพาเจ้าสาวเข้าไปในบ้านตามบทที่วางไว้อย่างระมัดระวังสำหรับคู่บ่าวสาว เขาเก็บพลังงานที่เราใช้ไปในช่วงเวลาแห่งความรักจนกระทั่งเขาเข้าสู่ห้องเจ้าสาวซึ่งเหล่าทวยเทพและเทพธิดาจะมอบพลังอันยิ่งใหญ่ให้กับเขา

เรื่องราวของเราเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ได้สัมผัสกับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าประสบการณ์ของมนุษย์ธรรมดา ตำนานที่เหลือเล่าว่า Psyche สัมผัสประสบการณ์อันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อย่างไร
การเปิดเผยแก่นแท้อันศักดิ์สิทธิ์ของเขาทำให้อีรอสต้องทนทุกข์ทรมานจนทนไม่ไหว จุดจบของชีวิตบนสวรรค์มาถึงแล้ว เพราะแก่นแท้ของเขาถูกเปิดเผย ไม่ใช่เจ้าบ่าวศักดิ์สิทธิ์ในงานแต่งงานที่หายนะหรือผู้สร้างความสุขบนสวรรค์ แต่เป็นศูนย์รวมแห่งความรักที่มีชีวิต การเปิดเผยนี้กลายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากสำหรับเขาและไม่เจ็บปวดน้อยกว่าศักดิ์ศรีของคนหลอกลวงและคนอวดดีที่ทำน้อยกว่าที่เขาสัญญาไว้ ช่างแปลกเสียจริงที่ความสามารถที่ดีที่สุดของเราสามารถสร้างความเจ็บปวดได้มากมาย! ไม่น่าเป็นไปได้ที่ทุกสิ่งสามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่ถึงกระนั้นนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ สถานการณ์ชีวิต ครูบอกฉันถึงเหตุการณ์หนึ่งซึ่งค่อนข้างเหมาะสมสำหรับการอธิบายสิ่งที่กล่าวไว้ข้างต้น ชายหนุ่มที่ตื่นเต้นมากเข้ามาขอคำปรึกษาหลังจากการวิเคราะห์เป็นเวลาหกเดือน “นี่มันแย่มาก!” - "เกิดอะไรขึ้น? ข่าวร้าย?" - ถามโทนี่ด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย - “แต่เกิดอะไรขึ้น ในที่สุดก็บอกฉัน!” - “โทนี่ โรคประสาทของฉันหายไปแล้ว ฉันไม่รู้จะอยู่ต่อไปยังไง!” ความหมายของตัวอย่างนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง การสูญเสียวิธีปรับตัวเข้ากับความเป็นจริงแบบเก่าถือเป็นข่าวร้ายสำหรับบุคคล แม้ว่าเขาจะปรับตัวได้ดีขึ้นในรูปแบบใหม่ก็ตาม ทั้ง Eros และ Psyche ได้รับบาดเจ็บสาหัสในช่วงเริ่มต้นของกระบวนการวิวัฒนาการขั้นต่อไปแม้ว่าบาดแผลจะเป็นประโยชน์และมีประโยชน์สำหรับแต่ละคนก็ตาม

อีรอสทำตามสัญญา: ไซคีมีลูก แน่นอนว่าเป็นเด็กผู้หญิง ไม่ใช่เด็กผู้ชาย และไม่ใช่เทพธิดา แต่เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา และอีรอสก็ออกจากไซคี นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง: ความสุขในสวรรค์ถูกแทนที่ด้วยสิ่งธรรมดาและทางโลก

ดังนั้นอีรอสจึงบินไปหาแอโฟรไดท์ผู้เป็นแม่ของเขา และต่อจากนี้ไปจะครอบครองพื้นที่น้อยมากในประวัติศาสตร์ของเรา ตอนนี้ Poor Psyche จะต้องเดินทางต่อไปตามลำพัง แม้ว่าเธอจะมีผู้ช่วยเหลือมากกว่าที่เธอคิดก็ตาม แม้แต่แม่สามีผู้ยิ่งใหญ่อย่างอโฟรไดท์ ก็ยังคอยดูแลเธอตลอดเส้นทางที่คดเคี้ยวและพันกัน ในเวลานี้ ผู้ชายสามารถทำลายความสัมพันธ์ในชีวิตสมรสและกลับบ้านของพ่อแม่ได้ หรือหากไม่ทำสิ่งนี้ทางกาย เขาก็สามารถจมดิ่งลงสู่ความเงียบอย่างต่อเนื่อง ไปสู่การสื่อสารในระดับผิวเผิน และไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอารมณ์ ซึ่งหมายความว่าเขาได้กลับไปยังบ้านแม่ของเขาแล้ว - หากไม่ใช่ไปหาแม่ที่แท้จริงของเขา ก็ไปยังกลุ่มแม่ของเขา ในเวลานี้ อะโฟรไดท์เข้าควบคุมจิตสำนึกของผู้หญิงคนหนึ่ง

แปลโดย V. Mershavka

การแนะนำ

กรีก ตำนานของอีรอสและไซคีเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการศึกษาจิตวิทยาสตรี ตำนานก่อนคริสต์ศักราชโบราณนี้ ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันยาวนานเกี่ยวกับประเพณีปากเปล่า ถูกเขียนขึ้นครั้งแรกในยุคโบราณ และยังไม่สูญเสียความหมายอันลึกซึ้งของมันไป นี่ไม่แปลกอย่างที่คิดเมื่อมองแวบแรก เนื่องจากธรรมชาติทางชีววิทยาของมนุษย์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่สมัยโบราณ การเปลี่ยนแปลงทางจิตโดยไม่รู้ตัวของเขาจึงไม่เปลี่ยนแปลง ความต้องการพื้นฐานทางสรีรวิทยาและจิตวิทยายังคงคงที่ตลอดเวลา ในขณะที่รูปแบบของความพึงพอใจเปลี่ยนแปลงไปเป็นครั้งคราว นั่นคือเหตุผลที่ในการศึกษาบุคลิกภาพและพฤติกรรมพื้นฐานของมนุษย์ การไปที่แหล่งข้อมูลแรกสุดนั้นมีประโยชน์มาก พวกเขาสามารถแสดงภาพที่แท้จริงได้แม้ว่าเราจะไม่สามารถจดจำมันได้เสมอไปก็ตาม แต่เมื่อเปิดมันแล้ว เราเริ่มเห็นความหลากหลายและการเปลี่ยนแปลงในลักษณะพฤติกรรมในยุคของเรา บทบาทของมายาคติ ตำนานเป็นแหล่งความรู้ทางจิตวิทยามากมาย วรรณกรรมชั้นยอด เช่นเดียวกับงานศิลปะชั้นยอด ถ่ายทอดลักษณะเฉพาะของธรรมชาติของมนุษย์ได้อย่างแม่นยำอย่างยิ่ง ตำนานเป็นวรรณกรรมประเภทพิเศษที่ไม่มีผู้แต่งเพียงคนเดียว สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นตลอดทั้งยุคของวัฒนธรรมใดวัฒนธรรมหนึ่ง โดยดูดซับความสมบูรณ์ของจินตนาการและกิจกรรมของมนุษย์ ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมนี้ มีโอกาสมากที่เนื้อหาหลักของตำนานจะเกิดขึ้นพร้อมกับแรงจูงใจบางอย่าง จากนั้นโครงเรื่องก็ได้รับการชี้แจงซ้ำแล้วซ้ำเล่าและแพร่กระจายเหมือนวงกลมบนน้ำ: ในทำนองเดียวกันผู้คนก็เล่าเรื่องราวความบันเทิงให้กันและกันฟังอยู่ตลอดเวลา ด้วยวิธีนี้ ธีมที่มีลักษณะเฉพาะและเป็นสากลสำหรับมนุษยชาติยังคงมีชีวิตอยู่ ในขณะที่บุคคลและยุคสมัยทั้งหมดจางหายไปในประวัติศาสตร์ ตำนานเป็นภาพสะท้อนของภาพรวม พวกมันบรรจุและถ่ายทอดความจริงสากลของมนุษย์แก่เรา อย่างไรก็ตาม คำจำกัดความเชิงเหตุผลทั่วไปของตำนานในฐานะการเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาที่โกหกและน่าอัศจรรย์นั้นได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็งในจิตสำนึกของเรา คุณมักจะได้ยินประมาณว่า “ใช่ มันเป็นเพียงตำนาน มันเป็นนิยายที่สมบูรณ์” รายละเอียดของเรื่องราวในตำนานอาจไม่ได้รับการยืนยันในชีวิตหรืออาจกลายเป็นจินตนาการที่สมบูรณ์ แต่ลึกลงไปในเนื้อหาของตำนานนั้นมีความจริงสากลอยู่ ตำนานอาจเป็นจินตนาการหรือผลงานจากจินตนาการ โดยที่ยังคงเป็นความจริงและเพียงพอต่อความเป็นจริง มันรวบรวมแง่มุมและระดับของการดำรงอยู่มากมาย รวมถึงโลกที่มีเหตุมีผลภายนอกและโลกภายในที่เข้าใจได้น้อยกว่า ความสับสนที่เกี่ยวข้องกับคำจำกัดความแคบๆ ของความเป็นจริงสามารถอธิบายได้ด้วยความคิดอันน่ากวนใจของเด็กชายที่กำลังฝันร้าย เพื่อให้เขาสงบลง พ่อแม่สามารถชักชวนลูกชายของตนได้นานตราบเท่าที่พวกเขาต้องการว่ามันเป็นเพียงความฝัน และสัตว์ประหลาดที่ปรากฏในนั้นไม่มีอยู่ในชีวิต แต่การโน้มน้าวใจเหล่านี้ไม่สามารถโน้มน้าวเด็กได้ และเขาก็พูดถูก สำหรับเขา สัตว์ประหลาดนั้นเป็นความจริง มีชีวิตชีวาและเป็นจริงเหมือนกับประสบการณ์อื่นๆ ของเหตุการณ์ในโลกภายนอก สัตว์ประหลาดในฝันมีอยู่ในหัวของเขา ไม่ใช่ในห้องนอน แต่สำหรับเด็ก มันเป็นสถานการณ์ที่คุกคาม ทำให้เขาตื่นเต้นทั้งทางอารมณ์และร่างกาย สำหรับเขา มันเป็นความจริงภายในของเขาเอง ซึ่งไม่มีจุดหมายที่จะปฏิเสธ ตำนานได้รับการศึกษาโดยนักจิตวิทยาหลายคน C. G. Jung สำรวจระดับลึกของจิตใจมนุษย์ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับตำนานเพราะเขาเชื่อว่ามันเป็นพื้นฐานพื้นฐานของโครงสร้างทางจิตวิทยาในตัวพวกเขา การวิเคราะห์ตำนานของ Eros และ Psyche เราจะพยายามค้นหาและทำความเข้าใจ ก่อนอื่นเราต้องเรียนรู้ที่จะคิดเชิงจิตวิทยา เมื่อเราเริ่มสัมผัสกับเนื้อหาของตำนาน เทพนิยาย และความฝันของเราเอง บางสิ่งที่สำคัญมากก็เกิดขึ้น คำศัพท์และโลกแห่งตำนานโบราณดูแปลกมาก เก่าแก่ และห่างไกลจากความทันสมัย แต่ด้วยการฟังอย่างลึกซึ้งและจริงจังกับพวกเขา เราจะเริ่มได้ยินและเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง บางครั้งมีความจำเป็นต้องตีความความหมายเชิงสัญลักษณ์ แต่เมื่อคุณเข้าใจความหมายทั่วไปของเนื้อหาแล้ว ก็ไม่ยากเลยที่จะทำ นักจิตวิทยาหลายคนตีความตำนานของอีรอสและไซคีในแง่ของความสัมพันธ์กับจิตวิทยาสตรี ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาของเรา เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่จะทราบว่าในบริบทที่กว้างขึ้น เรากำลังพูดถึงการสำแดงความเป็นผู้หญิงในทั้งชายและหญิง การเชื่อว่าความเชื่อผิดๆ นี้ใช้ได้กับผู้หญิงเท่านั้น จึงต้องจำกัดความเชื่อนี้ไว้อย่างมาก ในข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งที่สุดครั้งหนึ่ง จุงตั้งข้อสังเกตว่าผู้หญิงทุกคนมีลักษณะทางจิตวิทยาของผู้ชายหลายประการซึ่งไม่ใช่พื้นฐานสำหรับเธอ เช่นเดียวกับผู้ชายทุกคนที่มีฮอร์โมนและโครโมโซมของผู้หญิงที่ด้อยลง จุงเรียกส่วนที่เป็นผู้หญิงของผู้ชายว่าแอนิมา และส่วนที่เป็นผู้ชายของผู้หญิงเรียกว่าแอนิมัส มีการเขียนเกี่ยวกับอนิเมะและแอนิมัสมามากพอแล้ว และเราจะพูดถึงพวกเขาเพิ่มเติมในภายหลัง จากมุมมองนี้ เมื่อพูดถึงการปรากฏตัวของความเป็นผู้หญิงในตำนานของอีรอสและไซคี เราหมายถึงไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงจิตวิญญาณของผู้ชายด้วย ความเชื่อมโยงของตำนานนี้กับจิตวิทยาสตรีถือได้ว่าชัดเจนที่สุดเพราะความเป็นผู้หญิงเป็นลักษณะเด่นของผู้หญิง ในเวลาเดียวกัน มีความคล้ายคลึงกับความเป็นผู้หญิงภายในของจิตวิทยาชายอย่างแน่นอน

การกำเนิดของไซคี

จุดเริ่มต้นของเรื่องราว

กาลครั้งหนึ่งมีกษัตริย์และราชินีองค์หนึ่ง และทั้งสองมีธิดาสามคน คนโตสองคนเป็นเจ้าหญิงธรรมดาๆ ไม่มีอะไรโดดเด่น ลูกสาวคนที่สามเป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาณมนุษย์แม้แต่ชื่อของเธอก็ยังเหมาะสม - Psyche หรือ - แปลจากภาษากรีก - วิญญาณ เธอจะพาเราเดินทางสู่ส่วนลึกของโลกภายใน Psyche มีความสัมพันธ์แบบเดียวกันกับอาณาจักรในตำนานเหมือนกับอาณาจักรทางโลกทุกประการ คุณรู้จักทั้งสามสิ่งนี้ในตัวคุณหรือไม่? ใครจะไม่สามารถรับรู้ส่วนที่ธรรมดาที่สุดของตัวเองได้และในขณะเดียวกัน - ตัวตนทางจิตวิญญาณที่มีเอกลักษณ์ซึ่งรู้สึกไม่สบายใจในชีวิตประจำวันธรรมดา ๆ บุคลิกของเจ้าหญิงที่ไม่ธรรมดาคนนี้มีเสน่ห์มากจนผู้คนเริ่มพูดว่า: "นี่คือ Aphrodite คนใหม่ เทพธิดาที่จะเข้ามาแทนที่เธอในวิหารของ Aphrodite เพราะในไม่ช้าเธอก็จะต้องทนทุกข์ทรมานและทนทุกข์ทรมานมากกว่าเธอทุกประการ!" เมื่อมองดูขี้เถ้าที่เหลือจากไฟศักดิ์สิทธิ์ในวิหารที่เย็นลง เพราะลัทธิของเธอกำลังหลีกทางให้กับลัทธิหญิงสาวสวยคนใหม่ ในสมัยนั้น แอโฟรไดท์เป็นเทพีแห่งความเป็นสตรีซึ่งปกครองมายาวนานเมื่อไม่เป็นเช่นนั้น ใครๆ ก็จำได้ การที่ได้เห็นการผงาดขึ้นของเทพีแห่งความเป็นผู้หญิงนั้นทนไม่ได้สำหรับเธอ และความอิจฉาริษยานั้นคล้ายคลึงกับวันสิ้นโลก พวกเขาจะมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ของเรา รากฐานทั้งหมดของโลกภายใน

องค์ประกอบของตำนาน

ให้เราใส่ใจกับที่มาของเทพธิดาทั้งสอง - แอโฟรไดท์และไซคี โครโนส ลูกชายคนเล็กและฉลาดแกมโกงที่สุดของเทพยูเรนัสแห่งท้องฟ้า ได้ใช้เคียวตัดตอนพ่อของเขา และโยนอวัยวะเพศของเขาลงทะเล ทำให้เขาตั้งท้อง ดังนั้นอโฟรไดท์จึงถือกำเนิดขึ้น การกำเนิดของอโฟรไดท์ถูกทำให้เป็นอมตะโดยบอตติเชลลีด้วยภาพวาดอันโด่งดังของเขาเรื่อง "กำเนิดของวีนัส" 1: เทพธิดาโผล่ออกมาจากฟองทะเลในความงดงามของผู้หญิงของเธอ การเกิดนี้ดูเหมือนจะแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติอันแปลกประหลาดของความเป็นผู้หญิงในรูปแบบตามแบบฉบับของมัน ซึ่งตรงกันข้ามกับต้นกำเนิดของมนุษย์อย่าง Psyche ซึ่งตามตำนานเล่าว่าเกิดจากน้ำค้างที่ร่วงหล่น ให้ความสนใจกับภาษาที่น่าทึ่งนี้! มันจะเต็มไปด้วยความเข้าใจเชิงจิตวิทยาหากคุณสามารถได้ยินข้อความที่เก่าแก่และอมตะในนั้น ด้วยการเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเกิดทั้งสองนี้ เราจะสามารถเข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างกันของความเป็นผู้หญิงทั้งสองประเภทได้ อะโฟรไดท์เป็นเทพีที่เกิดจากทะเล เธอครอบครองพลังสตรีแห่งมหาสมุทรดึกดำบรรพ์ ซึ่งครองราชย์มาแต่ไหนแต่ไรในอาณาจักรของเธอ - บนพื้นทะเล ในทางจิตวิทยา นี่หมายความว่าเธอปกครองในจิตไร้สำนึก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความลึกของทะเล แทบจะเข้าถึงจิตสำนึกธรรมดาไม่ได้: ด้วยความสำเร็จแบบเดียวกันเราสามารถพยายามควบคุมการขึ้นและลงของกระแสน้ำได้ ความเป็นผู้หญิงตามแบบฉบับนี้สามารถเป็นที่ชื่นชม นับถือ หรือถูกบดขยี้ได้ แต่ก็เป็นเรื่องยากมากที่จะเชื่อมโยงด้วย หน้าที่ของ Psyche คือการใช้ความเป็นมนุษย์ของเธอเพื่อควบคุมและลดความเป็นผู้หญิงตามแบบฉบับแห่งท้องทะเลให้อ่อนลง นี่คือแก่นแท้ของตำนาน ผู้หญิงทุกคนมีอโฟรไดท์อยู่ในตัว เธอสามารถรับรู้ได้จากความเป็นผู้หญิงที่ล้นเหลือของเธอ และความยิ่งใหญ่ที่ดึงดูดสายตา แต่ไม่มีความสัมพันธ์กับความเป็นจริงโดยเฉพาะ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมายเกี่ยวกับอโฟรไดท์และอำนาจของเธอ ตัวอย่างเช่น เธอมีคนรับใช้ที่ถือกระจกอยู่ตรงหน้าเธอตลอดเวลา ซึ่งเทพธิดาจะมองดูเป็นครั้งคราว มีคนกำลังเตรียมน้ำหอมชั้นเลิศไว้ให้เธอ Aphrodite มีความอิจฉาและไม่อดทนต่อการแข่งขันแม้แต่น้อย เธอจัดการเรื่องการแต่งงานอยู่ตลอดเวลาและไม่เคยพอใจเลย ทุกคนรอบตัวควรเพิ่มความมั่งคั่งของเธอ อิทธิพลของอโฟรไดท์ส่งผลต่อการสะท้อนประสบการณ์ภายนอกในจิตสำนึกของเราเอง ในระดับเดียวกับที่ผู้ชายยุ่งอยู่กับการค้นหา สำรวจ และเผยแพร่สิ่งใหม่ๆ Aphrodite ก็สะท้อนและดูดซึม กระจกของอโฟรไดท์เป็นสัญลักษณ์ของลักษณะที่ลึกซึ้งที่สุดของเทพีแห่งความรัก เธอมักจะชวนใครคนหนึ่งมาดูเงาสะท้อนในกระจก ซึ่งเขาสามารถมองเห็นตัวเองได้ เต็มไปด้วยภาระอย่างสิ้นหวังกับการฉายภาพของเขา ซึ่งจนจนจนจนแยกไม่ออกแล้ว กระบวนการตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นสามารถเริ่มต้นด้วยคำถามว่าสิ่งใดกำลังสะท้อนอยู่กันแน่ คำตอบจะช่วยให้บุคคลหลีกเลี่ยงการเข้าไปพัวพันกับอารมณ์ที่พันกัน ทั้งหมดนี้สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีเหตุการณ์ภายนอกเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะต้องจินตนาการและเข้าใจว่าปรากฏการณ์มากมายของโลกภายในถูกซ่อนไว้สำหรับเราและปรากฏเป็นเหตุการณ์ภายนอกหากไม่ได้สะท้อนให้เห็นอย่างเต็มที่ในโลกภายในส่วนตัวซึ่งในความเป็นจริงแล้วพวกเขาเกิดขึ้น แอโฟรไดท์ทำให้เรามองในกระจกมากกว่าที่เราต้องการ เมื่อบุคคลตกหลุมรักและยอมรับว่าอีกคนหนึ่งเป็นพระเจ้าหรือเทพธิดา เขาจะเห็นแอโฟรไดท์สะท้อนถึงความเป็นอมตะหรือความเป็นเหมือนพระเจ้า เราไม่พร้อมที่จะมองเห็นทั้งคุณธรรมและข้อบกพร่องในตัวเรา ซึ่งระหว่างการไตร่ตรองในจิตสำนึกและการยอมรับขั้นสุดท้าย มักจะอยู่บนเส้นทางแห่งความทุกข์ที่ยาวนาน Psyche เดินทางไกลโดยเริ่มจากการที่เธอตกหลุมรักอีรอสและจบลงด้วยการค้นพบความเป็นอมตะของเธอ (2) อะโฟรไดท์เป็นเทพีผู้ยิ่งใหญ่จากมุมมองของลูกสะใภ้ในอนาคต เมื่อผู้หญิงนำความสง่างามและความงามของเธอมาสู่โลก สิ่งนี้บ่งบอกถึงอิทธิพลของพลังภายในของแอโฟรไดท์ (หรือดาวศุกร์) แต่ถ้าอโฟรไดท์ขัดแย้งกับลูกสะใภ้ เธอก็อาจจะอิจฉา ไม่ยอมใคร และสร้างอุปสรรคให้ไซคีในทุกย่างก้าว ดราม่าระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้แบบนี้เป็นเรื่องปกติในทุกวัฒนธรรม เธอมีส่วนช่วยในการพัฒนาบุคลิกภาพของหญิงสาวทุกคน สำหรับเธอ การรับมือกับพลังของแม่สามีหมายถึงการบรรลุวุฒิภาวะของผู้หญิง นับแต่นั้นเป็นต้นมา นางก็ไม่ใช่คนหยาดน้ำค้างอีกต่อไป เข้าสู่โลกและแต่งงานอย่างไร้เดียงสาอีกต่อไป ผู้หญิงที่ฉลาดสมัยใหม่รู้สึกเขินอายมากที่จะค้นพบแก่นแท้ของแอโฟรไดท์ในตัวเธอซึ่งแสดงออกมาด้วยกลอุบายดั้งเดิมและการเล่นของสัญชาตญาณ แอโฟรไดท์มักจะแสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของการกดขี่ข่มเหงของเธอ โดยเชื่อว่าคำพูดของเธอคือกฎหมาย ค่อนข้างเป็นเรื่องธรรมดาที่ในช่วงหนึ่งของวิวัฒนาการ เมื่อการจุติเป็นผู้หญิงครั้งใหม่ปรากฏขึ้น การจุติเป็นมนุษย์ครั้งก่อนจะเต็มไปด้วยความโกรธ แอโฟรไดท์จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ของเธออับอาย ผู้หญิงทุกคนรู้สิ่งนี้ โดยจดจำแรงกระตุ้นที่ถดถอยอย่างกะทันหันของแอโฟรไดท์ที่อาศัยอยู่ส่วนลึกภายใน ทันทีที่ผู้หญิงตกเป็นเหยื่อ ภาพอันเลวร้ายก็ปรากฏขึ้น เฉพาะในครอบครัวที่หายากและพิเศษมากเท่านั้น ในช่วงเวลาแห่งการสำแดงแก่นแท้ของเธอ สามารถเรียกอะโฟรไดท์ด้วยชื่อจริงของเธอได้ และพลังงานของเธอก็ระเหยไปเพื่อใช้ประโยชน์ พลังงานของอโฟรไดท์มีค่ามหาศาล มันทำหน้าที่ในการพัฒนาของแต่ละบุคคลและกระตุ้นให้ทุกคนรอบตัวเธอเติบโต ในช่วงเวลาแห่งการเติบโต พฤติกรรมและนิสัยเก่าๆ ทั้งหมดจะต้องหลีกทางให้กับพฤติกรรมใหม่ๆ ดูเหมือนว่าสิ่งเก่าจะขัดขวางการเกิดขึ้นและการพัฒนาของสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา แต่ด้วยความพากเพียรบางอย่าง หน่อของสิ่งใหม่จึงเกิดขึ้นและทำให้สุกงอมในจิตสำนึก "เก่า" มีอุปมาเรื่องช้างตัวแรกที่เกิดมาในกรง ตอนแรกเจ้าของมีความสุขมาก แต่แล้วกลับตกใจเมื่อเห็นว่าช้างทั้งฝูงรวมตัวกันเป็นวงกลม และช้างที่โตเต็มวัยก็เริ่มไล่ช้างแรกเกิดเป็นวงกลมจากช้างตัวหนึ่งไปยังอีกช้างตัวหนึ่ง เจ้าของคิดว่าต้องการทรมานเขาจนตาย แต่ช้างกลับบังคับให้ทารกหายใจ บ่อยครั้งที่มีสิ่งใหม่ ๆ ปรากฏขึ้นดูเหมือนว่ามีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้น แต่ในไม่ช้าเราก็เริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่จำเป็นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน Aphrodite ซึ่งสามารถถูกตำหนิได้อย่างต่อเนื่อง แต่สร้างเงื่อนไขที่จำเป็นทั้งหมดสำหรับวิวัฒนาการของ Psyche เป็นเรื่องง่ายมากที่จะมองโลกในแง่ดีหลังจากเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น แต่จะยากมากเมื่อมันเพิ่งเกิดขึ้น สิ่งนี้อาจคล้ายคลึงกับการต่อสู้ทางวิวัฒนาการที่วุ่นวายภายในอย่างต่อเนื่อง วิถีชีวิตแบบเก่านั้นสะท้อนให้เห็นในธรรมชาติของอโฟรไดท์ เขาดึงผู้หญิงคนนั้นกลับเข้าสู่ภาวะหมดสติ ในขณะเดียวกันก็บังคับให้เธอก้าวไปสู่ชีวิตใหม่ ซึ่งบางครั้งก็มีความเสี่ยงสูง อาจเป็นไปได้ว่าวิวัฒนาการจะใช้เส้นทางที่แตกต่างออกไป หรืออิทธิพลของแอโฟรไดท์จะเป็นเพียงสิ่งกระตุ้นการเจริญเติบโตเท่านั้น ตัวอย่างเช่น มีผู้หญิงที่ไม่สามารถบรรลุนิติภาวะได้จนกว่าจะต้องเผชิญหน้ากับแม่สามีหรือแม่เลี้ยงที่กดขี่ข่มเหง.

การต่อสู้ภายใน

เมื่อได้เรียนรู้บางอย่างเกี่ยวกับธรรมชาติของอโฟรไดท์ ซึ่งเป็นความเป็นผู้หญิงแบบโบราณและดั้งเดิมมากกว่า เรามาดูคุณสมบัติใหม่ของความเป็นผู้หญิงที่เกิดขึ้นในภายหลัง ต่างจากแอโฟรไดท์ซึ่งเกิดในฟองทะเล ไซคีเกิดจากน้ำค้างที่ตกลงบนพื้น การเปลี่ยนแปลงจากธรรมชาติในมหาสมุทรของ Aphrodite ไปสู่ธรรมชาติทางโลกของ Psyche พูดถึงความก้าวหน้าบางประการในการพัฒนาความเป็นผู้หญิงจากลักษณะมหาสมุทรโบราณไปสู่รูปแบบใหม่ของมนุษย์ ดังนั้นเราจึงเดินหน้าต่อไป จากสัดส่วนมหาสมุทรไปจนถึงขนาดที่เล็กลงและเข้าใจได้มากขึ้น Psyche เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีมนต์ขลังและแปลกประหลาด เธอไร้เดียงสาและบริสุทธิ์มากจนสามารถบูชาได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถตัดสินได้ เธอถึงวาระที่จะต้องเหงาอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถหาสามีได้ ไซคีมีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคนในฐานะประสบการณ์การใช้ชีวิตตามลำพังที่ไม่มีใครเทียบได้ ผู้หญิงคนใดก็ตามก็เป็นเจ้าหญิงที่มีค่าควรแก่ความรัก ด้วยความสมบูรณ์แบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเธอเพียงผู้เดียว และมีความลึกทางจิตวิญญาณที่มากเกินไปสำหรับชีวิตประจำวันธรรมดาๆ หากผู้หญิงเพียงคนเดียวพบว่าตัวเองไม่มีใครเข้าใจผิดและเชื่อว่าผู้คนใจดีแต่ห่างไกลจากเธอ นั่นหมายความว่าเธอรู้สึกถึงไซคีภายในตัวเธอเอง ตามกฎแล้วนี่เป็นความรู้สึกเจ็บปวดมากที่ผู้หญิงมักประสบโดยไม่เข้าใจธรรมชาติของมัน การตกอยู่ในสภาวะนี้หมายถึงการไม่ได้รับผลกระทบทางอารมณ์ในความสัมพันธ์กับผู้อื่น หากผู้หญิงเปิดโอกาสให้ธรรมชาติของ Psyche แสดงออกในความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวันเช่น "คุณ - กับฉันฉัน - กับคุณ" จะไม่มีอะไรดีเกิดขึ้น เมื่อแก่นแท้ของ Psyche เติมเต็มโลกภายในของผู้หญิงส่วนใหญ่ มันก็กลายเป็นปัญหาร้ายแรงและเจ็บปวดสำหรับเธอ เธอจะหลั่งน้ำตาและคร่ำครวญ: “ไม่มีใครเข้าใจฉัน” และนี่คือความจริง ผู้หญิงทุกคนในช่วงชีวิตใดมีลักษณะนี้อยู่ในตัวเธอ หากคุณเห็นคุณสมบัตินี้ในผู้หญิงและสามารถสัมผัสได้ความงามที่ไม่มีใครเทียบได้และเสน่ห์อันศักดิ์สิทธิ์ของ Psyche สามารถเข้าถึงจิตสำนึกได้จากนั้นวิวัฒนาการที่เป็นประโยชน์ก็จะเริ่มต้นขึ้น หากผู้หญิงคนนั้นมีรูปร่างที่น่าดึงดูด ปัญหาก็จะซับซ้อนมากขึ้น ในเรื่องนี้ตัวอย่างที่ธรรมดามากคือบุคลิกภาพของมาริลีนมอนโร: แม้จะมีการบูชาสากล แต่ก็เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะค้นหาความใกล้ชิดที่แท้จริงในความสัมพันธ์กับใครก็ตาม ในที่สุดชีวิตก็ทนไม่ไหวสำหรับเธอ ปรากฎว่าสำหรับผู้หญิงคนนี้ซึ่งมีคุณสมบัติอันศักดิ์สิทธิ์และความสมบูรณ์แบบที่แทบจะบรรลุไม่ได้ไม่มีความสัมพันธ์ของมนุษย์ที่เรียบง่ายในโลกนี้ หากคุณเข้าใจไดนามิกนี้ คุณก็สามารถจินตนาการถึงวิวัฒนาการของไซคีได้ ครั้งหนึ่งฉันเคยดูหนังเรื่องหนึ่งที่คนสองคนรักกันโดยปราศจากความดึงดูดใจภายนอกเลย ด้วยความมหัศจรรย์แห่งจินตนาการ พวกเขาแต่ละคนจึงสวยงามในสายตาของกันและกัน และปรากฎว่าความรักมีอยู่ระหว่างคนสองคนที่มีเสน่ห์และน่าดึงดูด ในตอนท้ายของภาพยนตร์ กล้องก็แสดงใบหน้าของพวกเขาอีกครั้งตามความเป็นจริง แต่ผู้ชมรู้ถึงรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันของตัวละครแล้วเพราะพวกเขาเห็นเทพเจ้าและเทพธิดาที่มีอยู่ในตัวพวกเขาซึ่งแข็งแกร่งและมีพลังมากกว่าความขี้เหร่ภายนอกของฮีโร่อย่างไม่มีใครเทียบได้ ตัวอย่างนี้แสดงให้เห็นถึงขุมนรกที่มีอยู่ระหว่างธรรมชาติอันศักดิ์สิทธิ์ภายในของมนุษย์กับชีวิตประจำวันภายนอก ซึ่งเป็นขุมลึกที่เรื่องราวของเราอุทิศให้

การแต่งงานของไซคี

ไซคีทำให้พ่อแม่ของเธอสิ้นหวัง เพราะพี่สาวของเธอทั้งสองคนได้แต่งงานกับกษัตริย์ที่อยู่ใกล้เคียงได้สำเร็จ และไม่มีใครขอมือน้องสาว ผู้ชายเท่านั้นที่ยกย่องเธอ กษัตริย์ไปที่ออราเคิลโดยไม่รู้ว่าเขาอยู่ภายใต้อิทธิพลของอโฟรไดท์และเธอซึ่งเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองและความเกลียดชังของไซคีบังคับให้ออราเคิลทำนายอนาคตอันเลวร้ายของไซคี! เด็กหญิงคนนั้นกำลังจะหมั้นหมายกับความตาย สิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้าย น่าขยะแขยง และทรงพลังที่สุด ตามกฎหมายแล้ว Psyche ควรถูกส่งขึ้นไปบนภูเขาสูง ถูกล่ามโซ่ไว้กับก้อนหินแล้วทิ้งไว้จนกว่าความตายอันเป็นลางร้ายจะเข้ามาหาเธอ ในสมัยกรีกโบราณ คำทำนายของพยากรณ์ไม่ได้ถูกตั้งคำถาม ซึ่งถือเป็นความจริงที่เถียงไม่ได้ ดังนั้นพ่อแม่ของ Psyche จึงปฏิบัติตามเจตจำนงอันศักดิ์สิทธิ์จึงได้เตรียมคอร์เทจจัดงานแต่งงานซึ่งดูเหมือนขบวนแห่ศพมากกว่าโดยนั่ง Psyche ที่นั่นและพาเธอขึ้นไปบนภูเขาสู่ก้อนหินโดดเดี่ยว ที่นี่ท่ามกลางน้ำตา ความขาวของการตกแต่งงานแต่งงานและความเศร้าโศกของการไว้ทุกข์ในงานศพปะปนกัน จากนั้นพ่อแม่ก็ดับคบเพลิงและทิ้งไซคีไว้ตามลำพังในความมืด เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากสิ่งนี้? Psyche แต่งงานแล้ว - แต่ถึงตาย ที่จริงแล้ว ดูเหมือนผู้หญิงทุกคนจะเสียชีวิตในวันแต่งงานของเธอ เพราะช่วงหนึ่งของชีวิตเธอได้สิ้นสุดลงแล้ว ลักษณะหลายประการที่แสดงถึงแก่นแท้ของผู้หญิงที่มีอยู่จนถึงขณะนี้ได้ตายไปในตัวเธอ ในความหมายนี้ การแต่งงานสำหรับเธอถือเป็นงานศพ รายละเอียดลักษณะเฉพาะหลายประการของพิธีแต่งงานมีมาตั้งแต่สมัยโบราณจากพิธีศพ เจ้าบ่าวมาพร้อมกับเพื่อนสนิทและพวกพ้องเพื่อลักพาตัวเจ้าสาว ในขณะที่เพื่อนเจ้าสาวคอยปกป้องความบริสุทธิ์ของเธอ ตามพิธีกรรม การต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา และเจ้าสาวร้องไห้ราวกับว่าส่วนหนึ่งของชีวิตของเธอได้ตายไป ชีวิตใหม่เริ่มต้นขึ้นสำหรับเธอ และการเฉลิมฉลองงานแต่งงานถือเป็นการกำเนิดของอำนาจการปกครองแบบผู้ใหญ่ เราไม่ได้ตระหนักดีถึงแง่มุมสองประการของการแต่งงาน และมักจะมองว่าการแต่งงานเป็นเพียงสีขาวรื่นเริงและรื่นเริงเท่านั้น หากการตายจากส่วนหนึ่งของชาติที่แล้วไม่ได้สะท้อนให้เห็นในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้อง มันก็จะยังคงแสดงออกมาในอารมณ์ทางอารมณ์และในรูปแบบที่ยอมรับได้น้อยลงในภายหลัง ตัวอย่างเช่น ผู้หญิงบางคนอาจรู้สึกไม่พอใจและรังเกียจการแต่งงานหลังจากผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปี ในรูปถ่ายที่ถ่ายในพิธีแต่งงานในตุรกี ฉันเห็นเด็กผู้ชายอายุแปดหรือเก้าขวบ แต่ละคนกระโดดด้วยขาข้างหนึ่ง โดยขาอีกข้างงอเข่าและมัดไว้ที่ต้นขา พิธีกรรมนี้ควรจะเตือนเราว่าในการแต่งงานไม่ใช่แค่ความสุขเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความเจ็บปวดด้วย งานแต่งงานในแอฟริกายังไม่ถือว่าสมบูรณ์จนกว่าเจ้าสาวและเจ้าบ่าวจะมีรอยแผลเป็นและบาดแผลตามจำนวนที่กำหนด การแต่งงานไม่ถือเป็นของแท้เว้นแต่จะมีการลักพาตัว การแต่งงานสามารถเพลิดเพลินได้หลังจากองค์ประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดได้รับครบกำหนดแล้ว อโฟรไดท์ไม่ชอบเวลาที่ผู้หญิงตายด้วยน้ำมือผู้ชาย เธอไม่อนุญาตให้ผู้ชายพาเธอไปที่หลุมศพไม่ได้ ดังนั้นในช่วงเวลาสิ้นสุดของความเป็นสาว Aphrodite จึงร้องไห้ในตัวผู้หญิงทุกคน เธอยังคงแสดงบทบาทที่ขัดแย้งกันต่อไป ในด้านหนึ่งปรารถนาที่จะแต่งงาน และอีกด้านหนึ่งคือการต่อต้านและคร่ำครวญถึงการสูญเสียความเป็นสาวของเธอ เสียงสะท้อนของพิธีกรรมโบราณนี้ยังคงฝังลึกอยู่ในตัวเราและแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดในการจัดพิธีกรรมและพิธีกรรม ที่นี่เราต้องเผชิญกับความขัดแย้งของวิวัฒนาการอีกครั้ง Aphrodite เป็นผู้ตัดสินประหารชีวิต Psyche แต่เธอก็ทำหน้าที่เป็นคนจับคู่ผู้เป็นลางสังหรณ์แห่งการแต่งงานและในขณะเดียวกันก็เป็นคู่ต่อสู้ของเธอ กระบวนการวิวัฒนาการที่ก้าวหน้าไปสู่การแต่งงานนั้นมาพร้อมกับความปรารถนาอันแรงกล้าที่ถดถอยเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสรภาพและเสรีภาพ และฟื้นฟูสภาพที่เป็นอยู่ ฉันเคยเห็นการ์ตูนที่มีไหวพริบมากซึ่งสะท้อนถึงอำนาจตามแบบฉบับของการแต่งงาน บรรยายถึงทัศนคติของพ่อแม่แต่ละคนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างงานแต่งงาน พ่อของคู่บ่าวสาวโกรธชายหยิ่งผยองที่กล้าพรากลูกสาวไปจากเขา พ่อของสามีประสบชัยชนะจนกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในสังคมชาย แม่ของคู่บ่าวสาวตกใจมากที่สัตว์ตัวนั้นเข้าครอบครองลูกของเธอ แม่ของสามีโกรธจิ้งจอกที่ล่อลวงและขโมยลูกชายของเธอไป การ์ตูนเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงต้นแบบโบราณมากมาย พฤติกรรมและความคิดที่ฝังแน่นและฝังแน่นในจิตใจของมนุษย์ ซึ่งนอนอยู่ในชั้นลึกของจิตไร้สำนึกตลอดระยะเวลาหลายปีของกระบวนการวิวัฒนาการนับไม่ถ้วน หากเราไม่ใส่ใจพวกเขาในเวลาอันสมควร พวกเขาจะรู้ตัวในภายหลังและก่อความเดือดร้อนมากมาย

อีรอส

ในที่สุด Aphrodite ตั้งใจที่จะกำจัด Psyche และด้วยเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจใช้ความช่วยเหลือจากลูกชายของเธอซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก Eros อีรอส คิวปิด คิวปิดเป็นชื่อที่แตกต่างกันของเทพเจ้าองค์เดียว - เทพเจ้าแห่งความรัก เนื่องจากกามเทพได้ลดระดับลงถึงระดับของไพ่รักขี้เล่น และคิวปิดก็ต้องสูญเสียความยิ่งใหญ่ไปบ้างแล้ว เราจึงเรียกเทพเจ้าผู้สูงศักดิ์นี้ว่าอีรอส อีรอสมักจะมีลูกธนูติดตัวมาด้วยและการพบปะกับเขาสัญญาว่าจะสร้างปัญหาให้กับชาวโอลิมปัสทุกคน เทพเจ้าและเทพธิดาทุกองค์รู้สึกถึงพลัง แต่อีรอสอยู่ภายใต้การควบคุมของแม่ของเขาเอง ซึ่งบังคับให้เขาทำให้ไซคีโกรธด้วยความรักต่อสัตว์ร้ายที่น่าขยะแขยงที่สุดเพื่อที่จะมัดเธอไว้กับเขาอย่างแน่นหนา และด้วยเหตุนี้จึงยุติการแข่งขันที่ดำเนินอยู่ตลอดเวลา ลักษณะเฉพาะอย่างหนึ่งของ Aphrodite คือการถดถอยอย่างต่อเนื่อง เธอต้องการให้ทุกอย่างกลับคืนสู่แบบเดิมเพื่อให้วิวัฒนาการย้อนกลับ แอโฟรไดท์คือเสียงแห่งประเพณี แต่ที่น่าขันคือเธอที่ช่วยพัฒนาโครงเรื่องของเรื่องราวของเราต่อไป การกำหนดบทบาทของอีรอสมีหลายระดับ เขาสามารถถูกมองว่าเป็นชายนามธรรม สามี หรือด้านชายในความสัมพันธ์ของมนุษย์ มันสามารถเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีและความสามัคคี ในช่วงไคลแม็กซ์ของเรื่อง อีรอสไม่ได้เป็นเพียงเรื่องเพศเท่านั้น ควรจำไว้ว่าเขายิงธนูไม่ใช่ที่อวัยวะเพศ แต่ยิงที่หัวใจ นอกจากนี้ในขณะที่โครงเรื่องในตำนานพัฒนาขึ้นเราจะพูดถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณสมบัติเหล่านี้ของอีรอส

การแต่งงานกับความตาย

อีรอสไปปฏิบัติตามคำสั่งของแม่ แต่เมื่อเขาเห็นไซคี เขาบังเอิญทำให้นิ้วของเขาบาดเจ็บด้วยลูกธนูข้างหนึ่ง และตกหลุมรักทันที เขาตัดสินใจประกาศให้ Psyche เป็นเจ้าสาวของเขา และขอให้เพื่อนของเขาชื่อ West Wind ช่วยอุ้มเธอจากยอดเขาไปยัง Paradise Valley อย่างระมัดระวัง ลมตะวันตกทำทุกอย่างที่เขาขอให้ทำ และไซคีซึ่งรอคอยการมาถึงของความตาย ก็พบว่าตัวเองอยู่ในสวรรค์บนดิน เธอไม่ได้ถามอีรอส แต่เพียงแต่สนุกไปกับตัวเอง และตกใจกับชะตากรรมที่พลิกผันอย่างไม่คาดคิด แทนที่จะเป็นความตาย อีรอสกลับมาที่ไซคี แต่ถึงแม้จะมีความงามอันน่าพิศวง แต่มันก็หมายถึงความตายสำหรับเธอ สามีทุกคนนำความตายมาสู่ภรรยาในแง่ที่ว่าพวกเขาพรากพวกเขาจากชีวิตในวัยเด็กและผลักดันพวกเขาไปสู่วิวัฒนาการและวุฒิภาวะของสตรี ในทางตรงกันข้าม คุณอาจรู้สึกขอบคุณและความไม่พอใจต่อบุคคลที่บังคับให้คุณขายหน้าตัวเองไปพร้อมๆ กันเพื่อเริ่มต้นเส้นทางการเติบโตส่วนบุคคล คำทำนายนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน: ในความหมายตามแบบฉบับผู้ชายคือความตายของผู้หญิง เมื่อผู้ชายเห็นสีหน้าเศร้าบนใบหน้าของเพื่อน นั่นหมายความว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องแสดงความรักและช่วยเหลือ บางทีในขณะนี้เธออาจรู้สึกถึงความตายในวัยสาวของเธอในระดับหนึ่ง หากผู้ชายสุภาพและเข้าใจในขณะนี้ เขาสามารถบรรเทาประสบการณ์ที่ยากลำบากนี้สำหรับผู้หญิงได้อย่างมาก หากไม่มีการเปรียบเทียบที่แน่นอนในชีวิตของเขาเอง ผู้ชายก็แทบจะไม่เข้าใจว่าการแต่งงานสำหรับผู้หญิงนั้นเป็นทั้งความตายและการฟื้นคืนชีวิต งานแต่งงานไม่ใช่พิธีศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิงมันเป็นอย่างนั้นมาก วันหนึ่งภรรยาอาจมองสามีด้วยสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และพบว่าเธอมีความผูกพันโดยการแต่งงานโดยสมบูรณ์ ในขณะที่เขายังมีระดับไม่น้อยเลย ความสัมพันธ์นี้จะรู้สึกได้ถึงความผูกพันอย่างยิ่งหากมีเด็กๆ ผู้หญิงสามารถถูกโชคชะตาทำให้ขุ่นเคืองได้มากเท่าที่เธอต้องการ แต่การที่เธอไม่ปฏิบัติตามเส้นทางนี้เลวร้ายยิ่งกว่าความตาย มีผู้หญิงอายุห้าสิบปีที่แม้จะเป็นคุณย่าอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยไปหินแห่งความตายเลย น้ำค้างจากดินที่ร่วงหล่นไม่ได้ปิดบังโลกทั้งใบสำหรับพวกเขา แม้แต่ในวัยกลางคนก็ตาม ในทางกลับกัน มีเด็กสาววัย 16 ปี ที่ได้รู้จักประสบการณ์นี้ และผ่านมันมา และรอดชีวิตมาได้ สิ่งเหล่านี้สามารถรับรู้ได้จากรูปลักษณ์ของภูมิปัญญาอันน่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึก เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ตาม ฉันรู้จักเด็กหญิงอายุสิบหกปีที่มีลูกคนหนึ่ง และสงบสติอารมณ์แล้วจึงส่งเด็กไปที่สถานสงเคราะห์ แต่ปรากฏว่าเธอไม่เห็นเขาเลย เมื่อกลับไปสู่ชีวิตเก่าของเธอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากศิลาแห่งความตาย หลังจากนั้นไม่นานเธอก็แต่งงาน และถ้าใครสามารถเรียกได้ว่าเป็นสาวพรหมจารี เธอคงเป็นคู่แข่งคนแรก ในทางจิตวิทยา เธอไม่ได้รับผลกระทบเลย แม้ว่าเธอจะผ่านการคลอดบุตรก็ตาม การปะทะกันกับอีรอสนำไปสู่การบอกลาความไร้เดียงสาของผู้หญิงและความไร้เดียงสาแบบเด็กอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตของผู้หญิง ไม่ใช่แค่ในเวลาแต่งงานเท่านั้น เด็กผู้หญิงหลายคนมีประสบการณ์การเผชิญหน้าครั้งนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ประสบการณ์ของพวกเธอช่างโหดร้ายมาก คนอื่นอาจไม่รู้จักเขาเลย การแต่งงานเป็นประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงสำหรับชายและหญิง ดูเหมือนว่าจะทำให้ผู้ชายสูงขึ้น เพิ่มพละกำลังและพลังมากขึ้น ความสำคัญและรูปปั้นเพิ่มขึ้น ตามกฎแล้ว สามีไม่รู้ว่าเขากำลังฆ่าไซคีในตัวภรรยาของเขา และเขาจะต้องทำเช่นนั้น หากเธอประพฤติตัวแปลก ๆ ทุกอย่างดูแย่มากหรือร้องไห้สะอึกสะอื้นและน้ำตาไหลอย่างต่อเนื่องนี่เป็นเพราะความจริงที่ว่าผู้ชายมักจะไม่เข้าใจว่าเขาและเธอรับรู้การแต่งงานแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผู้หญิงก็เติบโตและพัฒนาในชีวิตสมรสเช่นกัน แต่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นหลังจากที่เธออยู่บนศิลาแห่งความตายเท่านั้น

สวนเอเดน

Psyche พบว่าตัวเองอยู่ในสวรรค์ที่มีมนต์ขลัง ทุกสิ่งที่เธออยากได้ก็อยู่ที่นั่น สามีของเธอ เทพอีรอส อยู่กับเธอทุกคืนและจำกัดให้เธออยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น เขาสัญญาว่าเธอจะไม่มองดูเขาและดูว่าเขาไปที่ไหน เธอสามารถมีทุกสิ่งที่เธอต้องการ อยู่ในสวรรค์ตราบเท่าที่เธอต้องการ แต่เธอต้องไม่ถามคำถามใดๆ หรือแม้แต่ลองมองดูเขาด้วยซ้ำ ไซคีก็เห็นด้วยกับสิ่งนี้ ผู้ชายเกือบทุกคนต้องการสิ่งเดียวกันจากภรรยาของเขา หากเธอยุ่งกับธุรกิจของตัวเองและไม่พยายามเข้าใจมากเกินไปความสงบและความเงียบสงบก็ครอบงำในบ้าน ผู้ชายต้องการการแต่งงานแบบปรมาจารย์แบบเก่าซึ่งเขาตัดสินใจประเด็นที่สำคัญที่สุดทั้งหมดและผู้หญิงสามารถเห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขาเท่านั้นจากนั้นทุกอย่างจะเรียบร้อย ผู้ชายส่วนใหญ่ทะนุถนอมความหวังที่ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นในลักษณะนี้ และสักวันหนึ่ง ชีวิตแต่งงานจะเป็นเช่นนี้ในไม่ช้า อาจเป็นไปได้ว่าทัศนคติต่อการแต่งงานนี้สะท้อนถึงความคิดแบบปิตาธิปไตยดั้งเดิมซึ่งผู้หญิงเป็นของผู้ชายโดยสมบูรณ์ ในประเพณีสมัยใหม่ของเรา ร่องรอยของประเพณีปิตาธิปไตยยังคงได้รับการเก็บรักษาไว้ในบางวิธี เช่น เมื่อภรรยาใช้นามสกุลของสามี อีรอสยืนยันว่าเธอไม่ถามคำถามใด ๆ และไม่เคยมองเขาเลย - นี่คือเงื่อนไขของการแต่งงานแบบปิตาธิปไตย อีรอสที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะทุกคนคือผู้สร้างสวรรค์ เช่นเดียวกับวัยรุ่น เขาลักพาตัวหญิงสาวและสัญญากับเธอว่าชีวิตจะเต็มไปด้วยความสุข นี่คือความลับหลักของอีรอส: เขาต้องการค้นหาสวรรค์ของเขา แต่ไม่มีความรับผิดชอบแม้แต่น้อยและมีทัศนคติที่จริงจัง สิ่งนี้มีอยู่ในมนุษย์ทุกคนในระดับหนึ่งหรืออย่างอื่น ความเป็นผู้หญิงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับวิวัฒนาการและการเติบโตส่วนบุคคล และความสำคัญสูงสุดในตำนานคือองค์ประกอบของความเป็นผู้หญิง สำหรับผู้ชายมันเป็นการทดสอบที่แย่มาก เขาแค่อยากอยู่ในสวรรค์ ฟังคู่รักสร้างสวรรค์ให้ตัวเอง และบทสนทนาทั้งหมดและแต่ละคำแยกจากกัน ดูเหมือนจะมาจากอีกโลกหนึ่งบนสวรรค์ สวรรค์ที่พวกเขาสร้างขึ้นอาจเป็นลางสังหรณ์ของสวรรค์ที่แท้จริงซึ่งสามารถทำได้สำเร็จในภายหลังด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด เราไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์สวนเอเดนก่อนกำหนดจนเกินไป แต่ผู้มีประสบการณ์ทุกคนรู้ดีว่าความประทับใจแรกพบไม่สามารถคงอยู่ยาวนานและมั่นคงได้ มีบางอย่างในจิตไร้สำนึกของผู้ชายที่หล่อเลี้ยงเขาด้วยความหวังว่าจะได้รับความยินยอมจากภรรยาที่จะไม่ถามอะไรเขา ทัศนคติของเขาต่อการแต่งงานบ่อยครั้งคือสำหรับเขาแล้ว การแต่งงานควรจะสะดวกแต่ไม่เป็นภาระ หากผู้ชายมุ่งความสนใจไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เขาต้องการเป็นอิสระและลืมเรื่องการแต่งงานไปเสีย เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งค้นพบทัศนคติเช่นนี้ในตัวผู้ชาย เธอก็อาจจะตกใจได้ การแต่งงานเป็นคำมั่นสัญญาที่สมบูรณ์สำหรับผู้หญิง และสำหรับผู้ชายไม่มีความสิ้นหวังในนั้น ฉันจำได้ว่าผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่าเธอร้องไห้เป็นเวลาหลายวันหลังจากพบว่าการแต่งงานเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ด้านของชีวิตสำหรับสามีของเธอ ในขณะที่เขามีบทบาทหลักสำหรับเธอ ดังนั้นเธอจากปีกของอีรอสผู้สร้างสวรรค์ในตัวสามีของเธอ

การสูญเสียสวรรค์

สวรรค์ทุกแห่งล้วนมีข้อบกพร่อง แต่ละคนมีงูอยู่ข้างใน ซึ่งเป็นตัวแทนของความสงบสุขที่ครอบงำในสวนเอเดนโดยสิ้นเชิง และในสวรรค์ที่ Psyche อาศัยอยู่ ในไม่ช้างูก็ปรากฏตัวขึ้นในหน้ากากของพี่สาวสองคนของเธอซึ่งโศกเศร้าถึงการสูญเสียน้องคนสุดท้องแม้ว่าเราจะจริงใจมากก็ตาม เมื่อพวกเขารู้ว่าไซคีได้แต่งงานกับพระเจ้าและอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ความหึงหวงของพวกเขาไม่มีขอบเขต เมื่อเข้าใกล้เชิงหน้าผาที่พวกเขาออกจาก Psyche พวกเขาก็เริ่มโทรหาเธอ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ และขออวยพรให้เธอโชคดี Psyche ผู้ไร้เดียงสาแจ้งให้ Eros เกี่ยวกับเรื่องนี้ สามีของเธอเตือนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกี่ยวกับอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้น เขาบอกว่าถ้าเธอฟังพี่สาวไล่ตามเธอ ความหายนะก็จะเกิดขึ้น หากไซคียังคงไม่ถามอะไรเขาอีก เธอจะมีลูกซึ่งจะเป็นเทพเจ้าอมตะ แต่ถ้าเธอผิดคำสาบานและถามคำถาม เด็กผู้หญิงก็จะเกิดมาซึ่งจะเป็นเพียงแค่มนุษย์ ที่แย่กว่านั้นคือในคำถามแรกอีรอสจะทิ้งเธอไป จากนั้นไซคีก็ตกลงอีกครั้งที่จะไม่ถามอะไรสามีของเธอ แต่พี่สาวน้องสาวก็โทรหาเธอครั้งแล้วครั้งเล่า และในที่สุดไซคีก็ขออนุญาตสามีให้ไปเยี่ยมเธอ เวลาผ่านไปเล็กน้อย พี่สาวน้องสาวที่ถูกพามาจากหน้าผาสูงริมฝั่งลมตะวันตกอย่างปลอดภัย พบว่าตัวเองอยู่ในสวนเอเดนอันงดงาม พวกเขาชื่นชมและเพลิดเพลินมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พวกเขาก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาน้องสาวของตน พวกเขาโจมตีเธอด้วยคำถามเกี่ยวกับสามีของเธอ และไซคีผู้ไร้เดียงสาพยายามอธิบายว่าเธอจินตนาการถึงเขาอย่างไร เพราะเธอไม่เคยเห็นเขามาก่อน เธอมอบกองของขวัญที่ไม่ธรรมดาและหายากแก่พี่สาวน้องสาวและส่งพวกเธอกลับบ้าน อีรอสเตือนไซคีอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่นานพี่สาวน้องสาวก็ปรากฏตัวอีกครั้ง คราวนี้ไซคีลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเคยพูดเกี่ยวกับสามีของเธอไป และเล่าเรื่องจินตนาการอีกอย่างหนึ่งให้พวกเขาฟัง เมื่อกลับถึงบ้านพี่สาวก็คิดอยู่นานจึงคิดแผนอันชาญฉลาดและร้ายกาจขึ้นได้ คือ เมื่อมาเยี่ยมพี่สาวครั้งที่สามก็จะบอกเธอว่าจริงๆ แล้วสามีเธอแย่มาก , งูน่าขยะแขยง ทันทีที่ กจะมีเด็กคนหนึ่งเกิดมา สามีจะกลืนกินเขาพร้อมกับมารดาของเขา แต่พวกเขาต้องการช่วยไซคีจากจุดจบอันเลวร้ายเช่นนี้ ในการที่จะมีชีวิตอยู่ เธอต้องทำสิ่งต่อไปนี้ หยิบโคมไฟ ใส่ในภาชนะ คลุมด้วยผ้าห่ม แล้ววางไว้ในห้องนอน นอกจากนี้เธอควรลับมีดแล้วซ่อนไว้ใกล้เตียง ในยามราตรี เมื่อสามีของเธอหลับสนิท เธอจะจุดตะเกียง และในที่สุดก็เห็นสามีที่เลวร้ายของเธอ และตัดศีรษะของเขาออก Psyche ไม่สามารถต้านทานแรงกดดันของพี่สาวของเธอได้เป็นเวลานานและเมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำของพวกเขาก็เริ่มเตรียมที่จะเปิดเผยสามีที่เลวร้ายของเธอ อีรอสกลับบ้านหลังมืด นอนบนเตียงข้างไซคีแล้วหลับไป ในเวลาเที่ยงคืน เธอถอดฝาครอบออกจากตะเกียง หยิบมีด ลุกขึ้นยืนเหนือสามีและมองดูเขาเป็นครั้งแรก เธอพบกับความประหลาดใจและความอับอายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดซึ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อหน้าเธอ เทพเจ้าแห่งความรักซึ่งงดงามที่สุดที่มีอยู่ในโอลิมปัส ด้วยความประหลาดใจและตกใจกับสิ่งที่เธอเห็น Psyche จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยชดใช้ความผิดพลาดร้ายแรงของเธอ เธอพร้อมที่จะทำสิ่งนี้แล้ว แต่หยิบมีดออกมาอย่างเชื่องช้าและทิ้งมันไป ในเวลาเดียวกันเธอก็แทงตัวเองด้วยลูกธนูของอีรอสโดยบังเอิญและตกหลุมรักสามีของเธออย่างบ้าคลั่งซึ่งเธอเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต ทันใดนั้นมือของเธอที่ถือตะเกียงก็สั่น และมีน้ำมันร้อนหยดหนึ่งตกลงบนไหล่ขวาของอีรอส . ตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวดสาหัสก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นจึงสยายปีกแล้วบินหนีไปทันที Psyche ผู้น่าสงสารเกาะติดกับเขา แต่ความแข็งแกร่งของเธอมีเพียงพอที่จะพาออกไปนอกสวนเอเดนเท่านั้น เธอถูกทิ้งและล้มลงกับพื้นและนอนโศกเศร้าอยู่คนเดียวโดยสิ้นเชิง อีรอสบินมาหาเธอด้วยความตำหนิที่เธอไม่ฟังเขาและเมื่อผิดคำพูดทำให้สวนเอเดนหายไป และเขาเสริมว่ามันจะเป็นอย่างที่เขาเตือนไว้ เธอจะมีลูก เด็กผู้หญิง และมนุษย์ธรรมดา และตอนนี้เขาต้องลงโทษไซคีที่ไม่เชื่อฟังและทิ้งเธอไป เมื่อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็บินไปหาอโฟรไดท์ผู้เป็นมารดาของเขา

ละครร่วมสมัย

ในแต่ละช่วงเวลา คู่สมรสเล่นละครเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ภาษาโบราณบทกวีและตำนานนี้สื่อถึงเราเกี่ยวกับผู้หญิงและความสัมพันธ์ของเธอกับผู้ชายและความเป็นชายภายในของเธออย่างไร พี่สาวน้องสาวคือเสียงหงุดหงิดที่ได้ยินอยู่ภายในตัวเรา และบ่อยครั้งจากภายนอก ซึ่งมีหน้าที่สองประการ คือ การทำลายทัศนคติต่อชีวิตก่อนหน้านี้ และการรับรู้ถึงทัศนคติใหม่ ระหว่างจิบกาแฟยามเช้า ฉากหนึ่งมักจะแสดงฉากที่พี่สาวสองคนกำลังวางแผนชั่วร้ายของพวกเขา พวกเขามักจะบรรลุภารกิจสองประการในการท้าทายโลกปิตาธิปไตยเก่า และปลุกปั่นให้กันและกันตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งต้นทุนอาจสูงกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้มาก เราอาจต้องจ่ายราคาของ Promethean เพื่อตระหนักถึงสิ่งที่เราปรารถนาอย่างแรงกล้า การซักถามพี่สาวเป็นภาพที่น่ากลัว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นผู้ก่อการตระหนักรู้ แต่ก็ยังมีอันตรายสำหรับผู้หญิงทุกคนที่จะอยู่ต่อไปและหยุดนิ่งในขั้นตอนของการพัฒนานี้ และยังคงเป็นอันตรายตลอดชีวิตต่อๆ ไปของเธอ คุณอาจเห็นผู้ชายเป็นต้นตอของปัญหาของคุณ ยังคงอยู่บนศิลาแห่งความตาย ในทำนองเดียวกันคุณจะพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพของพี่สาวสองคนและทำลายทุกสิ่งที่ผู้ชายพยายามสร้าง ตามกฎแล้วผู้หญิงต้องผ่านลำดับความสัมพันธ์ที่ผิดปกติและน่างงงวยกับคู่ของเธอ ผู้ชายสำหรับเธอสามารถเป็นเทพเจ้าแห่งความรักและเป็นความตายบนก้อนหินและเป็นคนที่ไม่รู้จักในสวรรค์และเป็นคนที่เปิดกว้างและมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเข้าใจบางสิ่งบางอย่าง และในที่สุด เมื่อเธอมาถึงความเป็นเทพของเธอเองบนยอดเขาโอลิมปัส เขาก็ปรากฏต่อหน้าเธอในฐานะเทพเจ้าแห่งความรัก ทั้งหมดนี้ทำให้ผู้ชายสับสน ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทุกวันเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขาจะมองไปรอบ ๆ อย่างขี้อาย พยายามทำความเข้าใจว่าบทบาทที่ได้รับมอบหมายให้เขาในวันนี้เป็นอย่างไร ตอนนี้เพิ่มแอนิเมชั่นของเขาเข้าไปด้วย และคุณจะมีโครงเรื่องที่ซับซ้อนแต่สนุกสนาน พี่น้องสตรีแสดงให้เห็นถึงข้อกำหนดของการวิวัฒนาการซึ่งเราไม่ทราบแหล่งที่มา นี่อาจเป็นเงาของไซคี จุงบรรยายถึงด้านเงาของบุคลิกภาพว่าเป็นองค์ประกอบที่อดกลั้นหรือความเป็นไปได้ที่ยังไม่ตระหนักรู้ถึงศักยภาพส่วนบุคคลอย่างเต็มที่ เนื่องจากขาดความสนใจและเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ลักษณะที่ไม่มีชีวิตชีวาและอดกลั้นเหล่านี้จึงยังคงคร่ำครวญหรือตกอยู่ในเงามืดจนกลายเป็นอันตราย แม้จะมีการปราบปราม แต่ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในความดีและความชั่วยังคงอยู่ในจิตใต้สำนึก ซึ่งจะสะสมพลังงานจนกว่าจะพบทางออกสู่จิตสำนึก เช่นเดียวกับที่พี่สาวของเธอปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤติในชีวิตของไซคี หากเรามองเข้าไปในตัวเองโดยตระหนักรู้ถึงเพียงการมีอยู่ของความรักและความเอื้ออาทรเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นกับ Psyche เราจะดูถูกดูแคลนด้านเงาที่มีอยู่ สิ่งนี้จะนำไปสู่ความจริงที่ว่าเราจะถูกบังคับให้ออกจากสวรรค์ไร้เดียงสาที่เราสบายใจมากและเราจะค้นหาการค้นพบใหม่เกี่ยวกับแก่นแท้ที่แท้จริงของเรา จุงกล่าวว่าความปรารถนาที่จะเติบโตส่วนบุคคลมักเกิดขึ้นในจิตใจจากเงามืด ดังนั้นพี่สาวคนเดียวกันที่มีบทบาทในชีวิตของไซคีไม่ค่อยน่าพอใจและไม่น่าดูเลยยังคงรับใช้เธอ 3 อย่างเป็นเรื่องเป็นราว