พบกับ Anastasia Shalomanova ชาวเมืองโวลโกกราด อายุ 24 ปี นักภาษาศาสตร์-นักแปลโดยผ่านการฝึกอบรม และนักจัดดอกไม้ตามอาชีพ จากหญิงสาวที่มีศักดิ์ศรีและมีขนาดที่สำคัญอนาสตาเซียก็สามารถกลายเป็นความงามที่เพรียวบางได้ จริงอยู่ที่ระหว่างทางไปสู่ร่างในฝันของเธอ Nastya ทำมันมากเกินไปร่างกายของเธอทำงานผิดปกติ แต่หญิงสาวก็สามารถเอาชนะอาการเบื่ออาหารได้ นี่คือเรื่องราวของเธอ

รูปถ่าย: เอกสารส่วนตัวของ Anastasia Shalomanova

“น้ำหนักสูงสุดของฉันคือ 113 กก. และขั้นต่ำ 55 กก. ถ้าเราพูดถึงสาเหตุของการเพิ่มน้ำหนัก ในความคิดของฉัน มีอย่างน้อยสามเหตุผล: ประการแรกตอนเป็นเด็กฉันมีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์และแพทย์บอกพ่อแม่ของฉันว่าฉันจำเป็นต้องได้รับอาหารที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ ด้วยเหตุนี้ อาหารของฉันจึงประกอบด้วยธัญพืชที่ทำจากนมและน้ำตาล ขนมปังและพายหลากหลายชนิด

ประการที่สอง ตอนเป็นเด็ก ฉันมักจะป่วยและกินยาจำนวนมาก ซึ่งทำให้ระบบเผาผลาญของฉันหยุดชะงัก และประการที่สาม จนกระทั่งฉันอายุ 16 น้ำหนักส่วนเกินของฉันก็แทบไม่รบกวนฉันเลย ทั้งพ่อแม่และญาติของฉันบอกเป็นนัย ๆ ว่าฉันต้องลดน้ำหนัก แต่ฉันฟัง แต่ไม่ได้ยินพวกเขา ฉันกินอะไรและเมื่อไหร่ที่ฉันต้องการ และรู้สึกขุ่นเคืองหากพวกเขาไม่ได้ซื้อหรือให้บางอย่างแก่ฉัน

ในปี 2011 ตอนชั้นประถมศึกษาปีที่ 11 ตาชั่งหนัก 113 กิโลกรัม และฉันเริ่มรู้สึกว่าซับซ้อนมาก ฉันพยายามที่จะไม่กิน พยายามควบคุมอาหาร นับแคลอรี่ ดื่มโปรตีนเชค แต่ไม่มีผลลัพธ์

ฉันยังจำช่วงเวลาที่ฉันแทบจะใส่ชุดไปงานพร็อมไม่ได้เลย

นี่เป็นสัญญาณแรกที่จะเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่าง ตลอดฤดูร้อน ฉันลดน้ำหนักได้ 95 กก. โดยจำกัดตัวเองในเรื่องโภชนาการและการเกร็งร่างกาย จากนั้นก็เริ่มเรียนที่มหาวิทยาลัย น้ำหนักขึ้นมา 109 กก.

พอเข้าปีที่ 2 จู่ๆ ก็อยากลดน้ำหนัก เลยเริ่มอ่านวรรณกรรมเกี่ยวกับโภชนาการ และค่อยๆ เปลี่ยนไปทานอาหารวันละ 5-6 มื้อ อย่างไรก็ตาม คุณภาพของมันยังเหลือความเป็นที่ต้องการอยู่มาก เนื่องจากการเอาภาชนะใส่อาหารไปศึกษาดูเป็นเรื่องที่แย่มากสำหรับฉัน ในปีที่สาม ฉันเริ่มใส่ใจกับสิ่งที่ฉันกินมากขึ้น ฉันเกือบจะหยุดกินขนมอบ ขนมหวาน และสิ่งที่เป็นอันตรายอื่นๆ มีผัก ผักใบเขียว และเนื้อไม่ติดมันมากขึ้นในอาหาร

ทีละขั้นตอนฉันมีน้ำหนักได้ถึง 86 กก. ซึ่งทำให้การซื้อชุดงานพรอมง่ายขึ้นมาก นี่เป็นแรงผลักดันสำหรับฉัน เนื่องจากฉันอยากจะแต่งตัวให้สวยงามและมีสไตล์มาโดยตลอด แต่รูปร่างของฉันไม่เอื้ออำนวย

 

1 /4

รูปถ่าย: เอกสารส่วนตัวของ Anastasia Shalomanova

รูปถ่าย: เอกสารส่วนตัวของ Anastasia Shalomanova

รูปถ่าย: เอกสารส่วนตัวของ Anastasia Shalomanova

รูปถ่าย: เอกสารส่วนตัวของ Anastasia Shalomanova

หลังจากนั้นฉันตัดสินใจอย่างหนักแน่นว่าจะกินให้ถูกต้องและผูกมิตรกับกีฬา ฉันสมัครเข้ายิมและเริ่มออกกำลังกายภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอน ฉันได้เรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโภชนาการมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาฉันได้พบกับนักโภชนาการที่ดีคนหนึ่งที่ช่วยฉันปรับการควบคุมอาหาร ฉันเริ่มนับ BZHU (โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรต) และค่อยๆ ทีละกิโลกรัม เพื่อเอาชนะตัวเอง และก้าวไปสู่เป้าหมาย และปีที่แล้วในเดือนพฤษภาคม ฉันสามารถลดน้ำหนักได้เหลือ 64

ฉันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นและลดน้ำหนักลงเหลือ 55 แต่สำหรับฉันน้ำหนักนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญและร่างกายของฉันก็ทำงานผิดปกติ - น้ำหนักเริ่มลดลงด้วยตัวเอง ฉันรู้สึกกังวล นับต่อไปอย่างต่อเนื่อง และมีคาร์โบไฮเดรตเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งกรัม ดูเหมือนเป็นจุดสิ้นสุดของโลกสำหรับฉัน

มีช่วงเวลาที่ฉันไม่เพียงแต่ฝึกไม่ได้เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถยืนได้ด้วยเท้าของตัวเองอีกด้วย

แม่ส่งเสียงเตือนและยืนกรานว่าจะไปหาหมอ ฉันจบหลักสูตรการรักษาและยังคงฟื้นความแข็งแกร่งมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้น้ำหนักของฉันอยู่ที่ 60 กก. ฉันยังคงออกกำลังกายกับเทรนเนอร์และปรับรูปร่างของฉัน กินวันละ 5-6 ครั้ง และสนุกกับชีวิตโดยไม่ต้องเพิ่มน้ำหนัก

ในกระบวนการลดน้ำหนัก แม้กระทั่งตอนนี้ ฉันก็จดไดอารี่อาหาร วัดตัว และถ่ายรูปทุกเดือน ฉันรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ได้รวมภาพถ่าย เห็นการเปลี่ยนแปลง และตระหนักว่าทุกสิ่งไม่ได้ไร้ประโยชน์ การช้อปปิ้งทำให้ฉันมีความสุขมาก เนื่องจากตอนนี้ขนาดของฉันมีในสต็อกอยู่เสมอ มันมีค่ามากที่ฉันได้เปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่ภายนอกเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภายในด้วย ฉันมั่นใจมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น และโดดเด่นยิ่งขึ้น ฉันพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าฉันสามารถทำอะไรก็ได้ถ้าฉันต้องการ วงสังคมของฉันเปลี่ยนไปมาก แต่ฉันไม่เสียใจอะไรเลย ชีวิตของฉันแบ่งออกเป็น "ก่อน" และ "หลัง" และฉันก็ดีใจที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างที่เคยเป็น

คำแนะนำ

แสดงความรู้สึกของคุณให้มากที่สุด อย่าฝืนตัวเองไม่ว่าในกรณีใดๆ หากคุณต้องการความหลงใหลที่เข้มข้นมหาศาล ตะโกน กระทืบเท้า หัวเราะ พูดจาโผงผาง จลาจล แสดงให้โลกทั้งโลกเห็นว่าคุณรู้สึกอย่างไรและรู้สึกอย่างไรกับความรู้สึกนั้น ยิ่งคุณแสดงอารมณ์ออกมามากเท่าไร แม้ว่าไม่ได้สัมผัสมันในตอนแรก อารมณ์เหล่านั้นก็จะยิ่งจับคุณได้มากขึ้นเท่านั้น

หากคุณสนใจข้อมูลเกี่ยวกับกล่องจดหมายของคุณในบริการ mail.ru โซเชียลเน็ตเวิร์กของแหล่งข้อมูลนี้สามารถช่วยเหลือคุณได้ “โลกของฉัน” ให้ความสนใจกับรายการเมนู “แขก” สะท้อนถึงผู้ใช้ที่เข้าชมหน้าส่วนตัวของคุณบนเครือข่ายโซเชียลนี้ คุณอาจเห็นคนแปลกหน้าในรายการนี้ ถัดจากอวาตาร์ของผู้ใช้ ระบบจะระบุเวลาที่เขาเยี่ยมชมเพจของคุณ

ควรให้ความสนใจกับตัวอักษรในกล่องจดหมายของคุณ ตรวจสอบรายการอย่างระมัดระวัง หากบางรายการกลายเป็นเปิด แต่คุณไม่ได้เปิด อาจให้ข้อมูลเกี่ยวกับความสนใจของคุณ จดหมาย- บ่อยครั้งที่เป้าหมายดังกล่าวประกอบด้วยจดหมายที่มีข้อมูลการลงทะเบียนของระบบการชำระเงิน เครือข่ายโซเชียล และบริการอื่น ๆ

บริการอีเมลสมัยใหม่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ใช้การตั้งค่าความปลอดภัยส่วนบุคคล “ทรัมป์การ์ด” หลักของการตั้งค่านี้คือการกำหนดที่อยู่ IP ที่คุณเข้าถึงครั้งล่าสุด จดหมาย- หากคุณใช้เมลจาก mail.ru ให้ไปที่แท็บ "การตั้งค่า" และเลือก "ความปลอดภัย" ในบรรทัด "การเข้าสู่ระบบ HTTP ล่าสุด" คุณจะเห็นเวลา วันที่ และที่อยู่ IP ของการเข้าสู่ระบบครั้งล่าสุด ในเมลบนเว็บไซต์ yandex.ru สามารถทำได้เช่นเดียวกันหากคุณไปที่ "การตั้งค่า", "ความปลอดภัย", "บันทึกการเยี่ยมชม" หากต้องการดู IP บน gmail.com คุณควรอ้างถึงรายการ "ข้อมูลเพิ่มเติม" ซึ่งอยู่ที่มุมขวาล่างของแท็บ "การตั้งค่า" ใต้คำว่า "การกระทำล่าสุด"

ฮิสทีเรียในเด็กเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง อาการภายนอกของมันทำให้อารมณ์ของผู้อื่นเสียและสำหรับลิงฮาวเลอร์เองน้ำตาและเสียงกรีดร้องอาจทำให้เกิดความผิดปกติของระบบประสาทได้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการหยุดฮิสทีเรียของเด็กให้ทันเวลาจึงเป็นเรื่องสำคัญ คุณสามารถทำได้โดยใช้วิธีใดวิธีหนึ่งต่อไปนี้...

คุณจะต้อง

• ความอดทนและการควบคุมตนเอง

คำแนะนำ

เมื่อลูกน้อยของคุณมีอารมณ์ฉุนเฉียว สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออย่าเป็นเหมือนเขาและอย่าตกอยู่ในสภาพเดียวกัน แน่นอนว่าคุณจะรู้สึกกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวในที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ในร้านค้า บนถนน ฯลฯ อย่าทำผิดซ้ำซากของคุณแม่หลายคน: อย่าชักชวนและอย่ารู้สึกเสียใจกับเสียงหอนและเสียงกรีดร้อง พยายามทำให้เขารู้สึกตัวทันที

หากอาการฮิสทีเรียเกิดขึ้นในที่ที่มีผู้คนหนาแน่น เพื่อไม่ให้ฟังความคิดเห็นที่ "เป็นประโยชน์" ของผู้อื่น ให้ลองพาทารกไปไว้ข้างที่ไม่มีใครเห็นคุณ หรือพาเขาออกจากห้องไปเลย

หากเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวในบ้านของคุณ วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดแม้ว่าจะค่อนข้างโหดร้ายก็คือกักขังเด็กไว้ในห้องแล้วปล่อยให้เขา "กรีดร้อง" วิธีแก้ปัญหาที่อ่อนโยนกว่ามากอีกวิธีหนึ่งยังช่วยได้: อุ้มลูกของคุณไว้ใกล้ ๆ และพูดคุยกับเขาอย่างเงียบ ๆ เกี่ยวกับหัวข้อที่เป็นนามธรรม ทารกจะสงบลงและบางทีนี่อาจจะช่วยลดจำนวนอารมณ์ฉุนเฉียวได้ในอนาคต

อย่าพยายามหยุดกรีดร้องและร้องไห้ด้วยวิธีที่รุนแรง: คุณไม่ควรตี กรีดร้อง หรือผลักเด็กไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม สิ่งนี้จะทำให้เขากลัวและทารกอาจถอยกลับเข้าไปในตัวเขาเอง เชื่อฉันเถอะว่าถ้าเป็นเด็กมันก็ยากสำหรับเขาอยู่แล้วและอย่างน้อยก็ทำให้แย่ลงโดยไม่ได้รับการสอน

ไม่ว่าคุณจะกังวลแค่ไหน พยายามพูดช้าๆ และใจเย็น อธิบายให้เขาฟังว่าพฤติกรรมของเขาผิดโดยพื้นฐาน และหากลูกน้อยของเขาต้องการบรรลุบางสิ่งบางอย่าง เขาจะบรรลุเป้าหมายเร็วขึ้นมากหากเขาเช็ดน้ำตาและถามคุณว่า "เหมือนมนุษย์"

วิดีโอในหัวข้อ

คุณต้องการสร้างบ้านในชนบท นี่เป็นกิจกรรมที่มีราคาแพงมากทางการเงิน แต่คุณเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายในเมือง คุณอยากออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ให้บ่อยขึ้น นอนเล่นบนเตียงในสวน และปรนเปรอเด็กๆ ด้วยสตรอเบอร์รี่สด ชวนเพื่อนของคุณไปเที่ยวพักผ่อนอย่างภาคภูมิใจ จนในที่สุดคุณก็ตัดสินใจ พยายามประเมินจุดแข็งและความพร้อมของทรัพยากรทางการเงินของคุณอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะไม่จมอยู่กับหนี้สินในภายหลัง และที่แย่กว่านั้นคืออย่าละทิ้งการก่อสร้างในบางขั้นตอน บ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จถือเป็นภาพที่น่าเศร้ามาก

คำแนะนำ

สมมติว่าคุณเป็นเจ้าของอาคารที่คุณวางแผนจะสร้าง ขั้นแรก ให้พิจารณาว่าภูมิประเทศจะช่วยให้คุณสามารถรับมือได้ด้วยตัวเองหรือไม่ หรือจำเป็นต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาประเมินสถานการณ์หรือไม่ พิจารณาว่าจะจัดส่งวัสดุก่อสร้างอย่างไร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสภาพของถนนทางเข้าหรือการมีอยู่ของมันเลย

ขั้นตอนต่อไปของการก่อสร้างคือการเลือกแบบบ้าน คุณสามารถซื้อโครงการมาตรฐานสำเร็จรูปที่คุณชอบหรือทำเองก็ได้ แต่สำหรับสิ่งนี้คุณต้องมีการศึกษาที่เหมาะสมหรือมีความรู้พิเศษ คุณยังสามารถสั่งซื้อโครงการบ้านตามความต้องการส่วนบุคคลจากองค์กรออกแบบหรือใช้บริการของผู้รับเหมาที่คุณสั่งก่อสร้าง: บางทีเขาอาจจะเสนอโครงการ

ต่อไปทำงานบนรากฐาน หากคุณมีความรู้ที่จำเป็น คุณจะสามารถพิมพ์ด้วยตนเองและควบคุมกระบวนการติดตั้งได้ (อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่สามารถทำได้อีกต่อไป) หรือไว้วางใจผู้เชี่ยวชาญที่จะคำนวณต้นทุนของมูลนิธิให้คุณอีกครั้ง

มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถเลือกประเภทบ้านได้ เมื่อพิจารณาถึงวัตถุประสงค์ในการก่อสร้างต้นทุนทางการเงินและเวลาคุณต้องเลือกว่าบ้านของคุณจะทำจากอะไร: ท่อนไม้อิฐหรืออาจเป็นโครงสร้างเฟรม

คุณไม่สามารถถือว่าการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ได้หากระบบสาธารณูปโภคไม่ได้เชื่อมต่อกับบ้าน แน่นอนว่ามีเพียงผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นที่ควรจัดหาก๊าซ แต่สามารถสร้างระบบบำบัดน้ำเสียได้ เป็นไปได้มากว่าจะไม่มีปัญหากับการใช้พลังงานไฟฟ้าเนื่องจากการเชื่อมต่อสามารถดำเนินการได้อย่างง่ายดายด้วยใบอนุญาตที่จำเป็น

คำแนะนำที่เป็นประโยชน์

ต้องมีการบันทึกทุกขั้นตอนของการก่อสร้าง แน่นอนว่ามันจะไม่ง่าย แต่สิ่งสำคัญคือความปรารถนาและความเพียรพยายามในการบรรลุเป้าหมาย

เคล็ดลับ 5: ทำไมพระเจ้าจึงยอมให้เด็กเล็กทนทุกข์และเสียชีวิตได้

ความทุกข์ทรมานและการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรของผู้บริสุทธิ์ แม้แต่เด็กทารก ถือเป็นปัญหาที่เจ็บปวดที่สุดปัญหาหนึ่ง หลายคนไม่พบคำตอบจึงหันเหไปจากศรัทธา ในขณะเดียวกันก็เป็นผู้เชื่อที่สามารถทั้งเข้าใจและยอมรับคำตอบสำหรับคำถามนี้

บุคคลที่ยอมรับพระเจ้าจะรู้ว่าพระองค์ยังทรงเป็นแหล่งกำเนิดหลักของจักรวาล มีเหตุผลในอุดมคติ ยุติธรรมในอุดมคติ และเป็นแหล่งกำเนิดของความรักอันไม่มีที่สิ้นสุด ความรักและความทุกข์ทรมานของผู้บริสุทธิ์ดูเหมือนจะเข้ากันไม่ได้กับลักษณะนิสัยเช่นนี้

ความทุกข์ ความตาย และบาป

“โทษของความบาปคือความตาย” พระคัมภีร์กล่าว ไม่ใช่คริสเตียนคนเดียวที่ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ผู้คนมักจะเข้าใจสูตรนี้ด้วยวิธีที่เรียบง่าย การลงโทษถูกนำเสนอเป็นแนวคิดทางกฎหมาย: การกระทำ - การพิจารณาคดี - การพิพากษา มันยังผลักดันให้ผู้คนประณามพระเจ้าสำหรับ "การตัดสินที่โหดร้าย" ในความเป็นจริง การลงโทษสำหรับบาปไม่ใช่ "ความผิดทางอาญา" แต่เป็น "ตามธรรมชาติ"

พระเจ้าทรงสถาปนากฎแห่งธรรมชาติตามที่โลกวัตถุดำรงอยู่ - กายภาพ เคมี และชีวภาพ เป็นที่ทราบกันดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้คนปฏิเสธที่จะเคารพกฎหมายเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น หากบุคคลหนึ่งสูบบุหรี่ เขาจะกลายเป็นมะเร็งปอดในที่สุด ไม่มีใครจะเรียกสิ่งนี้ว่า "การลงโทษจากสวรรค์ที่โหดร้ายโดยไม่จำเป็น" ทุกคนเข้าใจว่านี่เป็นผลมาจากธรรมชาติของมนุษย์เอง

ไม่ใช่ผู้กระทำผิดทันทีที่ต้องทนทุกข์ทรมานเนื่องจากการละเมิดกฎแห่งธรรมชาติอย่างไร้เหตุผลเสมอไป ตัวอย่างเช่นเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของพนักงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลทำให้ผู้คนหลายพันต้องทนทุกข์ทรมานและไม่สามารถพูดได้ว่ามีคน "ลงโทษพวกเขาด้วยความโหดร้ายที่ไร้สติ" - นี่เป็นผลตามธรรมชาติของความเหลื่อมล้ำของมนุษย์

องค์ประกอบทางจิตวิญญาณของจักรวาลก็มีกฎของตัวเองเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ชัดเจนจากมุมมองของมนุษย์เหมือนกับกฎของฟิสิกส์หรือชีววิทยา แต่พวกมันสั่งโลกตามการออกแบบอันศักดิ์สิทธิ์ ในขั้นต้น มนุษย์ถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะ สร้างขึ้นเพื่อความสุข ไม่ใช่พระเจ้าที่ทำลายรัฐนี้ - มนุษย์เองก็ตัดสินใจที่จะเบี่ยงเบนไปจากพระประสงค์ของพระเจ้า

เมื่อพิจารณาว่าน้ำพระทัยของพระเจ้าคือต้นตอของจักรวาลซึ่งจัดระเบียบมันไว้ การเบี่ยงเบนไปจากมันทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในโลก ทำให้มันกลายเป็นอุบัติเหตุหลายครั้ง ซึ่งแย่มากในความไร้สาระของพวกเขา และที่นี่เป็นไปไม่ได้อีกต่อไปที่จะถามหรือตอบว่าทำไมบุคคลนี้หรือบุคคลนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กถึงต้องทนทุกข์ สิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะโลกตกอยู่ในสภาวะแห่งความโกลาหลเนื่องจากบาปของมนุษย์ และทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้าง "เชอร์โนบิลทางจิตวิญญาณ" นี้ - ท้ายที่สุดแล้วไม่มีบุคคลเช่นนี้ที่จะไม่ทำบาป

“เพื่ออะไร” และ “เพื่ออะไร”

ถึงกระนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความโกลาหลโดยสิ้นเชิง ซึ่งพระเจ้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเหตุการณ์ในข่าวประเสริฐ แต่การแทรกแซงนี้อาจแตกต่างออกไป

ในการแสดงออกที่เหมาะสมของภาษาอังกฤษ C.S. Lewis มนุษย์ต้องการเห็นพระเจ้าในฐานะ "ปู่ที่มีอัธยาศัยดี" ผู้สร้างโลกเพียงเพื่อ "ปรนเปรอ" มนุษย์เท่านั้น แต่พระเจ้าไม่ใช่ "ผู้เฒ่าที่มีอัธยาศัยดี" พระองค์ทรงเป็นพระบิดาบนสวรรค์ ผู้ทรงปรารถนาที่จะเห็นสิ่งสร้างของพระองค์ไม่ "มีความสุขไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม" แต่ในพระฉายาและอุปมาของพระองค์ เข้าใกล้พระเจ้าอย่างมีศักดิ์ศรี

เป็นที่ทราบกันดีว่าอะไรทำให้ร่างกายต้องรับภาระหนักเพื่อพัฒนาและทำให้มันสมบูรณ์แบบ จิตวิญญาณยังต้องการการพัฒนามากมาย - และการอดอาหารและการสวดภาวนาไม่เพียงพอสำหรับสิ่งนี้ ในบางกรณี จิตวิญญาณยังต้องการ "การบำบัดด้วยภาวะช็อก" ด้วยซ้ำ ดังนั้นคริสเตียนจึงไม่ถามว่า "เพื่ออะไร" แต่เขาถามว่า "เพื่ออะไร"

...ผู้หญิงคนนั้นมีอคติต่อพวกเขา เรียกพวกเขาว่า “บกพร่อง” และชักชวนลูกสาวของเธอให้เลิกเป็นเพื่อนกับเด็กหญิงพิการคนหนึ่ง เพราะกลัวว่าลูกสาว “ตัวเธอเองจะพิการ” แต่ผู้หญิงคนนี้ให้กำเนิดหลานชายพิการ - และทัศนคติของเธอต่อคนที่ป่วยหนักก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เด็กต้องทนทุกข์เพื่อเปิดเส้นทางสู่ความรอดให้กับบุคคล และนี่เป็นเพียงข้อสรุปเดียว "การนอนอยู่บนพื้นผิว" - ไม่มีใครรู้ได้ว่าชีวิตของสิ่งนี้และคนที่เขารักจะเป็นอย่างไรหากเขาเกิดมามีสุขภาพดี

และไม่มีใครรู้ว่าชีวิตของผู้คนจะเป็นอย่างไรในวัยเด็ก - แต่พระเจ้าผู้รอบรู้รู้สิ่งนี้ พระองค์ทรงรู้ว่าพระองค์ทรงช่วยคนเหล่านี้ให้พ้นจากอะไร ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับพระเจ้า ในทางตรงกันข้าม ความตายไม่ใช่การล่มสลายครั้งสุดท้ายและเป็นจุดสิ้นสุดของทุกสิ่ง

จังหวะชีวิตที่เข้มข้นเกินไป ความเหนื่อยล้าเรื้อรัง ไม่มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง ความเครียดบ่อยครั้ง - ทั้งหมดนี้อาจทำให้ระบบประสาทของคุณอ่อนล้า เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น คุณควรใส่ใจกับการพักผ่อนมากขึ้น แก้ปัญหาได้ทันท่วงที และตั้งเป้าหมายที่สมจริง

คุณจะต้อง

• - การปรึกษาหารือกับนักจิตวิทยา
• - กิจวัตรประจำวันที่ถูกต้อง
• - การทำงานและการพักผ่อนที่เหมาะสมที่สุด

คำแนะนำ

ตั้งเป้าหมายเฉพาะสำหรับตัวคุณเอง แบ่งงานใหญ่ออกเป็นงานเล็กๆ หลายงาน ซึ่งจะช่วยให้คุณแก้ไขได้ง่ายขึ้น ยกย่องตัวเองสำหรับความสำเร็จของคุณ พักช่วงสั้น ๆ ระหว่างการแก้ปัญหา ระหว่างนั้นคุณจะเพลิดเพลินไปกับผลลัพธ์ มักเกิดขึ้นที่บุคคลหนึ่งกำลังแข่งขันเพื่อความสำเร็จ ผลกำไร ฯลฯ กลายเป็นหุ่นยนต์ตัวจริง โดยลืมเรื่องการนอนหลับและพักผ่อน พิสูจน์การทำงานอันไม่มีที่สิ้นสุดของเขาโดยมีเป้าหมายอันไกลโพ้นที่อาจต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะสำเร็จ

หากคุณประสบสถานการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การหย่าร้าง การเสียชีวิตของคนที่คุณรัก การถูกโจมตีจากคุณ ฯลฯ อย่าเล่นซ้ำรายละเอียดของเหตุการณ์นี้ในหัวของคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก ระวังความคิดของคุณ พยายามอย่าให้มีภาพเชิงลบ วางอุปสรรคในจินตนาการไว้

หากคุณสังเกตเห็นว่าคุณถูกทรมานจากความคิดทำลายล้างอีกครั้ง ให้พยายามเปลี่ยนสถานการณ์ทันทีและเปิดความคิดเชิงบวก ในการทำเช่นนี้ ให้เปลี่ยนสภาพแวดล้อม เช่น ออกจากอพาร์ทเมนท์ไปเดินเล่นหรือเสียสมาธิกับสิ่งที่น่าสนใจ ทำสิ่งที่ทำให้คุณมีความสุข

หากคุณมีสถานการณ์ความขัดแย้งที่ไม่ได้รับการแก้ไข พยายามแก้ไขอย่างสันติ โปรดจำไว้ว่าในกรณีส่วนใหญ่ คุณจะไม่มีอะไรจะเสียเมื่อทำตามขั้นตอนแรกสู่การกระทบยอด และที่สำคัญคือเลิกนิสัยชอบโต้ตอบ อย่าตอบโต้ด้วยความก้าวร้าว เพราะจะทำให้สถานการณ์บานปลายเท่านั้น พวกเขาโกรธคุณ - และคุณก็ยิ้มตอบ พูดจาดีๆ ขออภัยหากจำเป็น แล้วสถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็ว

โปรดทราบว่ามีความขัดแย้งอีกประเภทหนึ่งที่อาจทำให้คุณเกิดอาการเหนื่อยล้าทางประสาท - ปัญหาภายในหรือความไม่ลงรอยกันกับตัวเอง หากคุณวิพากษ์วิจารณ์ตนเองและแสดงความไม่พอใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา อาการซึมเศร้าก็อยู่ใกล้แค่เอื้อม อย่าเรียกร้องตัวเองมากเกินไป จำไว้ว่าไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และทุกคนมีสิทธิ์ที่จะมีข้อบกพร่องบางประการ ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงสำหรับตัวคุณเอง อย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนที่ประสบความสำเร็จ กำจัดความอิจฉาและการประณามใครก็ตาม พยายามเพิ่มความนับถือตนเอง

อย่ารับผิดชอบมากเกินไป แต่ควรแบ่งปันกับสมาชิกครอบครัวคนอื่นๆ เมื่อต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบอันเหลือทนสำหรับทุกคนและทุกสิ่ง คุณจะกดดันตัวเองอย่างรวดเร็วในทุกแง่มุม ทำสิ่งที่คุณต้องทำ แต่อย่าพยายามแบกรับความกังวลของโลก!

ทำสมาธิ โยคะ และการออกกำลังกายอื่นๆ เป็นระยะๆ เพื่อผ่อนคลายและเคลียร์จิตใจจากความคิดทำลายล้าง เตรียมตัวอย่างเหมาะสมสำหรับขั้นตอนเหล่านี้ ดำเนินการอย่างช้าๆ ในสภาพแวดล้อมที่สงบ

นัดหมายกับนักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดหากสถานการณ์ไม่สามารถควบคุมได้ ตัวอย่างเช่น คุณถูกทรมานด้วยความกลัวที่ไม่สมเหตุสมผล คุณนอนหลับได้ไม่ดี และคุณไม่มีความอยากอาหาร เหนือสิ่งอื่นใดในรัฐดังกล่าวบางครั้งผู้คนอาจติดแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด - ระวังและอย่ายอมแพ้ต่อสิ่งล่อใจประเภทนี้

วิดีโอในหัวข้อ

โปรดทราบ

อย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเอง เช่น ซาวน่าหรือสระว่ายน้ำ ไปฟิตเนส ออกกำลังกายตอนเช้า ระวังอาหารของคุณ: ควรมีโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เพียงพอ แต่ยังมีวิตามินและแร่ธาตุ รวมถึงโพแทสเซียมและแมกนีเซียมซึ่งมีหน้าที่ในการทำงานของระบบประสาท

คำแนะนำที่เป็นประโยชน์

อย่าใช้เวลาว่างทั้งหมดไปกับการทำงานบ้าน จงใส่ใจตัวเองและคนที่คุณรัก ชีวิตของคุณควรรวมถึงการเดินเล่น ไปเที่ยวโรงละครและดูหนัง เยี่ยมชมนิทรรศการ พบปะสังสรรค์ในร้านกาแฟ เที่ยวชมธรรมชาติ ฯลฯ

แหล่งที่มา:

• สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีทางวัตถุขึ้นอยู่กับคำพูด

เคล็ดลับ 7: คุณจะขับรถไปสู่อาการเบื่ออาหารได้อย่างไร: คำเตือน

อาการเบื่ออาหารไม่ใช่ภาวะผอมบางมาก ไม่ใช่โรคสมมติของเด็กผู้หญิงที่ลดน้ำหนัก แต่เป็นความเจ็บป่วยทางจิตที่แท้จริงซึ่งอาจส่งผลที่ไม่พึงประสงค์อย่างมาก เป็นการยากที่จะรักษาและในกรณีขั้นสูงอาจทำให้เสียชีวิตจากอาการอ่อนเพลียและอวัยวะล้มเหลวได้ กรณีของอาการเบื่ออาหารไม่ได้เกิดขึ้นได้ยากอย่างที่คิด: คุณสามารถนำตัวเองไปสู่โรคนี้ได้ด้วยการรับประทานอาหารอย่างต่อเนื่อง ความกังวลเกี่ยวกับรูปร่างหน้าตา และความหลงใหลในโภชนาการ

อาการเบื่ออาหารเกิดขึ้นได้อย่างไร?

อาการเบื่ออาหารคือโรคการกินที่ผิดปกติซึ่งบุคคลไม่สามารถรับประทานอาหารตามปกติได้ด้วยเหตุผลหรือเหตุผลอื่นๆ ส่งผลให้น้ำหนักลดลงอย่างมาก สิ่งนี้มาพร้อมกับอาการทางจิต: ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบื่ออาหารจะรับรู้ร่างกายของเขาในรูปแบบที่บิดเบี้ยวไม่เห็นปัญหาหรือแม้กระทั่งยังคงกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มของน้ำหนัก

อาการเบื่ออาหารเริ่มต้นอย่างไม่เป็นอันตรายด้วยความปรารถนาอย่างต่อเนื่องที่จะลดน้ำหนักและการพัฒนาปมด้อย ในแง่หนึ่ง การตัดสินใจลดน้ำหนักส่วนเกินไม่ใช่เรื่องผิด และคนส่วนใหญ่รู้วิธีรักษาการประเมินร่างกายของตนเองอย่างเป็นกลาง โดยหยุดในช่วงเวลาที่เหมาะสมเมื่อบรรลุเป้าหมาย แต่ในทางกลับกัน บางคนที่กำลังลดน้ำหนัก (ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้หญิง) มักจะหมกมุ่นอยู่กับกระบวนการลดน้ำหนักจนการรับประทานอาหารจะค่อยๆ เข้มงวดมากขึ้น ข้อกำหนดด้านร่างกายก็เข้มงวดมากขึ้นเรื่อยๆ และอาหารใดๆ ก็ตามก็เริ่มที่จะลดน้ำหนักได้ ถูกมองว่าเป็นศัตรูของร่างนั้น ภาวะนี้ไม่เกิดขึ้นภายในวันเดียว แต่เป็นกระบวนการที่ยาวนาน ในการแสวงหารูปร่างในอุดมคติเด็กผู้หญิงที่มีแนวโน้มที่จะทำทุกอย่างให้สำเร็จและบรรลุความสมบูรณ์แบบจะไม่สังเกตเห็นเมื่อพวกเขาก้าวข้ามเกณฑ์ที่เกินกว่าที่การลดน้ำหนักจะส่งผลเสียต่อรูปร่าง

จะป้องกันการเกิดอาการเบื่ออาหารได้อย่างไร?

ผู้ที่ไม่รู้วิธีประเมินรูปร่างของตนเองอย่างเป็นกลางมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบื่ออาหาร มีประเภทของร่างกายที่แตกต่างกัน, ประเภทการเผาผลาญที่แตกต่างกัน, ลักษณะทางพันธุกรรมที่แตกต่างกัน รูปร่างในอุดมคติของเด็กผู้หญิงบนหน้าปกคือการผสมผสานระหว่างข้อมูลธรรมชาติและการประมวลผลภาพถ่ายอย่างระมัดระวัง ไขมันไม่ควรกลายเป็นศัตรูหลัก เพราะการไม่มีไขมันไม่ได้กำหนดความงามของร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้น ชั้นเล็กๆ ที่สม่ำเสมอยังเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของร่างกายที่กลมกลืนกัน

คุณต้องเข้าใจว่าส่วนใหญ่ไม่สามารถบรรลุผลในอุดมคติได้: ขาอาจไม่ยาวมาก, กระดูกอาจไม่กว้างมากนัก, เอวอาจไม่แคบตามธรรมชาติเพียงพอ คุณไม่สามารถสรุปได้ว่าการลดเปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายจะนำไปสู่เป้าหมายที่คุณใฝ่ฝัน - ประเมินข้อมูลของคุณอย่างเป็นกลางและค้นหาสถานะของคุณซึ่งเป็นสถานะที่ดีที่สุดของคุณ หากอุดมคติของคุณคือภาพที่ประดิษฐ์ขึ้นซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับรูปร่างของคุณ คุณสามารถต่อสู้เพื่อมันมาเป็นเวลานานและไม่ประสบความสำเร็จ แต่ผลที่ตามมาคือขับรถไปสู่อาการเบื่ออาหาร

เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดอาการเบื่ออาหาร คุณต้องลดน้ำหนักอย่างช้าๆ และหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านอาหารที่เข้มงวด หากปริมาณแคลอรี่ต่ำเกินไปการเผาผลาญของบุคคลจะลดลงเพื่อรักษาการทำงานที่สำคัญเขาต้องการพลังงานน้อยลงส่งผลให้กระบวนการลดน้ำหนักค่อยๆช้าลง เด็กผู้หญิงเริ่มเข้มงวดมากขึ้นในการรับประทานอาหาร ซึ่งทำให้เนื้อเยื่อสลายและเบื่ออาหาร การพัฒนาของอาการเบื่ออาหารเริ่มต้นขึ้นหากคุณไม่หยุดในระยะนี้อาหารจะทำให้เกิดความรังเกียจในไม่ช้า

คุณคิดว่าชีวิตกับผู้ชายสงบและคาดเดาไม่ได้เกินไปหรือไม่ เพราะเหตุใด ไม่ได้ยินเสียงจานที่ชนผนังในบ้านมานานแล้วและเพื่อนบ้านถามว่าทำไมบ้านคุณถึงเงียบขนาดนี้? หลายวิธีจะช่วยให้คุณคลี่คลายสถานการณ์ได้โดยทำให้ผู้ชายสงบสติอารมณ์ (หรือไม่เงียบทั้งหมดขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเขา)!

คำเตือน

วิธีการทั้งหมดที่อธิบายด้านล่างนี้จัดอยู่ในประเภท "คำแนะนำที่ไม่ดี" อย่าลืมตรวจสอบพวกเขาเพื่อที่คุณจะได้ไม่ทำเช่นนี้อีก! โปรดจำไว้ว่าการทะเลาะวิวาทความขัดแย้งและการยักย้ายไม่ใช่วิธีที่ยอมรับได้ในการเข้าสู่สหภาพที่เต็มเปี่ยม

วิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

ประการแรก หากคุณไม่ได้ทะเลาะกันมานาน แค่ให้เรื่องอื้อฉาวกับเขาก็มีประโยชน์ ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลพิเศษ เนื่องจากมีเรื่องให้บ่นอยู่เสมอ คนที่คุณรักทำงานสายหรือเปล่า? แล้วถ้าพวกเขาให้โบนัสสำหรับการทำงานหนักของเขา เขาอาจมีเลขาสุดสวยอยู่ที่นั่นล่ะ? คุณช่วยทำงานบ้านหรือเปล่า? แต่ใครล่ะที่ช่วยแบบนั้น! หรือบางที ในทางกลับกัน เขานอนบนโซฟามากเกินไปหลังจากวันทำงาน มันฝรั่งทอด? แสดงให้เขาเห็นว่ากั้งอยู่ที่ไหนในฤดูหนาว!

เวลาที่ดีที่สุดในการร้องเรียนคือเวลาที่ผู้ชายเพิ่งกลับจากที่ทำงานด้วยความเหนื่อยล้าและหิวโหย อย่างน้อยที่สุดอย่าให้เขานั่งกินของว่างและลงมือทำธุรกิจทันที ข้อร้องเรียนแรก จากนั้นรับประทานอาหารกลางวัน! และมื้อเย็นแบบไหนที่เราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับสถานการณ์เช่นนี้ได้?

ทะเลาะกันได้สงบลงบ้างแล้วอย่ารีบผ่อนคลาย มองผู้ชายของคุณอย่างมีวิจารณญาณ เขาแต่งตัวไม่ดีเหรอ? คุณไม่ชอบสไตล์การขับรถของเขาเหรอ? แน่นอนเขามีข้อบกพร่องอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องแก้ไข จะดีกว่าถ้าคุณวิพากษ์วิจารณ์เขาต่อหน้าคนอื่น เช่น เพื่อนของเขามาเยี่ยม ให้ทุกคนรู้ว่าคุณใส่ใจเขามากแค่ไหน

โดยวิธีการเกี่ยวกับการดูแล ท้ายที่สุดคุณยังไม่ลืมว่าใครอยู่ข้างใน? ก็อย่าลืมเขาเช่นกัน ชี้ให้เขาเห็นอย่างระมัดระวังสม่ำเสมอ ท้ายที่สุดเขาไม่น่าจะรับมือได้หากไม่มีสิ่งนี้ คุณรู้ดีว่าเขาไร้ค่าแค่ไหน ต้องมีคนช่วยเขาในชีวิต เขาไม่สามารถจับคู่เนคไทกับเสื้อเชิ้ตของเขาได้! นี่คือไม้กางเขนของคุณ ปฏิบัติต่อมันอย่างรับผิดชอบ

หากคุณต้องการให้ผู้ชายของคุณดีขึ้น การแสดงให้เขาเห็นก็ไม่เสียหายอะไรเพื่อที่เขาจะได้เป็นตัวอย่างต่อหน้าต่อตา จะดีที่สุดถ้าเป็นคนที่คุณรู้จักดี เช่น แฟนเก่าของคุณ เปรียบเทียบกันทุกเรื่องไม่ลืมบอกผู้ชายว่าเขาแพ้ตรงไหน ผู้คนเช่นเพื่อน เพื่อนร่วมงาน ญาติ หรือเพื่อนบ้านของเขาก็สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้เช่นกัน ที่เลวร้ายที่สุด แม้แต่ตัวละครในทีวีหรือคนดังก็ยังทำแบบนั้น

คุณรู้ว่าเขาขาดการสื่อสารฝ่ายวิญญาณ คุยกับเขาทุกเย็นถามว่าเขารักคุณไหม? ตรวจสอบว่าแรงเกินไปหรือไม่ หากเขาตอบไม่แน่ใจให้ถามอีกสิบครั้ง อย่าลืมถามด้วยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำสิ่งนี้ให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้เขารู้ว่าคุณใส่ใจเขามากแค่ไหน

ทำความสะอาดโต๊ะของเขา คุณยังสามารถทำความสะอาดกระเป๋าของเขาทั้งหมดและใส่ทุกสิ่งที่คุณพบลงในกอง นอกจากนี้ยังจะเป็นประโยชน์ในการจัดวางเอกสารและหนังสือของเขาตามลำดับ ทางที่ดีควรจัดเรียงหนังสือตามสีหรือขนาด เพราะการทำให้หนังสือดูสวยงามเป็นสิ่งสำคัญมาก! วางกระดาษทั้งหมดไว้ในปึกคู่ กระดาษที่ขาดรุ่งริ่งที่เขียนด้วยโน้ตสามารถโยนทิ้งไปได้เลย: ไม่มีใครสามารถอ่านสิ่งที่เขียนอยู่ในนั้นได้

ด้วยการใช้วิธีการที่อธิบายไว้เป็นประจำ คุณจะสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าชีวิตครอบครัวของคุณน่าสนใจและสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพียงใด

วิดีโอในหัวข้อ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สื่อและรายการโทรทัศน์ยอดนิยมให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับปัญหาอาการเบื่ออาหาร ซึ่งถึงจุดสูงสุดในทุกวันนี้ เด็กผู้หญิงและสาวสวยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พยายาม "ปรับปรุง" รูปร่างที่ดีอยู่แล้วโดยการปฏิเสธอาหารและกลายเป็นโครงกระดูกที่เดินได้ สาเหตุที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งสำหรับปรากฏการณ์นี้มักถูกอ้างถึงว่าเป็นอิทธิพลของมาตรฐานความงามที่เป็นที่ยอมรับในสังคมของเรา ซึ่งปรากฏอยู่ในนิตยสารผู้หญิงและจอโทรทัศน์

เมื่อเร็ว ๆ นี้ สื่อและรายการโทรทัศน์ยอดนิยมให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับปัญหาอาการเบื่ออาหาร ซึ่งถึงจุดสูงสุดในทุกวันนี้ เด็กผู้หญิงและสาวสวยจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ พยายาม "ปรับปรุง" รูปร่างที่ดีอยู่แล้วโดยการปฏิเสธอาหารและกลายเป็นโครงกระดูกที่เดินได้ สาเหตุที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งสำหรับปรากฏการณ์นี้มักถูกอ้างถึงว่าเป็นอิทธิพลของมาตรฐานความงามที่เป็นที่ยอมรับในสังคมของเรา ซึ่งปรากฏอยู่ในนิตยสารผู้หญิงและจอโทรทัศน์ สาวงามในชุดบิกินี่ “ไม้แขวนเสื้อ” บนแคทวอล์ค ผู้หญิงผอมเพรียวมองเราจากจอสีน้ำเงิน พวกเขากล่าวว่านี่คือผลลัพธ์ - เด็กผู้หญิงมุ่งมั่นที่จะเลียนแบบมาตรฐานดังกล่าว เริ่มจากบาร์บี้ซึ่งโดยทั่วไปมีสัดส่วนที่ไม่สอดคล้องกับความสามารถของมนุษย์ และปิดท้ายด้วยดาราฮอลลีวูด แต่จิตวิทยาของอาการเบื่ออาหารนั้นง่ายมากเหรอ?

ดูเหมือนจริง: เด็กผู้หญิงจะหลีกเลี่ยงอาการเบื่ออาหารได้อย่างไรในเมื่อมีมาตรฐานเช่นนี้? แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้น หากคุณคิดถึงปัญหาอาการเบื่ออาหารจะเกิดคำถามขึ้น เหตุใดผู้หญิงหลายล้านคนจึงซื้อนิตยสารแฟชั่น แต่โชคดีที่มีผู้หญิงจำนวนน้อยกว่ามากที่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเบื่ออาหาร และไม่เพียงแต่เด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ชายด้วย แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ของพวกเขาจะน้อยกว่ามากก็ตาม และตอนนี้ อาการเบื่ออาหารก็กำลังกลายเป็นเรื่องธรรมดาในวัยรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ! แน่นอนว่ามาตรฐาน "90-60-90" นั้นฝังแน่นอยู่ในจิตใจของสาวยุคใหม่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการอดอาหาร และผลลัพธ์ "ถุงกระดูก" ก็มีความคล้ายคลึงกับมาตรฐานนั้นเล็กน้อย! พวกเขาไม่เห็นหรือว่านี่ไม่ใช่ความงาม แต่เป็นสิ่งที่น่าเกลียด?

ในชีวิตของฉัน ฉันไม่เคยพบผู้หญิงที่พอใจกับรูปร่างของเธอเลย แม้เมื่อคนรอบข้างเราเห็นความอิจฉาในทุก ๆ ครั้ง พวกเราคนใดคนหนึ่งก็จะพบเรื่องที่จะบ่น และจะสังเกตเห็นกิโลกรัมที่โชคร้ายส่วนเกินนั้นที่เกาะติดอยู่กับส่วนที่ "โชคร้าย" ของร่างกายอย่างร้ายกาจ และเราทุกคนเมื่อดูรูปนางแบบสวย ๆ ในนิตยสารก็คิดว่าเราควรทำอะไรหรือไปยิม แต่ถึงแม้จะมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะลดน้ำหนัก อาการเบื่ออาหารก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามสำหรับผู้หญิงทุกคน กี่ครั้งแล้วที่ฉันคิดแบบเดียวกันกับตัวเอง เปรียบเทียบตัวเองกับรูปถ่ายของนักร้องนิตยสาร และ... เข้าครัวเพื่อกินอะไรอร่อยๆ! แล้วทำไมภาพสวยๆ ถึงทำให้บางคนไม่พอใจ เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นไปสปอร์ตคลับ และผลักดันให้คนอื่นๆ หายจากอาการเหนื่อยล้าทางร่างกาย? เป็นรูปจริงๆเหรอ? และสาเหตุของอาการเบื่ออาหารคืออะไร? ผู้หญิงหลายคนกังวลเกี่ยวกับคำถามว่าจะลดน้ำหนักได้อย่างไร แต่ไม่ใช่ทุกคนที่นำไปสู่อาการเบื่ออาหาร

ฉันกำลังอ่านบทความบนเว็บไซต์เฉพาะทาง: “ด้วยอาการเบื่ออาหาร มีความปรารถนาทางพยาธิวิทยาที่จะลดน้ำหนัก ควบคู่ไปกับความกลัวโรคอ้วนอย่างมาก ผู้ป่วยมีการรับรู้รูปร่างที่บิดเบี้ยว และกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในจินตนาการ แม้ว่าจะไม่ได้สังเกตจริงๆ ก็ตาม สัญญาณของอาการเบื่ออาหาร ได้แก่ อาการนอนไม่หลับ การแยกตัวจากสังคม และการตื่นตระหนกในผู้ป่วยเกี่ยวกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น” ปรากฎว่าด้วยอาการเบื่ออาหารคำถามเกี่ยวกับวิธีการลดน้ำหนักไม่ได้เป็นเพียงคำถามเท่านั้น แต่ยังเป็นความหลงใหลอันเจ็บปวดบางอย่างที่ความคิดของบุคคลหมุนวนอยู่

ความเห็นของแพทย์ระบบ

ผู้ป่วยโรคเบื่ออาหารทั่วไปคือเด็กผู้หญิงที่มองเห็นผิวหนัง และมักเป็นเด็กผู้ชายน้อยกว่า โรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเวกเตอร์ที่มองเห็นแกว่งไปมาด้วยความกลัว ความกลัวทางสายตาไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตามก็มีรากฐานมาจากสิ่งเดียวกัน แม้ว่าพวกมันจะมีรูปแบบที่แตกต่างกันก็ตาม ในกรณีของอาการเบื่ออาหาร เป็นความกลัวที่จะอ้วนอย่างไม่มีเหตุผลและผ่านไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วมีสาเหตุมาจากความกลัวอีกอย่างหนึ่งที่ลึกกว่านั้นคือการไม่มีใครสังเกตเห็น เวกเตอร์สกินมีบทบาทเป็นผู้รับใช้ในการเชื่อมต่อนี้ โดยสนองความต้องการของเวกเตอร์ส่วนบน ข้อจำกัดนั้นเป็นไปตามธรรมชาติของผิวหนัง การอดกลั้นตนเองและการควบคุมแคลอรี่ที่กินเข้าไปตามธรรมชาติอย่างเข้มงวดจะทำให้คนมีผิวหนังได้รับความสุขบางอย่าง แม้ว่าจะน้อยก็ตาม

สังเกตฉัน!

ยิ่งผู้ชมหวาดกลัวมากเท่าไร เขาก็ยิ่งขึ้นอยู่กับความปรารถนาที่จะทำให้ตัวเองเป็นที่สังเกตมากขึ้นเท่านั้น

ผู้ชมมักจะกังวลกับรูปลักษณ์ภายนอกของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเขาไม่ได้เรียนรู้ที่จะสังเกตเห็นสิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น–รัฐภายใน ดังนั้นความงามภายนอกจึงได้รับความสำคัญเป็นสำคัญ ถัดจากความงามและความอัปลักษณ์: หากฉันไม่เป็นจุดสนใจ« ด้วยวิธีที่เป็นมิตร» เพื่อดึงดูดว่าฉันเป็นใคร ฉันจะหาวิธีทำให้รูปร่างหน้าตาของฉันเพื่อให้คนอื่นสนใจฉัน

สิ่งนี้มาจากไหนและทำไมคนถึงสงสัยอย่างจริงจังว่าจะลดน้ำหนักจนถึงขั้นเบื่ออาหารได้อย่างไร??

การมองเห็นที่พัฒนาแล้วนั้นแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจสามารถรักและสัมผัสถึงสภาวะทางอารมณ์ของผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง การมองเห็นที่พัฒนาไม่เพียงพอ แทนที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจภายนอก กลับมุ่งเข้าสู่ภายใน มันกลับยึดติดกับความกลัวของตัวเอง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบที่แปลกประหลาดที่สุด ตั้งแต่ความกลัวในการบินบนเครื่องบิน ไปจนถึงความกลัวที่จะเดินผ่านห้องมืดในเวลากลางคืน... เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย พวกเขาต้องการการดูแลเอาใจใส่อย่างยิ่ง

เสนอแนะได้ง่าย (รวมถึงการแนะนำตนเอง) พวกเขาสามารถวาดภาพที่น่าทึ่งที่สุดสำหรับตนเองได้อย่างศักดิ์สิทธิ์เชื่อในตัวคุณ« ในอุดมคติ» - เมื่อมองดูตัวเองในกระจก พวกเขามองเห็นความกลัวที่สะท้อนกลับมาหาพวกเขา นั่นคือร่างกายที่อ้วนน่าเกลียด... แม้ว่ามันอาจจะดูคล้ายกับโครงกระดูกที่ปกคลุมไปด้วยผิวหนังก็ตาม

การที่ผู้ชมหวาดกลัวยึดติดกับความเป็นจริงที่บิดเบี้ยวนั้นไม่มีขีดจำกัด ขอบเขตถูกสร้างขึ้นโดยผิวหนัง และถูกกำหนดโดยเวกเตอร์ส่วนบน ในกรณีนี้คือการมองเห็นในสภาวะที่น่ากลัว ซึ่งอ้างว่าสวยงามและต้องการเห็นอย่างสุดความสามารถ เมื่อมุ่งมั่นลดน้ำหนักอาการเบื่ออาหารฆ่าคนแบบนี้อย่างรวดเร็ว

ในอาการเบื่ออาหารการมองเห็นของร่างกายของตัวเองบิดเบี้ยวสภาวะของความกลัวความต้องการความสนใจที่เพิ่มขึ้นและการยับยั้งชั่งใจทางผิวหนังนั้นเกี่ยวพันกันอย่างซับซ้อน ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองอ้วน และไม่สามารถโน้มน้าวใจให้เป็นอย่างอื่นได้ บางครั้งผู้ชมก็มองหาวิธีหลีกเลี่ยงอาการเบื่ออาหารด้วยความกลัวคำเตือนของผู้อื่น แต่ในขณะเดียวกันก็ยังต้องการลดน้ำหนักต่อไป

เราแต่ละคนเรียนรู้ที่จะหาเหตุผลเข้าข้างตนเองสภาวะและประสบการณ์ของเราได้อย่างสมบูรณ์แบบ จะเห็นได้อย่างเป็นระบบว่าอาการเบื่ออาหารเป็นโรคที่เติมเต็มผู้ป่วยเหล่านี้ คุณสมบัติของสภาพของพาหะทั้งทางสายตาและผิวหนังไม่เพียงช่วยปรับโรคเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นสาเหตุของโรคด้วย มีเพียงการรับรู้ถึงทรัพย์สินของคุณและสภาพของพวกเขาเท่านั้นที่สามารถคืนทุกสิ่งให้กลับคืนสู่ที่เดิมได้ และโรคเบื่ออาหารที่น่ากลัวก็หายไปวิธีลดน้ำหนัก - ความคิดเช่นนี้จะไม่กลายเป็นความหลงใหลและความปรารถนาในการฆ่าอีกต่อไป

ความปรารถนาอันโดดเด่นของเวกเตอร์เสียง

อาการเบื่ออาหารชนิดพิเศษคือผู้ป่วยที่มี (มีเสียงทางผิวหนังพร้อมการมองเห็นหรือน้อยกว่าปกติคือไม่มีการมองเห็น) ที่นี่โรคนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้ไข

โรคนี้มีลักษณะเฉพาะขึ้นอยู่กับสถานะของเสียง

ในกรณีหนึ่ง อาการเบื่ออาหารสามารถเกิดขึ้นได้กับพื้นหลังของภาวะซึมเศร้า เมื่อความปรารถนาครอบงำของเสียงที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงระงับการแสดงออกที่เพียงพอของพาหะอื่นๆ ของมนุษย์ รวมถึงความกลัวทางการมองเห็น การตีโพยตีพาย และอารมณ์แปรปรวนอย่างกะทันหัน ในกรณีนี้จะมีอาการเบื่ออาหารเพิ่มเติม ลักษณะเฉพาะของผู้ป่วยดังกล่าวคือสถานะของความกลัวและอารมณ์แปรปรวนจะสลับกับอาการซึมเศร้าที่เด่นชัดไม่มากก็น้อย: ซึมเศร้า, ขาดความสนใจ, หลีกเลี่ยงการสื่อสาร, รบกวนการนอนหลับ, ปวดหัว

อีกกรณีหนึ่ง การอดกลั้นตนเองมีรูปแบบและความหมายของแนวคิดเสียง เช่น แนวคิดเรื่องการบำเพ็ญตบะเมื่อถามคำถามว่าจะลดน้ำหนักอย่างไรถึงขั้นเบื่ออาหาร คนที่มีความคิดแบบนี้ก็สามารถทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริงได้อย่างง่ายดายนี่เป็นเงื่อนไขพิเศษของเสียงผิวหนัง ซึ่งการยึดมั่นในความคิดอย่างคลั่งไคล้จะทำให้โรครุนแรงขึ้น ทำให้การรักษาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

สาวผิวสวยกับเวกเตอร์ทางทวารหนัก– สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ผีเสื้อที่กระพือปีกอีกต่อไป แต่เป็นรถถังที่คล่องแคล่ว และอีกอย่างที่เท่าเทียมกัน พวกมันไม่ได้ป่วยจากอาการเบื่ออาหาร แต่มาจากบูลิเมีย สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขาไม่ใช่วิธีการหลีกเลี่ยงอาการเบื่ออาหาร แต่เป็นวิธีหยุดความอยากอาหารและการกินมากเกินไปอย่างไม่รู้จักพอ

การวิเคราะห์เป็นพาหะที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าและมีความใคร่มากขึ้น เวกเตอร์ผิวหนังไม่สามารถรับมันได้ภายใต้การควบคุมข้อจำกัดทั้งหมด ดังนั้นโรคจะมีลักษณะคล้ายคลื่น: แม้ว่าการมองเห็นจะกังวลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกและความน่าดึงดูดใจ แต่ผิวหนังก็ขัดขวางและจำกัด ทวารหนักจะพยายามกัดกินความเครียดโดยนำออกจากตู้เย็นในเวลาไม่กี่นาที

เมื่อได้รับการชดเชยเล็กน้อยจากสถานะเชิงลบ การวิเคราะห์ก็เริ่มถูกทรมานด้วยความรู้สึกผิด ผิวหนังชดเชยด้วยการกระตุ้นให้อาเจียนและหากยังไม่เพียงพอก็จะหันไปใช้ยาระบายหรือยาที่รบกวนการดูดซึมสารอาหารซึ่งเป็นความพยายามที่จะควบคุมกระบวนการกินมากเกินไปจากด้านหลัง การใช้สวนทวารก็เป็นสิทธิพิเศษทางทวารหนักเช่นกัน การกระตุ้นโซนซึ่งกระตุ้นความกำหนดทำให้เกิดความพึงพอใจในความต้องการของเวกเตอร์ ความหงุดหงิดและความรุนแรงของเวกเตอร์ผิวหนังและการสัมผัสของเวกเตอร์ทางทวารหนักจะช่วยเสริมภาพรวมของโรค

ยิ่งเวกเตอร์การมองเห็นมีการพัฒนามากขึ้นในผู้ป่วยดังกล่าว โอกาสที่จะกลับไปใช้ชีวิตปกติ การรับรู้ร่างกายของตนเองที่เพียงพอ และการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

และทุกอย่างเริ่มต้นด้วยความกลัวซ้ำซากของเด็กต่อความมืดในห้องและหนังสือเกี่ยวกับมนุษย์กินคน เมื่อโตเต็มที่แต่ยังไม่ได้รับการพัฒนาที่สอดคล้องกับความสามารถโดยกำเนิด เด็กสาวก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อแสวงหาอุดมคติที่กำหนดไว้ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่พารามิเตอร์ทางสรีรวิทยา ปัญหาอยู่ที่หัว โรคนี้เริ่มต้นจากความคิดและสภาวะ แล้วจบลงที่เตียงในโรงพยาบาล จะหลีกเลี่ยงอาการเบื่ออาหารด้วยตัวคุณเองและปกป้องลูก ๆ ของคุณจากอาการเบื่ออาหารได้อย่างไร? มีวิธีคือ.

ฟังสิ่งที่อลีนาพูดเกี่ยวกับลูกสาวของเธอ ซึ่งเธอช่วยรับมือกับอาการเบื่ออาหารได้จากการฝึกฝนของยูริ เบอร์ลาน

ใครจะไม่หัวเสียกับความปรารถนาที่จะเป็นเหมือน Kate Moss? คุณไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าต้องใช้ขั้นตอนง่าย ๆ อะไรบ้างในการดำเนินการนี้ พวกเรา คุณแม่ที่เอาใจใส่ คุณพ่อใจดี มีความรับผิดชอบ พร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกของเรามีสุขภาพแข็งแรงและสวยงาม! แต่มันไม่ได้ผลเสมอไป

ในการฝึกอบรมจิตวิทยาเวกเตอร์ระบบ พวกเขาจะไม่บอกคุณถึงวิธีทำให้อ้วนขึ้น คุณจะได้รับความเข้าใจว่าใครคือโรคเบื่ออาหาร คุณจะพัฒนาอาการเบื่ออาหารได้อย่างไร และจะป้องกันโรคได้อย่างไร และหากปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว คุณจะเข้าใจว่ามันมาจากไหนและจะแก้ไขอย่างไร และชีวิตที่สวยงามของคุณจะอยู่ในมือของคุณ ไม่ใช่ในภาพนิตยสารผู้หญิง

บทความนี้เขียนขึ้นจากสื่อการฝึกอบรม” จิตวิทยาเวกเตอร์ระบบ»

หลายคนเข้าใจผิดว่านี่คือความผอมมากเกินไป ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น ความผอมบางเรียกว่า dystrophy และเป็นผลมาจากอาการเบื่ออาหาร แต่คำที่นิยมใช้กันในปัจจุบันหมายถึงโรคที่มีชื่อเต็มว่า Anorexia Nervosa ภาวะนี้มีลักษณะเฉพาะคือการกินผิดปกติและการลดน้ำหนักอย่างรุนแรงและจงใจ ตามกฎแล้วความปรารถนาที่จะผอมลงในกรณีนี้จะกลายเป็นพยาธิสภาพและเชื่อมโยงกับความกลัวที่จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างแยกไม่ออก

จะขับรถไปสู่อาการเบื่ออาหารได้อย่างไร?

ที่จริงแล้ว คำถามว่าจะทำให้อาการเบื่ออาหารเกิดขึ้นได้อย่างไรนั้นง่ายมาก เราขอเสนอเคล็ดลับที่เป็นอันตรายซึ่งจะเปลี่ยนเด็กผู้หญิงที่มีสุขภาพดีและเจริญรุ่งเรืองให้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอและมีความผิดปกติในการรับประทานอาหารในเวลาเพียงไม่กี่เดือน:

1. รู้สึกผิดกับการกินอยู่เสมอ เวลากินอะไรเข้าไปแม้แต่ใบผักกาด จงตำหนิตัวเอง เรียกตัวเองว่าคนตะกละ และห้ามตัวเองเข้าใกล้ตู้เย็นอีก 3 วัน
2. อย่าลืมใช้ยาเบื่ออาหารเพื่อลดน้ำหนัก ยิ่งเม็ดยาที่น่าสงสัย องค์ประกอบและที่มาของเม็ดยามากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น! และขนาดยาที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์นั้นมีไว้สำหรับผู้อ่อนแอ คุณสามารถรับประทานยาเบื่ออาหารได้ไม่จำกัด
3. แทนที่จะรับประทานอาหารวันละสามครั้ง ให้รับประทานอาหารให้ครบมื้อเฉพาะมื้อเช้าและดื่มน้ำในช่วงเวลาที่เหลือ เฉพาะน้ำเปล่า เครื่องดื่มอื่นๆ มีแคลอรีสูงเกินไป
4. ในบางครั้ง ให้ลองเคี้ยวอาหารแล้วบ้วนทิ้งแทนที่จะกลืนลงไป หรือทำให้อาเจียนหลังรับประทานอาหาร หรือที่แย่ที่สุดคือดื่ม เหล่านี้คือวิธีที่ดีเยี่ยมในการหลีกเลี่ยงการมีน้ำหนักเกิน!
5. นับแคลอรี่และตั้งค่าบันทึก แทนที่จะต้องการพลังงานขั้นต่ำ 1,200 แคลอรี่ต่อวัน ให้กินเพียง 400-500 หรือน้อยกว่านั้น หากคุณรู้สึกอ่อนแอให้ดื่มน้ำ
6. พัฒนาทัศนคติที่ดูถูกต่ออาหารใด ๆ โดยเฉพาะอาหารที่มีแคลอรีสูงและไขมันสูง เกลียดอาหารและทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมัน หลีกเลี่ยงงานเลี้ยงอาหารค่ำและงานเลี้ยงของครอบครัว
7. แม้ว่าคุณจะหนัก 35 กก. และสูง 170 ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะหยุด! อีกสองสามกิโลกรัม - แล้วคุณจะสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน ใครๆ ก็รู้ว่าห้ามผอมเกินไป!
8. หากมีคนกลัวคุณและถามว่าคุณเคยรับบทเป็นนักโทษเอาช์วิทซ์หรือไม่ ให้เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิใจ เพราะพวกเขามีน้ำหนักเกินและพวกเขาก็อิจฉาคุณ!
9. เมื่อคุณถูกเรียกว่าเป็นเหยื่อของอาการเบื่ออาหาร ให้ทำท่าสับสน เพราะท้ายที่สุดแล้ว การที่คุณกินเพียง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ไม่ถือเป็นความผิดปกติของการกิน!
10. จงกลัวที่จะเพิ่มน้ำหนักอยู่เสมอ แม้ว่าน้ำหนักของคุณจะคงที่มาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าพรุ่งนี้น้ำหนักของคุณจะไม่กลับมาอีก!
11. หากคุณประจำเดือนไม่มา ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ต้องกังวล ไม่ต้องกินอะไรต่อไป

ด้วยข้อมูลนี้ คำถามที่ว่าจะผลักดันตัวเองไปสู่อาการเบื่ออาหารจะง่ายมากสำหรับคุณ คุณสามารถทำลายสุขภาพของคุณได้อย่างง่ายดายและมีรูปร่างหน้าตาที่ทรมานและเหนื่อยล้าด้วยผมสีซีด เล็บเปราะ ผิวหงอก และความเสื่อมของอวัยวะภายใน

ดังนั้นอาจจะยังคุ้มค่าที่จะคิดและไม่ควรทำตามคำแนะนำดังกล่าวเลย ไม่เพียงแต่สุขภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงชีวิตด้วย เนื่องจากสถิติแสดงให้เห็นว่า 10% ของผู้ที่เป็นโรคเบื่ออาหารจะเสียชีวิตภายใน 1.5-2 ปีหลังจากเริ่มเป็นโรค

มีทางออก - คุณต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญให้ทันเวลา จากนั้นคุณจะมีโอกาสกลับสู่ชีวิตปกติ เพิ่มความแข็งแกร่ง ความมีชีวิตชีวา และฟื้นฟูสุขภาพที่สูญเสียไป

จะกำจัดอาการเบื่ออาหารได้อย่างไร?

หากคุณสามารถเป็นโรคทางจิตได้ง่าย คำถามเกี่ยวกับวิธีเอาชนะอาการเบื่ออาหารก็ค่อนข้างยากที่จะแก้ไขหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ

เมื่อติดต่อผู้เชี่ยวชาญ คุณอาจได้รับการส่งต่อเพื่อเข้ารับการทดสอบจำนวนมาก และจะต้องไปพบนักจิตบำบัด ตามกฎแล้วในกรณีเช่นนี้จะใช้ยาบำบัดด้วย แต่เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น

ในระหว่างการรักษา จะมีการพิจารณาสาเหตุที่ทำให้บุคคลได้รับความผิดปกติดังกล่าวและดำเนินมาตรการเพื่อกำจัดสิ่งเหล่านั้น นอกจากนี้ยังมีการกำหนดอาหารบางอย่างและอาหารเพื่อการฟื้นฟูเป็นพิเศษ ผลจากการรักษาที่ยาวนานและซับซ้อนเท่านั้นที่ทำให้ความน่ากลัวของอาการเบื่ออาหารลดลงและร่างกายกลับสู่ภาวะปกติได้

สิ่งที่แย่ที่สุดคือผู้หญิงเกือบทุกคนที่ถูกหมกมุ่นอยู่กับความสมบูรณ์แบบสามารถตกเป็นเหยื่อของอาการเบื่ออาหารได้ และที่ขัดแย้งกันคือมันเป็นธรรมชาติของผู้หญิง ผู้หญิงอยากเป็นที่ชื่นชอบของผู้อื่น ดูแลรูปร่างหน้าตาของตัวเอง และฝันว่ารูปร่างหน้าตาของพวกเธอจะใกล้เคียงกับอุดมคติมากขึ้น รองเท้าส้นสูง เครื่องสำอาง สปา ทรีทเมนท์ เสื้อผ้ามีสไตล์...

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ถือเป็นบรรทัดฐานตราบใดที่ผู้หญิงชอบมัน และประการแรกคือพยายามทำให้ตัวเองพอใจมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อบุคคลไม่รับรู้รูปร่างหน้าตาของเขาอย่างเหมาะสมและฝันถึงวิธีลดน้ำหนักจนถึงขั้นเบื่ออาหาร: เพื่อ "สร้างใหม่" ตัวเองให้เข้ากับอุดมคติที่สมมติขึ้น ปัญหาอาจเริ่มต้นได้ที่นี่

คนที่เป็นโรคเบื่ออาหารหลายคนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นสาวผอมแห้งในภาพนี้ พวกเขาแค่เกลียดรอยอ้วนของตัวเอง ผู้หญิงหลายคนที่มีแนวโน้มว่ามีน้ำหนักเกินมักจะบอกตัวเองในลักษณะเดียวกันเป็นครั้งคราว

จากนั้นอาการเบื่ออาหารในอนาคตการดูภาพยนตร์เกี่ยวกับการลดน้ำหนักและอาการเบื่ออาหารก็ควบคุมอาหารอย่างเข้มงวด ผู้หญิงหลายคนพยายามอดอาหารบัควีทแบบคลาสสิกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในชีวิต แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนปกติในบางครั้งก็กลายเป็นเรื่องปกติสำหรับโรคเบื่ออาหาร

การบอกตัวเองว่าไม่เหมาะสมไม่ได้เกิดขึ้นปีละครั้ง - ก่อนถึงฤดูชายหาด แต่ทุกวัน ทุกนาที ทุกวินาที คนเหล่านี้ไม่สามารถมองตัวเองในกระจกโดยไม่คิดว่าตัวเองจะ "อ้วน" ขนาดไหน สิ่งนี้กลายเป็นการสะกดจิตตัวเอง และแม้ว่าร่างกายที่อ่อนแอของพวกเขาซึ่งสูง 170 ซม. จะหนักน้อยกว่า 40 กิโลกรัม พวกเขาก็ยังคงบอกตัวเองต่อไปว่า: "อ้วน"

อาการเบื่ออาหาร: อาการและอาการแสดง

หากเราละทิ้งคำอธิบายเกี่ยวกับสภาวะทางอารมณ์ ก็จะมีอาการบางอย่างที่สามารถระบุอาการเบื่ออาหารได้ ผู้ป่วยเองเช่นเดียวกับผู้ติดยาและผู้ติดสุรา ไม่ทราบถึงปัญหาของตนเอง และถือว่าพฤติกรรมนี้เป็นบรรทัดฐาน

คนกลัวที่จะบอกคนอื่นว่าเขากินอย่างไร เขาเข้าใจโดยไม่รู้ตัวว่าสิ่งนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ และคนรอบข้างจะต้องตกใจเมื่อได้ยินว่าเขากินแอปเปิ้ลวันละลูกเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว

ผู้ป่วยมีความคิดครอบงำอยู่ตลอดเวลาเกี่ยวกับวิธีการลดน้ำหนัก เขานับทุกแคลอรี่ ควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง หั่นอาหารเป็นชิ้นเล็กๆ

โรคเบื่ออาหารกินน้อยมากและทุกวัน - น้อยลงเรื่อยๆ หากคนปกติรับประทานอาหารเป็นเวลาสองสัปดาห์แล้วกลับมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอีกครั้ง อาการเบื่ออาหารจะตรงกันข้าม เขามองหาตัวเลือกเมนูที่หิวโหยอยู่ตลอดเวลา ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เขายอมให้ตัวเองกินกล้วยหนึ่งลูกและไข่ต้มหนึ่งฟองต่อวันเหรอ? จากนั้นผู้ป่วยจะตัดสินใจว่าไข่นั้นไม่จำเป็นและสามารถ "แทนที่" ด้วยน้ำหนึ่งแก้วได้

อาการเบื่ออาหารมักจะเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับบูลิเมีย - การกินมากเกินไปทางประสาทหลังจากนั้นผู้ป่วยจะถูกทรมานด้วยความรู้สึกผิดอย่างรุนแรง เป็นผลให้เขาไปเข้าห้องน้ำและกระตุ้นปฏิกิริยาสะท้อนปิดปาก นอกจากนี้คนเหล่านี้ยังไปไกลถึงการวางยาพิษตัวเองด้วยยาระบายและยาขับปัสสาวะอยู่ตลอดเวลา

ในระยะรุนแรงของอาการเบื่ออาหาร ฟันและเส้นผมของผู้ป่วยจะเริ่มหลุดร่วง เล็บลอก ระบบย่อยอาหารล้มเหลว นิ้วเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน และในสตรีที่มีประจำเดือนจะหายไป

อาการเบื่ออาหารเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูง 20% ของผู้ที่ทุกข์ทรมานจากโรคนี้เสียชีวิต บางคนฆ่าตัวตาย บางคนเสียชีวิตเนื่องจากระบบหัวใจและหลอดเลือดล้มเหลวอันเป็นผลมาจากร่างกายเหนื่อยล้า

น้ำหนักกับอาการเบื่ออาหาร

โรคเบื่ออาหารมีดัชนีมวลกายลดลงอย่างเห็นได้ชัด ในการกำหนดดัชนีมวลกาย คุณต้องหารน้ำหนัก (เช่น 56 กก.) ด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง (เช่น 1.70 * 1.70) ในตัวอย่างของเรา ดัชนีมวลกายจะเป็น 19 นี่เป็นบรรทัดฐาน คุณควรระวังเมื่อดัชนีมวลกายของคุณน้อยกว่า 15 นี่เป็นเหตุผลที่ร้ายแรงในการไปพบนักจิตวิทยาหรือนักบำบัด หากดัชนีน้อยกว่า 14 บุคคลอาจตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิตหรือเผชิญกับความพิการตลอดชีวิต

อาการเบื่ออาหาร: การรักษาและวิธีการป้องกันตนเองจากโรค

การลดน้ำหนักจนเบื่ออาหารเรียกอีกอย่างว่า “โรคแห่งความไม่ชอบตัวเอง” และแท้จริงแล้ว ถ้าคุณลองคิดดู รากเหง้าของมันคือคนๆ หนึ่งไม่รักและไม่ต้องการที่จะยอมรับตัวเองอย่างที่เขาเป็น ยิ่งกว่านั้นโรคนี้บ่งชี้ว่ามีโปรแกรมทำลายตนเองในจิตใต้สำนึก: คน ๆ หนึ่งต้องการที่จะผอมลง กินพื้นที่ในโลกนี้น้อยลงแล้วหายไปโดยสิ้นเชิง

ผู้ป่วยจะไม่มีวันบรรลุ "อุดมคติ" ของเขาไม่ว่าเขาจะลดน้ำหนักไปแค่ไหนเขาก็ยังไม่รักตัวเอง ท้ายที่สุดคุณต้องรักตัวเองอย่างไม่มีเงื่อนไข

สิ่งที่แย่ที่สุดคือเมื่อเวลาผ่านไป สมองจะชินกับการไม่ต้องการอาหาร สำหรับเขา กระบวนการนี้กลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติ มันกลายเป็นวงจรอุบาทว์และต่อมาบุคคลนั้นก็สูญเสียความสามารถในการกินอาหารโดยทั่วไป

วิธีลดน้ำหนักจนอ่อนเพลียเป็นไปได้ แต่การรับมือกับอาการเบื่ออาหารด้วยตัวเองแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นี่คืออาการป่วยทางจิตขั้นร้ายแรงที่ต้องได้รับการดูแลจากนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์อย่างมืออาชีพ คุณไม่ควรเลื่อนการเยี่ยมชมออกไปหนึ่งวัน ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้ป่วย (อาการเบื่ออาหารจำนวนมากพิการ) และชีวิต

สิ่งแรกที่บุคคลต้องเรียนรู้คือการรักตัวเองในฐานะใครก็ตาม ไม่ว่าเขาจะมีน้ำหนักเท่าไรก็ตาม เข้าใจว่าเขาเป็นคนดีอยู่เสมอ เรียนรู้ที่จะชื่นชมและยกย่องตัวเอง มองหา "ข้อดี" ของเขา ไม่ใช่แค่พูดจาเยาะเย้ยและวิพากษ์วิจารณ์ และมุ่งมั่นเพื่อ "อุดมคติ"

นักจิตวิทยาหลายคนพูดถึงปัญหาร้ายแรงที่คนไข้มีกับแม่ ดูเหมือนว่าบุคคลนั้นจะปฏิเสธแม่ของเขาและไม่ต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ ในจิตใต้สำนึก อาหารคือสิ่งที่แม่ให้ลูกอย่างแท้จริง โดยเริ่มจากนม การปฏิเสธอาหารถือเป็นการปฏิเสธแม่และการดูแลของเธอ เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่จะต้องยอมรับแม่ของตนในสิ่งที่เธอเป็น รวมถึงข้อบกพร่องทั้งหมดของเธอ และให้อภัยเธอสำหรับการดูถูกทั้งหมดของเธอ และให้อภัยตัวเองด้วย: ที่ทอดทิ้งแม่โดยไม่รู้ตัว

หากคุณรู้สึกว่าถูกดึงดูดให้กินน้อยลงเรื่อยๆ ให้ติดต่อเพื่อนและญาติของคุณ บอกพวกเขาว่าคุณรับประทานอาหารอย่างไร และถามว่านี่เป็นเรื่องปกติหรือไม่ ในกรณีนี้จะมองเห็นได้ชัดเจนจากภายนอก

วิธีลดน้ำหนักก่อนอาการเบื่ออาหาร: เรื่องราวในวิดีโอ