ตัวอย่างดินจากดวงจันทร์ เหตุใด NASA จึงซ่อน "ดินดวงจันทร์" จากทั่วโลก (4 ภาพ)

กลับโลก. บทที่ 16

ดินบนดวงจันทร์ของอเมริกาเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์จนน่าสงสัย

จากข้อมูลของ NASA นักบินอวกาศนำดินบนดวงจันทร์และหินจากดวงจันทร์กลับมาได้ประมาณ 380 กิโลกรัม - รูปถ่ายของหินเหล่านี้แสดงอยู่ในภาพถ่ายของ NASA ในเอกสารทางวิทยาศาสตร์ของนักวิทยาศาสตร์ (ป่วย 1a) หินเหล่านี้แสดงให้เห็นภาพยนตร์ "ดวงจันทร์" ของ NASA ในภาพยนตร์ดังกล่าว ในบทบาทของผู้เชี่ยวชาญ คุณสามารถเห็นดร. Garisson Schmidt (ป่วย 1b) ซึ่งในฐานะนักบินอวกาศ A-17 ถูกกล่าวหาว่ารวบรวมหินเหล่านี้บนดวงจันทร์เป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ยากที่จะเชื่อในเรื่องราวของเขาก็คือความจริงที่ว่านักธรณีวิทยา "ดวงจันทร์" ถ่ายภาพ "ดวงจันทร์" ที่น่าสงสัยอย่างเห็นได้ชัดซึ่งมีต้นกำเนิดจากพื้นดิน (ป่วย 1c)

Ill.1. หินพระจันทร์(?):

ก)รูปภาพของนาซ่า http://images.jsc.nasa.gov/lores/S72-37210.jpg ; ข)นักธรณีวิทยานักบินอวกาศ ดร. Garisson Schmidt พูดถึงหินบนดวงจันทร์ วี)คนที่ชื่อ "นักธรณีวิทยา-นักบินอวกาศ การิสสัน ชมิดต์" โพสท่าในฉากที่น่าสงสัย "บนดวงจันทร์" (บทที่ 12 http://www..htm)

สถานีอัตโนมัติของโซเวียตสามแห่งในขณะนั้นที่ส่งมาจากดวงจันทร์มีเพียงอนุภาคขนาดเล็กจากชั้นพื้นผิวใกล้เท่านั้น โดยมีน้ำหนักรวม 300 กรัม ในขณะที่นักบินอวกาศสามารถนำตัวอย่างขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักรวมเท่ากับจุดศูนย์กลางเดียวกันนั้น ผู้สนับสนุนกล่าวว่า NASA ได้บริจาคดินบนดวงจันทร์และหินดวงจันทร์ประมาณ 45 กิโลกรัมให้กับนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตก . อย่างไรก็ตามผู้เขียน วิเคราะห์สิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้อง และไม่สามารถยืนยันได้ว่าน้ำหนัก 45 กิโลกรัมเหล่านี้ไปถึงห้องปฏิบัติการแล้ว ตามที่ผู้เขียนระบุว่าขณะนี้ดินบนดวงจันทร์ของอเมริกาไม่เกิน 100 กรัมเคลื่อนจากห้องทดลองไปยังห้องทดลองในโลกดังนั้น “โดยปกติแล้วผู้วิจัยจะได้รับหิน 0.5 กรัม…ในรูปของชิ้นส่วนที่แยกจากกัน…” . จริงอยู่ในเอกสาร [ 18 ] มีการแสดงภาพถ่ายหินบนดวงจันทร์ขนาดใหญ่หลายภาพ เช่น รูปที่ 1a แต่ใต้ภาพถ่ายทั้งหมดมีคำอธิบายที่ไพเราะว่า “ภาพ NASA” เราขอแนะนำให้ผู้อ่านที่สนใจทำความคุ้นเคยกับผลงานที่อ้างถึง เราสนใจว่า NASA ถ่ายโอนดินบนดวงจันทร์ให้กับนักวิทยาศาสตร์โซเวียตมากน้อยเพียงใดและชนิดใด เนื่องจากชาวตะวันตกและโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน เป็นตัวแทนของกลุ่มที่มีความสนใจมากเกินไป

regolith 29 กรัมสำหรับนักวิทยาศาสตร์โซเวียตไม่ใช่ข้อโต้แย้งที่สนับสนุนการลงจอด

ในสหภาพโซเวียต สถาบันธรณีเคมีของ USSR Academy of Sciences ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์กรวิทยาศาสตร์ชั้นนำสำหรับการศึกษาดินบนดวงจันทร์ทั้งหมด บทบาทนี้ได้รับมอบหมายให้เขาในวันนี้ (ปัจจุบัน - GEOKHI RAS) หัวหน้าภาควิชาอุตุนิยมวิทยาของสถาบันแห่งนี้ ดร.วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต Nazarov (ป่วย 2) รายงานว่า “ ชาวอเมริกันถ่ายโอน 29.4 กรัมของการสำรวจดวงจันทร์ไปยังสหภาพโซเวียตจากการสำรวจอพอลโลทั้งหมดและจากการรวบรวมตัวอย่างของเรา“ Luna-16, 20 และ 24” 30.2 กรัมถูกมอบให้ในต่างประเทศ” .

Ill.2.ดร.ม. Nazarov (พอร์ทัลข้อมูล "LifeNews")

นี่เป็นข้อความที่สำคัญมาก หากเพียงเพราะเราไม่มีข้อมูลทั่วไปอื่นใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โปรดทราบว่าข้อมูลสำคัญดังกล่าวซึ่งมาจากส่วนลึกขององค์กรแม่นั้น ได้รับการเผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตเท่านั้น ข้อความบนอินเทอร์เน็ตกล่าวโดยเคร่งครัด ไม่ใช่เอกสาร วันนี้มีอยู่ แต่พรุ่งนี้อาจหายไปอย่างไร้ร่องรอย Yu.I. ผู้ขี้ระแวงชื่อดัง มูคินพยายามขอคำตอบที่เป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับหัวข้อนี้จาก GEOKHI เขาหันไปหา GEOKHI พร้อมขอให้รายงาน:

“ก) ดินทางจันทรคติถูกส่งจากสหรัฐอเมริกาไปยังสถาบันของคุณเมื่อใดและเท่าใด

c) ใครอีกบ้างในสหภาพโซเวียตที่ได้รับตัวอย่างดินบนดวงจันทร์จากสหรัฐอเมริกาเพื่อการวิจัย”

GEOKHI ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเป็นลายลักษณ์อักษร

ปรากฎว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับหมอ M.A. Nazarov ที่เคารพนับถือดังนั้นแพทย์ที่เคารพนับถือรายงานว่าสหภาพโซเวียตได้รับ regolith ดวงจันทร์ 29.4 กรัมจากสหรัฐอเมริกา แต่การแลกเปลี่ยนดังกล่าวพิสูจน์ได้อย่างไรว่าชาวอเมริกันมีน้ำหนัก 380 กิโลกรัมที่พวกเขากำลังพูดถึง

มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ตามข้อมูลของนาซานักวิทยาศาสตร์ชาวยุโรปตะวันตกที่ไม่มีอะไรจะให้เป็นการตอบแทน ควรจะมอบหินบนดวงจันทร์ทั้งก้อน และนักวิทยาศาสตร์โซเวียตซึ่งมีดินบนดวงจันทร์จริงเป็นของตัวเอง จะได้รับเป็นกรัมและมีเพียงหินรีโกลิธเท่านั้นตามที่ผู้เขียนกล่าวไว้ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับหินพระจันทร์ของอเมริกา หินพระจันทร์ที่ถูกกล่าวหาไม่ได้มอบให้กับบุคคลที่สนใจในการตรวจสอบความถูกต้องมากที่สุดและรีโกลิธทางจันทรคติ 29 กรัมไม่ใช่ข้อโต้แย้ง ท้ายที่สุดแล้ว สถานีอัตโนมัติของโซเวียตสามแห่งในปี พ.ศ. 2513-2519 พวกเขาร่วมกันส่ง regolith ประมาณ 300 กรัมจากดวงจันทร์มายังโลกและไม่มีใครบอกว่านักบินอวกาศโซเวียตลงจอดบนดวงจันทร์

ข้อสรุปนี้เพิ่งได้รับการยืนยันที่น่าสนใจ นี่คือสิ่งที่ข้อความที่มีชื่อที่น่าสนใจกล่าวว่า:« Moon rock ที่ส่งโดย Apollo 11 กลายเป็นของปลอมราคาถูก » : « ผู้เชี่ยวชาญชาวดัตช์วิเคราะห์ “หินพระจันทร์” อย่างเป็นทางการผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศ มอบให้แก่นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์วิลเล็ม ดรีส์ รับบท เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ วิลเลียม มิดเดนดอร์ฟระหว่างการเยือนของนักบินอวกาศ Apollo 11 สู่ประเทศ - 9 ตุลาคม 2512 หลังจากการเสียชีวิตของนายดริซ วัตถุโบราณซึ่งมีประกันมูลค่า 500,000 ดอลลาร์ ก็ได้กลายมาเป็นนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์พิพิธภัณฑ์ Rijksmuseum ในอัมสเตอร์ดัม และตอนนี้มีเพียงการศึกษาเกี่ยวกับ "หินพระจันทร์" เท่านั้นที่แสดงให้เห็นเช่นนั้นของขวัญจากสหรัฐฯ กลายเป็นของปลอมธรรมดา ๆ - เศษไม้กลายเป็นหิน».

Ill.3."หินพระจันทร์" ของอเมริกา - ของขวัญจากอพอลโล 11 ถึงนายกรัฐมนตรีดัตช์กลายเป็นท่อนไม้กลายเป็นหินhttp://cnews.ru/news/top/index.shtml?2009/08/28/359642#

เพียงหนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากชิ้นไม้ถูกนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ และสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจจัดการบริจาค "ดินบนดวงจันทร์" ให้กับทุกประเทศ - สมาชิก 135 คนของสหประชาชาติ ในการดำเนินการนี้ พวกเขาระบุไว้แล้วว่า "ตัวอย่างดวงจันทร์" สามารถเข้าถึงได้โดยการทำลายของกำนัลเท่านั้น (และใครจะกล้าทำเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้?) “ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2512 สี่เดือนหลังจากการลงจอดของยานอพอลโล 11 ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐอเมริกา สั่งให้ NASA จัดสรร “หินพระจันทร์” ประมาณ 250 ชิ้น และใช้พวกมันเพื่อทำแผ่นป้าย (ป้ายชื่อ) สำหรับติด ลูกบอลอะคริลิกที่มีตัวอย่างหินดวงจันทร์สี่ตัวอย่างปิดผนึกแน่นอยู่ภายใน". ตอนนี้หิน "ดวงจันทร์" ถูกมอบให้ในลูกบอลลูกแก้วที่ปิดสนิท (รูปที่ 4) รวมถึงในกระบอกสูบที่คล้ายกัน ขั้นตอนการบริจาคเกิดขึ้นซ้ำในปี 1972 เมื่อ NASA ระบุว่ามีการ "ลงจอดบนดวงจันทร์" (A-17) ครั้งสุดท้าย

แต่อย่างใดมันกลับกลายเป็นว่า “ทุกวันนี้สถานที่เพียงประมาณ 13% ของขวัญ “หินพระจันทร์” ของซีรีส์ A-11 และ A-17(นี้) สถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในการปฏิบัติงานของพิพิธภัณฑ์โลก". ราวกับว่ามีเครื่องดูดฝุ่นอันทรงพลังเปิดอยู่ที่ไหนสักแห่ง ทำให้ "หินพระจันทร์" ของอเมริกาหายไปอย่างแม่นยำ

Ill.4.ในภาชนะลูกแก้วแข็งที่ปิดสนิทเช่นนี้ ตัวแทนของ NASA ส่งมอบก้อนกรวดบางก้อนแก่ประเทศสมาชิกสหประชาชาติทั้ง 135 ประเทศอย่างเคร่งขรึม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าส่งโดยนักบินอวกาศจากดวงจันทร์

http://bolshoyforum.org/forum/index.php?page=142#tp-comment http://www.collectspace.com/images/aoe/aoe_chaffee.jpg http://www.vtmagazine.vt.edu/winter07/images/moonrock.jpg

แม้แต่นักบินอวกาศที่ถูกกล่าวหาว่านำหินเหล่านี้มาจากดวงจันทร์มาให้ NASA ก็ไม่ได้รับความไว้วางใจจาก NASA ให้เก็บรักษามันไว้ (ทันใดนั้นพวกเขาจะมอบมันให้กับนักวิจัยที่อยากรู้อยากเห็น? - นี่คือโพสต์ที่น่าสนใจในหัวข้อนี้ : “วันอังคารเป็นวันครบรอบ 35 ปีที่มนุษย์คนแรกเหยียบดวงจันทร์ วันครบรอบดังกล่าวจะมีพิธีจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์การบินและอวกาศวอชิงตัน ซึ่งผู้เข้าร่วมในโครงการสำรวจอวกาศของอเมริกา 3 โครงการ ได้แก่ เมอร์คิวรี เจมินี และอพอลโล และนักข่าวโทรทัศน์ระดับตำนาน วอลเตอร์ ครอนไคต์ ซึ่งดูแลพวกเขา จะถูกนำเสนอด้วยเศษหินที่นำกลับมา โดยนักบินอวกาศจากดวงจันทร์ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2504 ถึง พ.ศ. 2516 มีชาวอเมริกัน 34 คนบินขึ้นสู่อวกาศโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเหล่านี้ 25 คนในนั้นยังมีชีวิตอยู่ เศษดวงจันทร์ที่ห่อหุ้มด้วยแผ่นเพล็กซีกลาสและติดตั้งอยู่บนแผ่นโลหะ จะถูกมอบให้ในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น กฎหมายอเมริกันห้ามมิให้เอกชนเป็นเจ้าของสิ่งของที่นำกลับมาจากดวงจันทร์ แต่นักบินอวกาศจะมีสิทธิ์เลือกพิพิธภัณฑ์หรือสถาบันอื่น ๆ ที่จะจัดแสดงชิ้นส่วนดังกล่าวในนามของพวกเขา”

และเพื่อที่จะกีดกันนักวิทยาศาสตร์ที่ดื้อรั้นและไร้เดียงสาเกินไปจากการขอ NASA สำหรับหินดวงจันทร์ไม่ใช่สำหรับการดูผ่านลูกแก้ว แต่เพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์จึงมีการประดิษฐ์ตำนานที่น่าสนใจต่อไปนี้ขึ้นมา

40 ปีแห่งการดูแล “นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อไป”

“ในสหรัฐอเมริกา มีการตัดสินใจที่จะเก็บตัวอย่างจำนวนมากที่ส่งมาให้ครบถ้วนสมบูรณ์ จนกว่าจะมีการพัฒนาวิธีการศึกษาแบบใหม่ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น” . “มีความจำเป็นต้องใช้วัสดุในปริมาณน้อยที่สุด โดยปล่อยให้ตัวอย่างส่วนใหญ่แต่ละตัวไม่มีการแตะต้องและไม่มีการปนเปื้อนสำหรับการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อๆ ไป” - ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน J. A. Wood อธิบายจุดยืนของ NASA .

นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ผู้น่าสงสาร ตลอดจนบรรพบุรุษและครูคนล่าสุดของพวกเขา ด้วยเครื่องมือของพวกเขา พวกเขาสามารถตรวจสอบทุกอะตอมในสสารได้ แต่พวกเขาถูกปฏิเสธความไว้วางใจ

นักวิทยาศาสตร์ในอนาคตผู้น่าสงสาร พวกเขามีใน XXฉัน -m และอาจจะเข้าครั้งที่ 22 แน่นอนว่าในศตวรรษที่ 20 จะไม่มีเรือและจรวดที่สวยงามเช่น Apollos และ Saturn 5 ของศตวรรษที่ 20 และพวกเขาจะไม่สามารถหาหินพระจันทร์สดบนดวงจันทร์ได้ แต่นาซ่าดูแลพวกมัน: มันไม่ได้มอบหินดวงจันทร์ให้กับคนรุ่นเดียวกัน แต่ทิ้งไว้ให้พวกเขา โปรดทราบว่าในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา นักธรณีวิทยาผู้ร่วมสมัยกับการบิน "ดวงจันทร์" จำนวนมากได้เสียชีวิตไปแล้ว นักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อไปลาออกจากสมัยเรียน ทำงานมาหลายสิบปีและแก่ตัวลง และ NASA ยังคงรอคอยและรอคอยคนรุ่นต่อๆ ไปเหล่านี้ ตำนานที่สมบูรณ์แบบที่จะซ่อนความจริงที่ว่าไม่มีหินพระจันทร์ในห้องเก็บของของเธอ เพราะพรุ่งนี้ไม่เคยมาถึง

และหากตำนานการดูแลเอาใจใส่นี้ไม่ได้ผลกับใครบางคน ก็ยังมีคำอธิบายที่เข้าใจได้อีกอย่างหนึ่ง: หินพระจันทร์จะไม่ถูกปล่อยออกจากสถานที่จัดเก็บเนื่องจากไม่มีเงินสำหรับการวิจัย นี่คือสิ่งที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เขียนเมื่อปี 1974 :

“ตัวอย่างส่วนใหญ่จะถูกเก็บไว้เป็นทุนสำรองที่ศูนย์การบินอวกาศในฮูสตัน การลดการจัดสรรจะลดจำนวนนักวิจัยและทำให้การวิจัยช้าลง” คุณรู้สึกไหม? มีการใช้จ่ายเงิน 25 พันล้านดอลลาร์เพื่อส่งตัวอย่างดวงจันทร์ แต่พวกเขาลืมจัดสรรเงินสำหรับการวิจัยตัวอย่างเดียวกันนี้ แต่ถึงหนึ่งในพันล้านนี้ก็เพียงพอแล้ว จริงอยู่ที่ A. Kudryavets ผู้ขี้ระแวงที่รู้จักกันดีพูดอย่างเด็ดขาดมากขึ้นเกี่ยวกับการขาดเงินกะทันหัน: “เหตุใดเราจึงต้องมีเงินทุนพิเศษสำหรับการศึกษาดินบนดวงจันทร์? จะไม่มีผู้เชี่ยวชาญในโลกนี้ที่ยินดีทำการวิเคราะห์หินต่างดาวอย่างละเอียดด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองหรือไม่? ในกรณีนี้สามารถนำดินบางส่วนไปประมูลได้และนำรายได้ไปศึกษาด้วย มันดูไม่เหมือนอัจฉริยะผู้กล้าได้กล้าเสียของชาวอเมริกันที่ยอมจำนนต่อปัญหาธรรมดาๆ ยิ่งกว่านั้น NASA ไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะทำซ้ำสิ่งที่มันทำ สำหรับ ทั้งหมด มนุษยชาติ- แล้วปัญหาคืออะไร? ปล่อยให้เขาแบ่งปันผลของกิจกรรมของเขากับมวลมนุษยชาติในที่สุด ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่ด้วยการกระทำ... ดินนี้ไม่สามารถใช้ได้ในปริมาณที่ประกาศไว้ และนี่ไม่ใช่ข้อสงสัย แต่เป็นข้อเท็จจริง”

***

โดยทั่วไปดินบนดวงจันทร์ของอเมริกาเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์มากสำหรับข้อสงสัยและข้อสรุปที่ชี้ขาดยิ่งกว่านั้น นี่คือบทสรุปหลักของบทนี้

ป. ส. ชาวอเมริกันสามารถส่งดินบนดวงจันทร์จำนวนเล็กน้อยมายังโลกได้โดยใช้สถานีอัตโนมัติ

ชาวอเมริกันได้ดินบนดวงจันทร์จากที่ไหนแม้จะเป็นกรัมหากไม่ได้อยู่บนดวงจันทร์? คำถามนี้เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย อย่ามองข้ามมันไป

ดังที่เราทราบ ภายในสองปีก่อนที่อพอลโลจะบินบนดวงจันทร์ ยานพาหนะประเภทรังวัดอัตโนมัติของอเมริกาจำนวน 5 คันได้ลงจอดอย่างนุ่มนวลบนดวงจันทร์ นี่คือสิ่งที่เขียนเกี่ยวกับอุปกรณ์เหล่านี้บนเว็บไซต์ NASA (แปลโดยผู้เขียนหนังสือ) : “สรุปโปรแกรม อุปกรณ์ทั้งหมด 5 เครื่องทำการวิเคราะห์ทางเคมีของพื้นผิวและตัวอย่างใกล้พื้นผิว 6 แบบแยกกัน…”

ผู้เขียนเชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการจำลองตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ . จากความคิดเห็นนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะได้ทำความรู้จักกับวิธีการดังกล่าวผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันผู้มีชื่อเสียงในสาขาแร่วิทยาทางจันทรคติ J. Frondel เริ่มต้นหนังสือของเขา :

“ในวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 การเปิดภาชนะใบแรกพร้อมตัวอย่างหินที่ลูกเรือ Apollo 11 นำมาสู่โลก ได้รับการถ่ายทอดทางสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ... เมื่อถึงเวลาเปิดตู้คอนเทนเนอร์มาถึง รายการโทรทัศน์ก็หยุดชะงักกะทันหัน ราวกับมีผ้าห่มถูกโยนทับภาพอันน่าผิดหวัง... » . มีความคล้ายคลึงกันเพียงใดในนาทีสุดท้ายที่มีคนสังเกตเห็น "ความผิดพลาด" บางอย่างและขัดขวางการส่งสัญญาณอย่างเร่งด่วน “การหลุดออก” เกิดขึ้นได้เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหินบนพื้นดินถูกส่งออกไปเหมือนหินบนดวงจันทร์ แต่ในตอนแรกความเสี่ยงต่อการสัมผัสนั้นไม่สูงมากเนื่องจากในช่วงเวลาของการ "ลงจอด" ครั้งแรกไม่มีนักวิทยาศาสตร์แม้แต่คนเดียวรวมถึงโซเวียตที่ได้เห็นดินบนดวงจันทร์จริงด้วย แต่เมื่อดินดังกล่าวปรากฏขึ้น ("Luna-16", 1970) และเริ่มมีการศึกษาเปรียบเทียบ สัญญาณของดินบนดวงจันทร์อเมริกันปลอมก็เริ่มสะสม - และชาวอเมริกันต้องการดินบนดวงจันทร์จริง ๆ อย่างยิ่ง

ก.ล. Geise (ป่วย 5a) ผู้เขียนหนังสือ “ด้านมืดของอพอลโล” เชื่อว่าชาวอเมริกันได้ส่งดินบนดวงจันทร์จำนวนหนึ่งมายังโลกอย่างเงียบๆ โดยใช้สถานีอัตโนมัติเพื่อนำเสนอว่าเป็นดินที่นักบินอวกาศนำมา . ตามที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้กล่าวไว้ สิ่งนี้เกิดขึ้นหลังจากการ "ลงจอด" ของชาวอเมริกันครั้งแรกบนดวงจันทร์ ซึ่งประกาศในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2512 หากไม่เป็นเช่นนั้น หากชาวอเมริกันมีดินบนดวงจันทร์จริงอยู่แล้วในเดือนกรกฎาคมนั้น พวกเขาจะมอบไม้กลายเป็นหินให้นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์หรือไม่ (ป่วย 3)?

รูปที่ 5. ก)ชาวอเมริกันส่งดินบนดวงจันทร์จำนวนหนึ่งมายังโลกโดยใช้สถานีอัตโนมัติ Heriot Geise ผู้เขียนหนังสือ "The Dark Side of Apollo" กล่าว; ข)กับแผนภาพการทำงานของทัพพีที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ Surveyor-3 วี)ร่องบนชั้นผิวดวงจันทร์ที่ขุดโดยเครื่องสำรวจ Surveyor-3 ภาพถูกส่งผ่านกล้องโทรทัศน์อัตโนมัติ

ในช่วงต้นทศวรรษที่ 60 ชาวอเมริกันกำลังวางแผนส่งดินบนดวงจันทร์มายังโลกโดยอัตโนมัติ . และข้อเท็จจริงบางประการระบุว่าได้ดำเนินการตามแผนนี้แล้ว ต่อไปนี้เป็นข้อความที่ตัดตอนมาจากไทม์ไลน์ของผู้สำรวจที่ประสบความสำเร็จของ NASA: :

30 พฤษภาคม 2509 - ช่างสำรวจ 1 - มวล: 269 กก ; 1967 เม.ย. 60 - ผู้สำรวจ 3 - มวล: 283 กก.; 8 กันยายน 2510 - ผู้สำรวจ 5 - มวล: 279 กก.;

7 พ.ย. 2510 - ผู้สำรวจ 6 - มวล: 280 กก.; 7 ม.ค. 2511 - ผู้สำรวจรังวัด 7 - พิธีมิสซา: 1,036 กก .

"ผู้สำรวจ-3"ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2510 เขาขุดดินบนดวงจันทร์ด้วยถังพิเศษ (ป่วย 5b,c) . NASA อ้างว่าวิธีนี้ใช้เพื่อศึกษาคุณสมบัติเชิงกลของดินบนดวงจันทร์ แต่คุณสมบัติเหล่านี้สามารถศึกษาได้ด้วยวัตถุรูปทรงต่างๆ แม้แต่แท่งธรรมดาๆ ก็ตาม ในขณะที่ทัพพีมักจะเกี่ยวข้องกับการตักดินโดยธรรมชาติ นั่นคือใน Surveyor-3 เห็นได้ชัดว่ามีการทดสอบอุปกรณ์เก็บตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ครั้งแรกเพื่อส่งอัตโนมัติในอนาคต การทำงานของที่ฝากข้อมูลได้รับการตรวจสอบและควบคุมโดยใช้กล้องโทรทัศน์อัตโนมัติ ซึ่งส่งภาพที่เกี่ยวข้องไปยังโลก

"ผู้สำรวจ-5"หลังจากลงจอด เครื่องยนต์ก็เปิดอีกครั้งตามคำสั่งจาก Earth และ "ผู้สำรวจ-6"ไม่เพียงแต่เปิดเครื่องยนต์อีกครั้ง แต่ยังออกตัวที่ 4 ม. อีกด้วย . ตามที่องค์การนาซ่า , ทำเพื่อศึกษาผลกระทบของไอพ่นก๊าซจากเครื่องยนต์ลงจอดบนดินดวงจันทร์ แต่การดำเนินการนี้อาจมีจุดประสงค์อื่น: "นักสำรวจ 5 และ 6" เรียนรู้ที่จะออกจากดวงจันทร์

"ผู้สำรวจ-7"ซึ่งน่าสงสัยมาก หนักกว่ารุ่นก่อนถึงสามเท่าและมีมวลเท่ากัน (1,036 ตัน) เท่ากับ Luna-16, 20 และ 24 ของเรา และอีกอย่างก็มีด้วย “พร้อมถังตักดิน”.

หลังจากการลงจอดของ Surveyor 7 โครงการ Surveyor ก็สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ แม้ว่าก่อนหน้านั้นมีแผนจะส่งยานอวกาศ Surveyor 8,9,10 ไปแล้วก็ตาม . และดูเหมือนว่าชาวอเมริกันจะลืมไปแล้วอย่างสิ้นเชิงเกี่ยวกับภารกิจในการส่งตัวอย่างดินบนดวงจันทร์มายังโลกโดยอัตโนมัติ. แต่อะไรขัดขวางไม่ให้ชาวอเมริกันส่ง "นักสำรวจ" ใหม่ไปยังดวงจันทร์โดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อสนับสนุนดินบนดวงจันทร์จริงจำนวนหนึ่งพร้อมรายงานเกี่ยวกับตัวอย่างดวงจันทร์หลายร้อยตัวอย่างที่ถูกกล่าวหาว่ารวบรวมโดยนักบินอวกาศ

ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาได้ทำไปมากมายในทิศทางนี้แล้ว พวกเขาทดสอบถังที่ควบคุมจากโลกบนดวงจันทร์ เราลองกระโดดอุปกรณ์ ยังเหลืออีกมาก - การคืนดินสู่โลก แต่ผู้เชี่ยวชาญของ NASA ทำสิ่งนี้ไม่ได้ใช่ไหม ใช่ พวกเขาตามหลังสหภาพโซเวียตในแง่ของเวลาที่ใช้ในการศึกษาดวงจันทร์ด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติ แต่ก็ไม่มากนัก ตัวอย่างเช่น Surveyor 1 ซึ่งลงจอดอย่างนุ่มนวลบนดวงจันทร์นั้นอยู่ห่างจาก Luna 9 เพียง 4 เดือน และดาวเทียมดวงจันทร์ดวงแรกของอเมริกา Orbiter-1 ก็ปรากฏขึ้นเพียง 4 เดือนหลังจากดวงโซเวียตดวงแรก Luna-10 ในปี 1970 สหภาพโซเวียตได้ส่งดินบนดวงจันทร์โดยอัตโนมัติเป็นครั้งแรก (“Luna-16”) และเหตุใดในเวลาต่อมาสหรัฐอเมริกาจึงไม่สามารถทำซ้ำความสำเร็จของสหภาพโซเวียตนี้ได้?

อย่างที่เราทราบกันดีอยู่แล้วว่าพื้นผิวของดวงจันทร์ส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นละเอียด แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในขณะที่ขุดฝุ่นนี้ ทัพพีของผู้สำรวจอาจสะดุดและหยิบก้อนกรวดเล็กๆ บนดวงจันทร์ขึ้นมาได้ จากมุมมองนี้รายงานในสื่อเกี่ยวกับการถ่ายโอนหินดวงจันทร์ขนาดเล็กหลายสิบหรือสองสามร้อยกรัมให้กับนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกก็ไม่น่าแปลกใจ หินหลักของดวงจันทร์ตามข้อมูลจากนักธรณีวิทยา N.V. Lebedev มีความหนาแน่นสูงกว่า 3 g/cm3 เล็กน้อย ดังนั้นกรวดที่มีน้ำหนัก 200 กรัมจึงมีปริมาตรเพียง 65 ซม. 3 และขนาดตามขวาง ~4 ซม. ก้อนกรวดดังกล่าวจะพอดีกับทัพพีได้ค่อนข้างดี และเห็นได้ชัดว่าเพื่อไม่ให้เกิดการอภิปรายเช่นนี้ชาวอเมริกันต้องการมอบผงจันทรคติละเอียด 29.4 กรัม - รีโกลิธ - ให้กับนักวิจารณ์ที่รุนแรงที่สุด (นักวิทยาศาสตร์โซเวียต) (เขาว่ากันว่าเรามีหินก้อนใหญ่ด้วย แต่ไม่เกี่ยวกับเกียรติของคุณ)

1. http://science.ksc.nasa.gov/history/apollo/flight-summary.txtและ http://gosh100.boom.ru/moon1.htm

7. ยูไอ มูคิน. "ต่อต้านอพอลโล" การหลอกลวงทางจันทรคติของสหรัฐอเมริกา – อ.: Yauza, Eksmo, 2005, 432 p.

8. ยู.ไอ.มูคิน. “ชาวอเมริกันเคยไปดวงจันทร์หรือเปล่า?” หมายเลข 48/345 "ดวล".

9. ยู.ไอ.มูคิน. “ชาวอเมริกันเคยไปดวงจันทร์หรือเปล่า?” หมายเลข 20/368 “ดวล”

10. ดี.โครโปตอฟ. “ชาวอเมริกันเคยไปดวงจันทร์หรือเปล่า?” "ดวล" เลขที่ 8/357

11. “ ดินทางจันทรคติจากทะเลอันอุดมสมบูรณ์”, M. , Nauka, 1974

12. I.I. Cherkasov, V.V. ชวาเรฟ. ดินแห่งดวงจันทร์ M. , Nauka, 1975, 144 p.

13. ดินจากแผ่นดินใหญ่บริเวณดวงจันทร์ ม., เนากา, 1979, 708s

14. ดินทางจันทรคติจากทะเลแห่งวิกฤตการณ์, M., Nauka, 1980, 360 หน้า

15. จักรวาลเคมีของดวงจันทร์และดาวเคราะห์ ม., เนากา, 2518, 764 หน้า

16 - I.I. Cherkasov, V.V. ชวาเรฟ. "การศึกษาดินของดวงจันทร์", M., Nauka, 1979 หน้า 149

17. J. A. Wood, “Cosmochemistry of the Moon and Planets”, M., Nauka, 1975, หน้า 31,

18. เจ. ฟรอนเดล. แร่วิทยาของดวงจันทร์ ม. "เมียร์", 2521 หน้า 11

19. ม.เอ. นาซารอฟ ชาวอเมริกันเคยไปดวงจันทร์หรือไม่? http://www.meteorites.ru/menu/press/moonusa.html

http://www.epizodsspace.narod.ru/bibl/getlend/obl.html และ

32. http://supernovum.ru/public/index.php?doc=169 ในตอนท้ายของบทความมีข้อมูลสั้น ๆ เกี่ยวกับ N.V. Lebedev

ในสหรัฐอเมริกา เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นหลังจากภาพถ่ายที่ถ่ายระหว่างนักบินอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์เผยให้เห็นชายคนหนึ่งไม่มีชุดอวกาศ นี่ไม่ใช่แค่ความไม่สอดคล้องกันเท่านั้น หนึ่งในนั้นถูกกล่าวถึงในบทความนี้

เชื่อกันว่าชาวอเมริกันนำดินบนดวงจันทร์และหินจำนวน 378 กิโลกรัมมาจากดวงจันทร์ อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ NASA พูด นี่เกือบสี่เซนเตอร์ เห็นได้ชัดว่ามีเพียงนักบินอวกาศเท่านั้นที่สามารถส่งดินในปริมาณดังกล่าวได้ ไม่มีสถานีอวกาศใดที่สามารถทำได้

หินเหล่านี้ได้รับการถ่ายภาพ ถอดความ และเป็นส่วนเสริมที่เกิดขึ้นเป็นประจำในภาพยนตร์ทางจันทรคติของ NASA ในภาพยนตร์หลายเรื่อง บทบาทของผู้เชี่ยวชาญและผู้วิจารณ์แสดงโดยดร. แฮร์ริสัน ชมิดต์ นักธรณีวิทยานักบินอวกาศ Apollo 17 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ารวบรวมหินเหล่านี้จำนวนมากบนดวงจันทร์เป็นการส่วนตัว

มีเหตุผลที่จะคาดหวังว่าด้วยความมั่งคั่งทางจันทรคติเช่นนี้อเมริกาจะทำให้มันตกใจแสดงให้เห็นในทุกวิถีทางที่เป็นไปได้และแม้กระทั่งกับใครบางคนและจะมอบเงินรางวัล 30-50 กิโลกรัมให้กับคู่แข่งหลัก ที่นี่พวกเขาพูดว่าการวิจัย ให้แน่ใจว่าความสำเร็จของเรา... แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างสิ่งนี้ก็ไม่ได้ผล พวกเขาให้ดินแก่เราเพียงเล็กน้อย แต่ "ของพวกเขา" (ตาม NASA อีกครั้ง) ได้รับดินและหินบนดวงจันทร์ 45 กิโลกรัม

จริงอยู่ที่นักวิจัยที่พิถีพิถันเป็นพิเศษบางคนทำการคำนวณตามสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องของศูนย์วิทยาศาสตร์และไม่พบหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าน้ำหนัก 45 กิโลกรัมเหล่านี้ไปถึงห้องปฏิบัติการของนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้นตามที่พวกเขากล่าวไว้ปรากฎว่าในปัจจุบันดินบนดวงจันทร์ของอเมริกาไม่เกิน 100 กรัมเดินไปจากห้องทดลองหนึ่งไปยังอีกห้องหนึ่งในโลกดังนั้นนักวิจัยมักจะได้รับหินครึ่งกรัม

นั่นคือ NASA ปฏิบัติต่อดินบนดวงจันทร์เหมือนกับอัศวินขี้ตระหนี่ปฏิบัติต่อทองคำ โดยเก็บเหรียญที่มีค่าไว้ในห้องใต้ดินในกล่องที่ล็อคไว้อย่างแน่นหนา โดยแจกให้นักวิจัยเพียงกรัมเลวทรามเท่านั้น สหภาพโซเวียตก็ไม่รอดพ้นชะตากรรมนี้เช่นกัน

ในประเทศของเราในเวลานั้น องค์กรวิทยาศาสตร์ชั้นนำสำหรับการศึกษาดินดวงจันทร์ทั้งหมดคือสถาบันธรณีเคมีของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสหภาพโซเวียต (ปัจจุบันคือ GEOKHI RAS) หัวหน้าแผนกอุตุนิยมวิทยาของสถาบันนี้คือ ดร.ม. รายงานของ Nazarov: “ ชาวอเมริกันถ่ายโอน 29.4 กรัม (!) ของ regolith ดวงจันทร์ (หรืออีกนัยหนึ่งคือฝุ่นดวงจันทร์) ไปยังสหภาพโซเวียตจากการสำรวจ Apollo ทั้งหมดและจากการรวบรวมตัวอย่างของเรา“ Luna-16, 20 และ 24” ที่ออกในต่างประเทศ 30.2 กรัม" ในความเป็นจริงชาวอเมริกันแลกเปลี่ยนฝุ่นบนดวงจันทร์กับเราซึ่งสามารถส่งได้โดยสถานีอัตโนมัติใด ๆ แม้ว่านักบินอวกาศควรนำก้อนหินปูถนนที่มีน้ำหนักมาด้วยและสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือการดูพวกมัน

NASA จะทำอะไรกับความดีที่เหลือของดวงจันทร์? โอ้นี่คือ "เพลง"

“ ในสหรัฐอเมริกามีการตัดสินใจที่จะเก็บตัวอย่างที่ส่งมาจำนวนมากไว้ครบถ้วนสมบูรณ์จนกว่าจะมีการพัฒนาวิธีการศึกษาแบบใหม่ที่ก้าวหน้ายิ่งขึ้น” นักเขียนชาวโซเวียตผู้มีความสามารถซึ่งเขียนหนังสือเกี่ยวกับดินบนดวงจันทร์มากกว่าหนึ่งเล่ม .

“เราจำเป็นต้องใช้วัสดุในปริมาณน้อยที่สุด โดยปล่อยให้ตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่ถูกแตะต้องและไม่มีการปนเปื้อนสำหรับการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อๆ ไป” เจ. เอ. วูด ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน อธิบายจุดยืนของ NASA

เห็นได้ชัดว่าผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันคนนี้เชื่อว่าจะไม่มีใครบินไปดวงจันทร์อีกเลย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องปกป้องศูนย์กลางของดินบนดวงจันทร์ได้ดีกว่าสายตาของเรา ในเวลาเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่รู้สึกอับอาย: ด้วยเครื่องมือของพวกเขา พวกเขาสามารถตรวจสอบทุกอะตอมในสสารได้ แต่พวกเขาถูกปฏิเสธความไว้วางใจ - พวกมันยังไม่โตพอ หรือพวกเขาไม่ได้ออกมาพร้อมกับจมูกของพวกเขา ความกังวลอย่างต่อเนื่องของ NASA ต่อนักวิทยาศาสตร์ในอนาคตน่าจะเป็นข้ออ้างที่สะดวกในการซ่อนความจริงที่น่าผิดหวัง: ในห้องเก็บของไม่มีหินบนดวงจันทร์หรือเศษดินบนดวงจันทร์

สิ่งที่แปลกอีกประการหนึ่ง: หลังจากเสร็จสิ้นการบิน "ดวงจันทร์" จู่ๆ NASA ก็เริ่มประสบปัญหาการขาดแคลนเงินสำหรับการวิจัยอย่างฉับพลัน นี่คือสิ่งที่นักวิจัยชาวอเมริกันคนหนึ่งเขียนเมื่อปี 1974: “ตัวอย่างส่วนสำคัญจะถูกเก็บไว้เป็นทุนสำรองที่ศูนย์การบินอวกาศในฮูสตัน การลดเงินทุนจะลดจำนวนนักวิจัยและทำให้การวิจัยช้าลง"

หลังจากทุ่มเงิน 25 พันล้านดอลลาร์เพื่อส่งตัวอย่างดวงจันทร์ จู่ๆ NASA ก็ค้นพบว่าไม่มีเงินเหลือสำหรับการวิจัย...

เรื่องราวของการแลกเปลี่ยนดินโซเวียตและอเมริกาก็น่าสนใจเช่นกัน นี่คือข้อความจากหนังสือพิมพ์ปราฟดาเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์หลักอย่างเป็นทางการของยุคโซเวียต:

“ เมื่อวันที่ 13 เมษายน ตัวแทนของ NASA เยี่ยมชมรัฐสภาของ USSR Academy of Sciences การถ่ายโอนตัวอย่างดินบนดวงจันทร์จากที่ส่งมายังโลกโดยสถานีอัตโนมัติของโซเวียต "Luna-20" เกิดขึ้น ในเวลาเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์โซเวียตได้รับตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ที่ลูกเรือของยานอวกาศอะพอลโล 15 ของอเมริกาได้รับ การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นตามข้อตกลงระหว่าง USSR Academy of Sciences และ NASA ซึ่งลงนามในเดือนมกราคม พ.ศ. 2514”

ตอนนี้เราต้องผ่านกำหนดเวลา กรกฎาคม 1969 นักบินอวกาศ Apollo 11 ถูกกล่าวหาว่านำดินบนดวงจันทร์น้ำหนัก 20 กิโลกรัมกลับมา สหภาพโซเวียตไม่ได้ให้อะไรจากจำนวนนี้ ณ จุดนี้สหภาพโซเวียตยังไม่มีดินบนดวงจันทร์

กันยายน 1970 สถานี Luna-16 ของเราส่งดินบนดวงจันทร์มายังโลก และจากนี้ไปนักวิทยาศาสตร์โซเวียตก็มีบางสิ่งที่จะนำเสนอเป็นการแลกเปลี่ยน ทำให้ NASA ตกอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบาก แต่ NASA คาดว่าในต้นปี พ.ศ. 2514 จะสามารถส่งดินบนดวงจันทร์มายังโลกได้โดยอัตโนมัติ และด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงการแลกเปลี่ยนจึงได้ข้อสรุปแล้วในเดือนมกราคม พ.ศ. 2514 แต่การแลกเปลี่ยนนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก 10 เดือน เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดพลาดกับการจัดส่งอัตโนมัติในสหรัฐอเมริกา และชาวอเมริกันก็เริ่มลากเท้าของพวกเขา

ก.ค. 2514 ในส่วนของค่าความนิยมสหภาพโซเวียตโอนดิน 3 กรัมจาก Luna-16 ไปยังสหรัฐอเมริกาเพียงฝ่ายเดียว แต่ไม่ได้รับอะไรเลยจากสหรัฐอเมริกาแม้ว่าจะลงนามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเมื่อหกเดือนที่แล้วและ NASA คาดว่าจะมี 96 แล้ว กิโลกรัมของดินบนดวงจันทร์ในห้องเก็บของ (จาก Apollo 11, Apollo 12 และ Apollo 14) เวลาผ่านไปอีก 9 เดือน

เมษายน 1972 ในที่สุด NASA ก็ส่งมอบตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ มันถูกกล่าวหาว่าส่งมอบโดยลูกเรือของยานอวกาศ Apollo 15 ของอเมริกาแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว 8 เดือนนับตั้งแต่การบินของ Apollo 15 (กรกฎาคม 2514) เมื่อถึงเวลานี้ NASA คาดว่าจะมีหินบนดวงจันทร์ 173 กิโลกรัม (จาก Apollo 11, Apollo 12, Apollo 14 และ Apollo 15) ในห้องเก็บของ

นักวิทยาศาสตร์โซเวียตได้รับตัวอย่างบางอย่างจากความร่ำรวยเหล่านี้ซึ่งพารามิเตอร์ดังกล่าวไม่ได้รายงานในหนังสือพิมพ์ปราฟดา แต่ต้องขอบคุณดร.ม. นาซารอฟ เรารู้ว่าตัวอย่างนี้ประกอบด้วยรีโกลิธ และมีมวลไม่เกิน 29 กรัม

มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจนถึงประมาณเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2515 สหรัฐอเมริกาไม่มีดินบนดวงจันทร์จริงๆ เลย เห็นได้ชัดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 1972 ชาวอเมริกันได้รับดินบนดวงจันทร์จริงจำนวนกรัมแรกซึ่งถูกส่งมาจากดวงจันทร์โดยอัตโนมัติ ตอนนั้นเองที่ NASA แสดงความพร้อมที่จะทำการแลกเปลี่ยน

และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดินบนดวงจันทร์ของชาวอเมริกัน (หรือที่เจาะจงกว่านั้นคือสิ่งที่พวกเขามองข้ามไปว่าเป็นดินบนดวงจันทร์) ก็เริ่มหายไปโดยสิ้นเชิง ในฤดูร้อนปี 2545 ตัวอย่างวัสดุดวงจันทร์จำนวนมาก - ปลอดภัยซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 3 เซ็นต์เนอร์ - หายไปจากห้องเก็บของพิพิธภัณฑ์ของศูนย์อวกาศนาซ่าอเมริกัน จอห์นสันในฮูสตัน คุณเคยพยายามขโมยตู้เซฟหนัก 300 กิโลกรัมจากศูนย์อวกาศหรือไม่? และอย่าพยายามเลย มันเป็นงานที่ยากและอันตรายเกินไป แต่พวกหัวขโมยซึ่งตำรวจตามรอยไปได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจก็ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย Tiffany Fowler และ Ted Roberts ซึ่งทำงานในอาคารระหว่างที่พวกเขาหายตัวไป ถูกเจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI และ NASA จับกุมในร้านอาหารแห่งหนึ่งในฟลอริดา ต่อจากนั้นผู้สมรู้ร่วมคิดคนที่สาม Shae Saur ถูกควบคุมตัวในฮูสตันและจากนั้นผู้เข้าร่วมคนที่สี่ในอาชญากรรมคือ Gordon Mac Water ซึ่งอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าที่ถูกขโมย คนร้ายตั้งใจจะขายหลักฐานอันล้ำค่าเกี่ยวกับภารกิจบนดวงจันทร์ของ NASA ในราคา 1,000-5,000 ดอลลาร์ต่อกรัม ผ่านทางเว็บไซต์ของชมรมแร่วิทยาในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศฮอลแลนด์ ตามข้อมูลจากต่างประเทศมูลค่าของสินค้าที่ถูกขโมยมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

ไม่กี่ปีต่อมา - โชคร้ายครั้งใหม่ ในสหรัฐอเมริกาในพื้นที่เวอร์จิเนียบีช กล่องพลาสติกรูปทรงดิสก์ขนาดเล็กปิดผนึกสองกล่องพร้อมตัวอย่างอุกกาบาตและสสารดวงจันทร์ตัดสินโดยเครื่องหมายบนกล่องเหล่านั้น ถูกขโมยไปจากรถยนต์โดยหัวขโมยที่ไม่รู้จัก ตัวอย่างรายงานอวกาศประเภทนี้จะถูกโอนโดย NASA ไปยังผู้สอนพิเศษ “เพื่อวัตถุประสงค์ในการฝึกอบรม” ก่อนที่จะได้รับตัวอย่างดังกล่าว ครูจะต้องได้รับการฝึกอบรมพิเศษ ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเขาจะได้รับการสอนวิธีจัดการกับสมบัติประจำชาติของสหรัฐอเมริกาอย่างเหมาะสม และปรากฎว่า "สมบัติของชาติ" ขโมยง่ายมาก... แม้ว่านี่จะดูไม่เหมือนการโจรกรรม แต่เป็นการขโมยแบบจัดฉากเพื่อกำจัดหลักฐาน: ไม่มีมูล - ไม่มีคำถามที่ "ไม่สะดวก"

ดินบนดวงจันทร์ (เอกสารสำคัญของ NASA)

นักบินอวกาศ Harrison Schmitt รวบรวมดินบนดวงจันทร์ (เอกสารสำคัญของ NASA)

ตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ (เอกสารสำคัญของ NASA)

NASA จะทำอะไรกับความดีที่เหลือของดวงจันทร์? อ๋อ มันคือ "เพลง"

“จำเป็นต้องใช้วัสดุในปริมาณน้อยที่สุด โดยปล่อยให้ตัวอย่างส่วนใหญ่ไม่ถูกแตะต้องและไม่มีการปนเปื้อนสำหรับการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์รุ่นต่อๆ ไป” เจ. เอ. วูด ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกัน อธิบายจุดยืนของ NASA

นักบินอวกาศอะพอลโล 17 ชมิตต์ บีเก็บตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ (NASA archive)

"Luna-16" (ไฟล์เก็บถาวร RGANT)

ดินบนดวงจันทร์ (เอกสารสำคัญของ NASA)

และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ดินบนดวงจันทร์ของชาวอเมริกัน (หรือที่เจาะจงกว่านั้นคือสิ่งที่พวกเขามองข้ามไปว่าเป็นดินบนดวงจันทร์) ก็เริ่มหายไปโดยสิ้นเชิง ในฤดูร้อนปี 2545 ตัวอย่างสสารดวงจันทร์จำนวนมาก - ปลอดภัยซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 3 เซนเตอร์ - หายไปจากห้องเก็บของพิพิธภัณฑ์ของศูนย์อวกาศนาซ่าอเมริกัน จอห์นสันในฮูสตัน คุณเคยพยายามขโมยตู้เซฟหนัก 300 กิโลกรัมจากศูนย์อวกาศหรือไม่? และอย่าพยายามเลย มันเป็นงานที่ยากและอันตรายเกินไป แต่พวกหัวขโมยซึ่งตำรวจตามรอยไปได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจก็ประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย Tiffany Fowler และ Ted Roberts ซึ่งทำงานในอาคารระหว่างที่พวกเขาหายตัวไป ถูกเจ้าหน้าที่พิเศษของ FBI และ NASA จับกุมในร้านอาหารแห่งหนึ่งในฟลอริดา ต่อจากนั้นผู้สมรู้ร่วมคิดคนที่สาม Shae Saur ถูกควบคุมตัวในฮูสตันและจากนั้นผู้เข้าร่วมคนที่สี่ในอาชญากรรมคือ Gordon Mac Water ซึ่งมีส่วนในการขนส่งสินค้าที่ถูกขโมย คนร้ายตั้งใจจะขายหลักฐานอันล้ำค่าเกี่ยวกับภารกิจบนดวงจันทร์ของ NASA ในราคา 1,000-5,000 ดอลลาร์ต่อกรัม ผ่านทางเว็บไซต์ของชมรมแร่วิทยาในเมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศฮอลแลนด์ ตามข้อมูลจากต่างประเทศมูลค่าของสินค้าที่ถูกขโมยมีมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนของภาพยนตร์โดย Yu. Mukhin "Maximum of Lies and Stupidity"

“อัตราส่วนของไอโซโทปไนโตรเจนในตัวอย่าง “ดวงจันทร์” ของอเมริกาไม่ใช่ดวงจันทร์ แต่อยู่บนบก”

ดินบนดวงจันทร์ที่นักบินอวกาศนำมาจากดวงจันทร์ไม่มีอยู่จริง ศาสตราจารย์เนมชินจากโรงเรียนโลกและวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์แห่งมหาวิทยาลัยเคอร์ตินได้ข้อสรุปนี้ ซึ่งเขาพูดถึงที่ หน้าจดหมายวิทยาศาสตร์โลกและดาวเคราะห์ เผยกลโกงหลักของสหรัฐฯในรอบสองศตวรรษ

ดูเหมือนว่า ดินบนดวงจันทร์ “โดยนักบินอวกาศอเมริกัน” มี ต้นกำเนิดของโลกนักวิจัยได้ตีพิมพ์วิทยานิพนธ์ของพวกเขาในวารสาร จดหมายวิทยาศาสตร์โลกและดาวเคราะห์นักวิทยาศาสตร์พิจารณาว่าตัวอย่างหมายเลข 14321 เป็นเรื่องที่น่าสงสัย โดยมีน้ำหนัก 1.8 กรัม และแตกต่างอย่างมากจากตัวอย่างอื่นๆ ที่ถูกส่งมายังโลก

เราตรวจสอบและสังเกตเห็นสิ่งเจือปน เพทาย- พวกเขายอมรับว่าสายพันธุ์นี้ถูกสร้างขึ้น ในสภาพแวดล้อมที่อุดมด้วยออกซิเจนยิ่งกว่านั้นสิ่งแวดล้อมก็อาจจะเป็นเช่นนั้น น้ำนอกจากนี้ สำหรับแมกมาบนดวงจันทร์ อุณหภูมิของการก่อตัวของเพทาย ต่ำเกินไปสุดท้าย ประการที่สาม ความกดดันบนดวงจันทร์ระหว่างการก่อตัวของตัวอย่างควรจะเป็นเช่นนั้น สูงอย่างห้ามปราม- เป็นไปได้อย่างไร? นักวิทยาศาสตร์พบว่าสิ่งนี้แปลก

ในที่สุด เพื่อสนับสนุนทฤษฎีของพวกเขาเกี่ยวกับต้นกำเนิดของดิน นักวิทยาศาสตร์พูดคุยเกี่ยวกับอายุของหินซึ่ง โดยทั่วไปจะสอดคล้องกับข้อมูลภาคพื้นดิน- อเล็กซานเดอร์ เนมชิน แน่นอนในการวิจัยของพวกเขา

ตามเวอร์ชันอย่างเป็นทางการของ NASA จากการเดินทางไปยังพื้นผิวดวงจันทร์หกครั้งทำให้ดินบนดวงจันทร์จำนวน 382 กิโลกรัมถูกส่งไปยังโลกโดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Apollo บางส่วนประกอบด้วยเศษส่วนขนาดใหญ่ (หิน) บางส่วนมีขนาดเล็ก ด้านล่างนี้คือรายชื่อภารกิจของอเมริกาที่คาดว่าจะประสบความสำเร็จและน้ำหนักของดินบนดวงจันทร์ที่ภารกิจแต่ละภารกิจส่ง "จากดวงจันทร์"

ภารกิจมิสซาปี
อพอลโล 11 22 กก. 2512
อพอลโล 12 34 กก. 2512
อพอลโล 14 43 กก. 2514
อพอลโล 15 77 กก. 2514
อพอลโล 16 95 กก. 2515
อพอลโล 17 111 กก. 2515

และนี่คือลำดับเหตุการณ์ของการปรากฏตัวของดินบนดวงจันทร์ของโซเวียตบนโลกและน้ำหนักของมัน

ภารกิจมิสซาปี
ลูน่า-16 101 1970
ลูน่า-20 55 1972
ลูน่า-24 170 ก. 2519

เรื่องราวของการแลกเปลี่ยนดินโซเวียตและอเมริกาก็น่าสนใจเช่นกัน นี่คือข้อความจากหนังสือพิมพ์ปราฟดาเมื่อวันที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์หลักอย่างเป็นทางการของยุคโซเวียต:

“ เมื่อวันที่ 13 เมษายน ตัวแทนของ NASA เยี่ยมชมรัฐสภาของ USSR Academy of Sciences การถ่ายโอนตัวอย่างดินบนดวงจันทร์จากที่ส่งมายังโลกโดยสถานีอัตโนมัติของโซเวียต "Luna-20" เกิดขึ้น ในเวลาเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์โซเวียตได้รับตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ที่ลูกเรือของยานอวกาศอะพอลโล 15 ของอเมริกาได้รับ การแลกเปลี่ยนเกิดขึ้นตามข้อตกลงระหว่าง USSR Academy of Sciences และ NASA ซึ่งลงนามในเดือนมกราคม พ.ศ. 2514”

ตอนนี้เราต้องผ่านกำหนดเวลา กรกฎาคม 1969 นักบินอวกาศ Apollo 11 ถูกกล่าวหาว่านำดินบนดวงจันทร์น้ำหนัก 20 กิโลกรัมกลับมา สหภาพโซเวียตไม่ได้ให้อะไรจากจำนวนนี้ ณ จุดนี้สหภาพโซเวียตยังไม่มีดินบนดวงจันทร์

กันยายน 1970 สถานี Luna-16 ของเราส่งดินบนดวงจันทร์มายังโลก และจากนี้ไปนักวิทยาศาสตร์โซเวียตก็มีบางสิ่งที่จะนำเสนอเป็นการแลกเปลี่ยน ทำให้ NASA ตกอยู่ในตำแหน่งที่ยากลำบาก แต่ NASA คาดว่าในต้นปี พ.ศ. 2514 จะสามารถส่งดินบนดวงจันทร์มายังโลกได้โดยอัตโนมัติ และด้วยเหตุนี้ ข้อตกลงการแลกเปลี่ยนจึงได้ข้อสรุปแล้วในเดือนมกราคม พ.ศ. 2514 แต่การแลกเปลี่ยนนั้นจะไม่เกิดขึ้นอีก 10 เดือน เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดพลาดกับการจัดส่งอัตโนมัติในสหรัฐอเมริกา และชาวอเมริกันก็เริ่มลากเท้าของพวกเขา

ก.ค. 2514 ในส่วนของค่าความนิยมสหภาพโซเวียตโอนดิน 3 กรัมจาก Luna-16 ไปยังสหรัฐอเมริกาเพียงฝ่ายเดียว แต่ไม่ได้รับอะไรเลยจากสหรัฐอเมริกาแม้ว่าจะลงนามข้อตกลงแลกเปลี่ยนเมื่อหกเดือนที่แล้วและ NASA คาดว่าจะมี 96 แล้ว กิโลกรัมของดินบนดวงจันทร์ในห้องเก็บของ (จาก Apollo 11, Apollo 12 และ Apollo 14) เวลาผ่านไปอีก 9 เดือน

เมษายน 1972 ในที่สุด NASA ก็ส่งมอบตัวอย่างดินบนดวงจันทร์ มันถูกกล่าวหาว่าส่งมอบโดยลูกเรือของยานอวกาศ Apollo 15 ของอเมริกาแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว 8 เดือนนับตั้งแต่การบินของ Apollo 15 (กรกฎาคม 2514) เมื่อถึงเวลานี้ NASA คาดว่าจะมีหินบนดวงจันทร์ 173 กิโลกรัม (จาก Apollo 11, Apollo 12, Apollo 14 และ Apollo 15) ในห้องเก็บของ

นักวิทยาศาสตร์โซเวียตได้รับตัวอย่างบางอย่างจากความร่ำรวยเหล่านี้ซึ่งพารามิเตอร์ดังกล่าวไม่ได้รายงานในหนังสือพิมพ์ปราฟดา แต่ต้องขอบคุณดร.ม. นาซารอฟ เรารู้ว่าตัวอย่างนี้ประกอบด้วยรีโกลิธ และมีมวลไม่เกิน 29 กรัม

มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจนถึงประมาณเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2515 สหรัฐอเมริกาไม่มีดินบนดวงจันทร์จริงๆ เลย เห็นได้ชัดว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 1972 ชาวอเมริกันได้รับดินบนดวงจันทร์จริงจำนวนกรัมแรกซึ่งถูกส่งมาจากดวงจันทร์โดยอัตโนมัติ ตอนนั้นเองที่ NASA แสดงความพร้อมที่จะทำการแลกเปลี่ยน

และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ดินบนดวงจันทร์ของชาวอเมริกัน (หรือที่เจาะจงกว่านั้นคือสิ่งที่พวกเขามองข้ามไปว่าเป็นดินบนดวงจันทร์) ก็เริ่มหายไปโดยสิ้นเชิง ในฤดูร้อนปี 2545 ตัวอย่างวัสดุดวงจันทร์จำนวนมาก - ปลอดภัยซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 3 เซ็นต์เนอร์ - หายไปจากห้องเก็บของพิพิธภัณฑ์ของศูนย์อวกาศนาซ่าอเมริกัน จอห์นสันในฮูสตัน คุณเคยพยายามขโมยตู้เซฟหนัก 300 กิโลกรัมจากศูนย์อวกาศหรือไม่?

ไม่กี่ปีต่อมา - โชคร้ายครั้งใหม่ ในสหรัฐอเมริกาในพื้นที่เวอร์จิเนียบีช กล่องพลาสติกรูปทรงดิสก์ขนาดเล็กปิดผนึกสองกล่องพร้อมตัวอย่างอุกกาบาตและสสารดวงจันทร์ตัดสินโดยเครื่องหมายบนกล่องเหล่านั้น ถูกขโมยไปจากรถยนต์โดยหัวขโมยที่ไม่รู้จัก ตัวอย่างรายงานอวกาศประเภทนี้จะถูกโอนโดย NASA ไปยังผู้สอนพิเศษ “เพื่อวัตถุประสงค์ในการฝึกอบรม”

ก่อนที่จะได้รับตัวอย่างดังกล่าว ครูจะต้องได้รับการฝึกอบรมพิเศษ ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเขาจะได้รับการสอนวิธีจัดการกับสมบัติประจำชาติของสหรัฐอเมริกาอย่างเหมาะสม และปรากฎว่า "สมบัติของชาติ" ขโมยง่ายมาก... แม้ว่านี่จะดูไม่เหมือนการโจรกรรม แต่เป็นการขโมยแบบจัดฉากเพื่อกำจัดหลักฐาน: ไม่มีมูล - ไม่มีคำถามที่ "ไม่สะดวก"

และในที่สุด หลังจากที่ชายคนหนึ่งที่ไม่มีชุดอวกาศถูกค้นพบในรูปถ่ายที่ถ่ายระหว่างนักบินอวกาศลงจอดบนดวงจันทร์ เรื่องอื้อฉาวก็ปะทุขึ้น นี่ไม่ใช่แค่ความไม่สอดคล้องกันเท่านั้น ในการพิชิตดวงจันทร์โดยชาวอเมริกัน

ซ้าย ภาพสะท้อนบนกระจกหมวกของนักบินอวกาศอพอลโลบนดวงจันทร์

ลูกบอลลูกเล็กตัดผ่านความหนาของบรรยากาศอย่างรวดเร็วกำลังเข้าใกล้โลก ร่มชูชีพเปิดออก - การวิ่งเร็วกลายเป็นการสืบเชื้อสายอย่างราบรื่น ในที่สุด โลกบ้านเกิดของเรา ซึ่งเป็นลูกบอลที่มีดินบนดวงจันทร์อันล้ำค่า ได้ลงจอดอย่างปลอดภัย ห่างจากเมือง Dzhezkazgan สาธารณรัฐคาซัคสถาน SSR ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 80 กิโลเมตร ดังนั้นในวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2513 การบินที่น่าทึ่งของสถานีอัตโนมัติ Luna-16 ของสหภาพโซเวียตจึงสิ้นสุดลง

เที่ยวบินประวัติศาสตร์นี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2513 โดยเปิดตัวเมื่อเวลา 16:26 น. ตามเวลามอสโก นักสำรวจอัตโนมัติได้ขึ้นสู่ดวงจันทร์ในอีก 70 นาทีต่อมาจากวงโคจรของดาวเทียมโลกเทียม ขั้นตอนสุดท้ายของยานปล่อยจรวดได้วางสถานีบนเส้นทางการบินไปยังดวงจันทร์อย่างแม่นยำจนต้องมีการแก้ไขวิถีโคจรเพียงครั้งเดียว แทนที่จะต้องวางแผนไว้ 2 ครั้ง การแก้ไขวิถีทำให้ Luna-16 ไปถึงจุดที่คำนวณได้ของอวกาศซิสลูนาร์ ซึ่งเครื่องยนต์ออนบอร์ดของสถานีเปิดอยู่และการเคลื่อนที่ช้าลง ด้วยแรงกระตุ้นการเบรกภายใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ สถานีจึงเคลื่อนตัวไปยังวงโคจรเป็นวงกลมรอบดวงจันทร์ที่ระดับความสูง 110 กิโลเมตร ในอีกสองวันข้างหน้า สถานีจะเคลื่อนที่ไปในอวกาศบนดวงจันทร์เพื่อเคลื่อนเข้าสู่วงโคจรก่อนลงจอด Luna 16 ประสบความสำเร็จในการซ้อมรบและเข้าสู่วงโคจรรูปวงรีรอบดวงจันทร์ โดยเคลื่อนที่ไปตามวงโคจรนี้ โดยเคลื่อนออกจากพื้นผิวดวงจันทร์ไปเป็นระยะทางสูงสุด 106 กิโลเมตร จากนั้นเข้าใกล้มันในระยะทางขั้นต่ำ 15 กิโลเมตร จากวงโคจรนี้สถานี Luna-16 ลงมาที่จุดที่คำนวณได้ (สำหรับสิ่งนี้เครื่องยนต์ออนบอร์ดก็เปิดอีกครั้ง) และเริ่มลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์

หุ่นจำลอง Luna 16 ในพิพิธภัณฑ์

สถานีได้ลงจอดบนดวงจันทร์อย่างแผ่วเบาเมื่อเวลา 08.18 น. ตามเวลามอสโก เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2513 ในบริเวณทะเลแห่งความอุดมสมบูรณ์

หลังจากเครื่องลงแล้ว สถานีก็เริ่มโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ตามคำสั่งจากโลก เครื่องรวบรวมดินอัตโนมัติถูกเปิดใช้งาน นี่เป็นกลไกพิเศษที่นำสว่านไฟฟ้ามาสัมผัสกับชั้นผิวด้วยการปรับเปลี่ยนที่ซับซ้อน เจาะดินให้ลึก 35 เซนติเมตร นำดินไปวางไว้ในภาชนะของยานพาหนะที่ส่งคืน

และแล้วขั้นตอนที่สำคัญที่สุดช่วงหนึ่งก็มาถึง - ต้องส่งดินบนดวงจันทร์มายังโลก วันที่ 21 กันยายน เวลา 10:43 น. ตามคำสั่งจากโลก เครื่องยนต์ของจรวด Moon-Earth เปิดทำงาน และจรวดอวกาศพร้อมยานส่งกลับถูกปล่อยจากดวงจันทร์ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อวกาศที่หุ่นยนต์ถูกส่งตัวจากเทห์ฟากฟ้าอื่นในระบบสุริยะเพื่อกลับมายังโลก

เครื่องยนต์จรวดอวกาศถูกดับลงเมื่อความเร็วถึง 2,708 เมตร/วินาที หลังจากนั้นจรวดพร้อมยานส่งคืนก็เปลี่ยนไปใช้เส้นทางการบินแบบขีปนาวุธมุ่งสู่โลก สำหรับขีปนาวุธ - นี่หมายความว่าหลังจากดับเครื่องยนต์แล้วจรวดจะเคลื่อนที่ภายใต้อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ก่อนแล้วจึงเคลื่อนไปยังโลก และสิ่งที่จำเป็นคือความแม่นยำสูงสุดในการวางตำแหน่งบนวิถีโคจรที่ไม่จำเป็นต้องแก้ไข และเมื่อเคลื่อนที่ไปตามนั้น จรวดก็จะพุ่งชนพื้นโลก และมันก็ไม่เพียงแค่พบกันเท่านั้น แต่ยังเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเหนือจุดใดจุดหนึ่งของโลกเพื่อที่จะลงจอดในพื้นที่ที่กำหนดของสหภาพโซเวียต จรวดทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมและดินบนดวงจันทร์ก็ถูกส่งไปยังโลกอย่างปลอดภัย