นักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาอาร์กติกเรียกว่าอะไร? นักสำรวจอาร์กติกโซเวียตที่มีชื่อเสียงที่สุด

ผู้คนอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทางภาคเหนือ มหาสมุทรอาร์กติกประมาณ 30,000 ปีก่อน นักวิทยาศาสตร์ได้พบหลักฐานเกี่ยวกับสิ่งนี้ (โบราณสถานในหุบเขาแม่น้ำอุสะในโคมิและปากแม่น้ำยานาในยาคุเตีย) เป็นเวลาหลายศตวรรษจนถึงทุกวันนี้ ชนเผ่าพื้นเมืองในแถบอาร์กติกได้อนุรักษ์วิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของบรรพบุรุษของพวกเขา แม้ว่าจะมีเพียงไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ก็ตาม

เป็นเวลาหลายปีในหมู่ชาวยุโรปดินแดนนี้ถือเป็น "ดินแดนที่ตายแล้ว" ซึ่งไม่เหมาะสมสำหรับชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อการขนส่งและการค้าพัฒนาขึ้น การสำรวจจำนวนมากก็เริ่มถูกส่งไปยังอาร์กติก ในศตวรรษที่ 10 ชาวนอร์มันค้นพบกรีนแลนด์ และตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 ลูกเรือชาวรัสเซียเริ่มสำรวจพื้นที่ทางตอนเหนืออย่างต่อเนื่อง - พวกเขาค้นพบ Novaya Zemlya ซึ่งเป็นเกาะ Vaygach และ Kolguev

เขตภูมิศาสตร์ธรรมชาติในภูมิภาคขั้วโลกเหนือและใต้เรียกว่าอาร์กติกและแอนตาร์กติกตามลำดับ เหล่านี้เป็นอาณาจักรแห่งหิมะและน้ำแข็งที่มีอายุนับพันปีที่ดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ นักวิจัย และนักเดินทางมาโดยตลอด มันขึ้นอยู่กับพวกเขาว่ากรณีของความกล้าหาญ ความกล้าหาญ และความกล้าหาญที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนมีความเกี่ยวข้องกัน

นักสำรวจชาวยุโรปตะวันตกในศตวรรษที่ 16 และ 17 พยายามเดินทางไปตามอเมริกาและยูเรเซียตามเส้นทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่สามารถรุกคืบไปไกลกว่า Novaya Zemlya ไปทางทิศตะวันออกและทางตะวันออกของหมู่เกาะแคนาดาไปทางทิศตะวันตกได้

Pomors ชาวรัสเซียล่องเรือรอบคาบสมุทร Taimyr ขณะล่องเรือไปตามชายฝั่งไซบีเรียในศตวรรษที่ 17 ช่องแคบระหว่างเอเชียและอเมริกาเปิดในปี 1648 ต้องขอบคุณ Semyon Dezhnev อันเป็นผลมาจากงานขนาดใหญ่ที่ดำเนินการในอาร์กติกโดย Great Northern Expedition (S.I. Chelyuskin, H.P. Laptev, D.Ya. Laptev, S.G. Malygin ฯลฯ ) รายละเอียดเกือบทั้งหมดของชายฝั่งทางตอนเหนือของเอเชียถูกแมป .

การเดินทางของ V. Chichagov ไปที่ Central Arctic ตามความคิดริเริ่มของ M. Lomonosov การค้นพบที่สำคัญศตวรรษที่ 19 และ 20 ในภูมิภาคนี้เกี่ยวข้องกับชื่อนักเดินเรือชาวรัสเซีย: F.P. Wrangel, M. Gedenstrom, E.V. Toll, F.P. Anzhu, P.K. Pakhtusov, V.A. ออสเตรีย: J. Payer และ K. Weiprecht; อเมริกัน: เจ. เดอลอง; นอร์เวย์: F. Nansen; อังกฤษ: John Ross, James Ross, W. Parry ตลอดจนคณะสำรวจที่ส่งมาเพื่อค้นหาคณะสำรวจที่หายไปของเจ. แฟรงคลินในปี ค.ศ. 1845

ใครเป็นคนแรกที่ค้นพบดินแดนหรือพื้นที่ทางตอนเหนือในมหาสมุทรอาร์กติกมักเป็นคำถามที่ค่อนข้างยากเนื่องจากนักเดินทางแต่ละคนมีส่วนร่วม บางครั้งพื้นที่เดียวกันก็ถูกค้นพบสองครั้ง ตัวอย่างเช่น ยังคงมีการอภิปรายกันว่าใครเป็นคนแรกที่ไปเยือนขั้วโลกเหนือ เฟรเดอริก คุก ชาวอเมริกันอ้างว่าทำสำเร็จในปี 1908 และโรเบิร์ต แพรี เพื่อนร่วมชาติของเขาในปี 1909 แต่ก็ไม่มีใครให้หลักฐานที่แน่ชัด และนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายงานของพวกเขา

นอร์เดนสกีโอลด์ในปี ค.ศ. 1878-1879 ผ่านทางตะวันออกเฉียงเหนือจากตะวันตกไปตะวันออก เธอไปทางตะวันตกตามเส้นทางเดียวกันในปี พ.ศ. 2457-2458 การเดินทางของ B. Vilkitsky ต้องขอบคุณลูกเรือชาวรัสเซีย ผลจากการเดินทางแบบ end-to-end นี้ ความเป็นไปได้ของการเดินทางไปตามเส้นทางทะเลเหนือจึงได้รับการพิสูจน์แล้ว อย่างไรก็ตามในปี 1913 Vilkitsky ค้นพบ Severnaya Zemlya

ในส่วนของการวิจัยทวีปแอนตาร์กติกนั้น วันแห่งการค้นพบในประวัติศาสตร์ ถือเป็นวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2363 ตอนนั้นเองที่ลูกเรือชาวรัสเซียภายใต้การนำของแธดเดียสเบลลิงส์เฮาเซ่นและมิคาอิลลาซาเรฟได้เหยียบย่ำบนดินของทวีปที่หกของโลกเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้ นักภูมิศาสตร์และนักเดินทางจำนวนมากพยายามค้นหาทวีปทางใต้แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

จากนั้นคณะสำรวจของนักเดินเรือชาวอังกฤษและอเมริกันก็ออกเดินทางไปยังสถานที่เหล่านี้ ซึ่งค้นพบหมู่เกาะแอดิเลด ดินแดนแห่งจอยน์วิลล์ หลุยส์ ฟิลิปป์ วิกตอเรีย อเดล และคลารี รวมถึงวิลค์ส หมู่เกาะชายฝั่งทะเล ฯลฯ หลังจากการเดินทางของเรือ American Wilkes และเรือ Ross ชาวอังกฤษ ในช่วงปี ค.ศ. 1838-1842 มีช่วงเวลาแห่งความสงบในการวิจัยซึ่งกินเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ

แอนตาร์กติกาเริ่มดึงดูดความสนใจอีกครั้งในศตวรรษที่ 19 เมื่อจำนวนวาฬในอาร์กติกลดลงเนื่องจากการกำจัดสัตว์นักล่า และนักล่าวาฬก็หันไปสนใจทางตอนใต้ของโลก

ในช่วงต่อมา กิจกรรมของมนุษย์ที่นี่ค่อนข้างเข้มข้น: การสำรวจจำนวนมาก การสร้างสถานีภาคพื้นดิน โครงการวิจัยระดับนานาชาติ

บางครั้งอาร์กติกและแอนตาร์กติกก็สับสนเพราะคำนี้ฟังดูคล้ายกัน “อาร์กติก” แปลมาจากภาษากรีกว่า “ursa” หรือ “ตั้งอยู่ใต้กลุ่มดาว กลุ่มดาวหมีใหญ่- และคำว่า “แอนตาร์กติกา” แปลว่า “ตรงกันข้ามกับอาร์กติก” กล่าวอีกนัยหนึ่งนี่คือขั้วสองขั้วที่อยู่ตรงข้ามกัน - ขั้วเหนือไกลและขั้วใต้ไกล

อาร์กติกอุ่นกว่า แต่แอนตาร์กติกามีพื้นที่ใหญ่กว่า มีประชากรพื้นเมืองในภูมิภาคอาร์กติกเซอร์เคิล แต่ไม่มีใครอาศัยอยู่อย่างถาวรในทวีปทางใต้ อากาศทั้งสองขั้วรุนแรงมาก สภาพธรรมชาติ, ผักและ สัตว์ประจำถิ่นมีเอกลักษณ์.

มีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ทุกประเภทที่นี่ ต่อหน้าของ ทวีปทางใต้และหลายประเทศสนใจอาร์กติก บทบาทนำในอาร์กติกเป็นของรัสเซีย

สำหรับ วงกลมขั้วโลกภาคเหนือและ ซีกโลกใต้สถานที่ที่หนาวที่สุดในโลกของเราตั้งอยู่ น้ำค้างแข็งรุนแรงและลมน้ำแข็ง พายุหิมะ และความมืดมิดของคืนขั้วโลกปกคลุมที่นี่ ผู้คนพยายามดิ้นรนสู่ทะเลอาร์กติกเพื่อค้นหาสถานที่ใหม่สำหรับการตกปลาและสัตว์ทะเล และพัฒนาทะเลเหล่านี้เพื่อการเดินเรือ

นักเดินทางใช้ความพยายามอย่างมากในการสำรวจเหนือสุดและใต้สุดของโลก การต่อสู้อย่างกล้าหาญของพวกเขาด้วยนิสัยที่รุนแรง ความกล้าหาญ และความกล้าหาญ ได้รับการยอมรับและความเคารพโดยทั่วไป และ การค้นพบทางภูมิศาสตร์เข้าสู่ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ตลอดกาล

การวิจัยอาร์กติก

บุคคลแรกที่แจ้งให้ชาวยุโรปทราบเกี่ยวกับทะเลที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งคือนักดาราศาสตร์ชาวกรีกชื่อ Pytheas ในยุคกลาง การเดินทางอันยาวนานในทะเลทางเหนือเพื่อค้นหาปลาและสัตว์ทะเลดำเนินการโดยชาวนอร์มัน (Varangians) โอเตอร์ นักอุตสาหกรรมชาวนอร์มัน ล่องเรือจากทะเลเหนือไปยังทะเลสีขาวรอบๆ แหลมเหนือ Eirik the Red ค้นพบเกาะกรีนแลนด์ในปี 982 ลีฟ ลูกชายของเขาเป็นผู้นำคณะสำรวจจากกรีนแลนด์เพื่อค้นหาดินแดนใหม่ ชาวนอร์มันประมาณ 1,000 คนค้นพบชายฝั่ง ทวีปอเมริกาเหนือที่ 40° N ว.

ลูกเรือชาวรัสเซียบนเรือและ kochas ซึ่งเป็นเรือสามเสากระโดงที่แข็งแกร่งในการก่อสร้างของพวกเขาเอง - เดินทางไปยังทะเลอันห่างไกลของอาร์กติกเพื่อหาขนสัตว์อย่างกล้าหาญเพื่อตกปลาหาปลาและสัตว์ทะเล แล้วในศตวรรษที่ XII-XV ชาวโนฟโกโรเดียนสำรวจชายฝั่งของคาบสมุทรโคลาและ ทะเลสีขาวและตั้งรกรากอยู่ที่นั่น ตามพงศาวดาร Pomors ของรัสเซียได้วางรากฐานสำหรับการเดินเรือในน้ำแข็งและเป็นนักสำรวจมหาสมุทรอาร์กติกมาโดยตลอด พวกเขาค้นพบเกาะ Novaya Zemlya, Kolguev, Medvezhy และ Grumant Land (Spitsbergen) ชาวรัสเซียได้รับเกียรติในการค้นพบ subpolar ทางตอนเหนือของยุโรปและเอเชียทั้งหมด ยกเว้นทางตอนเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย

การค้นพบทางภูมิศาสตร์ที่น่าทึ่งเกิดขึ้นโดยการสำรวจของชาวอังกฤษและชาวดัตช์ ซึ่งกำลังมองหาเส้นทางที่สั้นที่สุดไปยังความร่ำรวยทางตะวันออกตามแนวชายฝั่งทางตอนเหนือของอเมริกาและยูเรเซีย เส้นทางทะเลเหล่านี้ผ่านทางเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล เป็นที่รู้จักในภูมิศาสตร์ว่าเส้นทางทางตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 จอห์น คาบอต ชาวอิตาลีในภาษาอังกฤษ และลูกชายของเขา เซบาสเตียน คาบอต เดินทางมาถึงชายฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกา เรืออังกฤษแล่นไปตามชายฝั่งตะวันออกของทวีป อย่างไรก็ตาม น้ำแข็งแข็งทำให้นักเดินทางต้องกลับมา

ไม่กี่ทศวรรษต่อมา คณะสำรวจชาวอังกฤษอีกคณะหนึ่งซึ่งนำโดยฮิวจ์ วิลลาบีและริชาร์ด ชานเซลเลอร์ (ค.ศ. 1553-1554) ก็จบลงด้วยความล้มเหลวเช่นกัน เธอพยายามหาทางไปยังประเทศทางตะวันออกตามแนวชายฝั่งยุโรปและเอเชียของมหาสมุทรอาร์กติก แต่คณะสำรวจสามารถไปถึงเกาะ Kolguev ได้เท่านั้น ผู้เข้าร่วมหลายคนเสียชีวิตในไม่ช้า

การสำรวจของอังกฤษอีกสองครั้ง - ในปี 1556 และ 1580 - ด้วยความหวาดกลัวต่อทุ่งน้ำแข็งขนาดใหญ่ในทะเลคารา จึงละทิ้งความพยายามของพวกเขาที่จะล่องเรือต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ในบันทึกของเรือของการสำรวจเหล่านี้มีบันทึกว่าตลอดเส้นทางอังกฤษพบร่องรอยของชาวประมงและนักล่าชาวรัสเซีย

ชาวดัตช์จากการสำรวจของนักเดินเรือชื่อดัง Willem Barents (1594) ตั้งชื่อแผงกั้นน้ำแข็งแข็งที่ 77° N ว. นอกชายฝั่งตะวันตกของ Novaya Zemlya พร้อมกับ "ฝูงหงส์ยักษ์" หลังจากล้มเหลวในการผ่านเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ เรือสองลำจึงกลับมา และอีกสองลำสามารถเดินทางไปยังทะเลคาราได้เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวไม่ได้หยุดชาวดัตช์ ใน ปีหน้าพวกเขาได้เตรียมการสำรวจอีกครั้งด้วยเรือหกลำที่บรรทุกสินค้าเพื่อการค้ากับจีนและอินเดีย แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะล่องเรือต่อที่ Novaya Zemlya เธอถูกบังคับให้ทำเช่นนี้ด้วยน้ำแข็งฮัมมอคกี้หนัก เลือดออกตามไรฟันและน้ำค้างแข็งรุนแรง นี่เป็นการสำรวจชาวดัตช์ที่ใหญ่ที่สุดในอาร์กติก

อันที่สามก็จบเศร้าเช่นกัน การเดินทางครั้งสุดท้ายชาวดัตช์ซึ่งออกเดินทางในปี 1596 เพื่อค้นหาเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือ เธอไปถึงเกาะ Spitsbergen และค้นพบทางภูมิศาสตร์หลายครั้ง แต่เนื่องจากน้ำแข็งที่ไม่สามารถผ่านได้ เธอจึงไม่สามารถก้าวหน้าต่อไปได้ เรือของเรนท์สจอดอยู่ทางตอนเหนือของโนวายา เซมเลีย ฤดูหนาวอาร์กติกที่ยากลำบากได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ในปี ค.ศ. 1597 เรนท์สเสียชีวิต ร่างของเขาถูกหย่อนลงไปในทะเลซึ่งต่อมาเรียกว่าทะเลเรนท์ สหายของเรนท์ได้รับการช่วยเหลือจากความอดอยากโดยชาวรัสเซียผู้ล่าสัตว์และปลา

ความพยายามของนักเดินเรือในศตวรรษที่ 16 การค้นหาเส้นทางตะวันออกเฉียงเหนือจากยุโรปไปยังเอเชียตะวันออกไม่ประสบผลสำเร็จ

ในความพยายามที่จะได้รับประโยชน์มากขึ้นจากการค้ากับประเทศทางตะวันออกอันห่างไกลของอังกฤษในช่วงปลายวันที่ 16 และใน ต้น XVIIวี. พยายามเข้าถึงพวกเขาอีกครั้งด้วยเส้นทางที่สั้นที่สุด - ทะเลทางตอนเหนือของอเมริกา ด้วยเหตุนี้ กะลาสีเรือชาวอังกฤษจึงได้เดินทางที่โดดเด่นหลายครั้ง ในหมู่พวกเขา สถานที่พิเศษครอบครองโดยการเดินทางของ M. Frobisher, G. Hudson และ V. Baffin การเดินทางในช่วงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจหมู่เกาะแคนาดา เป็นครั้งแรกที่ศึกษาธรรมชาติของภูเขาน้ำแข็ง เสร็จสิ้นการค้นพบชายฝั่งทางตอนเหนือของลาบราดอร์ทั้งหมด และนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มากมายมาให้

ลูกเรือชาวรัสเซียที่นำโดยเซมยอน เดจเนฟในปี 1648 ได้ล่องเรือรอบปลายสุดทางตะวันออกเฉียงเหนือของเอเชีย และค้นพบช่องแคบที่แยกเอเชียออกจากอเมริกา ซึ่งต่อมาเรียกว่าช่องแคบแบริ่ง Dezhnev เป็นคนแรกที่ล่องเรือจากมหาสมุทรอาร์กติกไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก คนที่รุนแรงที่สุดตั้งชื่อตามเขา แหลมตะวันออกเอเชีย.

ระหว่างการเดินทางครั้งใหญ่ทางเหนือในปี ค.ศ. 1733-1743 ซึ่งมีผู้คนหลายพันคนเข้าร่วม เกือบทุกอย่างถูกทำแผนที่ ชายฝั่งทางเหนือรัสเซีย. ทีมสำรวจจำนวนมากสำรวจทะเลและชายฝั่งทางตอนเหนือของไซบีเรียเป็นเวลา 10,000 ปี กม.อันเป็นผลมาจากการเดินทางของ V. Bering และ A. Chirikov ชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกาถูกค้นพบในระดับหนึ่ง

สมาชิกคณะสำรวจ Semyon Chelyuskin มาถึงจุดเหนือสุดของเอเชียในปี 1742 เสื้อคลุมนี้มีชื่อของเขา จากมหาสมุทรแปซิฟิกไปจนถึงมหาสมุทรแอตแลนติกตามแนวชายฝั่งของทวีปอเมริกาเหนือ คณะสำรวจชาวอังกฤษของ R. McClure เดินทางด้วยเลื่อนจากตะวันตกไปตะวันออกในปี 1853 เพียงครึ่งศตวรรษต่อมา (พ.ศ. 2446-2449) R. Amundsen ล่องเรือจากตะวันออกไปตะวันตกจากกรีนแลนด์ไปยังอลาสกาบนเรือ "Gjoa" และสำรวจข้อความนี้

ในปี พ.ศ. 2421-2422 นับเป็นครั้งแรกในการเดินเรือสองครั้งที่การเดินทางของ A. Nordenskiöld บนเรือกลไฟ "Vega" แล่นผ่านเส้นทาง North-Eastern Passage จากตะวันตกไปตะวันออก จัดโดยชาวสวีเดนร่วมกับชาวรัสเซีย

เหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของการพิชิตอาร์กติกถือเป็นจุดสิ้นสุดของศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 Fridtjof Nansen นักสำรวจขั้วโลกชาวนอร์เวย์ผู้โด่งดัง สร้างขึ้นในปี 1893-1896 บนเรือ "Fram" แล่นพยายามไปถึงขั้วโลกเหนือ น้ำแข็งที่ล่องลอยพาเรือไปยังละติจูด 83°59"N ซึ่งเป็นจุดที่ Nansen และเพื่อนร่วมทาง Johansen ไปที่ขั้วโลก แต่จากพิกัด 86°14"N. ว. กลับมาถึงดินแดนฟรานซ์โจเซฟได้สำเร็จ ขณะที่ Fram ลอยอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก Nansen ได้ทำการศึกษาที่สำคัญเกี่ยวกับความลึกและกระแสน้ำของมหาสมุทร และสังเกตการเคลื่อนที่ของน้ำแข็ง

40 ปีต่อมา เรือตัดน้ำแข็งของโซเวียต Georgiy Sedov ล่องลอยเป็นเวลา 812 วันจากทะเล Laptev ไปยังทะเลกรีนแลนด์ขนานกับแนวล่องลอยของ Nansen Fram และข้ามมันหลายครั้ง นักสำรวจขั้วโลกถึงอุณหภูมิ 86°39 N sh. ที่ซึ่งไม่มีเรือลำใดเคยไป

จากการเปรียบเทียบวัสดุทางวิทยาศาสตร์จากทั้งสองลำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรงกำลังเกิดขึ้นในแถบอาร์กติก

อาร์กติกจากอวกาศ ภาพ: นาซ่า

ผู้บัญชาการกองทัพเรือและนักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นของรัสเซีย พลเรือเอกสเตฟาน โอซิโปวิช มาคารอฟ เป็นครั้งแรกในโลกในปี พ.ศ. 2442 แล่นบนเรือตัดน้ำแข็ง "Ermak" ใกล้เกาะ Spitsbergen สองปีต่อมา Makarov ได้นำคณะสำรวจไปยัง Novaya Zemlya และ Franz Josef Land บนเรือตัดน้ำแข็ง Ermak ที่สามารถเอาชนะได้ น้ำแข็งที่แข็งแกร่งและจัดขบวนคาราวาน เรือขนส่งเปิดหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์การสำรวจอาร์กติก

การสำรวจของรัสเซียอีกครั้งก็มีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการศึกษาอาร์กติก - บนเรือใบ "Zarya" ภายใต้คำสั่งของ E. Toll (1900-1902) เส้นทางของเธอมุ่งสู่หมู่เกาะนิวไซบีเรีย ในช่วงฤดูหนาว คณะสำรวจได้สำรวจหมู่เกาะ Nordenskiöld และชายฝั่งของคาบสมุทร Taimyr โทลและเพื่อนอีกสามคนหายตัวไปหลังจากที่พวกเขาออกจากเรือใบเพื่อตามหาแซนนิคอฟแลนด์ คณะสำรวจจำนวนมากค้นหามัน แต่ในปี 1938 มีเพียงนักวิจัยโซเวียตเท่านั้นที่ค้นพบว่าไม่มี "ดินแดน" ดังกล่าวอยู่จริง

โดดเด่น ความสำเร็จทางภูมิศาสตร์ V. A. Rusanov, G. Ya. Sedov, G. L. Brusilov, B. A. Vilkitsky และนักสำรวจขั้วโลกชาวรัสเซียคนอื่น ๆ ยกย่องชื่อของพวกเขา เมื่อเอาชนะความยากลำบากพวกเขาเปิดเส้นทางใหม่สะสมทรัพย์สมบัติมากมาย ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในพื้นที่ที่แทบไม่มีการสำรวจ

การเดินทางของ V. Rusanov หนึ่งในสามการเดินทางของรัสเซียที่ดำเนินการในปี 1912 เพื่อนำทางเส้นทางทะเลเหนือจากตะวันตกไปตะวันออกสิ้นสุดลงอย่างน่าเศร้า Rusanov ล่องเรือ Hercules ไปยังเกาะ Spitsbergen และค้นพบแหล่งถ่านหินที่นั่น จากที่นี่ตั้งใจจะไปถึงทะเลแบริ่ง แต่หายไปในทะเลคารา เฉพาะในปี พ.ศ. 2477-2479 นักเดินเรือโซเวียตค้นพบสิ่งของ เอกสาร และซากค่ายของ Rusanov บนชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทร Taimyr และเสาที่มีคำจารึกว่า "Hercules" ปี 1913

นักสำรวจขั้วโลกชาวรัสเซียอีกคน ร้อยโท G. Brusilov ตัดสินใจล่องเรือไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกตามแนวชายฝั่งไซบีเรียผ่าน Yugorsky Shar เรือใบไอน้ำของคณะสำรวจ "เซนต์. แอนนา" ถูกแช่แข็งในทะเลคาราใกล้คาบสมุทรยามาล เรือล่องลอยเป็นเวลานานและถูกพาไปที่แอ่งขั้วโลก ในปี 1914 ที่พิกัด 83°17" N ในพื้นที่ทางเหนือของ Franz Josef Land นักเดินเรือของคณะสำรวจ Albanov พร้อมด้วยลูกเรือ 13 คนออกจากเรือใบ นักเดินทางเดินบนน้ำแข็งที่ลอยไปทางทิศตะวันตก Albanov และกะลาสีเรือ Konrad ไปถึงที่หมาย ลงจอดที่ Franz Joseph ซึ่งเรือ St. Fok ของ G. Sedov มารับพวกเขา

ธงชาติรัสเซียโบกสะบัดเหนือเรือกลไฟทำลายน้ำแข็ง "Taimyr" และ "Vaigach" ซึ่งภายใต้การบังคับบัญชาของ B. A. Vilkitsky แล่นผ่านทางเหนือ ริมทะเลในปี พ.ศ. 2456-2458 จากตะวันออกไปตะวันตกโดยมีพื้นที่หลบหนาวหนึ่งแห่ง เรือเหล่านี้มีการกำจัด 1200 ตถูกสร้างขึ้นที่อู่ต่อเรือ Nevsky ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กโดยเฉพาะสำหรับการศึกษาทางตอนเหนือ เส้นทางทะเล.

การสำรวจที่มีอุปกรณ์ครบครันของ B. A. Vilkitsky อธิบายชายฝั่งและเกาะที่อยู่ติดกันตั้งแต่ช่องแคบแบริ่งจนถึงปากแม่น้ำ Yenisei รวบรวมแผนที่ทางทะเลและทิศทางการเดินเรือ เธอค้นพบหมู่เกาะ Severnaya Zemlya, เกาะ Maly Taimyr, Starokadomsky, Vilkitsky และ Lyakhov ในปี 1915 เรือทั้งสองลำมาถึง Arkhangelsk วัสดุที่กว้างขวางของการสำรวจช่วยอำนวยความสะดวกในการพัฒนาเส้นทางทะเลตามแนวชายฝั่งของยุโรปและเอเชีย

ประเทศของเราเป็นผู้นำด้านการบินเหนือน้ำแข็งอาร์กติก ในปี 1914 เครื่องบิน - เครื่องบินน้ำประเภท Farman - ถูกส่งไปยัง Novaya Zemlya เพื่อค้นหาคณะสำรวจที่หายไปของ Rusanov, Brusilov และ Sedov

นักบินทหารรัสเซีย I. Nagursky ทำการบินครั้งแรกในอาร์กติก รถแล่นมาด้วยความเร็วประมาณ 100 กมต่อชั่วโมง แม้จะมีหมอกและพายุ Nagursky ก็สำรวจชายฝั่งของ Novaya Zemlya หลายครั้ง

การใช้การบินเป็นจุดเปลี่ยนในประวัติศาสตร์ของอาร์กติก เครื่องบินโซเวียตหลายร้อยลำได้จัดการจราจรทางอากาศตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติก โดยจัดหาทุกสิ่งที่ต้องการให้กับหมู่บ้านที่เติบโตอย่างรวดเร็วและสถานีขั้วโลกแห่งใหม่ การบินเริ่มมีการใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับ การวิจัยทางวิทยาศาสตร์- ผู้บุกเบิกในเรื่องนี้คือนักบินเรือ B. Chukhnovsky

นักบินขั้วโลกผู้โด่งดัง M. Babushkin ลงจอดบนน้ำแข็งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอาร์กติก เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1927 ในทะเลสีขาว การบินเริ่มถูกนำมาใช้เพื่อนำทางเรือขนส่งผ่านน้ำแข็ง

การพัฒนาการบินขั้วโลกของโซเวียตทำให้ในปี พ.ศ. 2478 สามารถทำการบินที่โดดเด่นได้หลายครั้ง V. Galyshev บินมากกว่า 10,000 คนจากมอสโกไปยังอ่าว Tiksi ในฤดูหนาว กม.ระยะเวลาการบินของ V. Molokov จาก Krasnoyarsk ไปยัง Cape Dezhnev และเกาะ Wrangel เกิน 13,000 กม. M. Vodopyanov บินจากมอสโกไปยัง Cape Otto Schmidt และจากที่นั่นไปยังเกาะ Wrangel

ในฤดูใบไม้ผลิปี 1941 นักบินขั้วโลก I. Cherevichny ไปถึงบริเวณขั้วโลกที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ (81° N) ด้วยเครื่องบิน N-169 สี่เครื่องยนต์ของสหภาพโซเวียต คณะสำรวจได้ลงจอดบนน้ำแข็งสามครั้ง เกาะ Wrangel ได้รับเลือกให้เป็นฐานของการสำรวจ ห้องปฏิบัติการการบินอนุญาตให้นักวิทยาศาสตร์รวบรวมวัสดุอันมีค่าเกี่ยวกับพื้นที่ที่ยังมิได้สำรวจโดยสมบูรณ์ วัดความลึกของมหาสมุทรในสถานที่นี้ และได้รับข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาที่สำคัญ คณะสำรวจได้ค้นพบ เวทีใหม่ในประวัติศาสตร์การวิจัยอย่างเป็นระบบของลุ่มน้ำขั้วโลก

การสำรวจขั้วโลกเหนือ

สถานที่พิเศษในประวัติศาสตร์ การวิจัยขั้วโลกครอบครองการพิชิตขั้วโลกทางภูมิศาสตร์ของโลกของเราซึ่งนักวิทยาศาสตร์จากประเทศต่างๆแสวงหาการเดินทาง แคมเปญของพวกเขาเต็มไปด้วยความยากลำบากอย่างไม่น่าเชื่อและการเสียสละจำนวนมาก Robert Peer ชาวอเมริกันอุทิศชีวิต 23 ปีเพื่อไปถึงขั้วโลกเหนือ ในปี 1909 เขาไปถึงขั้วโลก

ในปี 1912 นักสำรวจขั้วโลกที่โดดเด่น ร้อยโทอาวุโส Georgy Yakovlevich Sedov ได้จัดเตรียมการเดินทางของรัสเซียครั้งแรกไปยังขั้วโลกเหนือ ก่อนหน้านั้น เขาล่องเรือในทะเลอาร์กติก สำรวจส่วนหนึ่งของ Novaya Zemlya และทำแผนที่อ่าว Krestovaya

โครงการสำรวจขั้วโลกซึ่งนำเสนอโดย Sedov ต่อเจ้าหน้าที่ซาร์ถูกปฏิเสธ แต่สิ่งนี้ไม่ได้หยุดนักวิจัย การเอาชนะความยากลำบากมหาศาลโดยใช้การสนับสนุนจากนักวิทยาศาสตร์ขั้นสูง Sedov ต้องขอบคุณการบริจาคของเอกชนจึงได้ระดมทุนสำหรับการสำรวจ

เขาจ้างเรือกลไฟ “เซนต์. โฟก้า”

การเดินทางเป็นเรื่องยากมาก แต่เรือแม้จะมีพายุรุนแรงและน้ำแข็งหนาแน่น แต่ก็สามารถแล่นไปทางเหนือไปตามชายฝั่งของ Novaya Zemlya สภาพน้ำแข็งที่ยากลำบากผิดปกติในทะเลแบเรนท์สทำให้เซดอฟไม่สามารถไปถึงดินแดนฟรานซ์โจเซฟได้ และเขาถูกบังคับให้ฤดูหนาวที่โนวายา เซมเลีย Sedov ใช้การหลบหนาวเพื่อการสังเกตทางวิทยาศาสตร์และจัดทำแผนที่ทางตอนเหนือของเกาะ

เฉพาะในเดือนกันยายน พ.ศ. 2456 หลังจากที่น้ำแข็งเคลียร์เรือแล้ว จึงจะสามารถแล่นต่อไปได้ เมื่อไปถึงดินแดน Franz Josef ในเดือนเดียวกันนั้น คณะสำรวจก็ตั้งรกรากในฤดูหนาวที่สอง - ในอ่าวที่ Sedov เรียกว่า Tikhaya เมื่อไม่มีเชื้อเพลิง หม้อต้มก็ดับ เรือถูกจอดไว้ไม่ให้จม น้ำค้างแข็งกำลังโหมกระหน่ำ หลายคนเป็นโรคเลือดออกตามไรฟันและ Sedov ก็ป่วยด้วย แต่ชายผู้กล้าหาญคนนี้ก็ไม่ละทิ้งความคิดที่จะไปถึงขั้วโลกเหนือ

เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 Sedov พร้อมสหายสองคน - กะลาสี A. M. Pustoshny และ G. V. Linnik - ออกเดินทางสู่ขั้วโลก พวกเขาต้องเดิน 2 พัน กม.

“ฉันกำลังออกเดินทางบนถนนที่ไม่แข็งแกร่งเท่าที่ฉันต้องการและอยากจะอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้” เขากล่าวพร้อมกล่าวคำอำลากับเพื่อนฝูง - ถึงเวลาแล้ว และเราจะเริ่มต้นความพยายามครั้งแรกของรัสเซียในการไปถึงขั้วโลกเหนือ ผลงานของชาวรัสเซียได้เขียนหน้าที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของการสำรวจทางตอนเหนือ รัสเซียสามารถภาคภูมิใจได้ ตอนนี้เรามีความรับผิดชอบในการพิสูจน์ผู้สืบทอดที่คู่ควรต่อนักสำรวจภาคเหนือของเรา แต่ฉันถาม: อย่ากังวลกับชะตากรรมของเรา ถ้าฉันอ่อนแอ เพื่อนของฉันก็เข้มแข็ง เราจะไม่ละทิ้งธรรมชาติขั้วโลกไปโดยเปล่าประโยชน์”

ไม่กี่วันต่อมา Sedov รู้สึกไม่สบาย เขาเป็นหวัดรุนแรงและเริ่มหายใจแรง และในตอนเย็นเขาก็ตัวสั่น สุขภาพของเขาทรุดโทรมลงและเขาหมดสติอยู่บ่อยครั้ง การเปลี่ยนผ่านกลายเป็นเรื่องยากมากขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม Sedov เสียชีวิต หลังจากฝังเจ้านายอันเป็นที่รักบนเกาะรูดอล์ฟแล้ว Pustoshny และ Linnik ก็กลับไปที่เรือ

วัสดุทางวิทยาศาสตร์อันล้ำค่าของการสำรวจของ Sedov ถูกใช้อย่างกว้างขวางโดยนักวิจัยโซเวียต ใกล้กับแหลมที่ตั้งชื่อตาม Sedov ซึ่งเป็นจุดที่นักสำรวจขั้วโลกผู้กล้าหาญคนนี้เริ่มต้นการเดินทางอย่างกล้าหาญไปยังขั้วโลกเหนือ มีหอดูดาวขั้วโลกถูกสร้างขึ้นในปี 1929

ความพยายามที่จะเจาะเข้าไปในขั้วโลกเหนือทางอากาศเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง การเสียชีวิตของวิศวกรชาวสวีเดน โซโลมอน อังเดร และสหายอีกสองคนของเขาทำให้การบินไปยังขั้วโลกด้วยบอลลูนนกอินทรีในปี พ.ศ. 2440

ในปีพ.ศ. 2468 ชาวนอร์เวย์ Roald Amundsen และชาวอเมริกัน Ellsworth บินไปที่ขั้วโลกด้วยเครื่องบินน้ำสองลำ ที่ละติจูด 87 ° 43 "N พวกเขาลงจอดฉุกเฉิน เครื่องบินลำหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากการอัดของน้ำแข็ง และผู้รอดชีวิตคณะสำรวจกลับไปที่เกาะ Spitsbergen และจากนั้นโดยเรือกลไฟไปยังนอร์เวย์ ในปีต่อมา ชาวอเมริกัน Richard Byrd ไปถึงเสาแล้วบินวนอยู่เหนือมันบนเครื่องบินและ Roald Amundsen บนเรือเหาะ "นอร์เวย์" อย่างไรก็ตามไม่มีนักเดินทางคนใดพยายามลงจอดในบริเวณขั้วโลกเหนือด้วยซ้ำ

กล้าหาญสี่

สามารถว่ายน้ำได้ตลอดทางจาก ทะเลเรนท์ไปยังช่องแคบแบริ่งในการนำทางครั้งเดียวได้รับการพิสูจน์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในปี พ.ศ. 2475 โดยการสำรวจบนเรือกลไฟ Sibiryakov ที่ทำลายน้ำแข็ง หลังจากการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ของ Sibiryakov ผู้อำนวยการหลักของเส้นทางทะเลเหนือได้ก่อตั้งขึ้นในปีเดียวกัน งานของเขาคือการพัฒนาเส้นทางทะเลเหนือ ซึ่งเป็นเส้นทางขั้วโลกขนาดยักษ์จากมหาสมุทรแอตแลนติกไปจนถึงมหาสมุทรแปซิฟิก เส้นทางนี้เชื่อมต่อ

เรือของ Sedov "St. โฟก้า" ในช่วงฤดูหนาว

เย้ ท่าเรือโซเวียตในส่วนของยุโรปของประเทศที่มีท่าเรือ ตะวันออกไกล- มีความยาวครึ่งหนึ่งของเส้นทางทะเลผ่านคลองสุเอซและมหาสมุทรอินเดีย ในเรื่องนี้ความสำคัญของงานวิจัยในแถบอาร์กติกก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น การศึกษาทะเลอาร์กติกอย่างเป็นระบบ เป็นระบบ และกว้างขวาง และการศึกษาเกี่ยวกับระบอบการปกครองของน้ำแข็งเริ่มขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะศึกษาทะเลชายฝั่งอย่างแท้จริง ในขณะที่มหาสมุทรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลเหล่านั้นยังไม่มีการสำรวจ นี่คือที่มาของแนวคิดในการจัดสถานีดริฟท์ในใจกลางมหาสมุทรอาร์กติก

การสำรวจทางอากาศของโซเวียตถูกส่งไปยังขั้วโลกเหนือเพื่อนำบุคลากรทางวิทยาศาสตร์ไปที่นั่นเพื่อศึกษาบริเวณตอนกลางของมหาสมุทรอาร์กติก

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 เครื่องบินเรือธงภายใต้คำสั่งของ M.V. Vodopyanov ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะสำรวจ O.Yu Schmidt พนักงานสี่คนของสถานีดริฟท์ในอนาคต - I.D. Krenkel และตากล้อง M. A. Troyanovsky ร่อนลงบนน้ำแข็งใกล้ขั้วโลกเหนือ

ไม่กี่วันต่อมา เครื่องบินสำรวจอีก 3 ลำที่ขับโดย V.S. Molokov, A.D. Alekseev และ I.P. Mazuruk ได้ส่งมอบอุปกรณ์ไปยังพื้นน้ำแข็งซึ่งเป็นที่ตั้งสถานีดริฟท์ทางวิทยาศาสตร์ "ขั้วโลกเหนือ"

ชาวปาปานีเริ่มทันที การสังเกตทางวิทยาศาสตร์และถ่ายทอดผลทางวิทยุไปยังแผ่นดินใหญ่ โปรแกรมนี้ประกอบด้วยการศึกษากระแสน้ำและความลึกของมหาสมุทร อุณหภูมิ และ องค์ประกอบทางเคมีน้ำในชั้นต่างๆ องค์ประกอบของสนามแม่เหล็กโลก อุตุนิยมวิทยา และการสังเกตการณ์อื่นๆ มันเป็นการทำงานหนักมาก ตัวอย่างเช่น หากต้องการรับข้อมูลเกี่ยวกับความลึกของมหาสมุทร เราจะต้องหมุนกว้านด้วยตนเองอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง คณะสำรวจไม่สามารถนำเครื่องยนต์ไปด้วยได้ ซึ่งจะทำให้งานนี้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีน้ำหนักมาก

ชาวฤดูหนาวอาศัยอยู่ในเต็นท์ที่คับแคบ แหล่งกำเนิดความร้อนและแสงสว่างคือตะเกียงน้ำมันก๊าด และอาหารถูกปรุงบนเตาพรีมัส การเปลี่ยนเสื้อผ้าเปียกแช่ที่อุณหภูมิ -10° ภายในเต็นท์ทำให้เกิดความไม่สะดวกอย่างมาก ผู้เข้าร่วมดริฟท์โกนเดือนละครั้ง - วันที่ 21

การสังเกตการณ์ครั้งแรกที่สถานีได้ให้ข้อมูลอันมีคุณค่าทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับบริเวณใจกลางของแอ่งขั้วโลก

ปรากฎว่าทิศทางของเข็มแม่เหล็กที่ขั้วแตกต่างจากที่คำนวณไว้ก่อนหน้านี้ที่ 10-20° ในมหาสมุทรอาร์กติกที่ระดับความลึก 250 ถึง 750 มมีการค้นพบชั้นน้ำอุ่นที่มีต้นกำเนิดจากมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นครั้งแรกที่มีการกำหนดความลึกของมหาสมุทรที่ขั้วโลกเหนืออย่างแม่นยำ - 4290 ม.ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับความยากจนของสัตว์ในมหาสมุทรกลับกลายเป็นว่าผิด จากความลึก 100 มเครือข่ายแพลงก์ตอนได้ส่งหอย ตัวอ่อน แมงกะพรุนและสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็ง ไกลออกไปทางเหนือ ที่ 88° N ซ.,. ฤดูหนาวพบกับหมีขั้วโลก แมวน้ำเครา แมวน้ำ นกนางนวล และธงหิมะ

จากข้อมูลจากสถานีขั้วโลกเหนือในฤดูร้อนปี 1937 นักบิน V.P. Chkalov, G.F. Baidukov และ A.V. Belyakov ทำการบินข้ามทวีปอาร์กติกที่น่าทึ่งจากสหภาพโซเวียตไปยังอเมริกาด้วย ANT-25 และ M.M. Gromov , A. B. Yumashev และ S. A. Danilin ANT-25-1. เที่ยวบินเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีอันน่าทึ่งของการบินโซเวียตและทักษะระดับสูงของนักบินของเรา

ในเดือนมกราคม ความเร็วดริฟท์ของสถานีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การอัดตัวของน้ำแข็งเกิดขึ้นบ่อยขึ้นเรื่อยๆ และแรงสั่นสะเทือนของแผ่นน้ำแข็งก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวันที่ 20 มกราคม ก็มีรอยแตกขนาดใหญ่ที่แยกเต็นท์ออกจากกัน เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์จากค่าย ในช่วงที่เกิดพายุหลายวันในคืนวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2480 น้ำแข็งได้แยกออกเป็นหลายส่วน รอยแตกหนึ่งผ่านไปใต้โกดังสาธารณูปโภค ส่วนอีกรอยแตกหนึ่งตัดเชื้อเพลิงและอาหารออกจากฐานสองฐาน ผู้กล้าหาญทั้งสี่พบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอันตรายร้ายแรง และมีเพียงความกล้าหาญเท่านั้นที่ช่วยให้พวกเขาต้านทานการต่อสู้กับองค์ประกอบที่ดุเดือดได้

19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2481 เหลือซากน้ำแข็งลอยน้ำขนาดลดลงเหลือ 1,500 ชิ้น มในวันที่ 2 เรือกลไฟทำลายน้ำแข็ง "Taimyr" และ "Murman" มาถึงในเวลาเดียวกัน และภายในไม่กี่ชั่วโมง ทรัพย์สินทั้งหมดของสถานีลอยน้ำและวีรบุรุษในฤดูหนาวก็ปลอดภัย

การล่องลอยเป็นระยะทาง 2,500 กิโลเมตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนบนแผ่นน้ำแข็งของนักสำรวจขั้วโลกโซเวียตผู้กล้าหาญสี่คน ผู้ซึ่งเสริมคุณค่าวิทยาศาสตร์ด้วยวัสดุที่มีค่าที่สุด ใช้เวลานานถึง 274 วัน

พื้นที่ขั้วโลกเหนือของโลก รวมถึงมหาสมุทรอาร์กติกและทะเล: กรีนแลนด์ เรนท์ คารา ลาปเตฟ ไซบีเรียตะวันออก ชุคชี และโบฟอร์ต รวมถึงทะเลแบฟฟิน อ่าวฟ็อกซ์แอ่ง ช่องแคบและอ่าวหลายแห่งของอาร์กติกแคนาดา หมู่เกาะทางตอนเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก หมู่เกาะอาร์กติกของแคนาดา, กรีนแลนด์, สปิตส์เบอร์เกน, ฟรานซ์โจเซฟแลนด์, โนวายา เซมเลีย, เซเวอร์นายา เซมเลีย, หมู่เกาะไซบีเรียใหม่ และบริเวณใกล้เคียง Wrangel รวมถึงชายฝั่งทางตอนเหนือของทวีปยูเรเซียและอเมริกาเหนือ

คำว่า "อาร์กติก" มีต้นกำเนิดจากภาษากรีกและหมายถึง "ประเทศ" หมีตัวใหญ่" - ตามกลุ่มดาวหมีใหญ่

อาร์กติกครอบครองประมาณหนึ่งในหกของพื้นผิวโลก สองในสามของดินแดนอาร์กติกตั้งอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติก ซึ่งเป็นมหาสมุทรที่เล็กที่สุดในโลก พื้นผิวมหาสมุทรส่วนใหญ่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง (ความหนาเฉลี่ย 3 เมตร) ตลอดทั้งปี และไม่สามารถเดินเรือได้ มีผู้คนประมาณ 4 ล้านคนอาศัยอยู่ในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้

ประวัติศาสตร์การสำรวจอาร์กติก

ขั้วโลกเหนือดึงดูดความสนใจของนักเดินทางและนักวิจัยมายาวนานซึ่งเอาชนะความยากลำบากอันเหลือเชื่อเจาะลึกขึ้นไปทางเหนือค้นพบหมู่เกาะและหมู่เกาะอาร์กติกที่หนาวเย็นและวางไว้บนแผนที่

เหล่านี้เป็นตัวแทน ชาติต่างๆโลก: ชาวอเมริกัน John Franklin และ Robert Peary, ชาวดัตช์ William Barents, ชาวนอร์เวย์ Fridtjof Nansen และ Roald Amundsen, ชาวอิตาลี Umberto Nobile และคนอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งชื่อของเขายังคงอยู่ในชื่อของเกาะภูเขาธารน้ำแข็งทะเลตลอดไป ในหมู่พวกเขามีเพื่อนร่วมชาติของเรา: Fyodor Litke, Semyon Chelyuskin, พี่น้อง Laptev, Georgy Sedov, Vladimir Rusanov

Pomors และนักสำรวจชาวรัสเซียในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 โดยใช้แม่น้ำสาขาของแม่น้ำไซบีเรียเดินทางไปยังมหาสมุทรอาร์กติกและตามแนวชายฝั่ง ในปี ค.ศ. 1648 กะลาสีเรือกลุ่มหนึ่งนำโดย "พ่อค้า" Fedot Popov และ Cossack ataman Semyon Dezhnev ล่องเรือรอบคาบสมุทร Chukotka บน Kocha (สุนัขปอมโบราณประดับเรือพายเสากระโดงเดี่ยว) และเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก

ในปี ค.ศ. 1686-1688 การสำรวจการค้าของ Ivan Tolstoukhov บน kochas สามลำแล่นไปรอบ ๆ คาบสมุทร Taimyr จากตะวันตกไปตะวันออก ในปี ค.ศ. 1712 นักสำรวจ Mercury Vagin และ Yakov Permyakov ได้ไปเยือนเกาะ Bolshoi Lyakhovsky เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบและการสำรวจหมู่เกาะ New Siberian ทั้งหมด

ในปี ค.ศ. 1733-1742 Great Northern Expedition ทำงานในน่านน้ำของมหาสมุทรอาร์กติกและบนชายฝั่ง โดยพื้นฐานแล้ว ได้รวมการสำรวจหลายครั้ง รวมถึงการสำรวจ Kamchatka ครั้งที่สองที่นำโดย Vitus Bering ซึ่งดำเนินการศึกษาที่ซับซ้อนขนาดใหญ่ของดินแดนทางตอนเหนือของไซบีเรียตั้งแต่ปากเกาะ Pechora และ Vaygach ไปจนถึง Chukotka หมู่เกาะ Commander และ Kamchatka เป็นครั้งแรกที่ชายฝั่งของมหาสมุทรอาร์กติกตั้งแต่ Arkhangelsk ไปจนถึงปาก Kolyma ชายฝั่งของเกาะ Honshu และหมู่เกาะ Kuril ได้รับการแมป ไม่เคยมีภารกิจทางภูมิศาสตร์ที่ทะเยอทะยานมากไปกว่านี้มาก่อนการสำรวจครั้งนี้

Semyon Chelyuskin อุทิศทั้งชีวิตให้กับการศึกษาบริเวณชานเมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของดินแดนรัสเซีย เป็นเวลา 10 ปี (พ.ศ. 2276-2286) เขาดำรงตำแหน่งครั้งที่สอง การเดินทางคัมชัตกา, ในทีม นักวิจัยที่มีชื่อเสียงวาซิลี โปรชิชเชฟ, คาริตัน ลาปเตฟ
ในฤดูใบไม้ผลิปี 1741 Chelyuskin เดินไปตามดินแดนทางชายฝั่งตะวันตกของ Taimyr และบรรยายถึงเรื่องนี้ ในฤดูหนาวปี ค.ศ. 1741-1742 เดินทางไปและอธิบายชายฝั่งทางตอนเหนือของ Taimyr ซึ่งเขาระบุทางตอนเหนือสุดของเอเชีย การค้นพบนี้กลายเป็นอมตะในอีก 100 ปีต่อมาในปี พ.ศ. 2386 ทางตอนเหนือสุดของเอเชียได้ชื่อว่า Cape Chelyuskin

การสนับสนุนที่สำคัญในการศึกษาส่วนตะวันออกของเส้นทางทะเลเหนือนั้นทำโดยนักเดินเรือชาวรัสเซีย Ferdinand Wrangel และ Fyodor Matyushkin ( เพื่อนไลเซียมอเล็กซานเดอร์ พุชกิน) ในปี พ.ศ. 2363-2367 พวกเขาตรวจสอบและจัดทำแผนที่ชายฝั่งภาคพื้นทวีปจากปาก Kolyma ไปยังอ่าว Kolyuchinskaya และทำการเดินทางที่ไม่เคยมีมาก่อนบนน้ำแข็งลอยในบริเวณนี้สี่ครั้ง

Fyodor Litke ลงไปในประวัติศาสตร์ในฐานะนักสำรวจอาร์กติกคนสำคัญ ในปี พ.ศ. 2364-2367 Litke บรรยายถึงชายฝั่งของ Novaya Zemlya และทำอะไรได้มากมาย คำจำกัดความทางภูมิศาสตร์สถานที่ตามแนวชายฝั่งทะเลสีขาว สำรวจส่วนลึกของแฟร์เวย์และบริเวณน้ำตื้นที่เป็นอันตรายของทะเลนี้ เขาบรรยายการเดินทางครั้งนี้ไว้ในหนังสือ “Fourfold Journey to the Arctic Ocean in 1821-1824”

ในปี พ.ศ. 2369 Litke ออกเดินทางรอบโลกด้วยเรือสลุบ Senyavin ซึ่งกินเวลาสามปี จากผลลัพธ์ที่ได้ นี่เป็นหนึ่งในการสำรวจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในครึ่งแรก ศตวรรษที่สิบเก้า: ระบุอยู่ในทะเลแบริ่ง จุดที่สำคัญที่สุดชายฝั่ง Kamchatka จากอ่าว Avacha ไปทางเหนือ มีการอธิบายหมู่เกาะ Karaginsky, เกาะ Matvey และชายฝั่งของ Chukotka Land ที่ไม่รู้จักมาก่อน มีการระบุหมู่เกาะ Pribilof; มีการสำรวจและอธิบายหมู่เกาะแคโรไลน์ หมู่เกาะโบนิน-สีมา และอื่นๆ อีกมากมาย

ขั้นตอนใหม่ทั้งหมดในการสำรวจและการพัฒนาการขนส่งของมหาสมุทรอาร์กติกมีความเกี่ยวข้องกับชื่อของพลเรือเอก Stepan Makarov นักเดินเรือชาวรัสเซียผู้โด่งดัง ตามแนวคิดของเขาในปี พ.ศ. 2442 เรือตัดน้ำแข็งที่ทรงพลังลำแรกของโลก Ermak ถูกสร้างขึ้นในอังกฤษซึ่งควรจะใช้สำหรับการสื่อสารเป็นประจำกับ Ob และ Yenisei ผ่านทางทะเล Kara และเพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของมหาสมุทรจนถึงละติจูดสูงสุด .

"การสำรวจอุทกศาสตร์ของมหาสมุทรอาร์กติก" ของรัสเซียในปี พ.ศ. 2453-2458 ประสบผลสำเร็จในแง่ของผลลัพธ์ บนเรือตัดน้ำแข็ง "Taimyr" และ "Vaigach" จากเมืองวลาดิวอสต็อก เธอใช้เวลาเพียงสามปีในการสำรวจอุทกศาสตร์อย่างละเอียดตั้งแต่ Cape Dezhnev จนถึงปาก Lena และสร้างเครื่องหมายการเดินเรือบนชายฝั่ง

ในปี พ.ศ. 2456 คณะสำรวจได้รับมอบหมายให้ดำเนินการสำรวจข้อมูลอุทกศาสตร์ไปยังคาบสมุทร Taimyr ต่อไป และภายใต้เงื่อนไขที่เอื้ออำนวย จะต้องเดินทางผ่านเส้นทางทะเลเหนือไปจนถึงเมือง Murmansk ในปัจจุบัน แต่ Cape Chelyuskin กลับกลายเป็นน้ำแข็งที่หนักและไม่แตก

ในปี 1912 Georgy Sedov นักอุทกศาสตร์และนักสำรวจขั้วโลกได้เสนอโครงการสำหรับการเดินทางเลื่อนไปยังขั้วโลกเหนือ เมื่อวันที่ 14 (27) สิงหาคม พ.ศ. 2455 เรือ "Saint Foka" ออกจาก Arkhangelsk และเนื่องจากน้ำแข็งที่ไม่สามารถผ่านได้จึงหยุดในฤดูหนาวใกล้กับ Novaya Zemlya คณะสำรวจเข้าใกล้ Franz Josef Land ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2456 เท่านั้น แต่เนื่องจากขาดถ่านหิน จึงหยุดที่อ่าว Tikhaya เป็นฤดูหนาวที่สอง เมื่อวันที่ 2 (15) กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2457 Sedov และลูกเรือที่มากับเขา Grigory Linnik และ Alexander Pustoshny ไปที่ขั้วโลกเหนือด้วยสุนัขลากเลื่อนสามตัว ก่อนถึงคุณพ่อ รูดอล์ฟ เซดอฟ เสียชีวิตและถูกฝังไว้ที่แหลมเอาก์ของเกาะแห่งนี้ อ่าวสองแห่งและยอดเขาบน Novaya Zemlya ธารน้ำแข็งและแหลมบน Franz Josef Land เกาะในทะเลเรนท์ส และแหลมในทวีปแอนตาร์กติกาตั้งชื่อตาม Sedov

นักสำรวจอาร์กติก นักสมุทรศาสตร์ Nikolai Zubov (พ.ศ. 2428-2503) ในปี พ.ศ. 2455 ได้ทำการสำรวจอ่าว Mityushikha ในอุทกศาสตร์ ชายฝั่งตะวันตกโลกใหม่

ในปี 1932 เขาเป็นผู้นำการสำรวจบนเรือ "N. Knipovich" ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เดินทางรอบ Franz Josef Land จากทางเหนือ ต่อมา Nikolai Zubov หยิบยกและพัฒนาปัญหาการคาดการณ์น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกวางรากฐานสำหรับหลักคำสอนเรื่องการไหลเวียนของน้ำในแนวตั้งและต้นกำเนิดของชั้นกลางเย็นในทะเลพัฒนาวิธีการคำนวณการบดอัดของน้ำ เมื่อผสมและกำหนดกฎของน้ำแข็งที่ลอยไปตามไอโซบาร์

ถึงอย่างไรก็ตาม ทั้งซีรีย์การสำรวจเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งหลายแห่งได้ค้นพบทางภูมิศาสตร์ครั้งสำคัญ มหาสมุทรอาร์กติกยังคงมีการศึกษาไม่ดี

ในสมัยโซเวียต การวิจัยและการพัฒนาเส้นทางทะเลเหนือถือเป็นสิ่งสำคัญระดับชาติ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2464 เลนินได้ลงนามในพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันวิจัยทางทะเลลอยน้ำ พื้นที่ทำกิจกรรมของสถาบันนี้คือมหาสมุทรอาร์กติกซึ่งมีทะเลและปากแม่น้ำ เกาะต่างๆ และชายฝั่งที่อยู่ติดกันของ RSFSR
เริ่มต้นในปี 1923 ในเวลาเพียงสิบปี สถานีวิทยุอุตุนิยมวิทยาวิทยุขั้วโลก 19 แห่งถูกสร้างขึ้นบนชายฝั่งและเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรอาร์กติก

ในไม่ช้ารัสเซียก็กลายเป็นผู้นำในการสำรวจและสำรวจขั้วโลกเหนือ

ในปี 1929 Vladimir Wiese นักสำรวจขั้วโลกผู้โด่งดังได้หยิบยกแนวคิดในการสร้างสถานีล่องลอยทางวิทยาศาสตร์ขั้วโลกแห่งแรก ในปีที่ผ่านมาแอ่งอาร์กติกมีพื้นที่ 5-6 ล้านตารางเมตร กม. ยังคงเป็น "จุดว่าง" ที่ยังไม่ได้สำรวจ และในปี พ.ศ. 2480 ความคิดในการศึกษามหาสมุทรอาร์กติกจากน้ำแข็งที่ลอยอยู่ก็กลายเป็นความจริง

สถานที่พิเศษในประวัติศาสตร์ถูกครอบครองโดยช่วงการสำรวจอาร์กติกของสหภาพโซเวียตในช่วงทศวรรษที่ 1930-1940 จากนั้นมีการสำรวจอย่างกล้าหาญบนเรือทำลายน้ำแข็ง "G. Sedov", "Krasin", "Sibiryakov", "Litke" พวกเขานำโดยนักสำรวจขั้วโลกชื่อดัง Otto Schmidt, Rudolf Samoilovich, Vladimir Wiese, กัปตัน Vladimir Voronin ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกในการนำทางครั้งเดียวที่เส้นทางทะเลเหนือเสร็จสมบูรณ์ มีการบินข้ามขั้วโลกเหนืออย่างกล้าหาญ ซึ่งสร้างโอกาสใหม่โดยพื้นฐานในการเข้าถึงและศึกษาขั้วโลกเหนือ

ตั้งแต่ปี 1991 ถึง 2001 ไม่มีสถานีดริฟท์รัสเซียเพียงแห่งเดียวในอาร์กติก ( สถานีโซเวียต"ขั้วโลกเหนือ 31" ถูกปิดในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2534 ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์เพียงคนเดียวที่จะรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นในไซต์งาน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจรัสเซียถูกบังคับให้ขัดขวางวงจรการสังเกตที่กินเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษจากธารน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในอาร์กติก เฉพาะในปี พ.ศ. 2544 สถานีดริฟท์แห่งใหม่ทดลอง "ขั้วโลกเหนือ" ได้เปิดทำการชั่วคราว

ปัจจุบัน มีการสำรวจระหว่างประเทศมากกว่า 12 ครั้งในแถบอาร์กติกโดยรัสเซียมีส่วนร่วม

เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552 สถานีลอยน้ำของรัสเซีย "ขั้วโลกเหนือ - 37" ได้เริ่มดำเนินการ มีคน 16 คนทำงานที่ SP-37 - ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยอาร์กติกและแอนตาร์กติก (AARI) Sergei Lesenkov ได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าสถานี

โปรแกรมวิทยาศาสตร์ของการวิจัยของรัสเซียได้รับการพัฒนาโดยองค์กรและหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ชั้นนำซึ่งรวมถึง Hydrometeorological Scientific - ศูนย์วิจัยสหพันธรัฐรัสเซีย (ศูนย์อุทกวิทยาแห่งรัสเซีย), สถาบันสมุทรศาสตร์แห่งรัฐ (GOIN), สถาบันวิจัยข้อมูลอุตุนิยมวิทยารัสเซียทั้งหมด - ศูนย์ข้อมูลโลก (VNIIGMI WDC), สถาบันวิจัยอาร์กติกและแอนตาร์กติก (AARI) - สถาบันวิจัยที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในรัสเซีย ดำเนินการศึกษาบริเวณขั้วโลกของโลกอย่างครอบคลุม ฯลฯ

ปัจจุบัน มหาอำนาจชั้นนำของโลกกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการแบ่งพื้นที่อาร์กติกใหม่ รัสเซียกลายเป็นรัฐอาร์กติกแห่งแรกที่ยื่นคำขอต่อสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2544 เพื่อกำหนดขอบเขตด้านนอกของไหล่ทวีปในมหาสมุทรอาร์กติก แอปพลิเคชันของรัสเซียเกี่ยวข้องกับการชี้แจงอาณาเขตของไหล่อาร์กติกด้วยพื้นที่มากกว่าหนึ่งล้านตารางกิโลเมตร

ในฤดูร้อนปี 2550 การสำรวจขั้วโลกของรัสเซีย "Arctic-2007" ได้เปิดตัวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหิ้งของมหาสมุทรอาร์กติก

นักวิจัยตั้งเป้าที่จะพิสูจน์ว่าแนวสันเขา Lomonosov และ Mendeleev ใต้น้ำซึ่งทอดยาวไปสู่เกาะกรีนแลนด์ ในทางธรณีวิทยาอาจเป็นความต่อเนื่องของพื้นทวีปไซบีเรีย ซึ่งจะช่วยให้รัสเซียสามารถอ้างสิทธิ์ใน ดินแดนอันกว้างใหญ่มหาสมุทรอาร์กติกมีพื้นที่ 1.2 ล้านตารางเมตร กิโลเมตร

คณะสำรวจไปถึงขั้วโลกเหนือเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ยานพาหนะควบคุมใต้ทะเลลึก มีร์-1 และ มีร์-2 ตกลงสู่พื้นมหาสมุทรใกล้กับขั้วโลกเหนือ และดำเนินการวิจัยที่ซับซ้อนด้านสมุทรศาสตร์ อุทกอุตุนิยมวิทยา และน้ำแข็ง นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการทดลองที่ไม่เหมือนใครเพื่อเก็บตัวอย่างดินและพืชจากระดับความลึก 4,261 เมตร นอกจากนี้ ธงชาติรัสเซียยังถูกชักขึ้นที่ขั้วโลกเหนือที่ด้านล่างของมหาสมุทรอาร์กติก

ดังที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียระบุไว้ในตอนนั้น ผลลัพธ์ของการสำรวจไปยังอาร์กติกควรเป็นพื้นฐานของจุดยืนของรัสเซียในการแก้ไขปัญหาการเป็นเจ้าของส่วนนี้ของไหล่ทวีปอาร์กติก

แอปพลิเคชันที่อัปเดตของรัสเซียสำหรับชั้นวางอาร์กติกจะพร้อมใช้ภายในปี 2556

หลังจากการสำรวจของรัสเซีย หัวข้อการเป็นเจ้าของไหล่ทวีปเริ่มมีการพูดคุยอย่างแข็งขันโดยมหาอำนาจชั้นนำของอาร์กติก

เมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2551 คณะสำรวจชาวแคนาดา - อเมริกันได้เปิดตัว โดยมีเรือตัดน้ำแข็งอาร์กติกของหน่วยยามฝั่งสหรัฐ Healy และเรือตัดน้ำแข็งที่หนักที่สุดของหน่วยยามฝั่งแคนาดา Louis S. St. เข้าร่วมด้วย โลร็องต์.

วัตถุประสงค์ของภารกิจคือการรวบรวมข้อมูลที่จะช่วยกำหนดขอบเขตของไหล่ทวีปของสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรอาร์กติก

เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552 การสำรวจอาร์กติกอเมริกัน-แคนาดาครั้งที่สองได้เริ่มต้นขึ้น บนเรือตัดน้ำแข็ง Healy ของหน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ และเรือ Louis S. St-Laurent ของหน่วยยามฝั่งแคนาดา นักวิทยาศาสตร์จากทั้งสองประเทศได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ก้นทะเลและไหล่ทวีปซึ่งเชื่อกันว่าเป็นแหล่งสะสมน้ำมันและก๊าซที่ร่ำรวยที่สุด คณะสำรวจนี้ทำงานในพื้นที่ตั้งแต่ตอนเหนือของอลาสก้าไปจนถึงสันเขา Mendeleev และทางตะวันออกของหมู่เกาะแคนาดา นักวิทยาศาสตร์ถ่ายภาพและวิดีโอและรวบรวมวัสดุเกี่ยวกับสภาพของทะเลและหิ้ง

ความสนใจในการเข้าร่วมการพัฒนาเชิงรุก โซนอาร์กติกแสดงทุกอย่าง รัฐมากขึ้น- นี่เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศโลกซึ่งเปิดโอกาสใหม่สำหรับการขนส่งปกติในมหาสมุทรอาร์กติก เช่นเดียวกับการเข้าถึงทรัพยากรแร่ของภูมิภาคอันกว้างใหญ่นี้มากขึ้น

20 กันยายน พ.ศ. 2477 เครื่องตัดน้ำแข็ง “F. Litke" กลับสู่ Murmansk โดยผ่านเส้นทางทะเลเหนือในการนำทางครั้งเดียว เรือกลไฟชื่อดังลำนี้ออกสำรวจอาร์กติกอย่างหนัก เช่นเดียวกับพลเรือเอกและนักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง Fyodor Petrovich Litke

เครื่องตัดน้ำแข็ง "F. ลิตกา" ใน Arkhangelsk, 1936

ในปี 1955 นักสำรวจขั้วโลกโซเวียตสร้างสถิติโลก เป็นครั้งแรกในการนำทางที่เรือผิวน้ำไปถึงพิกัดละติจูด 83 ° 21 "เหนือซึ่งอยู่ห่างจากขั้วโลกเหนือ 440 ไมล์ มันยังคงไม่แพ้ใครมาหลายปี - ต่อมาการเดินทางดังกล่าวทำได้เพียงเรือตัดน้ำแข็งที่ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น โรงไฟฟ้า- เกียรติแห่งการสร้างบันทึกนี้มอบให้กับเรือตัดน้ำแข็ง Litke ซึ่งเป็นเรือที่ทำหน้าที่ในระดับรัสเซียแล้ว กองเรือโซเวียตเป็นเวลานานกว่า 40 ปี แม้ว่าเครื่องตัดน้ำแข็ง Litke ค่อนข้างอยู่ภายใต้ร่มเงาของ Ermak ซึ่งเป็นพี่ชายที่อายุมากกว่าและมีอำนาจมากกว่าในการนำทางขั้วโลก แต่ก็ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อตอบสนองความต้องการของเศรษฐกิจอาร์กติกอันกว้างใหญ่ โดยรอดพ้นจากสงครามสามครั้ง การสำรวจขั้วโลกที่ซับซ้อนหลายครั้ง และคาราวานคุ้มกัน

เรือที่สมควรได้รับลำนี้ได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ชายผู้อุทิศชีวิตเกือบทั้งชีวิตให้กับการศึกษาทะเลและมหาสมุทรรวมถึงอาร์กติกด้วยโดยไม่ต้องพูดเกินจริง Fyodor Petrovich von Litke - พลเรือเอก นักวิทยาศาสตร์ และนักวิจัย - ทำหลายอย่างเพื่อให้แน่ใจว่าจุดว่างที่ล้อมรอบจักรวรรดิรัสเซียทางตอนเหนือนั้นเล็กลงอย่างมาก ชื่อนักเดินเรือที่โดดเด่นรายนี้ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง Russian Geographical Society ได้รับการตั้งชื่อในปี 1921 โดยเครื่องตัดน้ำแข็งที่สร้างขึ้นในแคนาดา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเป็น "III International" เป็นเวลาหลายเดือนและก่อนหน้านี้ - "Canada"

รากของเอสโตเนีย

บรรพบุรุษของ ฟีโอดอร์ เปโตรวิช ลิตเค่ ชาวเยอรมัน เอสโตเนีย มาเยือนรัสเซียในครึ่งแรก ศตวรรษที่สิบแปด- ปู่ของพลเรือเอกในอนาคต Johann Philipp Litke ซึ่งเป็นศิษยาภิบาลนิกายลูเธอรันและนักเทววิทยาได้เรียนรู้ มาถึงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประมาณปี 1735 เขายอมรับตำแหน่งอธิการบดีในโรงยิมวิชาการซึ่งตามสัญญาเขาควรจะทำงานเป็นเวลา 6 ปี Johann Litke พร้อมด้วยความสามารถทางจิตที่ไม่ธรรมดามีนิสัยค่อนข้างทะเลาะวิวาทซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานของเขา ในไม่ช้าเขาก็ต้องออกจากที่ทำงานและไปสวีเดน

อย่างไรก็ตาม รัสเซียยังคงอยู่เพื่อเขา สถานที่ที่สะดวกเพื่อที่อยู่อาศัยและทำงานและนักวิทยาศาสตร์ - นักเทววิทยากลับมาที่มอสโกในปี พ.ศ. 2287 อำนาจของพระองค์ในฐานะ นักบวชนักวิทยาศาสตร์ยังคงสูงอยู่ ดังนั้น Johann Litke จึงได้รับเลือกให้เป็นศิษยาภิบาลในชุมชนชาวเยอรมันแห่งมอสโกแห่งใหม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจที่ Johann Litke มีโรงเรียนวิชาการที่เขาเรียนอยู่ ภาษาเยอรมันไม่มีใครอื่นนอกจากหนุ่ม Grigory Aleksandrovich Potemkin Johann Philipp มีอายุยืนยาวในรัสเซียและเสียชีวิตในปี พ.ศ. 2314 จากโรคระบาดใน Kaluga Ivan Filippovich Litke ในขณะที่เขาถูกเรียกในลักษณะรัสเซียมีครอบครัวใหญ่: ลูกชายสี่คนและลูกสาวหนึ่งคน พ่อของนักเดินเรือที่มีชื่อเสียงและผู้ก่อตั้งสังคมภูมิศาสตร์คือปีเตอร์อิวาโนวิชลูกชายคนที่สองของเขาซึ่งเกิดในปี 1750

เช่นเดียวกับลูก ๆ ของชาวต่างชาติหลายคนเขากลายเป็นคนรัสเซียโดยสมบูรณ์แล้ว Peter Litke ได้รับการศึกษาที่ดีและในวัยเด็กของเขาชอบเครื่องแบบทหารมากกว่าเสื้อคลุมของนักวิทยาศาสตร์ เขาเข้าร่วมในสงครามรัสเซีย - ตุรกีในปี พ.ศ. 2311-2317 ซึ่งเขามีความโดดเด่นในการรบที่เมืองใหญ่และคากูเล Pyotr Ivanovich Litka มีโอกาสทำหน้าที่เป็นเสนาธิการของเจ้าชาย Nikolai Vasilyevich Repnin ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างน่าประทับใจในรัชสมัยของจักรพรรดินีแคทเธอรีนที่ 2 ต่อจากนั้นเขามีโอกาสทำหน้าที่เป็นผู้จัดการในที่ดินของเจ้าชายหลายแห่งจากนั้นเขาก็ย้ายไปที่กรมศุลกากรซึ่งดำรงตำแหน่งที่ค่อนข้างสำคัญที่นั่น Peter Litke เสียชีวิตในปี 1808 โดยเป็นสมาชิกของ Commerce Collegium

เช่นเดียวกับพ่อของเขา Pyotr Ivanovich Litke ก็มีลูกหลานมากมายประกอบด้วยลูกห้าคน คนสุดท้องคือลูกชายของเขา Fyodor Petrovich ซึ่งเกิดในปี 1797 Anna Ivanovna von Litke, née Engel ภรรยาของ Pyotr Ivanovich เสียชีวิตสองชั่วโมงหลังคลอดบุตร เนื่องจากยังไม่ได้เป็นม่ายแก่และมีลูกห้าคนอยู่ในอ้อมแขน บารอนจึงคาดว่าจะตัดสินใจแต่งงานเป็นครั้งที่สอง ภรรยาสาวที่เพิ่มลูกอีกสามคนมีทัศนคติที่รุนแรงมากต่อลูกหลานตั้งแต่การแต่งงานครั้งแรกของเธอ ดังนั้นเมื่อฟีโอดอร์อายุได้เจ็ดขวบเขาจึงถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำเอกชนของเมเยอร์คนหนึ่ง คุณภาพของการฝึกอบรมและการศึกษาในสถาบันนี้เป็นที่ต้องการอย่างมากและไม่มีใครรู้ว่าชะตากรรมและผลประโยชน์ของ Fyodor Litke จะพัฒนาไปอย่างไรหากเขาไม่ได้ถูกพรากจากโรงเรียนประจำ พ่อของเขาเสียชีวิต และหลังจากสามีของเธอเสียชีวิต แม่เลี้ยงของเขาปฏิเสธที่จะจ่ายค่าเล่าเรียนของลูกเลี้ยงของเธอ

เด็กชายอายุเกือบ 10 ขวบเมื่อ Fyodor Ivanovich Engel น้องชายของแม่ของเขาพาเขากลับบ้าน ลุงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูง เป็นสมาชิกสภาแห่งรัฐและผู้อำนวยการกรมกิจการโปแลนด์ เขาเป็นเจ้าของโชคลาภที่น่าประทับใจและกระตือรือร้น ชีวิตทางสังคมซึ่งไม่มีเวลามากพอให้หลานชายพาเข้าบ้าน ทรัพย์สินของ Fyodor Ivanovich Engel เหนือสิ่งอื่นใดคือห้องสมุดที่เหมาะสมในสมัยนั้น หนังสือถูกรวบรวมอยู่ที่นั่น ปริมาณมากแต่ค่อนข้างบังเอิญ Fyodor Litke ซึ่งเป็นคนอยากรู้อยากเห็นในวัยหนุ่มไม่ได้ปฏิเสธตัวเองว่ามีความสุขที่ได้อ่านทุกสิ่งที่มาถึงมือ และไม่เสมอไปดังที่พลเรือเอกได้กล่าวไว้ในภายหลังว่าสิ่งที่อ่านนั้นมีเนื้อหาที่เป็นประโยชน์

เด็กชายจึงอาศัยอยู่ในบ้านลุงของเขาเป็นเวลาสองปี ในปี 1810 พี่สาวของเขา Natalya Petrovna von Litke แต่งงานกับกัปตันอันดับ 2 Ivan Savvich Sulmenev และพาเขาเข้าไปในบ้านของเธอ น้องชาย- ในที่สุด Fedor ก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเขา ในบ้านพี่สาวเขามักจะเห็นนายทหารเรือและฟังการสนทนาเกี่ยวกับกองทัพเรือซึ่งค่อยๆทำให้เขาหลงใหลมากขึ้นเรื่อยๆ

บางทีการสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับสามีของน้องสาวฉันอาจเป็นตัวกำหนดอนาคตได้มาก เส้นทางชีวิตพลเรือเอกในอนาคต ในปี พ.ศ. 2355 เมื่อสงครามรักชาติเริ่มขึ้นการปลดประจำการ เรือปืนภายใต้คำสั่งของ Sulmenev อยู่บนถนนแทน Sveaborg ภรรยาของเขามาพบเขาโดยพาน้องชายไปด้วย เมื่อสังเกตมานานแล้วว่าชายหนุ่ม "ป่วย" จากทะเล Sulmenev จึงตัดสินใจพัฒนาความอยากที่เป็นประโยชน์นี้ให้กับพี่เขยของเขา ในตอนแรกเขาจ้างครูในสาขาวิทยาศาสตร์ต่าง ๆ ให้เขาแล้วจึงรับเขาเข้าประจำการในตำแหน่งเรือตรี Fyodor Litke กลายเป็นกะลาสีเรือและยังคงซื่อสัตย์ต่อการเลือกของเขาไปตลอดชีวิต

กะลาสี

ต่อมาในปี ค.ศ. 1813 เรือตรีที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ก็สร้างความโดดเด่นให้กับตัวเองในระหว่างการบุกโจมตีเมืองดานซิกระหว่างการทัพต่างประเทศของกองทัพรัสเซีย โดยให้บริการบนเรือ Galette (เรือพายที่มีการเคลื่อนที่ขนาดเล็ก) “Aglaya” สำหรับความกล้าหาญและการควบคุมตนเอง Litke ได้รับรางวัล Order of St. Anne ระดับ 4 และได้เลื่อนตำแหน่งเป็นเรือตรี

ฟีโอดอร์ เปโตรวิช ลิตเค, 1829

ยุคหนึ่งได้สิ้นสุดลงแล้ว สงครามนโปเลียนและการปฏิบัติหน้าที่ทางเรือของ Litke ยังคงดำเนินต่อไป ถึงชายหนุ่มคนหนึ่งทะเลบอลติกมีขนาดเล็กอยู่แล้ว - เขาถูกดึงดูดไปยังมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ และในไม่ช้าเขาก็มีโอกาสพบพวกเขาไม่เพียงแต่บนหน้าหนังสือและแผนที่เท่านั้น Ivan Savvich Sulmenev เมื่อรู้ว่ากัปตันอันดับ 2 Vasily Golovnin ซึ่งมีชื่อเสียงในแวดวงกองทัพเรือในเวลานั้นกำลังเตรียมที่จะออกเดินทางรอบโลกด้วยเรือสลุบ "Kamchatka" แนะนำ Fedor ให้เขา

Golovnin มีชื่อเสียงจากการเดินทางบนเรือสลุบ Diana ซึ่งเกิดขึ้นในสภาวะระหว่างประเทศที่ยากลำบากมาก พันธมิตรล่าสุด รัสเซียและอังกฤษ หลังจากการสรุปสนธิสัญญาทิลซิตโดยอเล็กซานเดอร์ที่ 1 กับฝรั่งเศสนโปเลียน ต่างตกอยู่ในภาวะสงคราม “ไดอาน่า” เดินทางมาถึงแล้ว แอฟริกาใต้กลับกลายเป็นว่าถูกกักขังโดยฝูงบินอังกฤษที่อยู่ในน่านน้ำเหล่านี้ โกลอฟนินพยายามหลอกลวงผู้คุมของเขา และสลุบก็หนีไปได้อย่างปลอดภัย ต่อจากนั้นสถานการณ์ก็พัฒนาขึ้นจน Vasily Golovnin ต้องใช้เวลาเกือบสองปีในการถูกจองจำของญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่พิเศษคนนี้บรรยายการผจญภัยมากมายของเขาใน “Notes” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่ผู้มีชื่อเสียงเช่นนี้ และ Fyodor Litke ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะเข้าร่วมการสำรวจ

การสำรวจรอบโลกยังไม่กลายเป็นเรื่องปกติในกองเรือรัสเซีย และการสำรวจแต่ละครั้งถือเป็นกิจกรรมที่โดดเด่น เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2360 เรือสลุบ "คัมชัตกา" ออกเดินทางเป็นเวลาสองปี เขาข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกปัดเศษ Cape Horn และเมื่อเอาชนะมหาสมุทรแปซิฟิกที่กว้างใหญ่ก็มาถึง Kamchatka หลังจากให้ลูกเรือได้พักผ่อนระยะสั้น Golovnin ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายต่อไป "คัมชัตกา" เยือนรัสเซีย อเมริกา เยือนหมู่เกาะฮาวาย โมลุกกะ และหมู่เกาะมาเรียนา จากนั้นเมื่อผ่านมหาสมุทรอินเดียเธอก็มาถึงแหลมกู๊ดโฮป ถัดไปคือมหาสมุทรแอตแลนติกที่คุ้นเคยอยู่แล้ว ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2362 อีกสองปีต่อมา เรือสลุบคัมชัตกาก็กลับสู่ครอนสตัดท์อย่างปลอดภัย

การเดินทางอันยาวนานดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างมากต่อการก่อตัวของ Fyodor Litke ในฐานะกะลาสีเรือ บนคัมชัตกา เขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะสำรวจอุทกศาสตร์ ชายหนุ่มต้องมีส่วนร่วมในการวัดและการวิจัยต่างๆ ในระหว่างการเดินทางอันยาวนาน Litke ได้เติมเต็มช่องว่างในการศึกษาของเขาเองอย่างเข้มข้น: เขาศึกษา ภาษาอังกฤษและวิทยาศาสตร์อื่นๆ เขากลับมาที่ Kronstadt จากการสำรวจในฐานะร้อยโทกองเรือ

รายละเอียดที่น่าสนใจคือในระหว่างการเดินทางรอบโลก เขาได้พบและกลายมาเป็นเพื่อนตลอดชีวิตกับเฟอร์ดินันด์ แรงเกล นักเดินเรือชาวรัสเซียที่โดดเด่นไม่แพ้กัน Wrangel ได้เดินทางรอบโลกอีกครั้งขึ้นสู่ตำแหน่งพลเรือเอกกลายเป็นผู้ปกครองรัสเซียอเมริกาในปี พ.ศ. 2373-2378 และอุทิศเวลามากมายในการสำรวจชายฝั่งไซบีเรีย

Vasily Golovnin พอใจกับผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาและให้คำแนะนำที่ยอดเยี่ยมแก่เขาซึ่งเขาอธิบายว่า Fedor Litke เป็นกะลาสีเรือที่ยอดเยี่ยมเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีประสิทธิภาพและมีระเบียบวินัยและเป็นเพื่อนที่เชื่อถือได้ ขอบคุณความเห็นของกะลาสีเรือที่มีชื่อเสียงและไม่ธรรมดา คุณสมบัติส่วนบุคคลร้อยโท Fyodor Litke ได้รับภารกิจที่รับผิดชอบในปี พ.ศ. 2364 เพื่อเป็นผู้นำการเดินทางไปยัง Novaya Zemlya ซึ่งมีการศึกษาเพียงเล็กน้อยในเวลานั้น ตอนนั้นเขาอายุ 24 ปี

นักสำรวจอาร์กติก

Novaya Zemlya แม้ว่าพ่อค้า Pomors และ Novgorod ชาวรัสเซียจะรู้จักในสมัยโบราณ แต่ก็ยังไม่ได้รับการวิจัยอย่างจริงจังและเป็นระบบ ในปี ค.ศ. 1553 ลูกเรือของคณะสำรวจชาวอังกฤษที่จบลงอย่างน่าเศร้าภายใต้การบังคับบัญชาของฮิวจ์ วิลลัฟบี สังเกตเห็นดินแดนนี้จากกระดานเรือ ในปี ค.ศ. 1596 Willem Barents นักเดินเรือชาวดัตช์ผู้มีชื่อเสียง ได้พยายามค้นหาเส้นทาง Northern Passage ไปยังประเทศที่ร่ำรวยทางตะวันออก โดยอ้อมทางตอนเหนือสุดของ Novaya Zemlya และใช้เวลาช่วงฤดูหนาวในสภาวะที่ยากลำบากบนชายฝั่งตะวันออก

ในรัสเซียนั้นเอง เป็นเวลาหลายปีไม่เคยได้สำรวจหมู่เกาะขั้วโลกแห่งนี้เลย เฉพาะในช่วงรัชสมัยของแคทเธอรีนที่ 2 ในปี พ.ศ. 2311-2312 การเดินทางของนักเดินเรือฟีโอดอร์รอซมีสลอฟได้รวบรวมคำอธิบายแรกของ Novaya Zemlya ซึ่งได้รับจำนวนมาก ข้อมูลที่เชื่อถือได้เสริมด้วยข้อมูลจากประชาชนในท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ถึง ต้น XIXศตวรรษ ภูมิภาคนี้ยังคงมีการศึกษาไม่ดี ไม่มีแผนที่ที่แน่นอนของชายฝั่ง Novaya Zemlya เพื่อแก้ไขการละเว้นนี้จึงมีการส่งคณะสำรวจไปที่นั่นในปี พ.ศ. 2362 ภายใต้คำสั่งของร้อยโท Andrei Petrovich Lazarev พี่น้อง M.P. Lazarev ผู้ค้นพบทวีปแอนตาร์กติกา พลเรือเอก และผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองเรือทะเลดำ- งานที่มอบหมายให้ร้อยโท Lazarev นั้นกว้างขวางมาก และมีการกำหนดกรอบเวลาที่จำกัดในการดำเนินการ จำเป็นต้องสำรวจ Novaya Zemlya และเกาะ Vaygach ในช่วงฤดูร้อนเพียงครั้งเดียว ภารกิจของ Lazarev จบลงด้วยความล้มเหลว เมื่อกลับมาที่ Arkhangelsk ลูกเรือส่วนใหญ่ในเรือของเขาป่วยด้วยโรคเลือดออกตามไรฟัน และสามคนเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง

ตอนนี้ Fedor Litka ได้รับความไว้วางใจให้ทำงานที่ยากลำบากนี้ เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ขององค์กรก่อนหน้านี้ที่ไม่ประสบความสำเร็จ เป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับผู้หมวด Litka นั้นเรียบง่ายกว่า จำเป็นต้องถ่ายทำให้นานที่สุด แนวชายฝั่ง Novaya Zemlya และดำเนินการวิจัยอุทกศาสตร์ ในเวลาเดียวกัน พวกเขาได้รับคำสั่งอย่างเคร่งครัดไม่ให้อยู่ในฤดูหนาว

เพื่อจุดประสงค์ในการสำรวจเรือสำเภา 16 กระบอกที่มีชื่อลักษณะเฉพาะ "Novaya Zemlya" ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษโดยมีการกระจัดประมาณ 200 ตันความยาว 24.4 เมตรกว้าง 7.6 เมตรและร่าง 2.7 เมตร เรือสำเภามีตัวถังเสริม ส่วนใต้น้ำบุด้วยแผ่นทองแดง ในกรณีที่ “Novaya Zemlya” ยังคงต้องอยู่ในช่วงฤดูหนาวโดยไม่ได้วางแผน จะมีการบรรทุกไม้และอิฐสำหรับงานก่อสร้างไว้เพื่อติดตั้งให้กับบ้าน ปริมาณการกักกันทำให้สามารถจัดเตรียมสินค้าตามปริมาณการจัดหาได้เป็นเวลา 16 เดือน ภายใต้คำสั่งของ Litke มีลูกเรือ 42 คน

การสำรวจเริ่มขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2364 ผู้หมวดลงไปทำธุรกิจอย่างละเอียดและไม่รีบร้อน จำเป็นต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยโดยสิ้นเชิง เนื่องจาก Litke ไม่มีประสบการณ์ว่ายน้ำในน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องทดสอบความสามารถในการเดินทะเลของเรือที่มอบหมายให้เขาด้วย เรือสำเภา "Novaya Zemlya" ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ใช้งานได้ยาวนาน - ลูกเรือมีโอกาสที่จะตรวจสอบเรื่องนี้หลายครั้งในภายหลัง ในลำคอของทะเลสีขาว "Novaya Zemlya" เกยตื้นโดยไม่มีการระบุไว้ในแผนที่ที่มีอยู่ ลูกเรือพยายามอย่างมากที่จะออกจากมันได้ โดยทั่วไปผลการเดินทางครั้งแรกเป็นที่น่าพอใจ พิกัดของคณินนอสซึ่งมีลองจิจูดแตกต่างจากที่ระบุบนแผนที่หนึ่งองศาได้รับการชี้แจงและทำการศึกษาและการวัดอื่น ๆ ประสบการณ์ที่ได้รับในปี พ.ศ. 2364 ถูกนำมาพิจารณาในการจัดทำแผนการเดินทางครั้งต่อไปในปี พ.ศ. 2365

จนถึงต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2365 เรือสำเภาสำรวจได้สำรวจและอธิบายพื้นที่บางส่วนของชายฝั่ง Murmansk จากนั้นจึงย้ายไปที่ Novaya Zemlya ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของการวิจัย งานจำนวนมากเสร็จสิ้นแล้ว: สินค้าคงคลังของชายฝั่ง Novaya Zemlya ถูกสร้างขึ้นทางใต้ของ Matochkino Shar จนถึง Southern Goose Nose และจาก Mount Pervosmotrennyaya ไปยัง Cape Nassau ซึ่ง Litke ยึดครอง Cape Zhelaniya โดยไม่ได้ตั้งใจ ความก้าวหน้าต่อไปทางเหนือถูกน้ำแข็งขัดขวาง และในวันที่ 12 กันยายน โนวายา เซมเลียก็ออกเดินทางสู่อาร์คันเกลสค์ ผลของการสำรวจได้รับการชื่นชมอย่างสูงจากกองทัพเรือ หลังจากผลงานสองปี Fedor Petrovich Litke ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นร้อยโท เจ้าหน้าที่ของเขาได้รับคำสั่งและตำแหน่งที่ต่ำกว่าจะได้รับโบนัสเงินสด

การเดินทางในปี 1823 กลายเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งของทั้งตัวเรือและลูกเรือ หลังจากเสร็จสิ้นการทำงานเกี่ยวกับคำอธิบายของชายฝั่ง Murmansk แล้วในวันที่ 30 กรกฎาคม เรือสำเภาก็ออกเดินทางสู่ Novaya Zemlya ในช่วงปลายฤดูร้อน ด้วยลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดแรง “Novaya Zemlya” จึงถูกโยนลงบนโขดหิน หางเสือได้รับความเสียหาย และชิ้นส่วนของกระดูกงูลอยอยู่รอบๆ เรือ ตามข้อมูลของ Litke เขากำลังเตรียมออกคำสั่งให้ตัดเสากระโดง แต่คลื่นอันทรงพลังได้ดึงเรือสำเภาลงไปในน้ำเปิด เรือที่เสียหายถูกบังคับให้กลับไปที่ Arkhangelsk ถึงอย่างไรก็ตาม เงื่อนไขที่ยากลำบากซึ่งการสำรวจพบตัวเอง งานวิจัยยังคงดำเนินต่อไปแม้ระหว่างทางกลับบ้าน: มีการอธิบายชายฝั่งทางตอนเหนือของเกาะ Kolguev ในทะเลสีขาว Novaya Zemlya ที่ได้รับการซ่อมแซมอย่างเร่งรีบติดอยู่ในพายุ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับหางเสืออีกครั้ง มีเพียงการฝึกอบรมและการควบคุมตนเองของลูกเรือเท่านั้นที่ป้องกันการเสียชีวิตของเรือได้

ปีหน้า พ.ศ. 2367 Litke วางแผนการเดินทางครั้งต่อไปที่สี่ไปยังภูมิภาค Novaya Zemlya เรือของเขาได้รับการซ่อมแซมและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ในวันที่ 30 กรกฎาคมของปีนี้ เรือสำเภาได้ออกเดินทางสำรวจอาร์กติกครั้งถัดไป เมื่อต้นเดือนสิงหาคม เขาอยู่ที่ Novaya Zemlya แล้ว แต่เขาไม่สามารถมุ่งหน้าต่อไปทางเหนือได้ สภาพน้ำแข็งในปีนี้กลับกลายเป็นว่าไม่เอื้ออำนวย และทีมงานก็เริ่มศึกษาเรื่องนี้ การเดินทางสี่ครั้งสู่ Novaya Zemlya ได้รับผลทางวิทยาศาสตร์และการวิจัยที่สำคัญ Fyodor Litke เองก็ได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าในการล่องเรือในละติจูดขั้วโลก ด้วยความทรงจำที่ยอดเยี่ยมและภาษาวรรณกรรมที่ยอดเยี่ยมเขาได้รวมความประทับใจและการสังเกตของเขาไว้ในหนังสือ“ การเดินทางสี่เท่าสู่มหาสมุทรอาร์กติกตามคำสั่งของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 บนเรือสำเภาทหาร "โนวายาเซมเลีย" ในปี 1821, 1822, 1823 1824. ร้อยโท เฟดอร์ ลิตเค"

การหมุนเวียนครั้งที่สอง

หลังจากที่เขากลับมาจากทางเหนือ รวบรวมรายงาน Litke ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการเรือสลุบ Senyavin ซึ่งกำลังสร้างที่อู่ต่อเรือ Okhta ร่วมกับสลุบอีกลำที่เรียกว่า "Moller" ซึ่งได้รับคำสั่งจากนาวาตรีมิคาอิล Nikolaevich Stanyukovich (ต่อมาเป็นพลเรือเอกและบิดาของจิตรกรทางทะเลชื่อดัง Konstantin Mikhailovich Stanyukovich) พวกเขาควรจะแล่นเรือไปที่ Kamchatka จากนั้นรับประกันการปกป้องผลประโยชน์ของรัสเซียในภาคเหนือ มหาสมุทรแปซิฟิก. อย่างไรก็ตาม คำแนะนำของกระทรวงทหารเรือไม่ได้กำหนดปฏิสัมพันธ์ระหว่างเรือทั้งสองลำอย่างเคร่งครัด

ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2369 มีการปล่อยสลุบสามเสากระโดง 300 ตันบนเชือก Okhtinskaya และย้ายไปที่ Kronstadt เพื่อทำการติดตั้งเพิ่มเติม ลูกเรือ 62 คนกำลังเตรียมล่องเรือไปยังชายแดนแปซิฟิกอันห่างไกล นอกจากนี้ยังมีช่างฝีมือ 15 คนบนเรือซึ่งควรจะถูกส่งไปยัง Okhotsk และ Petropavlovsk หลังจากบรรทุกเสบียงที่จำเป็นทั้งหมดแล้วในวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2369 Senyavin ก็ออกเดินทางเดินทางอันยาวนาน

เยฟเจนี วาเลเรียนอวิช วอยชวิลโล สลุบ "เซนยาวิน"

จุดแวะแรกระหว่างทางคือโคเปนเฮเกน ซึ่งเราซื้อเสื้อผ้าอุ่นๆ และเหล้ารัม ที่นั่น “เซนยาวิน” รอ “โมลเลอร์” ซึ่งออกจากรัสเซียในเวลาต่อมาเล็กน้อย จากนั้นเมื่อปลายเดือนกันยายน เรือรัสเซียก็มาถึงพอร์ตสมัธ Litke ไปเยือนลอนดอน ซึ่งเขาได้รับเครื่องมือทางดาราศาสตร์ซึ่งเขาทำการทดสอบที่หอดูดาวกรีนิช แล้วมีทางผ่าน มหาสมุทรแอตแลนติกและเมื่อปลายเดือนธันวาคม พ.ศ. 2369 ลูกเรือชาวรัสเซียได้เห็นเมืองรีโอเดจาเนโร ขั้นต่อไปของการเดินทาง: แหลมฮอร์นถูกข้ามเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป พ.ศ. 2370 ในช่วงที่เกิดพายุรุนแรง เรือทั้งสองลำสูญเสียกันและกัน และเมื่อเรือ Senyavin เข้าสู่อ่าว Valparaiso เมื่อวันที่ 18 มีนาคม เขาก็เห็นเรือ Moller ออกเดินทางสู่ Kamchatka แล้ว

ในเดือนเมษายน Litke ออกเดินทางด้วยเรือสลุบไปในทิศทางของอลาสก้า เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน Senyavin มาถึงเมืองหลวงของการครอบครองของรัสเซียในอเมริกา - Novoarkhangelsk ซึ่งได้ส่งสินค้าที่มีไว้สำหรับเมืองนี้ขึ้นฝั่ง ฤดูร้อนที่เหลือและต้นฤดูใบไม้ร่วง "Senyavin" อยู่ในน่านน้ำที่อยู่ติดกับอลาสกาเพื่อเยี่ยมชมหมู่เกาะอลูเชียน ในเดือนตุลาคม สลุบดังกล่าวโทรไปที่ Petropavlovsk-Kamchatsky เพื่อรับจดหมาย

หลังจากนั้น Litke ก็นำเรือของเขาลงสู่น่านน้ำเขตร้อน หมู่เกาะมาเรียนาและแคโรไลน์ที่แปลกใหม่พร้อมจานสีอันเขียวชอุ่มกำลังรอคอยลูกเรือชาวรัสเซีย จนถึงฤดูใบไม้ผลิปี พ.ศ. 2371 "เซนยาวิน" อยู่ในละติจูดใต้โดยกำเนิด การศึกษาต่างๆลงจอดนักวิทยาศาสตร์บนเกาะต่างๆ มากมาย เก็บตัวอย่างพืชและสัตว์ต่างๆ

แผนที่แสดงการเวียนวนของเรือสลุบ "เซนยาวิน"

ในฤดูร้อน Litke มาที่ชายฝั่ง Kamchatka อีกครั้งเพื่อสำรวจพื้นที่ห่างไกลแห่งนี้ "Senyavin" หลังจากผ่านช่องแคบแบริ่งแล้วเดินไปหลายไมล์ในมหาสมุทรอาร์กติกแล้วเลี้ยวไปทางทิศใต้ ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2371 ในที่สุดเรือสลุบก็กลับไปที่ Petropavlovsk ซึ่งในเวลานี้ Moller ก็จอดอยู่แล้ว เรือทั้งสองลำเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการกลับสู่ครอนสตัดท์ ในเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน เรือออกจากชายฝั่ง Kamchatka ซึ่งคุ้นเคยกับพวกเขาแล้วและออกเดินทางกลับ

เส้นทางนี้ผ่านฟิลิปปินส์และสุมาตรา Senyavin หยิบกะลาสีเรือชาวอังกฤษที่อับปางจากเกาะใดเกาะหนึ่ง แต่ "โรบินสัน" นี้ไม่เหมาะนักในฐานะนักแปลโดยสิ้นเชิงเนื่องจากในช่วงสองปีที่เขาอาศัยอยู่บนเกาะเขาไม่สนใจที่จะเชี่ยวชาญภาษาของชาวพื้นเมืองในท้องถิ่น ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2372 สลุบ "Senyavin" กลับสู่ Kronstadt บ้านเกิดของเขาอย่างปลอดภัย

วัสดุที่รวบรวมระหว่างการสำรวจสามปีนั้นมีขนาดใหญ่มากและ Fyodor Petrovich Litke ก็เริ่มสรุปและจัดระบบทันที เมื่อเขากลับมาเขาได้รับการเสนอชื่อเข้ารับยศทหารพิเศษและได้รับอินทรธนูของกัปตันอันดับ 1 ในปี ค.ศ. 1835–1836 งานหลัก "การเดินทางรอบโลกบนสลุบแห่งสงคราม" Senyavin ในปี 1826–1829” ได้รับการตีพิมพ์ มันถูกแปลไปมากมาย ภาษายุโรปและผู้เขียนก็มีชื่อเสียง Russian Academy of Sciences มอบรางวัล Demidov Prize ให้กับหนังสือเล่มนี้และ Fyodor Petrovich เองก็ได้รับเลือกเป็นสมาชิกที่เกี่ยวข้องของสถาบันการศึกษา

ที่ปรึกษา พลเรือเอก และนักวิทยาศาสตร์

ชื่อเสียงในแวดวงวิทยาศาสตร์และกองทัพเรือ อำนาจ และความนิยม ทำให้ Fyodor Petrovich Litka ประหลาดใจอย่างไม่ธรรมดา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2375 จักรพรรดินิโคลัสที่ 1 ได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ช่วยเดอแคมป์และในช่วงปลายปี - ครูสอนพิเศษของลูกชายของเขา แกรนด์ดุ๊กคอนสแตนตินนิโคลาวิช จักรพรรดิต้องการให้คอนสแตนตินเป็นกะลาสีเรือ Fyodor Petrovich ใช้เวลานาน 16 ปีในตำแหน่งนี้ ในอีกด้านหนึ่งความใกล้ชิดกับศาลถือเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ ในทางกลับกัน Litke ไม่ได้ออกเดินทางอีกต่อไป

เซอร์เกย์ คอนสแตนติโนวิช ซายันโก ภาพเหมือนของ F. P. Litke

แกรนด์ดุ๊กทรงหลงรักทะเลและทรงเป็นหัวหน้ากรมการเดินเรือด้วยความพยายามและความพยายามของอาจารย์ที่ปรึกษาและนักการศึกษาของพระองค์ Konstantin Nikolaevich เป็นที่รู้จักในนามพวกเสรีนิยม เขาดำเนินการปฏิรูปและการเปลี่ยนแปลงมากมายรวมถึงการยกเลิกการลงโทษทางร่างกาย ภายใต้เขา การรับราชการทหารในกองทัพเรือลดลงจาก 25 ปีเหลือ 10 ปี แต่นั่นจะเกิดขึ้นในภายหลัง Fyodor Petrovich Litke แม้จะถูกบังคับให้อาศัยอยู่บนบก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งเขาไป กิจกรรมทางวิทยาศาสตร์- ตามความคิดริเริ่มของเขา Russian Geographical Society ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2388 ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งรองประธาน ประธานคือ Grand Duke Konstantin Nikolaevich การประชุมครั้งแรกของสังคมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2388

อาชีพทหารของ Litke ประสบความสำเร็จ: ในปี 1835 เขากลายเป็นพลเรือตรีด้านหลังในปี 1842 เขาได้รับตำแหน่งผู้ช่วยนายพลและในปี 1843 ต่อมา - รองพลเรือเอก Konstantin Nikolaevich เติบโตขึ้นมาและกำลังเตรียมที่จะเป็นหัวหน้าแผนกการเดินเรือ Fyodor Petrovich Litke ในปี พ.ศ. 2393 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้บัญชาการของท่าเรือ Revel และผู้ว่าการทหารของ Revel ในปี พ.ศ. 2395 นักเดินเรือได้รับรางวัล Order of St. Alexander Nevsky

เมื่อวันก่อน สงครามไครเมียพลเรือเอก Litke กลายเป็นผู้บัญชาการหลักของท่าเรือ Kronstadt ในตอนต้นของปี พ.ศ. 2397 ในการประชุมพิเศษกับแกรนด์ดุ๊กคอนสแตนตินนิโคลาวิชซึ่งมีการหารือถึงแผนการตอบโต้ฝูงบินพันธมิตรซึ่งคาดว่าจะปรากฏตัวในทะเลบอลติกในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า Litke พูดเพื่อสนับสนุนลักษณะการป้องกันของกลยุทธ์ ของการใช้ กองเรือบอลติก- กองกำลังหลักของเขายังคงจอดทอดสมออยู่ที่ท่าเรือครอนสตัดท์และสเวียบอร์กที่ได้รับการปกป้องอย่างสมบูรณ์แบบ ต่อจากนั้นทั้งการยิงกระสุนและการแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จริงจังที่สุดช่วยให้คำสั่งแองโกล - ฝรั่งเศสบรรลุเป้าหมาย การยึดป้อมปราการเล็กๆ ของ Bomarsund บนหมู่เกาะโอลันด์ถือเป็นการยึดหลักของพวกเขาและบางทีอาจเป็นเพียงเท่านั้น ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่- คุณประโยชน์ของ Litke ในการจัดการป้องกัน Kronstadt ได้รับการชื่นชม - เขาได้รับการยกระดับเป็นพลเรือเอกเต็มรูปแบบและได้รับแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกของสภาแห่งรัฐ

Fyodor Petrovich ไม่ละทิ้งกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ของเขา ในปี พ.ศ. 2407 เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานของ Academy of Sciences Litke ดำรงตำแหน่งนี้มาเกือบ 20 ปี จนกระทั่งเขาถูกแทนที่ในปี พ.ศ. 2416 โดยนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียผู้มีชื่อเสียงอีกคนชื่อ Pyotr Petrovich Semenov-Tyan-Shansky ในปี พ.ศ. 2424 ฟีโอดอร์ เปโตรวิช ลิตเค เกือบสูญเสียการได้ยินและการมองเห็น จึงลาออกจาก Academy of Sciences นักเดินเรือและนักวิทยาศาสตร์เสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2425 และถูกฝังในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก

ชื่อ Litke ถูกตราตรึงมากกว่าหนึ่งครั้ง แผนที่ทางภูมิศาสตร์เพื่อเป็นเกียรติแก่เขาจึงได้มีการก่อตั้งเหรียญทองขึ้นในปี พ.ศ. 2416 สำหรับการวิจัยที่โดดเด่นในสาขาภูมิศาสตร์ ในปีพ.ศ. 2489 ตามคำสั่งของคณะรัฐมนตรีของสหภาพโซเวียต รางวัลอันทรงเกียรติได้รับการบูรณะ ชื่อของ Fyodor Litke ถูกนำขึ้นเรือเป็นเวลาหลายปีโดยเรือซึ่งไม่ได้น้อยไปกว่ารัสเซียในแถบอาร์กติกมากไปกว่าพลเรือเอกเองซึ่งได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่

เครื่องตัดน้ำแข็ง "ลิตเก้"

ในปี 1909 อู่ต่อเรือชื่อดังของอังกฤษชื่อ Vickers ซึ่งได้รับมอบหมายจากแคนาดา ได้สร้างเรือเพื่อทำงานในอ่าวเซนต์ลอว์เรนซ์ เรืออเนกประสงค์ชื่อเอิร์ลเกรย์มีระวางขับน้ำ 4.5 พันตันและมีวัตถุประสงค์เพื่อขนส่งผู้โดยสารและสินค้า หากจำเป็น เขาก็สามารถปกป้องการประมงได้เช่นกัน องค์ประกอบที่ผิดปกติของการออกแบบเรือคือคันธนูที่แหลมคมซึ่งมีความหนาของผิวหนังถึง 31 มม. ตามที่ผู้สร้างกล่าวไว้ ธนูที่แหลมคมและแข็งแกร่งเช่นนี้ควรจะตัดน้ำแข็งได้ ปล่อยให้เรือเจาะตัวเองเข้าไปในรอยแตกที่เกิดขึ้น จากนั้นจึงดันน้ำแข็งออกจากตัวเรือ ดังนั้นการผลิตผลงานของอู่ต่อเรืออังกฤษจึงถูกเรียกว่าไม่ใช่เรือตัดน้ำแข็ง แต่เป็นคำที่ผิดปกติว่า "เครื่องตัดน้ำแข็ง" เอิร์ลเกรย์ไม่ได้มีไว้สำหรับการเดินเรือในสภาพอาร์กติกที่รุนแรง

เครื่องตัดน้ำแข็งเอิร์ลเกรย์ 2453

เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 1 ปะทุขึ้น รัสเซียแสดงความปรารถนาที่จะซื้อเรือหลายลำที่เหมาะสำหรับการเดินเรือในน้ำแข็ง หนึ่งในนั้นคือ "เอิร์ลเกรย์" ซึ่งหลังจากการซื้อได้เปลี่ยนชื่อเป็น "แคนาดา" ที่ไพเราะมากขึ้น เครื่องตัดน้ำแข็งถูกนำไปกำจัดของกรมการขนส่งทางทะเลของภูมิภาค Belomor-Murmansk ในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงปี 2457 "แคนาดา" เริ่มคุ้มกันการขนส่งของรัสเซียและพันธมิตรข้ามทะเลสีขาวไปยังอาร์คันเกลสค์

เมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2460 เครื่องตัดน้ำแข็งได้พบกับหินใต้น้ำที่ไม่ได้ระบุไว้ในแผนที่ และผลจากหลุมดังกล่าว ทำให้หินจมลงในถนน Iokanga ในไม่ช้าเรือก็ได้รับการยกขึ้นและเข้าซ่อมแซมในเดือนมิถุนายนปีเดียวกัน ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2460 มีการติดตั้งอาวุธในแคนาดา และเธอถูกรวมอยู่ในกองเรือในมหาสมุทรอาร์กติก

เครื่องตัดน้ำแข็งยังมีโอกาสมีส่วนร่วมในสงครามกลางเมืองที่เริ่มขึ้นในไม่ช้า ชาวอังกฤษซึ่งเดินทางมาเพื่อขอการสนับสนุนจาก "พันธมิตร" ปกครองรัสเซียตอนเหนือเหมือนปรมาจารย์ "แคนาดา" ถูกนำไปกำจัด กองทัพเรือ การเคลื่อนไหวสีขาว- ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2463 ในระหว่างการอพยพออกจากรัสเซีย "กะลาสีเรือผู้รู้แจ้ง" และผู้บังคับบัญชาของขบวนการสีขาวได้นำเรือรัสเซียบางลำไปต่างประเทศ ลูกเรือของแคนาดาซึ่งเห็นใจพวกบอลเชวิคได้ก่อวินาศกรรมในเหตุการณ์นี้ ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องตัดน้ำแข็งยังได้ร่วมสู้รบกับอดีตสหายร่วมรบอย่างเรือกลไฟ Kozma Minin ที่ทำลายน้ำแข็ง ซึ่งออกเดินทางไปทางทิศตะวันตก เชื่อกันว่านี่เป็นเพียงการต่อสู้ด้วยปืนใหญ่ระหว่างเรือตัดน้ำแข็งในละติจูดขั้วโลก

ในเดือนเมษายน พ.ศ. 2463 แคนาดาได้กลายมาเป็นเรือลาดตระเวนเสริมของกองทัพแดง กองเรือทะเลสีขาว- ในเดือนพฤษภาคม เรือกลไฟตัดน้ำแข็งได้เปลี่ยนชื่อเป็น "III International" ในปี พ.ศ. 2464 ได้มีการย้ายไปยังแผนกมอร์ทรานส์ เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมของปีเดียวกัน เรือลำนี้ได้รับการตั้งชื่อว่า "Fyodor Litke" เพื่อเป็นเกียรติแก่พลเรือเอก นักเดินเรือ และหัวหน้าของ Russian Academy of Sciences ในช่วงหลายปีแห่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ถูกทำลายจากสงครามกลางเมือง “F. Litka มีโอกาสทำงานไม่เพียงแต่ในอาร์กติกเท่านั้น แต่ยังอยู่ในทะเลบอลติกและทะเลดำด้วย

ในปี 1929 เขาอยู่ในอาร์กติกเกือบตลอดเวลา สำหรับเส้นทางที่เสี่ยงไปยังเกาะ Wrangel เครื่องตัดน้ำแข็งได้รับรางวัล Order of the Red Banner of Labor ในปีพ.ศ. 2477 เขาได้เปลี่ยนจากวลาดิวอสตอคเป็นมูร์มันสค์ด้วยเส้นทางเดียว ในปีพ.ศ. 2479 เขาได้ร่วมกับเรือกลไฟทำลายน้ำแข็ง Anadyr และคุ้มกันเรือพิฆาต Stalin และ Voikov ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก

งานตัดน้ำแข็งอย่างสันติถูกขัดจังหวะอีกครั้ง - มหาสงครามแห่งความรักชาติเริ่มต้นขึ้น เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2484 เรือลำที่ไม่ใช่เรือลำเล็กอีกต่อไปก็ถูกเรียกขึ้นมาอีกครั้ง การรับราชการทหาร- เครื่องตัดน้ำแข็งได้รับตำแหน่งทางยุทธวิธี SKR-18 โดยเริ่มแรกติดตั้งปืน 45 มม. สองกระบอก ซึ่งถูกแทนที่ด้วย 130 มม. นอกจากนี้ยังมีปืนกลอีกหลายกระบอก เรือลำนี้ทำหน้าที่ในทันทีเป็นหลัก: คุ้มกันกองคาราวานจากทะเลคาราไปยังทะเลสีขาวและด้านหลัง

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2485 SKR-18 ถูกโจมตีโดยเรือดำน้ำเยอรมัน U-456 แต่สามารถหลีกเลี่ยงการโดนตอร์ปิโดได้ ในตอนท้ายของสงคราม เมื่อความต้องการเรือลาดตระเวนลดลง เครื่องตัดน้ำแข็งก็ถูกส่งกลับไปยังหน่วยปฏิบัติการของผู้อำนวยการหลักของเส้นทางทะเลเหนือ หลังจากสิ้นสุดสงคราม ทหารผ่านศึกอาร์กติกก็กลับมาทำกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์อีกครั้ง - มีการสำรวจละติจูดสูงบนเรือ เพลงหงส์เครื่องตัดน้ำแข็งเก่าสร้างสถิติการเดินเรือในอาร์กติกในปี 1955 เมื่อเรือ “F. Litke" ไปถึงพิกัดละติจูด 83°21" เหนือ สถิตินี้ยังคงไม่ขาดตอนเป็นเวลานาน แต่หลายปีผ่านไป แม้แต่โลหะก็ถอยกลับภายใต้การโจมตี - เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2501 เครื่องตัดน้ำแข็ง "Fedor Litke" ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นถือว่าล้าสมัยอย่างสิ้นหวัง พวกเขาถูกถอดออกจากการให้บริการและถูกทิ้งร้างในเวลาต่อมา

เรือตัดน้ำแข็ง "Fedor Litke" เปิดตัวในปี 1970

ประเพณีดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไปโดยเรือตัดน้ำแข็งลำใหม่ "Fedor Litke" ซึ่งเข้าประจำการในปี 1970 และบรรทุกเรือข้ามฟากรถไฟข้ามอามูร์ ถอนตัวออกจากกองเรือในปี 2014 เวลาจะผ่านไปและบางทีเรือตัดน้ำแข็งลำใหม่ที่ตั้งชื่อตาม Fyodor Petrovich Litke นักเดินเรือ พลเรือเอก และนักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย จะบุกทะลุน้ำแข็งอีกครั้งเช่นเดียวกับรุ่นก่อน

Ctrl เข้า

สังเกตเห็นแล้ว อ๋อ. ใช่แล้ว เลือกข้อความแล้วคลิก Ctrl+ป้อน

Nikolai Nikolaevich Urvantsev นักธรณีวิทยาและนักภูมิศาสตร์ที่โดดเด่น เกิดเมื่อวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2436 Urvantsev กลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Norilsk และผู้ค้นพบภูมิภาคแร่ Norilsk และหมู่เกาะ Severnaya Zemlya ผู้เขียนหลาย ๆ คน งานทางวิทยาศาสตร์ซึ่งส่วนใหญ่อุทิศให้กับการศึกษาธรณีวิทยาของ Taimyr เซเวอร์นายา เซมเลียและทางเหนือของแพลตฟอร์มไซบีเรีย เราตัดสินใจพูดคุยเกี่ยวกับนักวิจัยอาร์กติกในประเทศห้าคน

นิโคไล อูร์วานเซฟ

Urvantsev มาจากครอบครัวพ่อค้าที่ยากจนจากเมือง Lukoyanov จังหวัด Nizhny Novgorod ในปี 1915 ภายใต้อิทธิพลของการบรรยายและหนังสือ "พลูโตเนียม" และ "ดินแดนของ Sannikov" ของศาสตราจารย์ Obruchev Urvantsev เข้าสู่แผนกเหมืองแร่ของ Tomsk สถาบันเทคโนโลยีและในปีที่สามเขาเริ่มศึกษาตัวอย่างหินที่นำมาจากการสำรวจ ในปี 1918 ใน Tomsk ตามความคิดริเริ่มของอาจารย์ของสถาบัน คณะกรรมการธรณีวิทยาไซบีเรียได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่ง Urvantsev เริ่มทำงาน ในฤดูร้อนปี 1919 คณะกรรมาธิการได้สรุปแผนการดำเนินการค้นหาและวิจัยถ่านหิน ทองแดง เหล็ก และโพลีเมทัลในหลายแห่งในไซบีเรีย การสำรวจได้รับทุนจากพลเรือเอก Kolchak: คณะสำรวจไปที่ภูมิภาค Norilsk เพื่อสำรวจถ่านหินสำหรับเรือ Entente โดยส่งมอบอาวุธและกระสุนให้กับพลเรือเอก เชื่อกันว่าเป็น Urvantsev ที่ได้รับเงินทุนสำหรับการเดินทางจาก Kolchak ซึ่งต่อมาเขาถูกอดกลั้น ในปี 1920 การสำรวจของ Urvantsev ทางตะวันตกของคาบสมุทร Taimyr ในพื้นที่แม่น้ำ Norilsk ค้นพบแหล่งถ่านหินที่อุดมสมบูรณ์มาก ในปี พ.ศ. 2464 มีการค้นพบแร่ทองแดง-นิกเกิลที่ร่ำรวยที่สุด เนื้อหาสูงแพลทินัม ในฤดูหนาวของปีเดียวกัน Urvantsev ได้สำรวจบริเวณโดยรอบของ Norilsk และรวบรวมแผนที่โดยละเอียด คณะสำรวจได้สร้างบ้านไม้บนสถานที่ที่ Norilsk จะปรากฏในอนาคต ซึ่งยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ ยังคงถูกเรียกว่า "บ้านของ Urvantsev" การก่อสร้าง Norilsk สมัยใหม่เริ่มต้นจากบ้านหลังนี้

ในฤดูร้อนปี พ.ศ. 2465 นักวิจัยล่องเรือไปตามแม่น้ำ Pyasina และชายฝั่งมหาสมุทรอาร์กติกไปยัง Golchikha ที่ปากแม่น้ำ Yenisei ระหว่างเกาะ Dikson และปาก Pyasina Nikolai Nikolaevich ค้นพบจดหมายของ Amundsen ที่เขาส่งไปยังนอร์เวย์พร้อมกับเรือใบ "Lyud" ซึ่งจอดในฤดูหนาวที่ Cape Chelyuskin ในปี 1919 Amundsen ส่งจดหมายพร้อมเพื่อนร่วมทางของเขา Knutsen และ Tessem ซึ่งเดินทาง 900 กิโลเมตรผ่านทะเลทรายที่เต็มไปด้วยหิมะในคืนขั้วโลก ประการแรก คนุตเซ่นเสียชีวิต Tessem เดินทางต่อโดยลำพัง แต่ก็เสียชีวิตก่อนจะเดินทางถึง Dikson เป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร สำหรับการเดินทางครั้งนี้ Russian Geographical Society มอบรางวัล Urvantsev the Great เหรียญทองตั้งชื่อตาม Przhevalsky และสำหรับการค้นพบจดหมายของ R. Amundsen เขาได้รับรางวัลจากรัฐบาลนอร์เวย์เป็นนาฬิกาทองคำส่วนตัว

จนกระทั่งปี 1938 Urvantsev มุ่งหน้าไป การสำรวจทางวิทยาศาสตร์สถาบัน All-Union Arctic บน Severnaya Zemlya คณะสำรวจเพื่อค้นหาน้ำมัน ไซบีเรียตอนเหนือกลายเป็นปริญญาเอกสาขาธรณีวิทยาและแร่วิทยา ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการสถาบันอาร์กติก และได้รับรางวัล Order of Lenin อย่างไรก็ตามการสำรวจครั้งแรกซึ่งได้รับทุนจาก Kolchak ก็ไม่ลืม: ในปี 1938 Urvantsev ถูกอดกลั้นและถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ค่ายราชทัณฑ์เพื่อการก่อวินาศกรรมและการสมรู้ร่วมคิดในองค์กรต่อต้านการปฏิวัติ นักวิทยาศาสตร์ถูกย้ายไปที่ค่าย Solikamsk หลังจากคำตัดสินถูกยกเลิกและคดีถูกปิดในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2483 เขากลับไปที่เลนินกราดและยอมรับคำเชิญให้ทำงานที่ LGI แต่ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2483 เขาถูกจับกุมอีกครั้งและถูกตัดสินจำคุก 8 ปี Urvantsev ต้องรับโทษใน Karlag และ Norillag ซึ่งเขาได้กลายเป็นหัวหน้านักธรณีวิทยาของ Norilskstroy เขาพบแหล่งแร่ทองแดง-นิกเกิลของภูเขา Zub-Marksheiderskaya, Chernogorskoye, Imangdinskoye และการเกิดแร่ของแม่น้ำ Serebryannaya ในไม่ช้า Urvantsev ก็ถูกคุมขังและเดินทางไปทางวิทยาศาสตร์ทางตอนเหนือของ Taimyr “ เพื่อผลงานที่ยอดเยี่ยม” เขาได้รับการปล่อยตัวเมื่อเช้าวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2488 แต่ยังคงถูกเนรเทศที่โรงงาน ในปี พ.ศ. 2488-2499 Nikolai Nikolaevich เป็นหัวหน้าฝ่ายบริการทางธรณีวิทยาของ Norilsk MMC หลังจากพักฟื้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2497 เขากลับไปที่เลนินกราดซึ่งเขาทำงานตลอดชีวิตที่สถาบันวิจัยธรณีวิทยาอาร์กติก

นักสำรวจขั้วโลกผู้โด่งดังซึ่งมีชื่อเล่นว่าโคลัมบัสแห่งภาคเหนือ ได้รับรางวัล Order of Lenin สองรางวัล, Order of the Red Banner of Labor และเหรียญทองหนึ่งที่ตั้งชื่อตาม Przhevalsky เหรียญทองขนาดใหญ่จากสมาคมภูมิศาสตร์แห่งสหภาพโซเวียตได้รับตำแหน่งผู้ทำงานที่มีเกียรติด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของ RSFSR และเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์คนแรกของ Norilsk และ Lukoyanov เขื่อน Urvantsev ใน Norilsk, ถนนใน Krasnoyarsk และ Lukoyanov, แหลมและอ่าวบนเกาะ Oleniy ในทะเล Kara และแร่ urvantsevite จากแร่ของ Talnakh ได้รับการตั้งชื่อตามเขา หนังสือของ P. Sigunov เรื่อง "Through the Blizzard" เขียนเกี่ยวกับเขา เรื่องราวชีวิตของ Nikolai Nikolaevich เป็นพื้นฐานของเนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง "Enchanted by Siberia" Nikolai Nikolaevich Urvantsev เสียชีวิตในปี 1985 ขณะอายุ 92 ปี โกศที่มีขี้เถ้าของนักวิทยาศาสตร์ตามความประสงค์ของเขาถูกฝังใน Norilsk

จอร์จี อูชาคอฟ

นักสำรวจอาร์กติกผู้โด่งดังของโซเวียต คุณหมอ วิทยาศาสตร์ทางภูมิศาสตร์และผู้เขียน 50 การค้นพบทางวิทยาศาสตร์เกิดในหมู่บ้าน Lazarevskoye ซึ่งปัจจุบันเป็นเขตปกครองตนเองของชาวยิว ในปี 1901 ในครอบครัวของ Khabarovsk Cossacks และออกเดินทางครั้งแรกเมื่ออายุ 15 ปี ในปี 1916 โดยมีนักสำรวจที่โดดเด่นแห่งตะวันออกไกล นักเขียนและนักภูมิศาสตร์ วลาดิมีร์ อาร์เซนเยฟ. Ushakov พบกับ Arsenyev ใน Khabarovsk ซึ่งเขาศึกษาที่โรงเรียนพาณิชยศาสตร์ ในปีพ. ศ. 2464 Ushakov เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยวลาดิวอสต็อก แต่การระบาดของสงครามกลางเมืองและการรับราชการทหารทำให้เขาไม่สามารถสำเร็จการศึกษาได้

ในปีพ. ศ. 2469 Ushakov ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคณะสำรวจไปยังเกาะ Wrangel ตั้งแต่นั้นมา Georgy Ushakov ได้เชื่อมโยงชีวิตของเขากับอาร์กติกมาโดยตลอด เขากลายเป็นนักวิทยาศาสตร์คนแรกที่วาดแผนที่โดยละเอียดของเกาะ Wrangel ผู้ว่าการคนแรกของหมู่เกาะ Wrangel และ Herald เขาศึกษาชีวิตและประเพณีของชาวเอสกิโม ในปี 1929 มีการตกปลาบนเกาะ แผนที่ชายฝั่งของเกาะ Wrangel ได้รับการแก้ไขและเสริม มีการรวบรวมวัสดุทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากเกี่ยวกับธรรมชาติและความสามารถทางเศรษฐกิจของเกาะ เกี่ยวกับลักษณะทางชาติพันธุ์วิทยาของ Eskimos และ Chukchi และเกี่ยวกับสภาพการเดินเรือในบริเวณนี้ บนเกาะยังมีการจัดบริการอุตุนิยมวิทยาการสำรวจภูมิประเทศและคำอธิบายของเกาะเป็นครั้งแรกโดยรวบรวมแร่ธาตุอันมีค่าและ หินนกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตลอดจนสมุนไพร หนึ่งในการศึกษากลุ่มชาติพันธุ์รัสเซียครั้งแรกเกี่ยวกับชีวิตและนิทานพื้นบ้านของชาวเอสกิโมในเอเชีย ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2473 Ushakov ออกเดินทางร่วมกับ Nikolai Urvantsev เพื่อยึดครอง Severnaya Zemlya ภายในสองปี พวกเขาอธิบายและรวบรวมแผนที่แรกของหมู่เกาะอาร์กติกขนาดใหญ่แห่ง Severnaya Zemlya ในปี 1935 Ushakov เป็นผู้นำการสำรวจละติจูดสูงครั้งแรกของเส้นทางทะเลเหนือหลักบนเรือกลไฟทำลายน้ำแข็ง "Sadko" เมื่อมีการสร้างสถิติโลกสำหรับการนำทางฟรีใน Arctic Circle ขอบเขตของไหล่ทวีปถูกกำหนด การรุกของน้ำอุ่นของกัลฟ์สตรีมไปยังชายฝั่ง Severnaya Zemlya ถูกสร้างขึ้นและเกาะที่ตั้งชื่อตาม Ushakov ถูกค้นพบ Ushakov กลายเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสถาบันสมุทรศาสตร์ของ USSR Academy of Sciences ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการแปลงเรือยนต์ "Equator" ("Mars") ให้เป็นเรือวิทยาศาสตร์ "Vityaz" ที่มีชื่อเสียงระดับโลก

สำหรับความสำเร็จที่โดดเด่น Ushakov ได้รับรางวัล Order of the Red Banner of Labor, Order of Lenin และ Order of the Red Star เรือเดินทะเลหลายลำ ภูเขาในทวีปแอนตาร์กติกา เกาะในทะเลคารา หมู่บ้าน และแหลมบนเกาะแรงเกล ล้วนตั้งชื่อตามเขา Ushakov เสียชีวิตในปี 2506 ในกรุงมอสโกและพินัยกรรมให้ฝังใน Severnaya Zemlya พินัยกรรมสุดท้ายของเขาเป็นจริง: โกศที่มีขี้เถ้าของนักสำรวจและผู้ค้นพบที่โดดเด่นถูกนำไปที่เกาะ Domashny และปิดล้อมด้วยปิรามิดคอนกรีต

ออตโต ชมิดต์

หนึ่งในผู้ก่อตั้งและ บรรณาธิการบริหารสารานุกรมแห่งสหภาพโซเวียตผู้ยิ่งใหญ่, ศาสตราจารย์, นักวิชาการของ USSR Academy of Sciences, สมาชิกของ Academy of Sciences แห่งยูเครน, ฮีโร่ สหภาพโซเวียตนักสำรวจ Pamirs และทางเหนือเกิดในปี พ.ศ. 2434 ในเมือง Mogilev เขาสำเร็จการศึกษาจากภาควิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัย Kyiv ซึ่งเขาศึกษาในปี พ.ศ. 2452-2456 ที่นั่น ภายใต้การแนะนำของศาสตราจารย์ ดี. เอ. เกรฟ เขาเริ่มค้นคว้าทฤษฎีกลุ่ม

ในปี พ.ศ. 2473-2477 ชมิดต์เป็นผู้นำการสำรวจอาร์กติกที่มีชื่อเสียงบนเรือตัดน้ำแข็ง Chelyuskin และ Sibiryakov ซึ่งถือเป็นการเดินทางครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตามเส้นทางทะเลเหนือจาก Arkhangelsk ถึง Vladivostok ด้วยการนำทางครั้งเดียว ในปี พ.ศ. 2472-2473 Otto Yulievich เป็นผู้นำการสำรวจสองครั้งบนเรือตัดน้ำแข็ง Georgy Sedov วัตถุประสงค์ของการเดินทางเหล่านี้คือเพื่อสำรวจเส้นทางทะเลเหนือ อันเป็นผลมาจากการรณรงค์ของ "Georgy Sedov" ได้มีการจัดตั้งสถานีวิจัยบน Franz Josef Land "Georgy Sedov" ก็ตรวจสอบภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วย คาราซีและ ชายฝั่งตะวันตกเซเวอร์นายา เซมเลีย. ในปี พ.ศ. 2480 ชมิดต์เป็นผู้นำปฏิบัติการสร้างสถานีลอยน้ำ "ขั้วโลกเหนือ-1" ซึ่งชมิดท์ได้รับรางวัลวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์เลนิน และหลังจากการก่อตั้งป้าย ความแตกต่างพิเศษเขาได้รับรางวัลเหรียญทองสตาร์ "แหลมชมิดท์" บนชายฝั่งตั้งชื่อตามชมิดท์ ทะเลชุกชีและ “เกาะชมิดต์” ในทะเลคารา ถนนในรัสเซียและเบลารุส สถาบันฟิสิกส์โลกของ USSR Academy of Sciences ได้รับการตั้งชื่อตาม O. Yu. Schmidt และในปี 1995 Russian Academy of Sciences ได้ก่อตั้งรางวัล O. Yu งานทางวิทยาศาสตร์ในด้านการวิจัยและพัฒนาแถบอาร์กติก

อีวาน ปาปานิน

Ivan Papanin วีรบุรุษสองคนของสหภาพโซเวียต นักสำรวจอาร์กติกมีชื่อเสียงในปี 1937 เมื่อเขานำคณะสำรวจไปยังขั้วโลกเหนือ เป็นเวลา 247 วัน พนักงานที่กล้าหาญสี่คนของสถานีขั้วโลกเหนือ 1 ลอยอยู่บนแผ่นน้ำแข็งและสังเกตสนามแม่เหล็กของโลกและกระบวนการในชั้นบรรยากาศและอุทกสเฟียร์ของมหาสมุทรอาร์กติก สถานีดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังทะเลกรีนแลนด์ โดยน้ำแข็งลอยไปได้ไกลกว่า 2 พันกิโลเมตร สำหรับการทุ่มเททำงานในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากของอาร์กติก สมาชิกคณะสำรวจทุกคนได้รับดาวแห่งวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียตและตำแหน่งทางวิทยาศาสตร์ ปานินได้เป็นดุษฎีบัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์ภูมิศาสตร์

ในช่วงมหาสงครามแห่งความรักชาติ นักสำรวจขั้วโลกรายนี้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าเส้นทางทะเลเหนือหลักและผู้บัญชาการ คณะกรรมการของรัฐการป้องกันการขนส่งในภาคเหนือ ปาปานินจัดการต้อนรับและขนส่งสินค้าจากอังกฤษและอเมริกาไปด้านหน้าซึ่งเขาได้รับยศเป็นพลเรือตรีด้านหลัง

นักสำรวจขั้วโลกผู้โด่งดังได้รับคำสั่งของเลนินเก้าคำสั่ง, ธงแดงสองคำสั่ง การปฏิวัติเดือนตุลาคมและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาวแดง แหลมบนคาบสมุทร Taimyr ภูเขาในแอนตาร์กติกา และภูเขาใต้น้ำในมหาสมุทรแปซิฟิก ล้วนตั้งชื่อตามเขา เพื่อเป็นเกียรติแก่วันเกิดปีที่ 90 ของ Papanin นักสำรวจขั้วโลกชาวรัสเซียเพื่อนของ Ivan Dmitrievich, S. A. Solovyov ได้เปิดตัวซองจดหมายพร้อมรูปของเขา ปัจจุบันเหลืออยู่ไม่กี่ซองเท่านั้น พวกเขาถูกเก็บไว้ในคอลเลกชันส่วนตัวของผู้สะสมตราไปรษณียากร

เซอร์เกย์ โอบรูชอฟ

นักธรณีวิทยาและนักเดินทางชาวรัสเซียโซเวียตที่โดดเด่นสมาชิกที่เกี่ยวข้องของ USSR Academy of Sciences ลูกชายคนที่สองของ V. A. Obruchev ผู้เขียน นวนิยายที่มีชื่อเสียง“ ดินแดนของ Sannikov” และ “พลูโทเนียม” ตั้งแต่อายุ 14 ปีเขามีส่วนร่วมในการสำรวจของเขาและเมื่ออายุ 21 ปีเขาได้ดำเนินการสำรวจอิสระโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการสำรวจทางธรณีวิทยาโดยรอบของ Borjomi หลังจากสำเร็จการศึกษาจากคณะฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมอสโกในปี พ.ศ. 2458 เขาถูกทิ้งให้อยู่ที่ภาควิชาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับตำแหน่งศาสตราจารย์ แต่อีกสองปีต่อมาเขาได้ออกเดินทางสำรวจไปยังบริเวณตอนกลางของแม่น้ำอังการา

Obruchev ทำงานในคณะกรรมการทางธรณีวิทยาของสภาเศรษฐกิจสูงสุดแห่งสหภาพโซเวียต ดำเนินการวิจัยทางธรณีวิทยาบนที่ราบสูงไซบีเรียตอนกลางในแอ่งแม่น้ำ Yenisei ระบุแอ่งถ่านหิน Tunguska และให้คำอธิบาย ในปี 1926 เขาได้ค้นพบขั้วโลกแห่งความหนาวเย็น ซีกโลกเหนือ— โอมยากร. นักวิทยาศาสตร์ยังได้ค้นพบปริมาณทองคำในแม่น้ำในแอ่งโคลีมาและอินดิกีร์กา ในบริเวณอ่าวชอนสกายา และค้นพบแหล่งสะสมของดีบุก การเดินทางของ Obruchev และ Salishchev ในปี 1932 ลงไปในประวัติศาสตร์ของการพัฒนาการบินทางเหนือและขั้วโลก: เป็นครั้งแรกในสหภาพโซเวียตที่ใช้วิธีสำรวจเส้นทางด้วยภาพทางอากาศเพื่อสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่ ในระหว่างนั้น Salishchev ได้รวบรวมแผนที่ของ Chukotka Okrug ซึ่งได้เปลี่ยนแปลงแผนที่ที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ด้วย

การเดินทางและผลงานของ Obruchev มีความโดดเด่นในช่วงเวลานั้น ในปี พ.ศ. 2489 ได้รับรางวัลนักวิทยาศาสตร์ดีเด่นคนหนึ่ง รางวัลสตาลินเขาได้รับรางวัล Order of Lenin, Red Banner of Labor และ "Badge of Honor" Obruchev เป็นผู้แต่งหนังสือวิทยาศาสตร์ยอดนิยมหลายเล่ม: "Into Unknown Lands", "Across the Mountains and Tundra of Chukotka", "In the Heart of Asia" รวมถึง "คู่มือสำหรับนักเดินทางและนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น" ชื่อของนักวิทยาศาสตร์เกิดจากภูเขาในเขต Chaunsky ของภูมิภาคมากาดาน คาบสมุทรบนเกาะใต้ และแหลมของเกาะทางตอนเหนือของ Novaya Zemlya แม่น้ำ (Sergei-Yuryus) ในแอ่ง Indigirka ตอนบนและถนน ในเลนินกราด

อาร์กติกเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่เลวร้ายที่สุดในโลก และบางทีผู้ที่ตัดสินใจศึกษาเรื่องนี้ก็ควรค่าแก่การชื่นชมอยู่แล้ว นักสำรวจขั้วโลกชาวรัสเซียและโซเวียตสามารถค้นพบได้มากที่สุดในอาร์กติก แต่ก็ยังยังคงเป็นปริศนาอยู่ ผู้พิชิตดินแดนทางตอนเหนือยุคใหม่จึงมีบางสิ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนและมีคนที่จะเรียนรู้