การพัฒนากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาขึ้นอยู่กับความต้องการของการแพทย์เชิงปฏิบัติเป็นหลัก เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือกับ โรคต่างๆคุณจำเป็นต้องรู้โครงสร้างและหน้าที่ของร่างกาย ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงต่าง ๆ ได้สะสมอยู่ในความรู้ของมนุษย์ในด้านนี้
ข้อมูลที่เป็นกระจัดกระจายเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาเป็นที่รู้จักในสมัยโบราณ แต่ก็ไม่ได้มีลักษณะทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นระบบ
มีการแสดงความสนใจอย่างมากในด้านกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาเช่นเดียวกับการแพทย์ทุกประเภท กรีกโบราณ- นักคิดและแพทย์ชาวกรีกผู้โด่งดัง ฮิปโปเครติส (460 - 377 ปีก่อนคริสตกาล) เป็นเจ้าของผลงานด้านการแพทย์หลายชิ้นซึ่งให้ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา
ดังนั้นเขาจึงอธิบายกระดูกของกะโหลกศีรษะได้ค่อนข้างถูกต้อง ความคิดบางประการของฮิปโปเครติสนั้นผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาเชื่อว่าหลอดเลือดแดงมีอากาศ และหน้าที่หลักของสมองคือการหลั่งของเมือก
ในจักรวรรดิโรมัน แพทย์ผู้มีชื่อเสียงคือคลอดิอุส กาเลน (ค.ศ. 130 - 200) เขาทำการทดลองกับสัตว์และชำแหละศพของพวกมัน ผลงานของเขารายงานการมีอยู่ของเส้นประสาทในกล้ามเนื้อ บรรยายถึงเส้นประสาทสมอง 7 คู่ ข้อต่อบางส่วน โพรงรูปวงรีระหว่างเอเทรียมในทารกในครรภ์ของสัตว์เลี้ยง เป็นต้น ขณะเดียวกันผลงานเหล่านี้ก็มีข้อความที่ผิดพลาดมากมายเกี่ยวกับโครงสร้าง และการทำงานของร่างกายมนุษย์ ดังนั้นกาเลนจึงสร้างแผนการไหลเวียนโลหิตที่ไม่ถูกต้องตามนั้น หน่วยงานกลางระบบไหลเวียนโลหิตคือตับ ข้อผิดพลาดใหญ่ของกาเลนคือเขาถ่ายโอนข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างร่างกายของสัตว์ไปยังมนุษย์โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ยุคกลางมีลักษณะเฉพาะคือความซบเซาทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการแพทย์ด้วย ศาสนจักรจัดให้มีการข่มเหงวิทยาศาสตร์ ข่มเหงนักวิทยาศาสตร์อย่างดุเดือดที่พยายามข่มเหง การค้นพบทางวิทยาศาสตร์- หนึ่งในอาการของการกดขี่คริสตจักรคือการห้ามผ่าศพอย่างเด็ดขาดซึ่งเป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการพัฒนายา ในช่วงยุคกลาง มีเพียงนักวิทยาศาสตร์เพียงรายบุคคลเท่านั้นที่สามารถมีส่วนร่วมในวิทยาศาสตร์ได้ ซึ่งรวมถึงนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และนักปรัชญาชาวทาจิกิสถานที่โดดเด่น อิบนุ ซินา (อาวิเซนนา) ซึ่งอาศัยอยู่ในปี 980 - 1037 n. จ.
ใน หนังสือที่มีชื่อเสียง"หลักการทางการแพทย์" ของ Avicenna ประกอบด้วยข้อมูลทางการแพทย์ทั้งหมดในยุคนั้น รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา
กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยากลายเป็นสาขาวิชาวิทยาศาสตร์พิเศษในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาซึ่งมีความเกี่ยวข้องด้วย การพัฒนาทั่วไปวิทยาศาสตร์ธรรมชาติในช่วงการก่อตั้งสังคมกระฎุมพี กายวิภาคศาสตร์อย่างไร วิทยาศาสตร์อิสระมีอายุย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 16 ผู้ก่อตั้งคือนักวิทยาศาสตร์ Andrei Vesalius (1514 - 1564) เขาทำการชันสูตรศพมนุษย์หลายครั้งและศึกษาโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ ผลงานของเขาโดดเด่นมาก งานทางวิทยาศาสตร์“เรื่องโครงสร้างของร่างกายมนุษย์” ซึ่งต่อมาเป็นนักวิชาการ I. P. Pavlov ชื่นชมอย่างมาก: “งานของ Vesalius เป็นกายวิภาคของมนุษย์ชิ้นแรกในนั้น ประวัติศาสตร์สมัยใหม่มนุษยชาติ ไม่เพียงแต่ทำซ้ำคำแนะนำและความคิดเห็นของนักเขียนโบราณเท่านั้น แต่อาศัยการทำงานของจิตใจที่เป็นอิสระและสำรวจ”
สรีรวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์อิสระก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเกี่ยวข้องกับชื่อของแพทย์ชาวอังกฤษ William Harvey (1578 - 1657) ผู้ค้นพบการไหลเวียนโลหิต I. P. Pavlov ในปี 1927 ประเมินการค้นพบนี้ดังนี้: "... แพทย์ William Harvey สอดแนมหนึ่งในหน้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของร่างกาย - การไหลเวียนโลหิตและด้วยเหตุนี้จึงวางรากฐานสำหรับแผนกใหม่แห่งความรู้ที่แม่นยำของมนุษย์ - สรีรวิทยาของสัตว์"
การพัฒนาต่อไปของกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาถูกกำหนดโดยวิธีการใหม่ของการสังเกตทางวิทยาศาสตร์และการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์โดยทั่วไป ในศตวรรษที่ 19 และ 20 การแพทย์สาขาต่างๆ โดยเฉพาะสรีรวิทยา ประสบความสำเร็จอย่างมาก ความสำเร็จเหล่านี้ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับผลงานของนักวิทยาศาสตร์ในประเทศของเรา
โรงเรียนแพทย์แห่งแรกในรัสเซียก่อตั้งขึ้นในกลางศตวรรษที่ 17 ในเวลานั้นมีคู่มือภาษารัสเซียที่มีข้อมูลเกี่ยวกับยา ศึกษากายวิภาคศาสตร์เกี่ยวกับโครงกระดูก ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 (ภายใต้ปีเตอร์ที่ 1) การฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์อย่างเป็นระบบเริ่มขึ้นซึ่งต่อมานักวิทยาศาสตร์ในบ้านที่โดดเด่นก็ปรากฏตัวขึ้น คุ้มค่ามากการพัฒนาวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและการแพทย์ในรัสเซียได้รับอิทธิพลจากผลงานของนักวิทยาศาสตร์ผู้ชาญฉลาดชาวรัสเซีย M.V. เขาประสบความสำเร็จในการเปิดมหาวิทยาลัยรัสเซียแห่งแรกในมอสโก ซึ่งรวมถึงคณะแพทย์ด้วย ผลงานของ M. V. Lomonosov มีบทบัญญัติมากมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับสรีรวิทยา
ในศตวรรษที่ 19 นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียจำนวนมากทำงานด้านกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา ผลงานของ P. A. Zagorsky, I. V. Buyalsky และ N. I. Pirogov มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนากายวิภาคศาสตร์ในประเทศ
ศาสตราจารย์วิชากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยา P. A. Zagorsky (1764 - 1846) ศึกษาระบบหลอดเลือด เขาเขียนตำรากายวิภาคศาสตร์เป็นภาษารัสเซียและฝึกฝนนักกายวิภาคศาสตร์ชาวรัสเซียกลุ่มแรกจากนักเรียนของเขา หนึ่งในนั้นคือ I.V. Buyalsky (1789 - 1866) ผู้แต่งผลงานต้นฉบับเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และการผ่าตัด ข้อดีที่สำคัญที่สุดของ I.V. Buyalsky ก็คือเขาได้เปิดเผยความสำคัญของกายวิภาคศาสตร์สำหรับการผ่าตัดผ่านผลงานของเขา
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียผู้เก่งกาจ N.I. Pirogov (1810 - 1881) ทำงานในสาขาศัลยกรรม กายวิภาคศาสตร์ และสาขาการแพทย์อื่น ๆ เขาแนะนำวิธีการวิจัยใหม่เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ - การตัดศพแช่แข็งตามลำดับ ด้วยการใช้วิธีนี้ N.I. Pirogov ได้พัฒนาพื้นฐานของกายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศ 1 ในหมู่มากที่สุด ผลงานที่มีชื่อเสียง N.I. Pirogov เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์เป็นเจ้าของหนังสือของเขา "Surgical Anatomy of Arterial Trunks and Fascia" ผลงานของ N. I. Pirogov เน้นย้ำถึงความสำคัญของกายวิภาคศาสตร์สำหรับเวชปฏิบัติโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการผ่าตัด ในระหว่าง การป้องกันที่กล้าหาญเซวาสโทพอลในปี พ.ศ. 2397 Pirogov มีส่วนร่วมโดยตรงในการจัดตั้งชุมชนพยาบาลและดึงดูดพยาบาลให้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในสนามรบ
1 (กายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศเป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์ที่ศึกษาตำแหน่งสัมพันธ์ของอวัยวะ)
ในประเทศของเราทิศทางการทำงานในกายวิภาคศาสตร์เกิดขึ้นและพัฒนา ทิศทางนี้ถือว่าแต่ละอวัยวะเป็น ส่วนประกอบทั้งหมดเดียว - สิ่งมีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่และการพัฒนาทางประวัติศาสตร์
ในขณะเดียวกันก็เน้นย้ำถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของสภาพแวดล้อมภายนอก - อิทธิพลของสภาพความเป็นอยู่ทั้งทางสังคมและชีวภาพ P. F. Lesgaft (1837 - 1909), V. P. Vorobyov (1876 - 1937), V. N. Tonkov (1872 - 1954) และนักวิทยาศาสตร์ในประเทศอีกหลายคนได้ทำอะไรมากมายในการพัฒนาทิศทางนี้ ดังนั้น P.F. Lesgaft จึงใช้โดยเฉพาะ แนวทางการทำงานเมื่อศึกษาโครงสร้างของอวัยวะในการเคลื่อนไหว V.P. Vorobyov ร่วมกับนักเรียนของเขาดำเนินการ การวิจัยที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับสัณฐานวิทยาของระบบประสาทและอวัยวะอื่น ๆ เขายังพัฒนาวิธีการพิเศษในการดองและรักษาร่างของ V.I. V.N. Tonkov มีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อกายวิภาคการทำงานของระบบไหลเวียนโลหิต - เขาพัฒนาหลักคำสอนเรื่องการไหลเวียนของหลักประกัน (วงเวียน)
ในบรรดานักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียที่ทำงานในสาขาสรีรวิทยาในศตวรรษที่ 19 ควรสังเกต A. M. Filomafitsky, V. A. Basov, N. A. Mislavsky, F. V. Ovsyannikov, A. Ya. Kulyabko, S. P. Botkin และคนอื่น ๆ บางคนค้นพบในสาขานี้ สรีรวิทยาของเลือดและการไหลเวียนโลหิต คนอื่น ๆ ศึกษาการทำงานของการย่อยอาหาร อื่น ๆ - การหายใจ ระบบประสาท ฯลฯ นักวิทยาศาสตร์ I. M. Sechenov และ I. P. Pavlov มีบทบาทพิเศษในสาขาสรีรวิทยา
Ivan Mikhailovich Sechenov (1829 - 1905) - ผู้ก่อตั้งสรีรวิทยารัสเซีย เกี่ยวข้องกับชื่อของเขา การค้นพบที่โดดเด่นในสาขาต่างๆ ของวิทยาศาสตร์นี้ พอจะกล่าวได้ว่า I.M. Sechenov ค้นพบปรากฏการณ์ของการยับยั้งในระบบประสาทส่วนกลางเป็นครั้งแรกที่ศึกษาองค์ประกอบของก๊าซในเลือดพบบทบาทและความสำคัญของฮีโมโกลบินในการถ่ายโอน คาร์บอนไดออกไซด์เป็นต้น หนังสือของ I.M. Sechenov เรื่อง "Reflexes of the Brain" ซึ่งตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2406 มีความสำคัญเป็นพิเศษ เป็นครั้งแรกที่กล่าวถึงตำแหน่งที่การทำงานของสมองทั้งหมดเป็นแบบสะท้อนกลับในธรรมชาติ ด้วยเหตุนี้ กระบวนการทางจิตที่มีอยู่ในมนุษย์จึงมีพื้นฐานทางสรีรวิทยา ไม่ใช่เหตุผลที่ไม่อาจทราบได้ I.M. Sechenov เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหลักการของความสามัคคีของสิ่งมีชีวิตด้วย สภาพแวดล้อมภายนอก- เขาเขียนว่า: “สิ่งมีชีวิตที่ไม่มีสภาพแวดล้อมภายนอกที่สนับสนุนการดำรงอยู่ของมันเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น คำจำกัดความทางวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิตจึงต้องรวมถึงสภาพแวดล้อมที่มีอิทธิพลต่อมันด้วย...”
I.M. Sechenov เป็นผู้สร้าง โรงเรียนใหญ่นักสรีรวิทยา นักเรียนของเขาคือ N. E. Vvedensky, M. N. Shaternikov และนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงคนอื่น ๆ
Ivan Petrovich Pavlov (1849 - 1936) - นักวิทยาศาสตร์วัตถุนิยมผู้ยิ่งใหญ่ผู้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อรับใช้วิทยาศาสตร์ เป็นเวลากว่า 60 ปีที่เขาพัฒนาปัญหาทางสรีรวิทยาต่าง ๆ และสร้างผลงานที่มี ความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการแพทย์และชีววิทยาทั้งหมด
แม้แต่ในวัยหนุ่ม โลกทัศน์ของ I. P. Pavlov ก็ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากแนวคิดวัตถุนิยมขั้นสูงของนักปฏิวัติเดโมแครตผู้ยิ่งใหญ่ N. G. Chernyshevsky, N. A. Dobrolyubov, D. I. Pisarev ในการก่อตัวของมุมมองทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติของ I. P. Pavlov บทบาทใหญ่มีการเล่นผลงานของ I.M. Sechenov โดยเฉพาะหนังสือของเขาเรื่อง "Reflexes of the Brain"
ในงานวิทยาศาสตร์ของเขา I. P. Pavlov เช่นเดียวกับ I. M. Sechenov ดำเนินการจากหลักการของความสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตและความสามัคคีกับ ธรรมชาติโดยรอบ- ด้วยเหตุนี้ เขาจึงถือว่ากิจกรรมของอวัยวะแต่ละส่วนไม่ได้แยกจากกัน แต่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดและสภาพแวดล้อมภายนอก ก่อน I.P. Pavlov เป็นเรื่องปกติในหมู่นักสรีรวิทยา วิธีการวิเคราะห์ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์- โดยปกติจะสังเกตสัตว์ที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์เฉียบพลัน กล่าวคือ การผ่าตัดที่มีจุดประสงค์เพื่อดำเนินการ การสังเกตทางวิทยาศาสตร์ทันทีหลังการผ่าตัด ดังนั้นประสบการณ์เฉียบพลันคือการชันสูตรพลิกศพ หน้าอกสัตว์เพื่อศึกษาการทำงานของหัวใจ
I. P. Pavlov สร้างวิธีการสังเคราะห์โดยอาศัยมุมมองแบบองค์รวมของกิจกรรมของร่างกาย โดยปกติแล้วเขาจะทำการสังเกตทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสัตว์ที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่เรียกว่าประสบการณ์เรื้อรัง การดำเนินการที่จำเป็นได้ดำเนินการกับสัตว์ในลักษณะที่สัตว์จะยังมีชีวิตอยู่และการสังเกตทางวิทยาศาสตร์สามารถดำเนินการได้เป็นเวลานาน (เป็นเดือนหรือเป็นปี)
I. P. Pavlov ทำ การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสาขาวิชาสรีรวิทยาต่างๆ ผลงานหลักของเขาอุทิศให้กับสรีรวิทยาของการไหลเวียนโลหิต การย่อยอาหารและสมองซีกโลก การวิจัยของ I. P. Pavlov ในสาขาสรีรวิทยาการไหลเวียนโลหิตนำไปสู่การสร้างหลักคำสอนเรื่องการควบคุมกิจกรรมของระบบหัวใจและหลอดเลือด
ผลจากการศึกษาการทำงานของอวัยวะมาเกือบยี่สิบปี ระบบย่อยอาหารเป็นการสร้างหลักคำสอนทางสรีรวิทยาของการย่อยอาหาร I.P. Pavlov ก่อตั้งกิจกรรมดังกล่าว อวัยวะต่างๆระบบย่อยอาหารถูกควบคุมโดยระบบประสาทและขึ้นอยู่กับ ปรากฏการณ์ต่างๆสภาพแวดล้อมภายนอก
ผลงานของ I. P. Pavlov พบการยืนยันที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับแนวคิดที่แสดงโดย I. M. Sechenov เกี่ยวกับลักษณะการสะท้อนกลับของการทำงานของอวัยวะ การระคายเคืองต่างๆ จากสภาพแวดล้อมภายนอกที่ส่งผลต่อร่างกายจะรับรู้ผ่านระบบประสาทและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกิจกรรมของอวัยวะบางส่วน เรียกว่าการตอบสนองของร่างกายต่อการระคายเคืองซึ่งดำเนินการผ่านระบบประสาท ปฏิกิริยาตอบสนอง.
สิ่งที่สำคัญเป็นพิเศษคือการศึกษาของ I. P. Pavlov ซึ่งอุทิศให้กับการศึกษาหน้าที่ของเปลือกสมอง การศึกษาเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมทางจิตของมนุษย์ขึ้นอยู่กับกระบวนการทางสรีรวิทยาที่เกิดขึ้นในเปลือกสมอง ก่อน I.M. Sechenov และ I.P. Pavlov ไม่ทราบสาระสำคัญของกิจกรรมทางจิตและถือว่าไม่สามารถรู้ได้ การศึกษาการทำงานของเปลือกสมองซึ่งเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางจิตของเรานั้นเป็นไปได้เฉพาะหลังจากที่ I. P. Pavlov กำหนดว่าพื้นฐานของกิจกรรมของเปลือกสมองคือกระบวนการของการก่อตัวของปฏิกิริยาตอบสนองที่มีเงื่อนไข
หลักคำสอนของกิจกรรมประสาทที่สูงขึ้นที่สร้างขึ้นโดย I. P. Pavlov นั้นเป็นวัตถุนิยมอย่างลึกซึ้งและหักล้างแนวคิดทางศาสนาและอุดมคติเกี่ยวกับ "จิตวิญญาณ" และ "งานทางจิต" ที่ไม่อาจรู้ได้
คำสอนของ I.P. Pavlov เป็นหนึ่งในรากฐานทางวิทยาศาสตร์ตามธรรมชาติของโลกทัศน์เชิงวัตถุที่ตระหนักถึงความเป็นกลางและความรู้ของโลก
ในปัจจุบัน ปัญหาต่างๆ ของโครงสร้างและกิจกรรมที่สำคัญของเนื้อเยื่อและอวัยวะของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตกำลังได้รับการพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ในสถาบันและห้องปฏิบัติการหลายแห่ง
ไม่เพียงแต่นักสัณฐานวิทยาและนักสรีรวิทยาเท่านั้นที่มีส่วนร่วมในการศึกษาปัญหาเหล่านี้ แต่ยังเป็นตัวแทนของสาขาวิทยาศาสตร์อื่น ๆ ด้วย - นักเคมี นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์ ฯลฯ ทิศทางทางวิทยาศาสตร์ใหม่ ๆ ได้เกิดขึ้น เช่น อณูชีววิทยา ลักษณะเด่นของหลาย ๆ คน ทิศทางทางวิทยาศาสตร์ ปีที่ผ่านมาคือการวิจัยเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่ากล้องจุลทรรศน์ระดับโมเลกุลและ ระดับเซลล์- เพื่อจุดประสงค์นี้ การทดลองและเทคนิคที่ละเอียดอ่อนและซับซ้อนมากถูกนำมาใช้เพื่อศึกษากระบวนการที่เกิดขึ้นภายในเซลล์และในแต่ละโครงสร้างที่ประกอบเป็นองค์ประกอบของมัน ในขณะเดียวกันก็ศึกษาการพึ่งพาซึ่งกันและกันของเนื้อเยื่อ อวัยวะ และระบบอวัยวะต่างๆ
ลักษณะของการวิจัยนี้ถูกกำหนดโดยความจำเป็นในการเปิดเผยธรรมชาติของกระบวนการทั้งหมดที่กำหนดกิจกรรมที่สำคัญ การเจริญเติบโตและการพัฒนาของเซลล์และเนื้อเยื่อในร่างกายที่มีสุขภาพดี เช่นเดียวกับในสภาวะของโรคต่างๆ เช่น เนื้องอกเนื้อร้าย และ เรียนรู้วิธีควบคุมกระบวนการเหล่านี้
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียผู้มีชื่อเสียง - นักกายวิภาคศาสตร์
ระยะแรกของการพัฒนากายวิภาคศาสตร์และการแพทย์ รัฐรัสเซียศตวรรษที่ 18 อัจฉริยะของ Peter I ส่องสว่างในศตวรรษที่ 18 ซึ่งแสดงความสนใจในการฝึกอบรมแพทย์ในฮอลแลนด์ซึ่งเขาเข้าร่วมการบรรยายและโรงละครกายวิภาคของศาสตราจารย์ F. Ruysch, G. Burgave และ A. Van Leeuwenhoek เพื่อให้ความรู้แก่ชาวรัสเซีย Peter the Great ได้ซื้อคอลเลกชันทางกายวิภาคสำหรับ Kunstkamera ซึ่งได้รับการเติมเต็มอย่างต่อเนื่องตามพระราชกฤษฎีกาของเขาตั้งแต่ปี 1718 ด้วยการเตรียมตัวอ่อนและการสืบพันธุ์ซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กจนถึงทุกวันนี้ เมื่อเสด็จกลับจากต่างประเทศสู่มอสโก ซาร์ได้จัดการบรรยายและการชำแหละพวกโบยาร์เป็นชุด และทรงศึกษาที่โรงละครกายวิภาคมอสโกเพื่อผ่าศพและทำการผ่าตัด ต่อจากนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นเรื่องปกติและจัดขึ้นในโรงพยาบาล ซึ่งเป็นโรงเรียนแพทย์ที่จัดโดย Peter ที่ Academy of Sciences
ในมอสโก, เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, บาร์นาอุล, ครอนสตัดท์ และเมืองอื่น ๆ (มากกว่า 30 แห่ง) โรงเรียนแพทย์ได้เปิดขึ้นในโรงพยาบาล ซึ่งแพทย์ได้รับการฝึกอบรมเบื้องต้นโดยนักกายวิภาคศาสตร์และศัลยแพทย์ชาวต่างชาติ: N.L. บิดลู, เอ. เดอ-ทิลส์, แอล.แอล. Blumentrost และคนอื่นๆ Lomonosov เป็นผู้สมัครแพทยศาสตร์ที่ University of Magdeburg
นักศึกษาและผู้ติดตาม Academician M.V. โลโมโนซอฟเคยเป็น เอ.พี. โปรตาซอฟซึ่งกลายเป็นนักวิชาการที่สอนวิชากายวิภาคศาสตร์ในมหาวิทยาลัยด้วย เขามีชื่อเสียงจากผลงานเกี่ยวกับโครงสร้างทางกายวิภาคและสรีรวิทยาของกระเพาะอาหาร การรวบรวมพจนานุกรมกายวิภาคในภาษารัสเซีย และการชันสูตรศพทางนิติวิทยาศาสตร์
เคไอ ชเชปิน- หนึ่งในศาสตราจารย์นักกายวิภาคศาสตร์ชาวรัสเซียคนแรกๆ สอนกายวิภาคศาสตร์ สรีรวิทยา และศัลยกรรมในภาษารัสเซีย ที่โรงเรียนโรงพยาบาลในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและมอสโก เขาได้สร้างโปรแกรมสำหรับสาขาวิชาเหล่านี้และให้ความสำคัญกับสาขาวิชาเหล่านี้ ในการบรรยาย เขาได้ใช้ข้อมูลจากกายวิภาคศาสตร์ด้วยกล้องจุลทรรศน์เป็นครั้งแรก เสียชีวิตในเคียฟระหว่างการกำจัดโรคระบาด
มิ.ย. เชียน- หนังสือเรียนกายวิภาคศาสตร์ของ Ludwig Geister แปลจากภาษาเยอรมันซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1757 ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ขณะเดียวกันเขาเชื่อว่าความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโครงสร้างของมนุษย์มีประโยชน์ต่อสุขภาพ การเยียวยา และการรักษา เขาได้แนะนำคำศัพท์ทางกายวิภาคใหม่ในภาษารัสเซีย ซึ่งยังคงมีมาจนถึงทุกวันนี้ และสร้างแผนที่ทางกายวิภาคของรัสเซียฉบับแรก
น.เอ็ม. มักซิโมวิช-อัมโบดิค- ศาสตราจารย์สาขาการผดุงครรภ์ (สูติศาสตร์) จัดทำระบบการตั้งชื่อทางกายวิภาคของรัสเซียฉบับแรก และเขียน "พจนานุกรมกายวิภาคและสรีรวิทยา" ชื่ออวัยวะสมัยใหม่ไม่ปรากฏทันที เช่น ตับอ่อนเรียกว่า "เนื้อทั้งหมด" "รูปลิ้น" หลอดเลือดแดงเรียกว่าหลอดเลือดดำ หลอดเลือดดำเรียกว่าหลอดเลือดดำ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมงานเกี่ยวกับการเลือกชื่อทางกายวิภาคทางวิทยาศาสตร์ที่ดำเนินการตลอดทั้งศตวรรษจึงมีความสำคัญมาก
ซึ่งเป็นผลมาจากครั้งแรก คำศัพท์ทางกายวิภาคชื่อสลาฟเก่าจำนวนมากหายไปเช่น lyadovia - หลังส่วนล่าง, ramo - กระดูกต้นแขน, stechno - โคนขา, หลอดเลือดดำ lucotic - หลอดเลือดดำในปอด, สันเขา - กระดูกสันหลัง, ไขสันหลัง - ไขสันหลัง แต่ชื่อใหม่จำนวนมากได้รับการแก้ไขทันทีในระบบการตั้งชื่อของรัสเซีย: กระดูกไหปลาร้า, ข้อเท้า, ฯลฯ และบางส่วนได้รับการแก้ไขที่เป็นที่รู้จัก: กระดูกหน้าแข้ง - กระดูกหน้าแข้ง, บริเวณส่วนบนของส่วนบนจากชื่อเก่าของกระบวนการ xiphoid ของกระดูกสันอก - ช้อน ดังนั้นต้นกำเนิดของชื่อทางกายวิภาคของรัสเซียจึงเป็นคำศัพท์ภาษารัสเซียและคำศัพท์ภาษากรีก-ละติน
ป.ล. ซากอร์สกี้- นักวิชาการ เมื่อรวบรวมตำรากายวิภาคศาสตร์ภาษารัสเซีย เขาได้เลือกคำศัพท์ภาษารัสเซียหลักอย่างระมัดระวัง เขาก่อตั้งโรงเรียนกายวิภาคศาสตร์ขึ้นในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และศึกษาวิทยาด้านทารกและกายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบ เตรียมนักเรียนที่มีค่าควร - ศาสตราจารย์ I.V. Buyalsky ผู้ตีพิมพ์ "Anatomical and Surgical Tables" ได้เขียนหนังสือเรียนที่มีเหตุผลทางกายวิภาคสำหรับการผ่าตัด คิดค้นเครื่องมือมากมาย และเสนอวิธีการดองศพแบบใหม่ ไอบี Buyalsky มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาการเตรียมทางกายวิภาคโดยใช้สารละลายปรอทคลอไรด์เพื่อฉีดหลอดเลือดและผงของมันก็ถูกเทลงในโพรงของร่างกาย มีส่วนช่วยในการพัฒนากายวิภาคศาสตร์ที่โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เช้า. ชุมยันสกี้ผู้ค้นพบแคปซูลรอบโกลเมอรูลีของหลอดเลือดของไต (แคปซูลเนฟรอน) ซึ่งสร้างการเชื่อมต่อโดยตรงระหว่างเส้นเลือดฝอยในโกลเมอรูลัสของหลอดเลือด นักวิชาการ เค.เอฟ. หมาป่า เวลานานเป็นหัวหน้าแผนกกายวิภาคของ Kunstkamera แห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก คอลเลกชัน teratological ของเขาเป็นพื้นฐานสำหรับงานเกี่ยวกับข้อบกพร่องและความผิดปกติซึ่งก่อให้เกิดการพัฒนาวิทยาศาสตร์กายวิภาคศาสตร์ใหม่ - teratology
ศาสตราจารย์ อีโอ มูคินสอนกายวิภาคศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมอสโก หลังจากการรุกรานของนโปเลียนและเพลิงไหม้ในกรุงมอสโก พิพิธภัณฑ์กายวิภาคได้รับการบูรณะใหม่ โดยมีการเตรียมการมากถึง 5,000 รายการ ในปี ค.ศ. 1812 หนังสือเรียนของเขาเรื่อง "หลักสูตรกายวิภาคศาสตร์" ได้รับการตีพิมพ์ ซึ่งผู้เขียนได้ส่งเสริมคำศัพท์ทางกายวิภาคของรัสเซีย
ศาสตราจารย์ ดี.เอ็น. 3เอิร์นนอฟเป็นเวลาหลายปีที่เขาเป็นหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์มอสโก ประสบความสำเร็จในการศึกษาอวัยวะรับสัมผัส ความแปรปรวนของซัลซี การบิดตัวของสมอง และวิพากษ์วิจารณ์ทฤษฎีปัจจัยทางพันธุกรรมของเซซาโร ลอมโบรโซ บุคลิกภาพทางอาญาเกี่ยวกับการโต้ตอบของใบหน้าและสมองบางประเภทกับพฤติกรรมก้าวร้าวและเป็นอันตราย
วีเอ เบทซ์- ตัวแทนของโรงเรียนกายวิภาคศาสตร์ Kyiv ผู้ค้นพบเซลล์เสี้ยมขนาดใหญ่ในการบิดของสมองซึ่งตั้งชื่อตามนามสกุลของเขา ศาสตราจารย์ในคาร์คอฟ อ.เค. เบลูซอฟศึกษาการปกคลุมของหลอดเลือดเสนอวิธีการใหม่ในการฉีดยาทางกายวิภาค
การก่อตัวของกายวิภาคศาสตร์เป็นวิชาวิทยาศาสตร์และการศึกษาในวันที่ 18 และ ศตวรรษที่ 19เกิดขึ้นในตอนแรกด้วยผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศที่ได้รับเชิญจาก Peter I ซึ่งในไม่ช้าก็ได้ฝึกฝนนักเรียนและผู้ติดตามในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและมอสโกว ทั้งสองโรงเรียนกลายเป็นโรงเรียนชั้นนำ โดยส่งบัณฑิตไปยังมหาวิทยาลัยประจำจังหวัด ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแผนกต่างๆ ก่อตั้งสาขาวิทยาศาสตร์กายวิภาคศาสตร์ และแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรม
พัฒนาการของการรักษาโรคในรัสเซียตะวันออกได้รับอิทธิพลมาจากชาวทิเบตและ ยาจีนการแพทย์แผนโบราณของชาวภาคเหนือและตะวันออกไกล ใน Buryatia ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 โรงเรียนแพทย์ (mamba-datsans) ปรากฏตัวภายใต้ วัดพุทธ- พวกเขาใช้วรรณกรรมทางการแพทย์ วิธีการวินิจฉัยและการรักษา และเครื่องมือจากมองโกเลีย ทิเบต อินเดีย และจีนในการฝึกอบรม ดังนั้นโรงเรียน Atsagat จึงก่อตั้งโดย Emgi-Lama Ireltuev ผู้รักษาและครูผู้มีทักษะ หลักสูตรเต็มการฝึกอบรมใช้เวลา 6 ปีและโครงสร้างของบุคคลได้รับการพิจารณาภายใต้อิทธิพลของการทำงานเสมอ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 พี่น้อง Badmaev Tsuultim และ Zhamsadin ศึกษาการแพทย์ของทิเบตใน Aginsky datsan (อาราม) ซึ่งต่อมาเปลี่ยนมาเป็นออร์โธดอกซ์ภายใต้ชื่อ Alexander และ Peter (ลูกทูนหัวของจักรพรรดิ Alexander III) พวกเขาได้รับการศึกษาด้านการแพทย์ของมหาวิทยาลัยในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ทั้งสองมีการปฏิบัติอย่างกว้างขวางในเมืองหลวงในแวดวงขุนนางและขุนนาง และมีส่วนร่วมในแผนการทางการเมืองและพระราชวัง
นักวิทยาศาสตร์และผู้ปฏิบัติงานคนอื่น ๆ ก็มีส่วนช่วยในการพัฒนาการแพทย์แผนตะวันออกในรัสเซียเช่นกัน ดังนั้นนักภูมิศาสตร์และนักชาติพันธุ์วิทยาอัลไตผู้โด่งดัง G.N. Potanin ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับชื่อ Buryat พืชสมุนไพรใช้ในทิเบตและ ยาพื้นบ้าน- คัลมิค ดัมโบ อุลยานอฟ – หัวหน้าแพทย์และลามะ ดอนสกอย กองทัพคอซแซค- แปลบทความทางการแพทย์ "Chzhud-shi", "Lhantab" และอื่นๆ จากทิเบตเป็นภาษารัสเซีย
ในไซบีเรีย มหาวิทยาลัยแห่งแรกเปิดในเมือง Tomsk ในปี พ.ศ. 2413 คณะแพทย์เปิดดำเนินการที่นั่นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2419 ภายใต้การนำ อาจารย์ที่มีชื่อเสียงโรงเรียนคาซาน A.S. Dogel และ A.E. สมีร์โนวา. สถาบันการแพทย์และคณะทางการแพทย์ในไซบีเรียและฟาร์อีสเทิร์นต่อมาทั้งหมดเปิดดำเนินการในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อำนาจของสหภาพโซเวียต- สถาบันการแพทย์อัลไตปรากฏตัวที่บาร์นาอูลในปี 2497 โดยเกี่ยวข้องกับการพัฒนาขนาดใหญ่ของดินแดนบริสุทธิ์และรกร้าง ของเขา การพัฒนาวิชาชีพเกิดขึ้นภายใต้อิทธิพลและการมีส่วนร่วมโดยตรงของนักวิทยาศาสตร์และอาจารย์จากเมืองหลวงและ Tomsk มหาวิทยาลัยการแพทย์แต่ในแง่หนึ่งเขากลายเป็นผู้สืบทอดทางกฎหมายของโรงเรียนแพทย์ Barnaul ในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเปิดตามคำสั่งของ Peter I.
ออกกำลังกาย:
- อ่านข้อความที่เสนอ
- เขียนชื่อและนามสกุลของนักวิทยาศาสตร์และบุคคลสำคัญที่มีส่วนสำคัญและมีอิทธิพลต่อการพัฒนากายวิภาคศาสตร์ในฐานะวิทยาศาสตร์ (ชื่อเต็ม ปีชีวิต ผลงานด้านวิทยาศาสตร์)
การพัฒนาและการก่อตัวของแนวคิดเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาเริ่มต้นในสมัยโบราณ
ในหมู่แรก ประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียงควรเรียกนักกายวิภาคศาสตร์ อัลเคโมนาจาก Cratonaซึ่งมีชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 5 พ.ศ จ. เขาเป็นคนแรกที่ผ่า (ผ่า) ศพของสัตว์เพื่อศึกษาโครงสร้างร่างกายของพวกมัน และแนะนำว่าอวัยวะรับสัมผัสสื่อสารโดยตรงกับสมอง และการรับรู้ความรู้สึกขึ้นอยู่กับสมอง
ฮิปโปเครตีส(ตกลง. 460 - ประมาณ 370 ปีก่อนคริสตกาล BC) - หนึ่งในนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่โดดเด่นของกรีกโบราณ เขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการศึกษากายวิภาคศาสตร์ คัพภวิทยา และสรีรวิทยา โดยพิจารณาว่าสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการแพทย์ทั้งหมด เขารวบรวมและจัดระบบการสังเกตเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ อธิบายกระดูกของหลังคากะโหลกศีรษะและการเชื่อมต่อของกระดูกด้วยการเย็บแผล โครงสร้างของกระดูกสันหลัง ซี่โครง อวัยวะภายใน,อวัยวะการมองเห็น, กล้ามเนื้อ, หลอดเลือดขนาดใหญ่.
นักธรรมชาติวิทยาที่โดดเด่นในสมัยนั้น ได้แก่ เพลโต (427-347 ปีก่อนคริสตกาล) และอริสโตเติล (384-322 ปีก่อนคริสตกาล) ศึกษากายวิภาคศาสตร์และคัพภวิทยา เพลโตพบว่าสมองของสัตว์มีกระดูกสันหลังมีการพัฒนาที่ส่วนหน้าของไขสันหลัง อริสโตเติลพระองค์ทรงเปิดศพสัตว์ แล้วทรงบรรยายถึงอวัยวะภายใน เส้นเอ็น เส้นประสาท กระดูก และกระดูกอ่อน ในความเห็นของเขา อวัยวะหลักในร่างกายคือหัวใจ เขาตั้งชื่อหลอดเลือดที่ใหญ่ที่สุดว่าเอออร์ตา
มีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์และกายวิภาคศาสตร์ โรงเรียนแพทย์อเล็กซานเดรียซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 พ.ศ จ. แพทย์ของโรงเรียนนี้ได้รับอนุญาตให้เปิดศพของคนใน วัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์- ในช่วงเวลานี้ ชื่อของนักกายวิภาคศาสตร์ที่โดดเด่นสองคนกลายเป็นที่รู้จัก: เฮโรฟิลัส (ก่อนคริสตศักราช 300 ปีก่อนคริสตกาล) และอีราซิสตราตัส (ประมาณ 300 - ประมาณ 240 ปีก่อนคริสตกาล) เฮโรฟิลัสอธิบายเยื่อหุ้มสมองและไซนัสหลอดเลือดดำ, โพรงสมองและช่องท้องคอรอยด์, เส้นประสาทตาและลูกตา ลำไส้เล็กส่วนต้นและหลอดเลือดน้ำเหลืองต่อมลูกหมาก เอราซิสตราตัสบรรยายถึงตับ ท่อน้ำดี หัวใจ และลิ้นหัวใจได้ครบถ้วนตามกาลเวลา รู้ว่าเลือดจากปอดเข้าสู่เอเทรียมด้านซ้าย จากนั้นเข้าสู่ช่องซ้ายของหัวใจ และจากที่นั่นผ่านหลอดเลือดแดงไปยังอวัยวะต่างๆ โรงเรียนอเล็กซานเดรียยายังเป็นผู้รับผิดชอบในการค้นพบวิธีการผูกหลอดเลือดระหว่างมีเลือดออก
นักวิทยาศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดใน พื้นที่ที่แตกต่างกันยารักษาโรคหลังจากที่ฮิปโปเครติสกลายเป็นนักกายวิภาคศาสตร์และนักสรีรวิทยาชาวโรมัน คลอเดียส กาเลน(ประมาณ 130 - ประมาณ 201)
เขาเริ่มสอนวิชากายวิภาคศาสตร์มนุษย์เป็นครั้งแรก พร้อมด้วยการผ่าศพสัตว์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลิง ห้ามทำการผ่าศพมนุษย์ในเวลานั้นอันเป็นผลมาจากการที่ Galen ซึ่งข้อเท็จจริงโดยไม่ได้รับการจองล่วงหน้าได้ถ่ายโอนโครงสร้างร่างกายของสัตว์มาสู่มนุษย์ ด้วยความรู้สารานุกรมเขาอธิบายเส้นประสาทสมอง, เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน, เส้นประสาทของกล้ามเนื้อ, หลอดเลือดของตับ, ไตและอวัยวะภายในอื่น ๆ , เชิงกราน, เอ็นและอวัยวะภายในอื่น ๆ จำนวน 7 คู่ (จาก 12)
Galen ได้รับข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโครงสร้างของสมอง กาเลนถือว่านี่เป็นศูนย์กลางของความอ่อนไหวของร่างกายและเป็นสาเหตุของการเคลื่อนไหวโดยสมัครใจ ในหนังสือ "On the Parts of the Human Body" เขาได้แสดงมุมมองทางกายวิภาคของเขาและพิจารณาโครงสร้างทางกายวิภาคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่แยกไม่ออก แพทย์และนักปรัชญาชาวทาจิกิสถานมีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์อบู อาลี อิบนุ เซิน, หรืออาวิเซนน่า
(ราวปี 980-1037) เขาเขียน "หลักการของวิทยาศาสตร์การแพทย์" ซึ่งมีการจัดระบบและเสริมข้อมูลเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาที่ยืมมาจากหนังสือของอริสโตเติลและกาเลน หนังสือของ Avicenna ได้รับการแปลเป็นภาษาละตินและพิมพ์ซ้ำมากกว่า 30 ครั้งตั้งแต่ศตวรรษที่ 16-18 มหาวิทยาลัยกำลังเปิดทำการในหลายประเทศ คณะแพทย์เป็นการวางรากฐานของกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาทางวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์และศิลปินชาวอิตาลีแห่งยุคฟื้นฟูศิลปวิทยามีส่วนสนับสนุนอย่างมากต่อการพัฒนากายวิภาคศาสตร์
เลโอนาร์โด ดา วินชี (1452-1519)เขาสร้างกายวิภาคศพ 30 ศพ สร้างภาพวาดกระดูก กล้ามเนื้อ และอวัยวะภายในมากมาย พร้อมคำอธิบายเป็นลายลักษณ์อักษร เลโอนาร์โด ดา วินชี วางรากฐานสำหรับกายวิภาคศาสตร์พลาสติก
การค้นพบทางกายวิภาคศาสตร์เป็นพื้นฐานสำหรับการวิจัยเชิงลึกในสาขาสรีรวิทยา มิเกล เซอร์เวตุส แพทย์ชาวสเปน (ค.ศ. 1511-1553) ลูกศิษย์ของ Vesalius R. Colombo (1516-1559) แนะนำว่าเลือดไหลจากครึ่งขวาของหัวใจไปทางซ้ายผ่านหลอดเลือดปอด หลังจากการศึกษาวิจัยมากมายนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ วิลเลียม ฮาร์วีย์(ค.ศ. 1578-1657) ตีพิมพ์หนังสือ “การศึกษากายวิภาคของการเคลื่อนไหวของหัวใจและเลือดในสัตว์” (ค.ศ. 1628) โดยท่านได้แสดงหลักฐานการเคลื่อนตัวของเลือดผ่านหลอดเลือด วงกลมใหญ่การไหลเวียนโลหิตและยังสังเกตเห็นการมีอยู่ของหลอดเลือดขนาดเล็ก (เส้นเลือดฝอย) ระหว่างหลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำ ภาชนะเหล่านี้ถูกค้นพบต่อมาในปี 1661 โดย M. Malpighi ผู้ก่อตั้งกายวิภาคศาสตร์ด้วยกล้องจุลทรรศน์
นอกจากนี้ W. Harvey ยังแนะนำการผ่าตัดชำแหละสัตว์ในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำให้สามารถสังเกตการทำงานของอวัยวะสัตว์โดยใช้ส่วนเนื้อเยื่อได้ การค้นพบหลักการไหลเวียนโลหิตถือเป็นวันสถาปนาสรีรวิทยาของสัตว์
พร้อมกับการค้นพบ W. Harvey มีการตีพิมพ์ผลงาน กัสปาโร อาเซลลี่(ค.ศ. 1591-1626) ซึ่งเขาได้จัดทำคำอธิบายทางกายวิภาคของหลอดเลือดน้ำเหลืองของน้ำเหลืองในลำไส้เล็ก
ในช่วงศตวรรษที่ XVII-XVIII ไม่เพียง แต่มีการค้นพบใหม่ ๆ ในสาขากายวิภาคศาสตร์เท่านั้น แต่ยังมีสาขาวิชาใหม่จำนวนหนึ่งที่เริ่มปรากฏ: มิญชวิทยา, คัพภวิทยาและค่อนข้างต่อมา - กายวิภาคศาสตร์เปรียบเทียบและภูมิประเทศ, มานุษยวิทยา
สำหรับการพัฒนาสัณฐานวิทยาเชิงวิวัฒนาการ การสอนมีบทบาทสำคัญ ซี. ดาร์วิน(1809-1882) เกี่ยวกับอิทธิพล ปัจจัยภายนอกการพัฒนารูปแบบและโครงสร้างของสิ่งมีชีวิตตลอดจนพันธุกรรมของลูกหลาน
ทฤษฎีเซลล์ ต. ชวานน์ (1810-1882) ทฤษฎีวิวัฒนาการช.ดาร์วินกำหนดงานใหม่จำนวนหนึ่งสำหรับวิทยาศาสตร์กายวิภาคศาสตร์ ไม่เพียงแต่ในการอธิบายเท่านั้น แต่ยังอธิบายโครงสร้างของร่างกายมนุษย์ คุณลักษณะต่างๆ ของมัน เพื่อเปิดเผยอดีตสายวิวัฒนาการในโครงสร้างทางกายวิภาค เพื่ออธิบายว่าลักษณะเฉพาะของเขาพัฒนาอย่างไรในกระบวนการ พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของมนุษย์
สู่ความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของศตวรรษที่ 17-18 หมายถึงสิ่งที่กำหนดโดยนักปรัชญาและนักสรีรวิทยาชาวฝรั่งเศส เรเน่ เดการ์ตส์แนวคิดเรื่อง "กิจกรรมที่สะท้อนของร่างกาย" เขาแนะนำแนวคิดเรื่องการสะท้อนกลับเข้าสู่สรีรวิทยา การค้นพบของเดการ์ตส์เป็นพื้นฐานสำหรับ การพัฒนาต่อไปสรีรวิทยาบนพื้นฐานทางวัตถุ แนวคิดต่อมาเกี่ยวกับปฏิกิริยาสะท้อนประสาท ส่วนโค้งสะท้อนความสำคัญของระบบประสาทในความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมภายนอกและร่างกายได้รับการพัฒนาในผลงานของนักกายวิภาคศาสตร์และนักสรีรวิทยาชาวเช็กที่มีชื่อเสียง ก. โปรฮาสกี้(1748-1820)
ความก้าวหน้าทางฟิสิกส์และเคมีทำให้สามารถใช้วิธีวิจัยทางกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาได้แม่นยำยิ่งขึ้น ในช่วง XVIII - XIX ศตวรรษ นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียจำนวนหนึ่งมีส่วนสนับสนุนที่สำคัญอย่างยิ่งในสาขากายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาเอ็ม.วี. โลโมโนซอฟ (พ.ศ. 2254-2308) ค้นพบกฎการอนุรักษ์สสารและพลังงาน แสดงความคิดเกี่ยวกับการก่อตัวของความร้อนในร่างกาย กำหนดทฤษฎีการมองเห็นสีสามองค์ประกอบ ให้การจำแนกประเภทแรกลิ้มรสความรู้สึก - นักเรียนของ M.V. Lomonosovเอ.พี. โปรตาซอฟ
(พ.ศ. 2267-2339) - ผู้เขียนผลงานหลายชิ้นเกี่ยวกับการศึกษาร่างกายโครงสร้างและหน้าที่ของมนุษย์ในกระเพาะอาหาร ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยมอสโก S.ก. ซาเบลิน
(พ.ศ. 2278-2345) บรรยายเรื่องกายวิภาคศาสตร์และตีพิมพ์หนังสือ "นิทานเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์และวิธีปกป้องพวกเขาจากโรค" ซึ่งเขาแสดงความคิดเกี่ยวกับต้นกำเนิดร่วมกันของสัตว์และมนุษย์ ใน พ.ศ. 2326 ผม.เอ็ม. อัมโบดิค-มักซิโมวิช (1744-1812) ตีพิมพ์ "พจนานุกรมกายวิภาคและสรีรวิทยา" ในภาษารัสเซีย ละติน และภาษาฝรั่งเศส และในปี ค.ศ. 1788 A. M. Shumlyansky
(1748-1795) ในหนังสือของเขาบรรยายถึงแคปซูลของไตไตและท่อปัสสาวะ สถานที่สำคัญในการพัฒนากายวิภาคศาสตร์เป็นของอี.โอ. มูคินา (พ.ศ. 2309-2393) ซึ่งสอนกายวิภาคศาสตร์มาหลายปีเขียนไว้คู่มือการฝึกอบรม
"หลักสูตรกายวิภาคศาสตร์". ผู้ก่อตั้งกายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศคือ N. I. Pirogov (พ.ศ. 2353-2424)เขาพัฒนาขึ้น วิธีการดั้งเดิมการศึกษาร่างกายมนุษย์เกี่ยวกับบาดแผลจากศพที่ถูกแช่แข็ง ผู้แต่งหนังสือที่มีชื่อเสียงเช่น “หลักสูตรกายวิภาคศาสตร์ประยุกต์ของร่างกายมนุษย์ฉบับสมบูรณ์” และ “กายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศภาพประกอบโดยส่วนที่วาดผ่านร่างกายมนุษย์ที่แช่แข็งในสามทิศทาง” N.I. Pirogov ศึกษาและอธิบายพังผืดอย่างรอบคอบเป็นพิเศษความสัมพันธ์กับหลอดเลือดทำให้พวกเขาดีเยี่ยม
ความสำคัญในทางปฏิบัติ - เขาสรุปงานวิจัยของเขาในหนังสือ “Surgical Anatomy of Arterial Trunks and Fascia”กายวิภาคศาสตร์เชิงหน้าที่ก่อตั้งขึ้นโดยนักกายวิภาคศาสตร์ พี.เอฟ. เลส์-กาฟต์(พ.ศ. 2380-2452) ข้อกำหนดเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างกายมนุษย์จากการสัมผัส. .
การออกกำลังกาย เรื่องการทำงานของร่างกายเป็นพื้นฐานของทฤษฎีและการปฏิบัติพลศึกษา
P. F. Lesgaft เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่ใช้วิธีการถ่ายภาพรังสีในการศึกษาทางกายวิภาค
(พ.ศ. 2278-2345) บรรยายเรื่องกายวิภาคศาสตร์และตีพิมพ์หนังสือ "นิทานเกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์และวิธีปกป้องพวกเขาจากโรค" ซึ่งเขาแสดงความคิดเกี่ยวกับต้นกำเนิดร่วมกันของสัตว์และมนุษย์ ศตวรรษที่ XX ทิศทางการทำงานและการทดลองทางกายวิภาคศาสตร์ได้รับการพัฒนาอย่างประสบความสำเร็จโดยนักวิทยาศาสตร์การวิจัยเช่น V. N. Tonkov (2415-2497), B. A. Dolgo-Saburov (2433-2503), V. N. Shevkunenko (2415-2495), V. ), D.A. Zhdanov (2451-2514) และอื่น ๆ
การก่อตัวของสรีรวิทยาเป็นวิทยาศาสตร์อิสระในศตวรรษที่ 20 มีส่วนอย่างมากต่อความก้าวหน้าในสาขาฟิสิกส์และเคมีซึ่งทำให้นักวิจัยมีความแม่นยำ เทคนิคระเบียบวิธีซึ่งทำให้สามารถกำหนดลักษณะทางกายภาพและ สาระสำคัญทางเคมีกระบวนการทางสรีรวิทยา
ไอ. เอ็ม. เซเชนอฟ (1829-1905) เข้าสู่ประวัติศาสตร์วิทยาศาสตร์ในฐานะนักวิจัยทดลองคนแรกของปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนในสาขาธรรมชาติ - จิตสำนึก นอกจากนี้เขายังเป็นคนแรกที่จัดการศึกษาก๊าซที่ละลายในเลือดเพื่อสร้างประสิทธิผลสัมพัทธ์ของอิทธิพลของไอออนต่างๆ กระบวนการทางกายภาพและเคมีในสิ่งมีชีวิตเพื่อค้นหาปรากฏการณ์การรวมตัวในระบบประสาทส่วนกลาง (CNS) I.M. Sechenov ได้รับชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหลังจากการค้นพบกระบวนการยับยั้งในระบบประสาทส่วนกลาง หลังจากการตีพิมพ์ผลงานของ I.M. Sechenov เรื่อง "Reflexes of the Brain" ในปี พ.ศ. 2406 แนวคิดของกิจกรรมทางจิตก็ถูกนำมาใช้ในรากฐานทางสรีรวิทยา จึงได้ก่อรูปขึ้น รูปลักษณ์ใหม่เกี่ยวกับความสามัคคีของรากฐานทางร่างกายและจิตใจของมนุษย์
การพัฒนาทางสรีรวิทยาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากงานนี้ ไอ.พี. ปาฟโลวา(พ.ศ. 2392-2479) พระองค์ทรงสร้างหลักคำสอนเรื่องกิจกรรมประสาทขั้นสูงของมนุษย์และสัตว์ จากการศึกษากฎระเบียบและการควบคุมการไหลเวียนโลหิตด้วยตนเอง เขาได้กำหนดการปรากฏตัวของเส้นประสาทพิเศษ ซึ่งบางส่วนแข็งแรงขึ้น บางส่วนล่าช้า และบางส่วนเปลี่ยนความแรงของการหดตัวของหัวใจโดยไม่เปลี่ยนความถี่ ในเวลาเดียวกัน I.P. Pavlov ยังศึกษาสรีรวิทยาของการย่อยอาหารด้วย หลังจากพัฒนาและนำเทคนิคการผ่าตัดพิเศษหลายอย่างมาปฏิบัติจริง เขาได้สร้างสรีรวิทยาใหม่ของการย่อยอาหาร จากการศึกษาพลวัตของการย่อยอาหาร เขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวกับการหลั่งสารกระตุ้นเมื่อรับประทานอาหารต่างๆ หนังสือของเขาเรื่อง “การบรรยายเกี่ยวกับการทำงานของต่อมย่อยอาหารหลัก” กลายเป็นแนวทางสำหรับนักสรีรวิทยาทั่วโลก สำหรับงานด้านสรีรวิทยาการย่อยอาหารในปี พ.ศ. 2447 I. P. Pavlov ได้รับรางวัลรางวัลโนเบล - กำลังเปิดให้พวกเขาการสะท้อนกลับแบบมีเงื่อนไข ทำให้เราเรียนต่อได้กระบวนการทางจิต
ซึ่งรองรับพฤติกรรมของสัตว์และมนุษย์ ผลการวิจัยหลายปีโดย I. P. Pavlov เป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างหลักคำสอนเกี่ยวกับกิจกรรมทางประสาทที่สูงขึ้นตามที่ส่วนที่สูงขึ้นของระบบประสาทดำเนินการและควบคุมความสัมพันธ์ของร่างกายกับสิ่งแวดล้อม ศตวรรษที่ XX โดดเด่นด้วยความสำเร็จที่สำคัญในด้านการเปิดเผยกิจกรรมของอวัยวะ ระบบ และร่างกายโดยรวม คุณสมบัติ สรีรวิทยาสมัยใหม่เป็นแนวทางการวิเคราะห์เชิงลึกในการวิจัยเมมเบรน กระบวนการเซลล์คำอธิบายลักษณะทางชีวฟิสิกส์ของการกระตุ้นและการยับยั้ง ความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงปริมาณระหว่างกระบวนการต่างๆ ทำให้สามารถนำไปปฏิบัติได้ การสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์เพื่อค้นหาความผิดปกติบางอย่างในสิ่งมีชีวิต
กายวิภาคศาสตร์ในรัสเซีย
ใน ระบบศักดินารัสเซียไม่มีโรงเรียนแพทย์ฆราวาสและการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นในอาราม ซึ่งพระสงฆ์ได้จัดตั้งโรงพยาบาล (เวชศาสตร์สงฆ์)
ในศตวรรษที่ 17 (ในปี ค.ศ. 1620) มีการจัดตั้งการบริหารงานด้านการแพทย์ - คำสั่งเภสัชกรรม และในปี ค.ศ. 1654 - โรงเรียนแพทย์แห่งแรก กายวิภาคศาสตร์ในโรงเรียนนี้ได้รับการสอนตามคู่มือ Vesalius "เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์" ที่กล่าวไว้ข้างต้นซึ่งแปลจากภาษาละตินเป็นภาษารัสเซียโดยบุคคลสำคัญทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น Epiphanius Slavinetsky ในปี 1658 กล่าวคือ มากกว่า 100 ปีก่อนหน้านั้น ในประเทศอื่นๆ ของยุโรปอีกจำนวนหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ นักศึกษาแพทย์ชาวรัสเซียกลุ่มแรกจึงได้ศึกษากายวิภาคศาสตร์ทางวิทยาศาสตร์ของ Vesalius ไม่ใช่กายวิภาคศาสตร์ของ Galen เช่นเดียวกับในกรณีใน มหาวิทยาลัยในยุโรปศตวรรษที่ 17
ใน ต้น XVIIIวี. ในรัสเซีย ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นขึ้นภายใต้การนำของปีเตอร์ที่ 1 ผู้ซึ่ง "ตัดหน้าต่างสู่ยุโรป"
Peter I เองก็สนใจวิชากายวิภาคศาสตร์ซึ่งเขาศึกษาระหว่างการเดินทางไปฮอลแลนด์จาก Ruysch นักกายวิภาคศาสตร์ชื่อดัง จากเขาเขาได้รับชุดการเตรียมการทางกายวิภาคซึ่งเมื่อรวมกับตัวประหลาด ("สัตว์ประหลาด") ที่รวบรวมโดยประชากรตามคำสั่งของ Peter I ทำหน้าที่เป็นพื้นฐานสำหรับการสร้างพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งแรกในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก - “Kunstkammer of Natural Things” (พิพิธภัณฑ์สิ่งที่หายากทางธรรมชาติ) ยาเหล่านี้บางชนิดยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ในปี ค.ศ. 1725 ก สถาบันการศึกษารัสเซียวิทยาศาสตร์ซึ่งกายวิภาคได้รับรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนา
นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียผู้เก่งกาจและผู้ก่อตั้งวิทยาศาสตร์ธรรมชาติในรัสเซีย M.V. Lomonosov ทำงานที่ Academy of Sciences ซึ่งเป็นนักวัตถุนิยมเรียกร้องให้มีการศึกษากายวิภาคศาสตร์ผ่านการสังเกตและด้วยเหตุนี้จึงระบุโอกาสที่ถูกต้องสำหรับการพัฒนา นอกจากนี้เขายังชื่นชมความสำคัญของกล้องจุลทรรศน์ในการศึกษาโครงสร้างที่มองไม่เห็นด้วยตา โลกทัศน์เชิงวัตถุทั่วไปของ M.V. Lomonosov เป็นพื้นฐานทางปรัชญาของแนวคิดเรื่องเส้นประสาท - การใช้ยาเกินขนาดและแนวโน้มที่ก้าวหน้าของการแพทย์ในประเทศ
นักเรียนและลูกศิษย์ของ M.V. Lomonosov, A.P. Protasov เป็นนักกายวิภาคศาสตร์ชาวรัสเซียคนแรก
การพัฒนากายวิภาคศาสตร์ยังได้รับการอำนวยความสะดวกโดยผู้ติดตามคนอื่น ๆ ของ M. V. Lomonosov: K. I. Shchepi ซึ่งเป็นคนแรกที่สอนกายวิภาคศาสตร์ในภาษารัสเซีย, M. I. Shein ผู้เขียนแผนที่กายวิภาครัสเซียคนแรก "หลักสูตร" และ N. M. Maksimovich - Ambodik ผู้สร้าง พจนานุกรมคำศัพท์ทางกายวิภาคภาษารัสเซียเล่มแรกที่เรียกว่า "พจนานุกรมทางกายวิภาคและสรีรวิทยาในภาษารัสเซีย ละติน และฝรั่งเศส"
ในศตวรรษที่ 18 เริ่มวางรากฐานของกายวิภาคศาสตร์ด้วยกล้องจุลทรรศน์ซึ่งในรัสเซียมีความเกี่ยวข้องกับชื่อของ A. M. Shumlyansky A. M. Shumlyansky เข้าใจระบบไหลเวียนโลหิตอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมชื่อของเขาจึงควรทัดเทียมกับ Harvey และ Malpighi
นักปฏิวัติ นักวิทยาศาสตร์ นักเขียน และนักปรัชญาที่โดดเด่นแห่งศตวรรษที่ 18 A. N. Radishchev แสดงความคิดเห็นเชิงวัตถุเกี่ยวกับโครงสร้างและการพัฒนาของร่างกายมนุษย์ซึ่งเหนือกว่ามุมมองของนักปรัชญาที่ก้าวหน้าที่สุดในยุคของเขานั่นคือนักวัตถุนิยมชาวฝรั่งเศส เขาต่อสู้กับตำนานในพระคัมภีร์เรื่องการสร้างมนุษย์โดยพระเจ้าและทฤษฎีการเหยียดเชื้อชาติ เกือบ 100 ปีก่อนดาร์วิน เขาเขียนว่ามนุษย์มาจากลิงและแตกต่างจากลิงในด้านคำพูดและ ในทางสาธารณะชีวิต.
กิจกรรมของ A. N. Radishchev ได้รับการชื่นชมอย่างสูงจาก V. I. Lenin ในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 18 และ 19 ในปี พ.ศ. 2341 สถาบันการแพทย์และศัลยกรรมแห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้ก่อตั้งขึ้น
แผนกกายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาแบบครบวงจรที่สร้างขึ้นที่สถาบันการศึกษานำโดย P. A. Zagorsky ผู้เขียนตำรากายวิภาคศาสตร์เล่มแรกในภาษารัสเซีย: "กายวิภาคศาสตร์แบบย่อหรือคำแนะนำเกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของร่างกายมนุษย์เพื่อประโยชน์ของนักศึกษาวิทยาศาสตร์การแพทย์" (1802) และก่อตั้งโรงเรียนกายวิภาคศาสตร์แห่งแรกของรัสเซีย มันถูกจารึกไว้เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา เหรียญทองและมีการก่อตั้งรางวัล P. A. Zagorsky Prize
นักเรียนดีเด่นของ P. A. Zagorsky และผู้สืบทอดในแผนกนี้คือ I. V. Buyalsky ในคู่มือ “Brief General Anatomy of the Human Body” เขาเป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ วิทยาศาสตร์แห่งชาติระบุไว้ กฎหมายทั่วไปโครงสร้างของร่างกายมนุษย์และเป็นผู้บุกเบิกหลักคำสอนเรื่องความแปรปรวนของแต่ละบุคคล ต่อมาได้รับการพัฒนาโดยนักกายวิภาคศาสตร์ชาวโซเวียต V. N. Shevkunenko ในงานของเขา “Anatomical and Surgical Tables” เขาเชื่อมโยงกายวิภาคศาสตร์กับการผ่าตัด งานนี้นำกายวิภาคศาสตร์ของชาติมา ชื่อเสียงระดับโลก.
เนื่องจากความต้องการการผ่าตัด การผ่าตัด หรือภูมิประเทศที่เพิ่มขึ้น กายวิภาคศาสตร์จึงถูกสร้างขึ้นในฐานะวิทยาศาสตร์อิสระ ซึ่งเป็นผลมาจากการเกิดขึ้นของ I.V. Buyalsky และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง N.I. ต้องขอบคุณงานของ N. I. Pirogov การแพทย์โดยทั่วไปและกายวิภาคศาสตร์ได้ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการพัฒนา
N.I. Pirogov เป็นผู้สร้างกายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศ บทความของ N. I. Pirogov เรื่อง "กายวิภาคศาสตร์การผ่าตัดของหลอดเลือดและพังผืด" สร้างชื่อเสียงไปทั่วโลก เขาแนะนำวิธีการวิจัยใหม่เกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ - การตัดศพแช่แข็งอย่างต่อเนื่อง ("กายวิภาคศาสตร์น้ำแข็ง") - และบนพื้นฐานของวิธีนี้เขาเขียน "หลักสูตรกายวิภาคศาสตร์ประยุกต์ที่สมบูรณ์" และแผนที่ "กายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศจากการตัดผ่านศพแช่แข็ง" ” นี่เป็นคู่มือเล่มแรกเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศ
กิจกรรมทั้งหมดของ N. I. Pirogov ถือเป็นยุคของการพัฒนาการแพทย์และกายวิภาคศาสตร์ หลังจากการตายของ N. I. Pirogov ร่างของเขาถูกดองโดย Vyvodtsev และ 60 ปีต่อมาก็ถูกดองอีกครั้งโดยนักกายวิภาคศาสตร์โซเวียตและติดตั้งในพิพิธภัณฑ์ที่ดินของ N. I. Pirogov ใกล้ Vinnitsa
แนวคิดเรื่องเส้นประสาทนำไปใช้กับกายวิภาคศาสตร์ ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 กระแสการแพทย์พื้นบ้านขั้นสูงที่เรียกว่าโรคประสาทได้เป็นรูปเป็นร่างในที่สุด
โรคประสาทคือแนวคิดเกี่ยวกับความสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตความเป็นเอกภาพกับสิ่งแวดล้อม ในเวลาเดียวกัน การรวมร่างกายเป็นหนึ่งเดียวและการเชื่อมต่อกับโลกภายนอกนั้นดำเนินการด้วยความช่วยเหลือของระบบประสาท (โดยเฉพาะแผนกที่สูงกว่า - สมอง) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในร่างกายและ รับผิดชอบกระบวนการทั้งหมด
โรคประสาทกล่าวว่า I.P. Pavlov เป็น "แนวโน้มทางสรีรวิทยาที่พยายามขยายอิทธิพลของระบบประสาทให้เป็นไปได้ มากกว่ากิจกรรมของร่างกาย
แนวคิดเรื่องเส้นประสาทเกิดขึ้นในประเทศของเราในศตวรรษที่ 18 และกลายเป็นถนนสายหลักในการพัฒนายาแผนโบราณ พื้นฐานทางปรัชญาความคิดนี้ก่อให้เกิดโลกทัศน์เชิงวัตถุของ M.V. Lomonosov: ทฤษฎีอะตอมมิกส์ของเขาเกี่ยวกับโครงสร้างของสสาร ต่อจากนั้น N.I. Pirogov ถือว่าร่างกายเป็นองค์เดียวซึ่งควบคุมโดยระบบประสาท เขาถือว่ากลไกหลักของกระบวนการชีวิตเป็นแบบสะท้อนซึ่งเขาแยกแยะสมาชิกสามคนได้ มุมมองของ N. I. Pirogov คือการเชื่อมโยงที่เชื่อมโยงลัทธิประสาทก่อน Sechenov กับเส้นประสาทของ I. M. Sechenov และ I. P. Pavlov
การพัฒนาแนวคิดเรื่องเส้นประสาทในช่วงกลางศตวรรษที่ผ่านมาได้รับอิทธิพลอย่างมากจากแนวคิดดังกล่าว พรรคเดโมแครตปฏิวัติ A. I. Herzen, V. G. Belinsky, N. G. Chernyshevsky, N. A. Dobrolyubov, D. I. Pisarev ในเวลานี้ ปัญหาร้อนการต่อสู้ทางอุดมการณ์เป็นคำถามที่ว่าสมองเป็นสารตั้งต้นของกิจกรรมทางจิตประสาทหรือไม่ พรรคเดโมแครตที่ปฏิวัติตอบคำถามนี้ในเชิงบวก พวกเขามองร่างกายโดยรวมและเชื่อมโยงกับสิ่งแวดล้อมอย่างแยกไม่ออก ในมุมมองของพวกเขา วิญญาณและร่างกายเป็นหนึ่งเดียวกัน และวิญญาณเป็นหน้าที่ของอวัยวะในร่างกาย - สมอง อย่างหลังก็คือ ส่วนที่สำคัญที่สุดร่างกายซึ่งควบคุมกระบวนการทั้งหมดของมัน
ภายใต้อิทธิพลของพรรคเดโมแครตที่ปฏิวัติมุมมองของนักสรีรวิทยา I.M. Sechenov ถูกสร้างขึ้น ในงานสร้างยุคสมัยของเขาเรื่อง “Reflexes of the Brain” เขาแสดงให้เห็นสิ่งนี้ได้มากที่สุด รูปร่างที่ซับซ้อนกิจกรรมทางประสาทโดยวิธีการกำเนิดคือปฏิกิริยาตอบสนอง
ในบรรดานักกายวิภาคศาสตร์ V. A. Betz มีบทบาทพิเศษในการพัฒนาแนวคิดเรื่องเส้นประสาทซึ่งค้นพบเซลล์เสี้ยมขนาดยักษ์ (เซลล์ Betz) ในชั้นที่ 5 ของเปลือกสมองและค้นพบความแตกต่างใน องค์ประกอบของเซลล์ส่วนต่างๆ ของเปลือกสมอง จากนี้เขาได้แนะนำหลักการใหม่ในการแบ่งเปลือกไม้ - หลักการ โครงสร้างเซลล์และวางรากฐานสำหรับหลักคำสอนเรื่องไซโต-สถาปัตยกรรมของเปลือกสมอง
นักกายวิภาคศาสตร์อีกคนหนึ่งที่ทำผลงานมากมายในสาขากายวิภาคของสมองคือศาสตราจารย์ D. N. Zernov จากมหาวิทยาลัยมอสโก ซึ่งให้การจำแนกประเภทของรอยนูนและการบิดของสมองได้ดีที่สุด แสดงให้เห็นว่าโครงสร้างของสมองไม่มีความแตกต่างกัน ชนชาติต่างๆรวมทั้งการ “ถอยหลัง” เขาได้สร้างพื้นฐานทางกายวิภาคสำหรับการต่อสู้กับการเหยียดเชื้อชาติ
การสนับสนุนที่สำคัญต่อกายวิภาคของสมองและไขสันหลังนั้นเกิดขึ้นโดยนักประสาทวิทยาและจิตแพทย์ที่โดดเด่น V. M. Bekhterev ซึ่งขยายหลักคำสอนเกี่ยวกับการแปลฟังก์ชั่นเฉพาะที่ในเปลือกสมองให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ทฤษฎีการสะท้อนกลับและสร้างพื้นฐานทางกายวิภาคและสรีรวิทยาสำหรับการวินิจฉัยและคลินิกโรคทางประสาท V. M. Bekhterev ค้นพบศูนย์สมองและผู้ควบคุมวงจำนวนหนึ่งที่ได้รับชื่อของเขา และเขียนผลงานสำคัญเรื่อง "Conducting Pathways of the Brain and Spinal Cord"
แนวคิดเรื่องเส้นประสาทได้รับความสำเร็จครั้งสุดท้ายในผลงานของ I.P. Pavlov ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทนำของระบบประสาทและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเปลือกสมองในการรวมร่างกายและความสามัคคีกับสิ่งแวดล้อม
ในขณะเดียวกัน I. P. Pavlov ซึ่งเป็นนักสรีรวิทยาก็ได้มอบสิ่งใหม่และมีคุณค่ามากมายให้กับกายวิภาคศาสตร์ โดยเฉพาะระบบประสาท เขาเปลี่ยนความคิดอย่างรุนแรง ถังคิดและ เปลือกสมองแสดงให้เห็นว่าเปลือกสมองทั้งหมด รวมถึงโซนมอเตอร์ เป็นตัวแทนของกลุ่มศูนย์รับรู้ เขาเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้นอย่างมากเกี่ยวกับการแปลฟังก์ชันในเปลือกสมอง แนะนำแนวคิดของเครื่องวิเคราะห์ และสร้างหลักคำสอนของระบบส่งสัญญาณเยื่อหุ้มสมองสองระบบ
คำสอนของ I.P. Pavlov โดยรวมถือเป็นพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ธรรมชาติของทฤษฎีการสะท้อนของเลนิน ซึ่งเป็นปรัชญาของวัตถุนิยมวิภาษวิธี
ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ศูนย์กลางของขบวนการปฏิวัติชนชั้นกรรมาชีพได้ย้ายไปอยู่ที่รัสเซีย ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางของความก้าวหน้า ความคิดทางวิทยาศาสตร์- ลัทธิเลนินเกิดขึ้น - ความสำเร็จสูงสุดของวัฒนธรรมโลก มาถึงตอนนี้ในด้านการแพทย์ I.M. Sechenov, S.P. Botkin และ I.P. Pavlov ได้สร้างพื้นฐานทางวัตถุที่มั่นคงสำหรับมัน - ลัทธิประสาท
ในด้านชีววิทยา K. A. Timiryazev และ I. V. Michurin พัฒนาลัทธิดาร์วินโดยเปลี่ยนจากวิทยาศาสตร์ที่อธิบายสิ่งมีชีวิตเท่านั้นให้เป็นวิทยาศาสตร์ที่สร้างพวกมันขึ้นมาใหม่ ภายใต้อิทธิพลของพัฒนาการของการสอนเชิงวิวัฒนาการนี้ กายวิภาคศาสตร์เชิงพรรณนาแบบเก่าซึ่งเกี่ยวข้องเฉพาะกับคำอธิบายของโครงสร้างส่วนบุคคลเท่านั้น โดยไม่เชื่อมโยงสิ่งเหล่านั้นเข้ากับการพัฒนาและการทำงาน และถูกจำกัดอยู่เพียงทัศนคติแบบไตร่ตรองและไม่โต้ตอบต่อธรรมชาติและมนุษย์ เริ่มมีประสบการณ์ วิกฤติ. การโจมตีอย่างรุนแรงครั้งแรกเกิดขึ้นกับเธอโดย P. F. Lesgaft นักกายวิภาคศาสตร์ที่สำคัญที่สุดของรัสเซียก่อนการปฏิวัติหลังจาก N. I. Pirogov
จากแนวคิดเรื่องความสามัคคีของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมและตระหนักถึงการสืบทอดลักษณะที่ได้มาเขาได้เสนอตำแหน่งความเป็นไปได้ของอิทธิพลที่กำหนดเป้าหมายต่อร่างกายมนุษย์ผ่านการพลศึกษาและกายวิภาคศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับการฝึกปฏิบัติของวัฒนธรรมทางกายภาพ และกีฬา แทนที่จะใช้ทัศนคติเชิงไตร่ตรองต่อร่างกายมนุษย์ กายวิภาคศาสตร์ในมือของ P. F. Lesgaft กลับกลายเป็นลักษณะนิสัยที่มีประสิทธิภาพ
การทดลองที่ใช้กันอย่างแพร่หลายของ P. F. Lesgaft และยังเรียกร้องให้มีการศึกษากายวิภาคศาสตร์ของบุคคลที่มีชีวิต และเป็นหนึ่งในการทดลองแรกๆ ที่ใช้รังสีเอกซ์ในกายวิภาคศาสตร์
ผลงานทั้งหมดของ P. F. Lesgaft ตามปรัชญาวัตถุนิยมเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องความสามัคคีของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมความสามัคคีของรูปแบบและการทำงานได้วางรากฐานสำหรับทิศทางใหม่ในกายวิภาคศาสตร์ - การทำงาน สำหรับแนวคิดที่ก้าวหน้าของเขา P. F. Lesgaft ถูกโจมตีโดยฝ่ายปฏิกิริยาและการประหัตประหารโดยรัฐบาลซาร์ตลอดชีวิตของเขา
ทิศทางการทำงานของกายวิภาคศาสตร์ที่สร้างขึ้นโดย P. F. Lesgaft ยังคงได้รับการพัฒนาโดยนักศึกษาและผู้ติดตามของเขาโดยเฉพาะในสมัยโซเวียต
ดังนั้นในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ในช่วงการปฏิวัติสังคมนิยมครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม ระดับชีววิทยาและการแพทย์ในรัสเซียจึงค่อนข้างสูง แนวโน้มขั้นสูงหลายประการเกิดขึ้นในกายวิภาคศาสตร์: 1) การทำงาน; 2) ใช้; 3) วิวัฒนาการ; 4) ความคิดเรื่องเส้นประสาท
ในบรรดานักกายวิภาคศาสตร์โซเวียตที่โดดเด่นที่สุดมีดังต่อไปนี้
V. P. Vorobyov นักวิชาการศาสตราจารย์วิชากายวิภาคศาสตร์ที่ Kharkov University สถาบันการแพทย์ถือว่าร่างกายมนุษย์เกี่ยวข้องกับมัน สภาพแวดล้อมทางสังคม- เขาใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อพัฒนาเทคนิคสเตอริโอสัณฐานวิทยาเพื่อศึกษาโครงสร้างของอวัยวะต่างๆ และวางรากฐานสำหรับกายวิภาคศาสตร์มหภาคด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยเฉพาะระบบประสาทส่วนปลาย V.P. Vorobyov เขียนหนังสือเรียนเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์หลายเล่มและตีพิมพ์แผนที่โซเวียตเล่มแรกใน 5 เล่ม เขาพัฒนา (ร่วมกับ B.I. Zbarsky) วิธีการเก็บรักษาแบบพิเศษด้วยความช่วยเหลือซึ่งร่างกายของ V.I. เลนินได้รับการดองและเก็บรักษาไว้หลายชั่วอายุคน นี่เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ V.P. Vorobyov ที่มีต่อชาวโซเวียตและคนทำงานของทุกประเทศ V.P. Vorobyov ก่อตั้งโรงเรียนของนักกายวิภาคศาสตร์โซเวียตซึ่ง R.D. Sinelnikov กลายเป็นผู้สืบทอดของเขาในแผนกนี้และประสบความสำเร็จในการพัฒนางานของอาจารย์ของเขาในสาขาการดองศพและกายวิภาคศาสตร์มหภาค เขายังตีพิมพ์แผนที่ทางกายวิภาคที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
V. N. Tonkov นักวิชาการของ Academy วิทยาศาสตร์การแพทย์ศาสตราจารย์ที่ Military Medical Academy ใช้การทดลองในสัตว์ที่มีชีวิตเพื่อศึกษาระบบหลอดเลือดและเป็นผู้สร้างกายวิภาคศาสตร์ทดลอง เขาได้พัฒนาหลักคำสอนเรื่องการหมุนเวียนหลักประกันร่วมกับนักเรียนของเขา
V. N. Tonkov เขียนตำราเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์ซึ่งผ่าน 6 ฉบับและสร้างโรงเรียนนักกายวิภาคศาสตร์โซเวียตจำนวนมากซึ่งตัวแทนที่โดดเด่นและผู้สืบทอดของ V. N. Tonkov ในแผนกคือ B. A. Dolgo-Saburov ซึ่งประสบความสำเร็จในการพัฒนางานของอาจารย์ของเขาด้วยกัน กับพนักงานของเขา หลังจากการค้นพบรังสีเอกซ์ V. N. Tonkov เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรก ๆ ที่ใช้มันเพื่อศึกษาโครงกระดูกและสรุปเส้นทางที่นักกายวิภาคศาสตร์ A. S. Zolotukhin จากนั้น M. G. Prives และเพื่อนร่วมงานของเขาตลอดจนนักรังสีวิทยาได้พัฒนาพื้นที่ใหม่ของ กายวิภาคศาสตร์ที่เรียกว่า X-ray anatomy
V. N. Shevkunenko นักวิชาการของ Academy of Medical Sciences ศาสตราจารย์วิชากายวิภาคศาสตร์ภูมิประเทศที่ Military Medical Academy ได้พัฒนาทิศทางประยุกต์ในกายวิภาคศาสตร์ที่สร้างโดย N. I. Pirogov เขาได้พัฒนาหลักคำสอนเกี่ยวกับรูปแบบสุดโต่งของความแปรปรวนส่วนบุคคลร่วมกับนักเรียนของเขา ความแตกต่างของโครงสร้างของระบบประสาทและหลอดเลือดดำที่เขาศึกษาโดยละเอียดถูกนำเสนอใน "แผนที่ของระบบประสาทและหลอดเลือดดำส่วนปลาย" ขนาดใหญ่ซึ่ง V. N. Shevkunenko และนักเรียนและผู้สืบทอดของเขาในแผนก A. N. Maksimenkov ได้รับรางวัล State Prize .
G. M. Iosifov ศาสตราจารย์ด้านกายวิภาคศาสตร์ที่ Tomsk และสถาบันการแพทย์ Voronezh ได้ขยายความรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์อย่างมีนัยสำคัญ ระบบน้ำเหลือง- เอกสารของเขาเรื่อง "Anatomy of the Lymphatic System" ทำให้ G. M. Iosifov มีชื่อเสียงไปทั่วโลกและแสดงให้เห็น ระดับสูงกายวิภาคศาสตร์ของสหภาพโซเวียต G. M. Iosifov ก่อตั้งโรงเรียนนักกายวิภาคศาสตร์ขึ้นโดย D. A. Zhdanov นักวิชาการและศาสตราจารย์ของสถาบันการแพทย์แห่งมอสโกที่ 1 เป็นตัวแทนที่โดดเด่น
D. A. Zhdanov จากผลงานของเขาเองและเพื่อนร่วมงานของเขาได้ตีพิมพ์เอกสารสำคัญหลายฉบับเกี่ยวกับ กายวิภาคศาสตร์การทำงานระบบน้ำเหลือง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “กายวิภาคศาสตร์การผ่าตัดท่อทรวงอก” ได้รับรางวัลระดับรัฐ ทิศทางนี้ได้รับการพัฒนาในภายหลังโดยนักเรียนของเขา
V. N. Ternovsky นักวิชาการของ Academy of Medical Sciences และ International Academy of the History of Medicine นอกเหนือจากผลงานของเขาเกี่ยวกับกายวิภาคของระบบประสาทแล้ว ยังมีชื่อเสียงจากผลงานของเขาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์กายวิภาคศาสตร์และการแปลเป็นภาษารัสเซียของ ผลงานของเวซาลิอุสและอิบนุซีนา เนื่องจากการแปล Vesalius ที่ทำโดย E. Slavinetsky ในศตวรรษที่ 17 ยังไม่รอดการแปลโดย V. N. Ternovsky จึงควรถือเป็นการแปลเพียงฉบับเดียว นักเรียนของ V. N. Tepnovsky โดยเฉพาะ V. N. Murat รวมถึง A. G. Korotkoe และคนอื่น ๆ ทำให้กายวิภาคของระบบประสาทอัตโนมัติลึกซึ้งยิ่งขึ้น
N.K. Lysenkov ศาสตราจารย์ มหาวิทยาลัยโอเดสซาศึกษาสาขาวิชากายวิภาคหลักทั้งหมดที่ศึกษาโครงสร้างปกติของบุคคล: กายวิภาคศาสตร์ปกติ ภูมิประเทศ และพลาสติก ซึ่งเขาเขียนคู่มือ รวมถึง "กายวิภาคของมนุษย์ปกติ" Ya. B. Zeldovich ศาสตราจารย์ของสถาบันการแพทย์แห่งที่ 2 เป็นหนึ่งในคนกลุ่มแรกๆ ที่ใช้รังสีเอกซ์ในกายวิภาคศาสตร์และก่อให้เกิดกาแล็กซีของนักกายวิภาคศาสตร์ ตัวแทนดีเด่นของโรงเรียนนี้ S. N. Kasatkin ศาสตราจารย์แห่งสถาบันการแพทย์โวลโกกราด นักวิทยาศาสตร์ผู้มีเกียรติร่วมกับผู้ร่วมมือของเขาได้พัฒนากายวิภาคของอวัยวะย่อยอาหารและหลอดเลือด
จำเป็นต้องพูดถึงนักกายวิภาคศาสตร์โซเวียตจำนวนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน: ในสาขากายวิภาคศาสตร์ของอุปกรณ์การเคลื่อนไหว, อวัยวะระบบทางเดินหายใจ, อวัยวะสืบพันธุ์, ระบบไหลเวียนโลหิต, ระบบน้ำเหลือง, ระบบประสาท, อวัยวะรับความรู้สึก
S.I. Lebedkin และนักเรียนของเขามีส่วนร่วมในการศึกษาเรื่องคัพภวิทยา ตัวแทนหลักของโรงเรียนนี้ D. M. Golub ศาสตราจารย์ที่ Minsk Medical Institute นักวิชาการของ Belarusian Academy of Sciences และผู้ร่วมงานของเขาได้ทำการวิจัยอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับกายวิภาคศาสตร์และคัพภวิทยาของระบบประสาทอัตโนมัติและการฟื้นฟูอวัยวะ เขาตีพิมพ์แผนที่พิเศษเกี่ยวกับการพัฒนาระบบประสาท A. G. Knorre, P. G. Svetlov และ A. P. Dyban มีส่วนสนับสนุนความสำเร็จในด้านคัพภวิทยาเช่นกัน